|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
ถาม : หนังสือธรรมะเอาไปชั่งกิโลขายได้หรือเปล่าคะ ?
ตอบ : เป็นการกระทำที่ไม่สมควรจ้ะ ให้บริจาคห้องสมุด หรือถวายวัดไป หรือไม่ก็เก็บเอาไว้เอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-08-2014 เมื่อ 14:54 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
ถาม : มีน้องคนหนึ่งเป็นตุ๊ด เขาอยากจะบวชเพื่อตอบแทนคุณพ่อแม่ เขาควรจะวางกำลังใจอย่างไรดี ?
ตอบ : ตั้งใจว่าเราบวชเป็นพระอรหันต์ให้ได้ ก็ตั้งใจตอบแทนคุณพ่อแม่นี่ ถาม : ระหว่างบวชควรวางตัวอย่างไรครับ ? ตอบ : รักษาศีล ๒๒๗ ข้อตามปกติ แล้วเก็บอาการให้ได้ ถ้าเก็บอาการไม่ได้ พระอุปัชฌาย์โดนปรับด้วย บอกเขาแล้วกันว่าเก็บอาการให้อยู่ แต่ถ้าใครเอาจิ้งจกโยนใส่ก็เฮงเลย ฝรั่งเขามีหนังสือเล่มหนึ่ง ถ้าแปลเป็นไทยก็ "เมื่อตุ๊ดครองโลก" ต่อไปผู้ชายแท้ ๆ จะเป็นของหายาก ไปดูได้ในสวนสัตว์ ต้องเก็บไว้ให้เขาดู อย่าลืมว่าตั้งแต่สมัยกรีก สมัยโรมัน มีแต่ครึ่งคนครึ่งสัตว์ตลอด ไปดูของอียิปต์ เทพเจ้ามีหัวเป็นเหยี่ยว เป็นแมว เป็นสุนัข สงสัยว่าลงไปข้างล่างแล้วเห็นพวกหน้าม้าหัววัวของจีนมาเยอะ เลยเอามาเป็นเทพเจ้าของตัวเอง แล้วครึ่งหญิงครึ่งชายจะไปแปลกอะไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-08-2014 เมื่อ 14:57 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
ถาม : มีดหมอด้ามงาครับ ?
ตอบ : ไม่ใช่งาแท้ นี่เป็นงาเทียม รู้ไหมว่าเขาทำกันอย่างไร ? เวลาเขาทำทองหยิบทองหยอดก็จะเคาะไข่ใส่กะละมังพัน ๆ ฟอง เสร็จแล้วก็ตักเอาแต่ไข่แดง ไข่ขาวที่เหลือนี่แหละที่เขาเอามาทำงาช้าง เอาไข่ขาวใส่ในกระบอกไม้ไผ่ ต้มให้สุก แล้วแช่น้ำให้เย็น จากนั้นต้มใหม่อีก ทำแบบนี้ ๗ ครั้ง พอปล่อยให้เย็นครั้งสุดท้าย เนื้อจะแข็งเหมือนงาเลย แต่ไม่มีลายงาแบบงาแท้ ตำรานี้มาจากในคุก พวกนักโทษเขาทำลูกเต๋างาช้างไว้เล่นกัน หางาช้างไม่ได้เลยใช้ไข่เป็ดแทน ไข่เป็ดฟองหนึ่งทำลูกเต๋างาช้างได้ลูกเดียว เพราะว่าจะตัดได้แค่ตรงด้านแหลม ช่วงนั้นไข่ขาวจะหนาหน่อย ถึงเวลาเขาก็หั่นออกมา ต้องรีบตัดตอนที่ยังร้อนอยู่ ถ้าเย็นแล้วแข็งเป็นหินเลย เสร็จแล้วก็เอามาขัด เจาะรู เอามาทดลองกันว่าตายหน้าไหนหรือเปล่า ? ถ้าตายต้องทิ้งไปเลย ต้องหาใหม่ กว่านักโทษจะทำลูกเต๋าได้ลูกหนึ่ง หมดไข่ไปเป็นถาด แล้วมาตอนหลังเขาก็ใช้วิธีนี้ทำงาช้างปลอม ไข่ขาวใส่กระบอกไม้ไผ่ต้ม ๗ น้ำ รูปร่างก็ยาวเหมือนกับงาช้าง ใช้งานได้ ถ้าดูงาช้างเป็นจะเห็นว่ามีลายอยู่ในงา ต้องดูลายงาออก แต่มีดหมอเล่มนี้ดูแล้วไม่มีลาย มีแต่ลายไข่ขาว เดี๋ยวนี้งาช้างเป็นของผิดกฎหมายแล้ว หลายต่อหลายประเทศ ถ้าเขาพบว่าเราใส่เครื่องประดับที่ทำจากงาช้างนี่เอาติดคุกเลย พวกนักโทษในคุกเขามีฝีมือ แล้วก็ทำอะไรแปลก ๆ ขนาดไม่มีอะไรจะทำ อยากเล่นการพนันกัน หาไข่หาอะไรไม่ได้ ก็ใช้ด้ามแปรงสีฟันมาทำลูกเต๋า มีมานะจริง ๆ ค่อย ๆ ฝน ๆ แล้วก็พวกฝนตูดขวดเอาไปฝังมุก พวกนั้นมีความพยายามมากเลย ตูดขวดถ้าเราทุบออกมาก็มีคมบ้าง ใหญ่บ้าง เล็กบ้าง เขาไปฝนจนเท่า ๆ กัน มานะจริง ๆ ต้องบอกว่าเป็นพัฒนาการของนักโทษ หลายต่อหลายอย่างได้มาจากในคุก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2014 เมื่อ 15:18 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "อาตมากำลังรอให้เขาขายที่ให้ ที่ตรงนั้นจะสร้างหอจ่ายน้ำประปา ไปกล่อมเจ้าของบ้านสำเร็จแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเขาจะเอาแพงเท่าไร ครูณรงค์เขาขายห้องหนึ่ง (กว้าง ๔ เมตร ยาว ๒๐ เมตร) หนึ่งล้านบาท ที่จะซื้อมุมนั้นเพราะว่ามุมนั้นเป็นมุมมหาเศรษฐี เหมาะที่จะเอาไว้ตั้งกุฏิเจ้าอาวาส แต่อาตมาทำบ่อพักน้ำและหอจ่ายน้ำประปา ส่วนกุฏิเจ้าอาวาสจะทำริมแม่น้ำ ถึงเวลายังมีอะไรให้เล่นได้อีกเยอะ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2014 เมื่อ 15:21 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
ถาม : ตอนนั่งสมาธิบางครั้งได้กลิ่นเหม็น ๆ ค่ะ ?
ตอบ : ให้ตั้งใจอุทิศส่วนกุศลไปเลย ว่าใครก็ตามที่เป็นเจ้าของกลิ่นนั้น ขอให้โมทนาส่วนกุศลที่เราทำไว้ในครั้งนี้ด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2014 เมื่อ 17:27 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "การก่อสร้างศาลา ๑๐๐ ปีหลวงปู่สาย ตอนนี้กำลังขึ้นชั้นที่ ๒ เมื่อวันก่อนช่างขอเบิกค่าแรงไป ๕ ล้านกว่าบาท สรุปแล้วเพิ่งขึ้นชั้นที่ ๒ หมดไป ๒๙ ล้านเศษ เกือบ ๓๐ ล้านบาทแล้ว คุณสุรีย์ขอเบิกค่าแรงก่อสร้างโครงร่างชั้น ๑ กับชั้น ๒ อาตมาคิดบัญชีอุตลุด ทยอย ๆ เบิกไปแล้ว สรุปว่าจ่ายเพิ่มไป ๒ ล้าน ๘ แสนกว่าบาท ได้ยินว่าจะเอาไปมัดจำจั่วเรือนไทยบนดาดฟ้า อาตมาแจ้งให้คุณสุรีย์ทราบแล้วว่าภายในสงกรานต์ปีหน้าต้องเสร็จ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2014 เมื่อ 17:29 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ส่วนใหญ่ช่วงวันเกิดก่อนหนึ่งเดือนหรือหลังหนึ่งเดือน จะเหมือนกับเป็นช่วงรอยต่อของกรรม ถ้าเคยทำความดีไว้ สิ่งดี ๆ ก็จะเกิดขึ้น ถ้าทำไม่ดีไว้ สิ่งไม่ดีก็จะเกิดขึ้น ฉะนั้น..ให้เราคิดไว้เสมอว่าอาจจะไม่ดีก็ได้ ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำบุญใหญ่เอาไว้ก่อน ถวายสังฆทาน ปล่อยชีวิตสัตว์ อะไรก็ได้ เหมือนกรรมวนมาครบพอดี แล้วตรงช่วงนี้เป็นประตู อะไรดีหรือไม่ดีก็จะเข้ามา
ที่ผ่านมาอาตมาเพิ่งเอาปลาในสระที่วัดท่าขนุนไปปล่อยลงแม่น้ำ แต่ชาวบ้านเอาไปกินเยอะเหมือนกัน เรามีหน้าที่ปล่อย เขาบอกว่าเขามีหน้าที่จับ เลยต้องเตือนพระเตือนเณรว่าปล่อยเขาไป เขาอยากลงนรกให้เขาลงไป เราอย่าไปลงตาม ถ้าเราไปโกรธไปด่าเขา เดี๋ยวเราจะซวยเอง ปลาที่วัดอยู่จนแน่นไปทั้งบ่อ รุ่นใหม่ที่ผสมพันธุ์กัน ตัวเล็ก ๆ ก็เยอะแยะ ขืนโตขึ้นมาไม่มีที่ให้หายใจแน่ เลยตัดสินใจเอาไปปล่อยลงแม่น้ำ เดี๋ยวจะถมสระ ทำเป็นที่พักหรือที่นั่งเล่น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-08-2014 เมื่อ 17:32 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
ถาม : ไม้นวมก็เอาลูกไม่อยู่ค่ะ หนูต้องทำอย่างไร หรือต้องปล่อยวางเลย ?
ตอบ : ตีกระจายไปเลย..! ถาม : ตีแล้วเขาไม่หยุด เขาก็ไม่ฟัง ? ตอบ : ตีไปเรื่อย ๆ ไม่มีเด็กที่ไหนไม่กลัวเจ็บ แต่ตีให้มีเหตุผล คือบอกเขาก่อนว่าถ้าทำผิดแล้วจะตี ถึงเวลาเขาทำผิด แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าทำผิดแล้วจะโดนตี ? แล้วเราค่อยตี เขาจะรับได้ ถ้าอยู่ ๆ เราไปตีเฉย ๆ เด็กรับไม่ได้หรอก แล้วถ้ารับไม่ได้ เขาจะดื้อ มีเด็กอยู่คนหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ วัดท่าซุง เพิ่งจะ ๓ ขวบ พ่อตี เขาก็ร้องโวยวาย "พ่อตีหนูทำไม ๆ ?" พ่อก็คิดว่าเด็กโดนตีแล้วยังไม่ยอมรับอีก ก็ตีใหญ่ เด็กก็เลยดื้อ ความจริงเด็กเขาถามเหตุผลแต่พ่อไม่อธิบายให้เด็กฟัง บอกเขาว่าทำอย่างนี้ผิด ถ้าทำอีกแม่จะตี ครั้งแรกอย่าเพิ่งไปตี แล้วพอทำอีก ก็ "บอกแล้วใช่ไหม ?" เพราะฉะนั้น..มาเสียดี ๆ ป้าบ..! ถาม : ต้องเอาให้เจ็บใช่ไหมคะ ? ตอบ : เอาให้เจ็บเลย แม่จะได้เจ็บด้วย ส่วนใหญ่ตีลูกแล้วแม่เจ็บ โบราณเขาบอกว่า รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี ถ้าไม่ผูกไว้วัวจะหนีเตลิดเปิดเปิง ลูกถ้าไม่คอยดุคอยตีไว้ก็เสียเด็กหมด เอาแต่ใจตัวเอง การเลี้ยงลูกเป็นเพื่อนแบบตำราสมัยใหม่ใช้ไม่ได้หรอก เพราะเด็กที่มีจิตสำนึกดีแต่แรกมีแค่ไม่กี่คน แต่ถ้าตีนี่ใช้ได้กับทุกคน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2014 เมื่อ 16:13 |
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
ถาม : มีอยู่ครั้งหนึ่งหนูนั่งสมาธิแล้วได้ยินเสียงพูด ?
ตอบ : เรื่องของสมาธิถ้านั่งไประยะหนึ่ง จิตเริ่มละเอียด จะได้ยินเสียงหรือเห็นโน่นเห็นนี่ หรือได้กลิ่น เป็นเรื่องปกติ ไม่ต้องไปใส่ใจ เราภาวนาของเราไป ถาม : หนูฝึกนะมะพะธะ และจับรูปพระพุทธรูป เห็นแสงสว่างมาก ๆ พอหนูเพ่งกลับไปต่อไม่ได้ หลุดทุกทีเลยค่ะ ? ตอบ : ไม่ต้องเพ่งจ้ะ ให้ตั้งใจว่าแสงสว่างนั้นมาจากไหน เราขอไปที่นั่น แล้วกำหนดจิตย้อนทวนแสงขึ้นไปเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2014 เมื่อ 16:13 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ลำไยเป็นของแปลก ลำไยสดกินแล้วร้อนใน ลำไยแห้งต้มกินแก้ร้อนในได้ เป็นอะไรที่แปลกดีเหมือนกัน บ้านเรามีของไม่กี่อย่างที่กินแล้วร้อน มีลำไย มีทุเรียน องุ่นนี่พอได้ แต่องุ่นกินมาก ๆ ความดันขึ้น ส่วนทุเรียนอาตมาไม่ชอบมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
เดี๋ยวนี้ทุเรียนลูกหนึ่งราคาเป็นหมื่น ทางด้านนนทบุรี ออกจากสวนมาไม่มีต่ำกว่า ๕,๐๐๐ บาท ทางด้านอุตรดิตถ์ มีหลงลับแล จันทบุรีมีพวงมณี เดี๋ยวนี้หมอนทองไปไม่ค่อยรอดแล้ว คนปักษ์ใต้ต้องกินทุเรียนพื้นเมือง ทุเรียนพื้นเมืองต้นสูงลิบโลก จะกินได้ต้องสุกจนหล่น คนใต้เขากินแบบนั้น ถ้าเละไม่เป็น "ปลาร้า" ก็ไม่กิน ทุเรียนของภาคกลางของเราไปขาย ขายไม่ออกหรอก เขาบอกว่ายังไม่สุก ถ้าหากจะไปขายปักษ์ใต้ ต้องเอาทุเรียนปลาร้าไป เขาถึงชอบ คนใต้เป็นคนเด็ดขาด แม้กระทั่งอาหารต่าง ๆ ทั้งสี กลิ่น รส ไปด้วยกันหมด กินแกงปักษ์ใต้นี่เผ็ดกระโดดเลย มีอยู่เที่ยวหนึ่งไป เอามะมุดใส่ไว้ในกระโปรงท้ายรถ ๒ ลูก วิ่งมาครึ่งทางต้องเอาออก กลิ่นเข้ามาอยู่ในรถ ฉุนจนทนไม่ไหว ถ้าไปเจอลักษณะเหมือนลูกมะม่วง แต่เป็นลูกกลม ๆ ให้รู้ไว้เป็นมะมุด มะม่วงสุกของเราเมล็ดจะมีไคลคือขนอ่อน แต่ว่ามะมุดขนจะแข็งเป็นเสี้ยน ชนิดเอามาทำไม้จิ้มฟันได้ แล้วก็ไปเจอลูกยาง ไม่ใช่ยางพารานะ บางทีเขาเรียกแอปเปิลมาเลย์ สุกแล้วสีม่วงดำ ๆ บางที่เห็นมีเยอะ บางวัดเขาปลูกไว้เป็นไม้ประดับเยอะแยะไปหมด เขาไม่รู้ว่ากินได้..อร่อยด้วย ไปเจอที่วัดสวนดอก ถามเณรว่าใช่ไหม ? เณรบอกว่าใช่ อาตมาบอกว่ากินได้ เณรยังถามอีกว่ากินได้ด้วยหรือครับ ? เห็นตอนดิบ ๆ พอโดนแล้วยางไหลเยอะแยะ ดูแล้วไม่น่าจะกินได้ ความจริงสุกแล้วอร่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2014 เมื่อ 16:16 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "คสช.ตั้งสนช. ๒๐๐ คน มีจุฬาราชมนตรีด้วย แต่ทำไมไม่ตั้งพระไปบ้าง ? ศาสนาอื่นเขามีหมดแต่ศาสนาพุทธไม่มี เรียกร้องสิทธิดีไหม ? เห็นท่านจุฬาราชมนตรีทำหนังสือถึง คสช. ว่าไม่สมควร เป็นผู้นำศาสนาแล้วไปยุ่งกับการเมือง ท่านก็ทำถูกแล้วนะ แต่คนตั้งก็อยากได้ผู้นำของศาสนาอิสลาม
พระราชบัญญัติในการแต่งตั้ง สนช. เขามีกติกาเอาไว้ว่า ห้ามมีตำแหน่งทางการเมือง แต่คราวนี้รัฐธรรมนูญใหม่ที่ร่างมาใช้ชั่วคราวบอกว่า ห้ามมีตำแหน่งทางการเมือง ยกเว้นว่า คสช. จะเห็นสมควรจะแต่งตั้งให้ อ้าว..มีอย่างนี้อีก เลยกลายเป็นว่าแล้วแต่เขาเถอะ ของจุฬาราชมนตรีเขามีกำหนดไว้เลยว่า ต้องเป็นมุสลิม สัญชาติไทย มีอายุไม่น้อยกว่า ๔๐ ปี ต้องมีความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง ไม่เหมือนพระสังฆราชของเรา ของเราระบุว่าแต่งตั้งจากสมเด็จราชาคณะที่มีอาวุโสจากสมณศักดิ์ มีระบุอยู่แค่นี้เอง ของเขามีรายละเอียดเป็น ๑๐ ข้อเลย แล้วท้ายสุดคือไม่ให้ยุ่งกับการเมือง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2014 เมื่อ 16:18 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อนเขาไม่ได้อาราธนาเลยจะมีอานุภาพไหมครับ ?
ตอบ : ก็ต้องดูว่าเคยอาราธนาหรือเปล่า ? ถ้าเคยแล้วต่อให้ลืมก็ไม่เป็นไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-08-2014 เมื่อ 16:19 |
สมาชิก 198 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "เรื่องของสมเด็จองค์ปฐม ต้องบอกว่าเกิดจากหลวงพ่อวัดท่าซุงจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีใครกล่าวถึงมาก่อน หลังจากที่ท่านกล่าวถึง ตอนนี้ก็ระบาดไปทั่วประเทศและข้ามไปต่างประเทศแล้วด้วย โดยเฉพาะการสร้างรูปของท่าน ตอนนี้ไม่ว่าจะธรรมยุติหรือมหานิกาย พอถึงเวลาสร้างพระก็สร้างเป็นสมเด็จองค์ปฐม
คำว่าปฐม บาลีว่า ปะ-ถะ-มะ แปลว่า ที่หนึ่ง ไม่ได้แปลว่าหนึ่ง เพราะว่าหนึ่งคือเอกะ ที่หนึ่งคือปฐม ปัจจุบันก็มีคนใช้คำว่าสมเด็จองค์ปฐมต้น ก็เลยสงสัยว่ามีที่หนึ่งต้น ที่หนึ่งกลาง ที่หนึ่งปลายด้วยหรือ ? ระยะแรกหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านพูดถึงเรื่องสมเด็จองค์ปฐมโดยใช้ชื่อ “พระองค์ที่ ๑๑” แล้วก็เรียกพระองค์ที่ ๑๑ มาหลายปี ก็คือเริ่มตั้งแต่ปี ๒๕๒๘ ในระยะนั้น บางทีท่านก็ใช้คำว่าสมเด็จองค์ปฐมแทรกอยู่เป็นระยะไป จนกระทั่งมาสร้างรูปของพระองค์ท่านในช่วงปลายปี ๒๕๓๔ ก็ทำให้พระนามว่าสมเด็จองค์ปฐมปรากฏขึ้นและแพร่หลาย โดยเฉพาะช่วงที่หลวงพ่อนำเอาคำสอนของพระองค์ท่านมาเล่าในหนังสืออ่านเล่น"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 28-08-2014 เมื่อ 09:13 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เหรียญพุทธบารมีเนื้อทองคำเหรียญเดียว เจอไปหนึ่งล้านสี่แสนกว่าบาท โยมยังจะให้สร้างหลายเหรียญอีก แน่จริงไปจ่ายเงินเองสิ..! หนึ่งล้านสี่แสนนี่ไม่มีอะไรเลยนะ แค่ค่าทองอย่างเดียว ไม่ต้องไปคิดถึงค่าบล็อก ไม่ต้องไปคิดถึงค่าแรงช่าง
เหรียญพุทธบารมีนี่ต้องบอกว่าเป็นความรอบคอบของลูกกวาง พอได้ยินว่ามีพระพุทธเจ้า ๓๖ พระองค์ ลูกกวางก็ไปนั่งนับ นับไปนับมาได้ ๓๗ พระองค์ แล้วก็มีผู้ถามขึ้นมาว่า “ตกลงว่าองค์ไหนเกินมา ?” ปรากฏว่าเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย อยากจะรีบมาช่วยงานก็เลยเพิ่มมาองค์หนึ่ง สรุปว่าถ้า ๓๗ เป็นโพธิปักขิยธรรม มาเป็น ๓๘ ก็เป็นมงคล ๓๘ พอดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2014 เมื่อ 11:51 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "บาตรเก้านิ้วดี ๆ นี่ ปัจจุบันราคาสองพันถึงสามพันบาท บางรุ่นถ้าเป็นแบบหนาพิเศษแล้วรมดำด้วยวิธีอะโนไดต์ เป็นลักษณะแบบรมดำปืน จะตกที่ราคาห้าพันถึงหกพันบาท สมัยอาตมาต้องเอาบาตรไปเผาให้ดำ สมัยนี้เขารมดำกันแบบรมดำปืน ยังไม่รู้ว่าเวลาเจออาหารร้อน ๆ แล้วจะมีปฏิกิริยาอะไรที่เกิดโทษหรือเปล่า ? "
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2014 เมื่อ 11:50 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนสร้างสมเด็จองค์ปฐมวัดท่าซุง มีญาติโยมบริจาคทองคำ ๗๘ กิโลกรัมกว่า ที่บอกว่า “กว่า” เพราะไม่สามารถที่จะใส่พวกที่มีเพชรพลอยติดอยู่ด้วยลงไปได้ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านให้แยกออกมาบรรจุแทน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2014 เมื่อ 14:47 |
สมาชิก 166 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนการทำบาตรพระเขาทำกันอยู่เป็นแหล่ง จนกระทั่งทุกวันนี้ยังเรียกกันว่าบ้านบาตร เขาใช้เหล็กมาตีขึ้นรูป ส่วนใหญ่จะเป็น ๖ ชิ้นด้วยกัน แล้วก็มาเชื่อมต่อกันเป็นบาตรแล้วก็ขัดเรียบ ส่วนใหญ่ก็มักจะขัดแต่ผิวนอก ส่วนด้านในบาตรมักจะไม่ได้ขัดเรียบเพราะขัดยาก ก็จะเป็นตะเข็บอยู่ จนกระทั่งทุกวันนี้บ้านบาตรก็ยังมีชื่ออยู่ในเขตป้อมปราบฯ อยู่บริเวณวัดสระเกศนั่นแหละ
อย่างถนนตีทองก็มีแต่คนไปตีทอง ถ้าเคยเห็นคนตีทองก็จะรู้ว่าเหนื่อยขนาดไหน รับประกันได้ว่าคนตีทองไม่มีอ้วน เพราะต้องตีทั้งวัน ทองนิดเดียวต้องตีแผ่ให้เป็นแผ่นใหญ่เบ้อเริ่ม แล้วตัดออกมาเป็นทองคำเปลว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2014 เมื่อ 14:50 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
ถาม : ขอถวายวัตถุมงคลหลวงพ่อใจครับ
ตอบ : โบราณเขาเรียกตัวเหรา เหราเป็นสัตว์ตระกูลเดียวกับพญานาคหรือมังกร มีลำตัวสั้น พออะไรสั้น ๆ อาตมาจะไปนึกถึงพวกงูแมวเซา งูกะปะ พวกนี้จะสั้นประมาณศอกเดียว มีอยู่เที่ยวหนึ่งตอนที่อยู่เกาะพระฤๅษี เขาเกรดถนนใหม่เนื่องจากว่าชายถนนถล่ม ก็เลยเกรดให้ต่ำลงและเอาลูกรังที่เกรดลงไปถมที่ถล่มด้วย พอทำเสร็จอาตมากลับไปวัดวันนั้นพอดี เจองูแมวเซาตัวหนึ่งใหญ่เกือบเท่าแขน ลองนึกดูว่าตัวยาวประมาณแขน แล้วก็ใหญ่เท่าแขน จึงอ้วน ๆ ม่อต้อ กำลังหาบ้านตัวเองอยู่ บ้านหายเพราะโดนเขาเกรดทิ้งไป อาตมาเลยต้องลงไปไล่ต้อนให้ลงข้างทางก่อนที่จะโดนรถคันอื่นทับตาย งูแมวเซากับงูกะปะรูปร่างคล้าย ๆ กัน งูกะปะจะมีลายเป็นรูปสามเหลี่ยมชนกันอยู่ที่ช่วงหลัง ส่วนงูแมวเซาลายจะเป็นวงรีสีน้ำตาล โดนงูแมวเซากัดตายสบาย แต่โดนงูกะปะกัดตายทรมาน เพราะงูกะปะมีพิษทำลายเนื้อเยื่อ บวมทั้งตัว บางทีก็เลือดออกตามผิวหนัง แล้วก็ค่อย ๆ เน่าหลุดทีละชิ้น ๆ แต่งูแมวเซากัดจะหลับสบาย ๗ ชั่วโมงก็หมดลมไปเอง ตระกูลงูแมวเซาก็ยังมี งูง่วงกลางดงกับงูกล่อมนางนอน อาตมาโดนกัดเต็ม ๆ หลังเท้าเลย ช่วงนั้นน้ำท่วมที่เกาะพระฤๅษี ออกไปฉันเช้าที่หน่วยป่าไม้แล้วขากลับเดินเข้ามา ไม่ทันสังเกตว่างูหนีน้ำขึ้นมาบนสะพาน จึงเหยียบเข้าเต็มหลังเลย งูเลยแว้งกลับมางับเต็มหลังเท้าเหมือนกัน พอโดนกัดความเจ็บทำให้สะดุ้ง อาตมาก็สะบัดเท้า ปรากฏว่าทั้งงูทั้งรองเท้าบินเฉียดหัวพระครูน้อยไปนิดเดียว อาตมาก็ตามไปดู “อ๋อ..นี่เขาเรียกงูง่วงกลางดง” ล้างแผลเสร็จก็เลยไปนอน เพราะงูอุตส่าห์ช่วยวางยาให้แล้ว บรรดาพระเขาเห็นอาจารย์โดนงูกัดจนชิน เขาไม่ตื่นเต้นแล้ว เพราะรู้ว่ากัดอย่างไรก็ไม่ตาย แต่สงสารงูตัวนั้น ขนาดอาตมาไม่ได้ตั้งใจยังเหยียบเข้าไปเต็ม ๆ เลย ข้างหลังถลอกไปแถบหนึ่ง ด้วยความเจ็บเขาก็ตกใจหันมากัดเต็มหลังเท้า ด้วยการเอี้ยวกลับมากัด เพราะว่าไปเหยียบเต็มหลังเขาเลย ส่วนญาติโยมถ้าไม่มั่นใจในยันต์เกราะเพชร เวลาโดนงูกัดอย่าทำแบบอาตมา ไปหาหมอก่อน สมัยนี้แมงมุมกัดยังตายเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2014 เมื่อ 16:54 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
ญาติโยมจัดแจกันดอกไม้มาถวาย พระอาจารย์กล่าวว่า "ดอกที่เป็นช่อ ๆ นี่เขาเรียกว่า “ดอกเข้าพรรษา” ที่เขาเรียกดอกเข้าพรรษาเพราะว่าส่วนใหญ่จะบานหน้าฝนช่วงเข้าพรรษาพอดี ทางด้านวัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี มีการตักบาตรดอกไม้ ส่วนใหญ่ญาติโยมก็ใส่ด้วยดอกเข้าพรรษา บางคนเขาเรียกว่าดอกสุพรรณหงส์ เพราะเวลาบานจะมีเกสรยื่นขึ้นมาเหมือนหัวของหงส์ มีทั้งหงส์เงิน ดอกสีขาว หงส์ทองดอกสีเหลือง
ระยะหลังมีสายพันธุ์ของต่างประเทศเข้ามามีสารพัดสี มีกระทั่งสีชมพูด้วย ทางพม่าเรียกว่า “ดอกช่างทองร้องไห้” เพราะว่าช่างทองเลียนแบบไม่ได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-08-2014 เมื่อ 16:55 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
เก็บตกเดือนสิงหาคมปี ๕๗ หมดแล้วค่ะ ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|