|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#81
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับเด็กนักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ว่า "ถ้าหากว่าเรียนดีกีฬาเด่นก็ครบถ้วน ถ้าหากว่าดีด้านเดียวก็กลายเป็นว่าขาดไปส่วนหนึ่ง เพราะฉะนั้น..บอลจตุรมิตรสามัคคี ระยะหลังเทพศิรินทร์ผูกปีแพ้ ปีนี้ชนะได้ ขนาดอาตมาไม่ใช่ศิษย์เก่าเทพศิรินทร์ยังดีใจแทนเลย ชนะได้สักที ขืนแพ้นานไปเดี๋ยวเฉา คือประเภทแพ้แล้วแพ้อีกแล้วไม่ท้อถอยนั้นหายาก ต้องมีแพ้บ้างชนะบ้างจะได้มีกำลังใจ พระพุทธเจ้าตรัสว่า อัตตา หะเว ชิตัง เสยโย การชนะตนได้เป็นดีที่สุด ชนะอย่างอื่นไปก็เท่านั้นแหละ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2014 เมื่อ 20:01 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#82
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "รองานสร้างมณฑปประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำนี้เสร็จแล้ว เฮียจั๊วก็คงสบายใจ อายุ ๗๐ กว่าแล้ว ขอทิ้งผลงานเอาไว้อีกสักชิ้นหนึ่ง ตอนนี้อยู่ในระหว่างที่ถ่ายแบบเป็น ๑ ต่อ ๑ ก็คือขนาดเท่าของจริง แต่คราวนี้ก็ต้องใช้ระยะเวลา น่าจะประมาณอีกเดือนหนึ่ง กว่าแบบจะเสร็จ ช่วงนี้เขาว่าอยู่ในระหว่างหาวัสดุ พอดีเขามีไม้สักทองใหญ่ที่เป็นไม้เก่า เหลือจากซ่อมเรือพระราชพิธีกับซ่อมพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทอยู่ อาตมาบอกว่าขนมาได้เลย
ปกติแล้วค่าถ่ายแบบจะเป็น ๕ เปอร์เซ็นต์ของราคาที่เซ็นสัญญา ก็แปลว่าอาตมาจะต้องจ่ายประมาณ ๖๒๕,๐๐๐ บาท แต่เขาทำให้ฟรี ๆ และเป็นช่วงจังหวะพอดี จะทำงานทีไรจะมีคนเข้ามาพอดี จึงเชื่อแล้วว่าขอให้ทำตามที่หลวงพ่อบอกเถอะ ท่านเตรียมทุกอย่างไว้แล้วแหละ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2014 เมื่อ 20:03 |
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#83
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "บรรดาพิณพาทย์ สะล้อ ซอ ซึง เครื่องสายเก่า ๆ ฟังแล้วเย็น พวกดนตรีรุ่นใหม่ ๆ พวกร็อก พวกพังก์ นี่ประเภทฟังแล้ว รัก โลภ โกรธ หลง กำเริบ เฮฟวี่เมทัล..ใช่ไหม ? ฟังกันหูจะพัง ต้องพวกหูเหล็กถึงจะฟังได้ คาดว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้อายุมากหน่อย ต้องมีปัญหาเรื่องการได้ยินอย่างแน่นอน
งานสงกรานต์ที่จังหวัดกาญจนบุรี จะเป็นเวลาโชว์เครื่องเสียง บรรดารถต่าง ๆ บ้านต่าง ๆ จะเอาเครื่องเสียงมาเปิดกันสนั่นหวั่นไหวไปหมด บางทีอาตมาวิ่งรถผ่านไปประมาณ ๑ กิโลเมตร โดนเครื่องเสียงอัดจนเหนื่อยเลย กระแทกตึง ๆ อัดจนแทบจะตาย บ้านโน้นก็ขนโฮมเธียเตอร์มา บ้านนี้ก็เครื่องเสียง ไอ้นั่นเปิดรถทั้งคัน ดูแล้วลำโพงประมาณ ๒๐ ตัว แล้วเขาทนฟังของเขาได้อย่างไรก็ไม่รู้ ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-12-2014 เมื่อ 20:05 |
สมาชิก 205 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#84
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพ่อเคยเห็นดวงแก้ววิเศษของหลวงพ่อวัดท่าซุงบ้างไหมครับ ?
ตอบ : เขาเรียกว่าแก้วจักรพรรดิ เคยเห็นออกจะบ่อยไป เคยถ่ายรูปลงเว็บเอาไว้ด้วย เป็นดวงแก้วที่ประหลาดมาก ถ้าเราดูด้วยสายตา จะเหมือนเป็นเนื้อหินอ่อนทึบลาย ๆ แต่พอไฟส่องกลับใสสว่าง เป็นเรื่องประหลาดดีเหมือนกัน มีทั้งองค์ใหญ่และองค์เล็ก ส่วนของอาตมาเอง เป็นแบบที่โบราณเรียกว่าแก้วอินทนิล ถ้าสมัยนี้คงเรียกว่าแก้วมรกต ขนาดน่าจะประมาณกำปั้น แล้วก็จะมีเป็นแก้วสุริยกานต์กับแก้วจันทรกานต์อีกอย่างละ ๑ ดวง ของอาตมาไม่ใช่แก้วจักรพรรดิอย่างของหลวงพ่อวัดท่าซุงท่าน เป็นคนละอย่างกัน แก้วสุริยกานต์จะเป็นสีแดง จันทรกานต์จะเป็นสีน้ำเงิน ทั้ง ๒ อย่างนี้เขาบอกว่าห้ามพกด้วยกัน แต่อาตมาพกมาตลอด โดยเอาแก้วอินทนิลไว้ตรงกลางก็หมดเรื่อง เขาบอกว่า ๒ อย่างนี้พลังจะหักล้างกันเอง จนอาจจะสร้างความวิบัติให้กับเจ้าของ แต่คราวนี้ของอาตมามีแก้วอินทนิลองค์ใหญ่อยู่ ก็เลยเอากั้นกลางไว้เป็นกรรมการห้ามมวย แก้วอินทนิลเคยลงภาพไว้ในเว็บท่าขนุน ลองไปหาดูแล้วกัน แต่ว่าสองอย่างหลังนี่ไม่กล้าลง ที่ไม่กล้าลงเพราะบางคนเขาบอกว่าเนื้อแก้วเป็นเพชร ถ้าเพชรขนาดนั้นนี่อาตมาประมาณราคาไม่ถูกหรอก ใหญ่กว่าไข่นกพิราบตั้งเยอะ ประมาณไข่ไก่ขนาดกลางเห็นจะได้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 13-12-2014 เมื่อ 14:13 |
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#85
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ถ้าในเรื่องของมีดต้องดูชาวบ้าน ชาวบ้านมีมีดเหน็บเล่มหนึ่งกับมีไฟ เข้าป่าไปไม่อดตายหรอก มีดเล่มเดียวหากินได้สารพัด แล้วมีดชาวบ้านเขาใช้อยู่ทุกวัน ๆ สวยอย่าบอกใครเลย มีดของเราเผลอหน่อยเดียวก็ทิ้งให้สนิมกิน มีคนเคยถามว่ามีดหมอลับได้หรือเปล่า ? อาตมาขอยืนยันว่าตั้งแต่เด็ก ๆ มา เห็นมีดหมอหลวงพ่อเดิมเขาลับใช้งานกันเป็นปกติทุกเล่ม เพราะว่าสมัยก่อนมีดหมอคือมีดใช้งาน เพียงแต่ว่ามีพุทธคุณ ต้องระมัดระวังเก็บไว้ในที่สูง เขาลับใช้กันเป็นปกติ
โดยเฉพาะพวกเสือพวกโจรหนังเหนียว ๆ นี่เจอมีดหมอหลวงพ่อเดิมเข้าไปเปื่อยหมด มีดหมอถ้าลับใช้งานให้ระมัดระวังอย่าให้บาดตัวเอง เพราะว่าแผลจะรักษาไม่หาย เคล็ดลับก็คือใช้ด้ามมีดหมอฝนกับน้ำแล้วทาแผลถึงจะหาย ตอนหลังพอหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านออกน้ำมันชาตรีมา อาตมาก็เลิกฝนด้ามมีดหมอ ใช้น้ำมันชาตรีทาแทน หลวงปู่ยิ้ม วัดหนองบัว ออกทั้งมีดทั้งดาบ แต่ว่าคนไม่ค่อยได้กัน เพราะว่าของท่านพิธีการทำยาก เตรียมโลหะเตรียมอะไรกว่าจะทำได้แต่ละเล่ม หลวงปู่ยิ้มท่านเป็นปรมาจารย์เก่ายุคไล่ ๆ กับหลวงปู่ศุขโน่น สมัยก่อนเจ้าเมืองกาญจนบุรี พอเวลาเข้ากรุงเทพฯ มาถวายรายงานข้อราชการ บรรดาเจ้าใหญ่นายโตก็ถาม “เจ้าคุณ..มีของขลังของหลวงพ่อเฒ่ายิ้มมาหรือเปล่า ?” สมัยก่อนการเดินทางยาก ถ้าไม่ใช่หน้าที่ราชการจริง ๆ ไม่ค่อยมีใครอยากไปหรอก ทางเมืองกาญจน์ ฯ ป่าเสือป่าช้างทั้งนั้น เพราะฉะนั้น..ถ้ามีคนมาจากเมืองกาญจน์ เขาก็ขอเอาดื้อ ๆ เลย หลวงปู่ยิ้มท่านเป็นอาจารย์ของหลวงปู่เหรียญ วัดหนองบัว หลวงปู่ดี วัดเหนือ หลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ นั่นก็ลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้มทั้งนั้น ว่ากันว่าหลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ ก็เป็นลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้ม แต่ว่าหลวงปู่เปลี่ยนท่านมีพื้นฐานการปฏิบัติมาก่อน ก็เลยไม่ได้ไปเรียนนานแบบคนอื่นเขา พอไม่ได้ไปเรียนนาน หลายคนเลยไม่ได้นับหลวงปู่เปลี่ยนเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ยิ้ม ถ้าถามว่าหลวงปู่เปลี่ยนอาวุโสระดับไหน ? อาวุโสระดับท่านเป็นเจ้าคณะจังหวัด แล้วตั้งหลวงปู่ดีเป็นพระใบฎีกาฐานานุกรมของท่านได้ แสดงว่าท่านต้องบวชก่อนอย่างน้อย ๑๐-๒๐ ปี ถ้าถามว่าหลวงปู่สอน วัดทุ่งลาดหญ้า เก่งแบบไหน ? ก็ต้องดูหลวงพ่อลำไย ลูกศิษย์ท่านก็พอ ส่วนหลวงปู่ม่วง วัดบ้านทวนนี่มาอีกสายหนึ่งเลย จากหลวงปู่ม่วงก็เป็นหลวงปู่เพิ่ม หลวงปู่ซ้ง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2014 เมื่อ 16:47 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#86
|
||||
|
||||
ถาม : (ไม่ได้ยิน)
ตอบ : ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เหมือนกับมีวันนี้วันเดียว ถ้าเราทำหน้าที่ของเราดีที่สุดแล้ว ถึงเวลาก็สามารถจากไปอย่างสง่างามที่สุด ไม่ต้องให้ใครเขาตำหนิ ไม่ต้องให้ใครเขาด่าว่าตามหลังไป ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : ทำ ๆ ไปก่อนอย่าเพิ่งเล่นตัว ขอให้เข้าใจว่าตราบใดที่เรายังอยู่ในโลกมนุษย์ เรายังต้องกินต้องใช้อยู่ การทำงานของเราก็ถือเป็นการปฏิบัติธรรม ก็คือช่วยให้เราเห็นความทุกข์ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ถาม : แล้วจะทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่โลกมากกว่านี้ ? ตอบ : ถ้าเราไม่ทำตัวให้เป็นภาระแก่โลกก็พอแล้ว ถาม : ปลูกผัก ปลูกข้าว ก็มีแมลง ต้องฆ่า ? ตอบ : เขามีวิธีการอยู่เยอะแยะไป มีทั้งวิธีทางธรรมชาติหรือวิธีทางสารเคมีก็เลือกไป อาตมาเคยทำมาก่อน ที่บ้านก่อนหน้านี้เป็นสวนผัก แต่ปรากฏว่ามาระยะหลัง พอรัฐบาลสนับสนุนสินค้าส่งออก สมัยนั้นก็จะเน้นเรื่องข้าว ไม้สัก ข้าวโพด ยางพารา น้ำตาล ฯลฯ รอบบ้านเขาก็เปลี่ยนไปปลูกอ้อยกันหมด คราวนี้พอเนื้อที่เป็นพันเป็นหมื่นไร่กลายเป็นไร่อ้อยหมด ก็เหลือผักอยู่แค่กระจุกเดียว แมลงมีเท่าไรก็มารุมอยู่ตรงนั้น ก็ต้องหาวิธีว่าทำอย่างไรเราถึงจะป้องกันได้ คราวนี้จะไปซื้อสารเคมีอะไรก็ลำบาก ก็ต้องใช้วิธีปลูกพืชที่แมลงไม่ชอบเอาไว้ ก็มีพวกกระเพรา ดาวเรือง พวกผักที่ส่งกลิ่นฉุน ๆ กลบกลิ่นผักอื่นหมด แมลงก็หาไม่เจอ เพียงแต่ว่าถ้าที่หลายไร่จะลำบาก เราจะดูแลยาก ถ้าเป็นสมัยนี้ก็ต้องลงทุนปลูกผักกางมุ้ง ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : ก็ไม่จำเป็น ต้องประเภทแบ่งกันคนละครึ่ง เอ็งกินไปครึ่งหนึ่ง เหลือให้ข้าครึ่งหนึ่ง ปลูกผักกางมุ้งจ้ะ ยอมลงทุนสักนิดหนึ่ง ทำประตู ๒-๓ ชั้น ถึงเวลาเดินเข้าซองไปก่อน เปิดประตูหนึ่งเข้าซองย้อนมา แล้วเปิดอีกประตูหนึ่งค่อยเข้าไปในแปลงผัก ก็พอที่จะกันได้ แต่ถ้าเล็ก ๆ ไม่พอให้แมลงกินหรอก ต้องทำเยอะหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2014 เมื่อ 16:50 |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#87
|
||||
|
||||
ถาม : มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และรูปปั้นพระยาพิชัยดาบหัก ควรจัดโต๊ะหมู่บูชาอย่างไรคะ ?
ตอบ : เอาพระประธานเป็นหลัก หลังจากนั้นก็เจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รูปปั้นพระยาพิชัยดาบหักให้อยู่ล่างสุด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2014 เมื่อ 16:50 |
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#88
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาเราได้บางสิ่งมาแบบบังเอิญ ?
ตอบ : คำว่าบังเอิญในโลกนี้ไม่มี ทุกอย่างเป็นไปตามวาระบุญวาระกรรม ถาม : แล้วจะตีความอย่างไร ? ตอบ : ก็ไม่ต้องตีความอะไร มีโอกาสไปวัดก็เป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่ถ้าให้ดีกว่านั้นคือวัดใจของเราว่ามีความดีหรือเปล่า? ถ้าไม่มีก็เร่งสร้างขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วก็เร่งทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2014 เมื่อ 16:50 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#89
|
||||
|
||||
ถาม : วัตถุมงคลจำเป็นต้องมีหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าเรามั่นใจในความดี นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ได้เป็นปกติ ไม่ต้องมีก็ได้ แต่คราวนี้เนื่องจากว่าเราเองต่อให้เก่งขนาดไหน โอกาสเผลอย่อมมี ในเมื่อโอกาสเผลอมี ถ้าหากว่ามีพระติดตัวไว้หน่อยก็จะมั่นใจได้มากกว่า ถาม : (ไม่ได้ยิน) ตอบ : ได้..สำคัญที่ว่าเรานึกถึงพระได้ไหม ? ตื่นเช้ามาขออาราธนาบารมีท่านช่วยคุ้มครองรักษา ถ้าวันนี้เราหมดอายุขัยตายลงไป หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายถึงแก่ชีวิต ก็ขอไปอยู่กับท่าน ให้ตั้งใจอย่างนั้น ถาม : ควรเลือกวัตถุมงคลแบบไหน ? ตอบ : ความจริงจะบอกว่าเอาที่เราศรัทธา แต่บางคนบอกว่าต้องตรงกิเลสด้วย คือเอาที่เราชอบด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2014 เมื่อ 16:51 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#90
|
||||
|
||||
ถาม : ไปทอดกฐินที่วัดอัปสรสวรรค์ ?
ตอบ : วัดอัปสรสวรรค์เป็นวัดที่มีพระประธานมากที่สุด พระประธานในโบสถ์ ๒๘ องค์ เขาสร้างตามความที่มีในพระไตรปิฎกว่า พระพุทธเจ้าท่านพบพระพุทธเจ้าในอดีตมาทั้งหมด ๒๔ พระองค์ แล้วในกัปแรกที่พระองค์ท่านได้รับพยากรณ์มีพระพุทธเจ้าอีก ๓ องค์ รวมกับตัวพระองค์ท่านเป็น ๒๘ พระองค์ เขาก็เลยสร้างพระพุทธรูป ๒๘ พระองค์เป็นพระประธาน เอาทีเดียวให้คุ้ม ถาม : แล้ว ๓ องค์รุ่นแรกเลย คือ.. ? ตอบ : ๓ องค์รุ่นแรกคือพระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า ตัณหังกร เมธังกร และ สรณังกร เกิดในกัปเดียวกับพระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร แต่ว่าผ่านไปแล้ว พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรา ได้รับการพยากรณ์จากพระพุทธเจ้านามว่าทีปังกร แล้วมีพระพุทธเจ้าถัดมาอีก ๒๔ พระองค์ถึงได้ตรัสรู้ ถาม : ๓ องค์รุ่นแรกนี่คือก่อนองค์พระพุทธเจ้าทีปังกร ? ตอบ : ก่อนหน้านั้นมีสามล้านกว่าพระองค์ พระพุทธเจ้ามีพระนามว่าทีปังกรเป็นองค์ที่ ๔ ของ ๒๔ องค์ล่าสุด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2014 เมื่อ 16:12 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#91
|
||||
|
||||
ถาม : .(ไม่ชัด)... ลำบากไหม ?
ตอบ : ลำบากไหม ? อาตมาไม่เคยคิดตั้งเลย เพราะรู้ว่าความดีไม่พอที่จะไปถวายพระนามให้พระพุทธเจ้าท่าน แต่เห็นเขานิยมตั้งกันจัง ถาม : พระสมเด็จองค์ปฐม ก็คือองค์ที่พิษณุโลก ? ตอบ : คำว่าสมเด็จพระพุทธเจ้าองค์ปฐม เกิดขึ้นโดยหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านเรียก ก็แปลว่าเกิดขึ้นไม่นาน แต่องค์ที่พิษณุโลก สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าศรีทรงธรรมปิฎก หรือที่เรียกว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ต้องบอกว่ายุคสมัยห่างกันเยอะ ถาม : แล้วองค์ที่พิษณุโลกกับองค์ปฐมที่วัดท่าซุง เรานึกถึงองค์ไหน ? ตอบ : ไหว้แล้วเรานึกถึงพระองค์ไหนก็เป็นพระองค์นั้นแหละ พระพุทธรูปเขาสร้างไว้เป็นพุทธานุสติ คือเป็นเครื่องระลึกถึง เพราะฉะนั้น..เราจะนึกถึงพระพุทธเจ้าพระองค์ไหน ก็ไหว้แล้วก็นึกเอา ถาม : ถ้าเราคิดถึงทุกองค์ละคะ ? ตอบ : ก็เรานึกถึงทุกพระองค์ได้ไหมเล่า ? ถ้านึกถึงทุกองค์ได้ก็เท่ากับได้ไหว้ทุกพระองค์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2014 เมื่อ 16:15 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#92
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวกับโยมว่า "เครื่องประดับถ้าเป็นวัสดุงาช้าง อย่าใส่ไปต่างประเทศนะจ๊ะ บางประเทศนี่เขาจับติดคุกเลย อาตมาไปต่างประเทศยังต้องปลดมีดหมอด้ามงาช้างออก ถึงเราจะมั่นใจว่าเครื่องไม่ดังก็เถอะ แต่ถ้าดังขึ้นมานี่เฮงจริง ๆ
ไปเขมรขากลับระหว่างที่นั่งพักอยู่ ก็มีเจ้าหน้าที่ของสายการบินของเขา มาขอให้ช่วยดูหมอให้หน่อยว่า ก็คือเขาถามเรื่องยุ่ง ๆ ในชีวิตทั้งนั้น ดูไปดูมามีโยมเอาลูกมายกให้อีก มัวแต่ไปเห่อเด็กอยู่ จะได้เวลาเขาประกาศให้ขึ้นเครื่อง ก็รีบเดินผ่านไป เครื่องร้องเสียลั่นเลย ลืมอาราธนาจนได้ พอเสียงดังนี่ต้องรีบขอพระ อย่าให้เขาหาเจอนะครับ ไม่อย่างนั้นผมซวยแน่ ๆ เลย สรุปว่าหาไม่เจอ ท้ายสุดเลยอ้าปากให้เขาดูว่า ใช่ครอบฟันอันนี้หรือเปล่าที่ทำให้เครื่องดัง ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2014 เมื่อ 16:16 |
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#93
|
||||
|
||||
หลังจากการสนทนาตอบปัญหาธรรมกับโยม พระอาจารย์ได้กล่าวว่า "พวกเราส่วนใหญ่ถนัดในการภาวนา แต่ไม่ถนัดในเรื่องของการพิจารณา พอมาพูดถึงในเรื่องของการพิจารณา การตัด การละอะไร บางทีเราไม่เข้าใจ ฟังก็รู้แค่ผิว ๆ เพราะฉะนั้น..จึงต้องวิ่งไปชนกับกิเลสเอง..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2014 เมื่อ 03:12 |
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#94
|
||||
|
||||
ถาม : ทำไมพระพุทธเจ้าถึงไม่บวชให้ "นาค" ?
ตอบ : สัตว์เดรัจฉานมีปัญญาไม่เพียงพอที่จะบรรลุมรรคผล เพราะว่าอยู่ในภพภูมิที่ต่ำกว่า มีปัญญาไม่พอที่จะพิจารณาให้รู้ทั่วถึงธรรม หลัก ๆ ของสัตว์เดรัจฉานมีแค่ กิน นอน สืบพันธุ์ หลบภัย มีอยู่ส่วนหนึ่งที่ท่านไม่ได้บอกก็คือ วิสัยของผู้มีพิษมักโกรธ ในเมื่อตัวเองไม่มีโอกาสได้มรรคผลก็แปลว่าระงับโกรธไม่ได้ เดี๋ยวอาละวาดขึ้นมา คนอื่นจะเดือดร้อนกันมาก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-12-2014 เมื่อ 03:14 |
สมาชิก 192 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#95
|
||||
|
||||
ถาม : เจ้าพ่อหลักเมืองกาญจนบุรีเป็นพรหม ปกติต้องเป็นภุมมเทวดาไม่ใช่หรือครับ ?
ตอบ : ปกติเจ้าพ่อหลักเมืองต้องเป็นอากาศเทวดา แล้วก็มักจะเป็นชั้นจาตุมหาราช เท่าที่เจอ ๆ มาก็มีของกรุงเทพฯ เรานี่เป็นชั้นดาวดึงส์ ของเมืองกาญจน์ฯ เมืองสำคัญ ทรัพย์ใต้ดินมาก ทองคำเยอะ..จึงเป็นพรหมเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 02:37 |
สมาชิก 184 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#96
|
||||
|
||||
ถาม : จะอ่านหนังสือสอบ แต่สมาธิความจำไม่ค่อยดี ?
ตอบ : รู้ตัวว่าสมาธิไม่ดีก็นั่งสมาธิสิวะ..! มีคำตอบอยู่ในตัวแล้ว ฝึกซ้อมสมาธิบ่อย ๆ ใช้คาถาท่านปู่พระอินทร์ช่วย ถาม : มีวิธีทำบุญอะไรที่จะช่วยอานิสงส์ให้มีปัญญา ? ตอบ : คงทำยาก อานิสงส์เรื่องปัญญาก็คือสมาธิ เพราะสมาธิก่อให้เกิดปัญญา จิตสงบปัญญาจะมีเอง ถ้าสร้างธรรมทานก็ต้องรอชาติหน้าถึงจะได้ผล
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 02:38 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#97
|
||||
|
||||
ถาม : ไม้พะยูงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : พะยูงมีอยู่ ๓ สี คือ พะยูงดำ จะมีสีดำเข้มไปเลย พะยูงปกติ จะมีสีน้ำตาลออกดำ ใช้ไปนาน ๆ จะดำไปเอง พะยูงทอง สีน้ำตาลแดง จะแดงสวยมาก แต่หายาก ส่วนใหญ่ที่เป็นน้ำตาลแดงไม่ค่อยมีเท่าไร ใหม่ ๆ จะสีแดง พอนาน ๆ ไปสีจะเข้มขึ้น คนจีนชอบเอาไปทำเฟอร์นิเจอร์ ใช้ไปเช็ดไปจนดำเมี่ยมเลย เขาเรียกว่าไม้จันทน์ม่วง ถาม : กี่ปีถึงจะใช้ได้ ? ตอบ : ต้องรอจนโต ๕๐-๖๐ ปีขึ้นไป เดี๋ยวนี้วัดทางภาคอีสานลำบากมากเลย เพราะบางคนจะไปหาซื้อ "ต้นนี้สองแสน หลวงพ่อขายไหม ? ถ้าหลวงพ่อไม่ขายหลวงพ่อนอนเฝ้าให้ดีนะ เผลอเมื่อไรจะเอาฟรี..!" คิดดู..พระไปกิจนิมนต์ครึ่งชั่วโมง กลับมาหายไปทั้งต้นแล้ว..! ประเทศจีนนิยมกันเพราะชื่อเป็นมงคล ใช้งานไปหลายร้อยปีก็ยังคงสภาพ ไม่ผุพังง่าย ๆ บ้านเศรษฐีเขาอยากได้ไปทำเฟอร์นิเจอร์จึงซื้อไม่อั้น ราคาแพงเท่าไรก็ซื้อ บ้านเราก็ขายกันไป ระยะหลังต้องชั่งกิโลขาย เพราะราคาแพง ตอนที่อาตมาทำพระขรรค์โสฬส ๘๔ พรรษาธรรมิกราช จ่ายค่าไม้ชุดแรกไปสองแสนกว่าบาท ได้ไม้ไม่กี่ชิ้นหรอก มีพะยูงดำติดมาท่อนเดียว มีไม้ที่หายากเกือบจะเป็นไม้เฉพาะถิ่นไป เช่น ไม้เทพทาโร บางคนเรียกตะไคร้ต้น มีกลิ่นหอมคล้าย ๆ ตะไคร้หอม ทางปักษ์ใต้ชอบเอามาทำเป็นของที่ระลึก ไม้หลุมพอ เนื้อละเอียด สวยมาก คุณสมบัติคล้ายไม้สัก คือปลวกไม่กิน ต้อง "นายหัว" ที่รวยจริง ๆ ถึงจะสร้างบ้านด้วยไม้หลุมพอได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 16-12-2014 เมื่อ 10:28 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#98
|
||||
|
||||
ถาม : ไม้งิ้วดำละครับ ?
ตอบ : ไม้งิ้วดำพบได้ทุกภาค แต่หายากสุด ๆ ร้อยวันพันปีจะเจอสักต้นหนึ่ง อาตมาเองเจอที่เป็นต้นจริง ๆ อยู่ครั้งเดียวเท่านั้นเอง ตอนที่ไปเลื่อยกับพระครูแสงช่วงยังเป็นฆราวาส ท่อนแค่แขน ใช้เลื่อยเหล็กไฮสปีดเลื่อยอยู่ครึ่งค่อนชั่วโมงกว่าจะขาด แสดงว่าเหนียวกว่าเหล็กอีก..! ที่เขาขายกันอยู่ส่วนมากบอกว่าเป็นไม้งิ้วดำ แต่เขาลืมไปว่า ไม้งิ้วดำเป็นไม้เนื้อเบา เพราะว่าก็คือต้นไม้ประเภทเดียวกับนุ่นนั่นแหละ แต่ว่าเป็นสีดำ เป็นไม้ตระกูลเดียวกับต้นนุ่น ที่ขายอยู่จะมี ๒-๓ อย่างด้วยกัน ถ้าเป็นไม้ดำแล้วเสี้ยนเป็นสีน้ำตาลลาย ๆ ถ้าดูจะเห็นลายเสี้ยนค่อนข้างชัด แล้วเนื้อไม้หนักมากจะเป็นไม้มะเกลือ ถ้าหากว่าเป็นสีดำแล้วลายเสี้ยนไม้หรือลายเนื้อไม้ออกสีชมพูหน่อย จะเป็นไม้มะริด ถ้าหากว่าสีดำสนิทเลยจะเป็นไม้ดำดง ปัจจุบันนี้ที่ขายกัน ร้อยละ ๙๐ เป็นไม้ดำดง บางคนที่มีจรรยาบรรณหน่อยก็เรียกว่า "ไม้ดำ" แต่คนซื้อมักจะทึกทักเอาเองว่าเป็นไม้งิ้วดำ ไม้ดำดงนี่แหละที่พวกไร้จรรยาบรรณมักจะเอามาแหกตาเราว่าเป็นไม้งิ้วดำ บางทีก็เอาไม้มะเกลือมาบอกว่าเป็นไม้งิ้วดำ แต่ไม้มะเกลือที่เขาบอกว่างิ้วดำ ถ้าเราเห็นแล้วชอบใจก็ซื้อมาเถอะ มะเกลือแพงจะตายไป ที่บ้านอาตมาเคยมีมะเกลืออยู่ต้นหนึ่ง ขนาดใหญ่ ๓ โอบกว่า ตั้งแต่เด็ก ๆ อาตมาก็เห็นอยู่อย่างนั้นแล้ว น่าจะสูงถึง ๔๐ เมตร มีคนเขามาขอซื้อพี่ชายไปสี่แสนบาทของสมัยนั้น ถามว่าเอาไปทำอะไร เขาบอกว่าเอาไปทำโลงจำปา โห..ไม้อย่างนั้นทำโลงใครจะแบกไหววะ ? เพราะหนักมาก ขอซื้อไม้ต้นเดียวไปสี่แสน ราคาสมัยที่ทองบาทละสองพันกว่าบาทเอง ตอนเด็ก ๆ พอถึงเวลาแม่ก็จะเก็บลูกมะเกลือต้นนั้น เอามาตำกับกะทิให้พวกอาตมากินถ่ายพยาธิ จะมีเคล็ดลับว่าต้องใช้เท่าอายุ อย่างเช่นว่า ๑๐ ขวบก็ใช้มะเกลือ ๑๐ ลูก ๒๐ ขวบก็ ๒๐ ลูก ห้ามกินเกินอายุ แล้วก็ห้ามเก็บค้างคืน ถ้าเก็บแล้วมักจะเป็นพิษ ต้องตำแล้วผสมกะทิกินตอนนั้นเลย ที่ตำผสมกะทิเพราะกะทิช่วยให้ถ่ายง่าย พอถึงเวลาถ่ายพรวดออกมานี่ บางทีพยาธิไส้เดือนยั้วเยี้ยไปหมด พยาธิเมาขนาดโดนถ่ายออกมา แสดงว่าถ้าไม่ใช่คนตัวใหญ่ก็เป็นพิษนะ แต่ว่าถ้าเก็บหลาย ๆ ชั่วโมงจะเป็นพิษถึงตาบอดได้ คนรุ่นหลังบางทีไม่รู้ เขาบอกว่าถ่ายพยาธิด้วยมะเกลือ ตำเสร็จแล้วก็แช่ตู้เย็นไว้ ค่อยไปกินทีหลัง..เสร็จหมด..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-12-2014 เมื่อ 03:05 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#99
|
||||
|
||||
ถาม : ต้นนั้นขึ้นมากี่ปีได้ครับ ?
ตอบ : อาตมาเกิดมาก็เห็นอยู่ต้นขนาดนั้นแล้ว ทุกปีจะมีนกกระจาบไปทำรัง เพราะต้นสูงและเปลาะมาก ใคร ๆ ก็ขึ้นไปกวนไม่ได้ คงเป็นไม้ประเภทที่เขาเรียกว่าไม้จ้าวป่า ขึ้นเด่นมากเลย ตอนเตี่ยไปหักร้างถางพงก็ทิ้งเอาไว้ต้นเดียว ต้นอื่นโดนโค่นหมด ไม้แดงต้นใหญ่ ๆ ก็โค่นหมด ตอนหลังมีคนมาขอขุดเอาตอไปทำเฟอร์นิเจอร์กัน พวกเราสมัยก่อนกว่าจะขุดได้แต่ละตอ ทั้งขุดทั้งสุมทั้งเผากว่าจะทำไร่ได้ สมัยนี้อยากได้ทำเฟอร์นิเจอร์ก็ใช้รถขุดกันกระจายหมด ไม่ต้องเสียเวลาจ้างเขาขุดเหมือนสมัยก่อน สมัยก่อนมีพวกรับจ้างขุดตอ แล้วก็รับจ้างขุด "ขยองเดือน" ก็คือก้อนหินที่จมดินอยู่ จะไปตกลงกันว่าก้อนนี้ราคาเท่าไร สมมติว่า ๒๐๐ บาท บางคนน้ำตาจะร่วง ตกลงกันไว้ ๒๐๐ บาท เพราะดูข้างบนไม่น่าจะใหญ่ สรุปว่าหินก้อนนั้นขุดไปครึ่งไร่กว่า..! เวลาหักร้างถางพงป่าใหม่ ๆ นี่ต้องขุดตอ ขุดหิน เก็บออกให้หมดจะได้ทำไร่ไถนาได้สะดวก พื้นที่หักร้างถางพงใหม่ ๆ นี่ไม่มีใครอยากไถให้หรอก ไถทีผาลไถหักหมด พวกรถไถเก่ง ๆ นี่เขาเก่งจริง ๆ ไม่รู้ว่าเอาฝีมือมาจากไหน ? โดยเฉพาะแถวเพชรบูรณ์ พวกคนขับรถไถฝีมือเซียนทั้งนั้น เนินเขาสูงขนาดที่รถตะแคงข้างแต่เขาไถได้ แถวบ้านโยมมีไหม ? แรก ๆ ก็บอกว่า “ไถไม่ได้หรอก รถคว่ำตายห่..!” ไถไม่ได้ก็ไม่เป็นไร กินข้าวกันก่อน เลี้ยงเหล้าเข้าไปครึ่งขวด..หนึ่งขวด พอเมา ๆ ก็ไปไถให้ ตอนแรกไม่เอาหรอก..บอกว่ากลัวรถคว่ำ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ตัวเล็ก : 16-12-2014 เมื่อ 13:59 |
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#100
|
||||
|
||||
ถาม : ถ้าจะปลูกต้นไม้ ๒ ข้างทางให้สวย ควรเอาต้นอะไรดี ?
ตอบ : เอาเป็น ๒ ข้างถนนใช่ไหม ? ถ้าหาได้นะ เอาต้นตำเสาของปักษ์ใต้ ทางอีสานเรียกต้นมันปลา ของเราเรียกต้นกันเกรา ทรงจะเหมือนกับฉัตร แล้วดอกหอมอย่าบอกใครเลย ขนาดแห้งแล้วก็ยังหอม ถาม : อย่างนั้นต้องไปหาทางปักษ์ใต้ ? ตอบ : ตลาดต้นไม้มีเยอะแยะไป บอกตาแดงหรือคุณมงคลของเราก็ได้ ไปพักเดียวก็เอามาให้แล้ว เพราะเขาขายไม้พวกนี้อยู่ พรรคพวกกันเองเขาก็ไม่ได้คิดกำไรเท่าไรหรอก จะเอากี่ต้นก็สั่งเขา ที่ปักษ์ใต้เขาเรียกต้นตำเสาเพราะว่าส่วนใหญ่เขาเอาไว้ทำเสา เป็นไม้ที่เนื้อแข็งแล้วก็เหนียวมาก แต่ที่อาตมาติดใจก็คือติดใจดอก ออกเป็นช่อสีเหลืองอ่อน ๆ หอมอย่าบอกใครเลย คนแก่ ๆ สมัยก่อนเก็บมาซุกไว้ในตู้เสื้อผ้า ทำให้ผ้าหอมติดทนนาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-12-2014 เมื่อ 03:03 |
สมาชิก 167 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|