กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 09-09-2015, 11:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ก่อนทองขึ้นราคา อาตมาว่าจะซื้ออีกสักหน่อย แต่งวดนี้อาจจะแพง ช่วงจังหวะที่ถูกที่สุดเงินไม่พอซื้อ ตอนนี้กองทุนสร้างพระพุทธรูปทองคำยังติดลบอยู่ ๑๔ ล้านกว่าบาท"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 16:58
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 09-09-2015, 11:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ของในโลกทุกอย่างประกอบขึ้นด้วยธาตุสี่ แล้วเราก็เรียกและยึดส่วนผสมของธาตุสี่ไปเป็นสมมติต่าง ๆ แล้วที่เราทำอะไรต่าง ๆ ให้เป็นชื่อเสียงหรือชื่นชมว่าเก่งก็ตาม เช่น การออกแบบของได้ จริง ๆ ก็เป็นความจำของคนหมู่มาก เราจะทำอะไรในโลกก็แค่ทำส่วนผสมใหม่เท่านั้นเอง ถ้าทำด้วยวิธีการที่คนส่วนใหญ่จำได้ ก็จะเรียกว่าวิชาการ แต่ถ้าสมมติว่าทำด้วยวิธีการที่แปลกไปจากเดิม อย่างเช่น เสกเอา...?
ตอบ : เขาก็ว่าบ้า..! ถ้าไม่เห็นว่าเราบ้าก็เห็นเราเป็นผู้วิเศษ

ถาม : เป็นส่วนของความจำที่เราเรียกว่าสัญญาไหมคะ ?
ตอบ : เป็น...แต่ขณะเดียวกันสิ่งที่มากระทบแล้วทำให้เกิดสัญญาก็มีส่วนด้วย คนเราก็เลยไม่ค่อยยอมรับอะไรที่ตัวเองไม่ค่อยรู้ ถ้านอกเหนือประสบการณ์ตัวเอง ก็มักจะโบ้ยให้เป็นเรื่องของผี ของเทวดาบ้าง ไอ้โน่นบ้า ไอ้นี่ดี ยุ่งไปหมด

ถาม : เป็นกิเลส ?
ตอบ : ต้องบอกว่าเป็นอวิชชา ต้นตอของกิเลสเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-09-2015 เมื่อ 19:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 09-09-2015, 12:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งว่า "หยงหยงอ่านหนังสือต้องจำให้ได้อย่างหลวงตานะ จำหน้าได้ยังไม่พอ ต้องจำบรรทัดได้ด้วย

ความจริงอาตมาไม่ได้คิดจะจำ แต่ไม่รู้เป็นอย่างไร อ่านหนังสือแล้วจำได้หมด ฝรั่งเขาบอกว่า บางคนมีความจำเหมือนภาพถ่าย น่าจะเป็นในลักษณะอย่างนั้น คือจะนึกออกเลยว่าหน้าตาเป็นอย่างไร คนที่มีความจำเหมือนภาพถ่าย ถึงเวลาจะให้รายละเอียดได้มากเพราะว่าจำชัดเจน บางคนก็ถามว่าทำไมบันทึกการเดินทางของอาตมาเขียนได้ละเอียดจัง ตามรอยได้ทุกก้าวเลย ก็นั่นแหละ..ดึงออกมาจากความจำตัวเองก็เขียนได้เรื่อย ๆ

เสียดายอย่างเดียวว่าวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกได้แค่ B+ ถ้าได้ A จะได้คุยอย่างเต็มปากเต็มคำเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 227 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 09-09-2015, 12:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : กฐินปลดหนี้ที่เนปาล ไปอย่างไร ?
ตอบ : ไปจองที่คุณไพรินทร์ ไป ๔ วัน ตั้งแต่วันที่ ๕-๘ พฤศจิกายน เป็นวันพฤหัส-ศุกร์-เสาร์ วันอาทิตย์กลับ เขานับเป็นวันที่ ๔ เพราะเที่ยวครึ่งวันแล้วกลับ ค่าใช้จ่าย ๓๕,๙๐๐ บาท รายจ่ายทุกอย่างเป็นของเขา ยกเว้นอาหารมื้อเย็นไม่มี เพราะที่ไปส่วนใหญ่ไม่มีใครกินข้าวเย็น เขาพาไปเที่ยวก่อน ๒ วัน ทอดกฐินครึ่งวัน แล้วอีกครึ่งวัน ถ้าจำไม่ผิดไปนอนที่นากาก็อต คงจะได้หนาวตายกันบ้าง เพราะว่าช่วงปลายปีที่โน่นถึงติดลบเลย..!

รับแค่ ๒๕ คน ถ้าจะจองก็รีบจอง จะเด็กหรือผู้ใหญ่ถ้าคิดว่าสู้หนาวได้ก็ไปเถอะ ตอนนี้เหลือที่ให้จองแค่ ๑๒ คน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 09-09-2015, 12:35
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ปีนี้ไปไกล ไปปลดหนี้ต่างประเทศ ปีหน้าไปไกลกว่าอีก ไปชายแดนพม่า ไปวัดตะเคียนงาม เป็นห่วงท่านเหมือนกัน ท่านอายุ ๗๐ เข้าไปแล้ว วัดวาอารามกำลังจะเสร็จเพราะว่างานปิดทองฝังลูกนิมิตกำลังดำเนินการอยู่ วันก่อนท่านมาขอยืมเงิน ก็เลยโอนไปให้ ๑ ล้านบาท เพราะว่าช่วงดำเนินการค่าใช้จ่ายจะสูงมาก เลยบอกว่าเอากฐินไปให้คุณก็ไม่มีประโยชน์ เพราะรับเสร็จคุณก็ต้องเอามาคืนผม ปลดหนี้เสร็จ เจ้าหนี้ก็เก็บเงินกลับมาด้วย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 221 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 09-09-2015, 12:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวเตือนว่า “ถ้าทำงานโดยไม่ใช้เสียงได้ก็จะดี นี่เริ่มเสียงดังกลบข้างหน้าอีกแล้ว พวกเราส่วนใหญ่แล้วสติไม่พอ พอถึงเวลาก็จะเผลอเสียงดัง ก็เลยต้องโดนปฏักเป็นระยะ ๆ ไป

เคยนั่งอยู่ข้างวงคนกินเหล้าไหม ? คนกินเหล้าแล้วหูจะอื้อ คิดว่าตัวเองพูดเสียงเบา แล้วก็ต่างคนต่างดังใส่กัน อาตมาเองเกาะข้างวงเหล้าอยู่หลายปี มีหน้าที่กินกับ ใครบอกว่าทหารไม่กินเหล้าแล้วอยู่ไม่ได้..ไม่จริง ถึงเวลาในวงถ้ามีคนไม่เมาอยู่ คนอื่นเขาจะเกรงใจ เวลาเขาเมาเหมือนหมาเราก็แบกเขากลับได้ ฉะนั้น..ใครที่บอกว่าไม่กินเหล้าแล้วเพื่อนเขาไม่คบ ไม่ใช่หรอก มีแต่ต้องคบเรา เพียงแต่เขาเบื่ออยู่อย่างเดียวว่ากับแกล้มหมดเร็ว”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:06
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 09-09-2015, 12:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ว่าจะซื้อทอง ๑๙,๐๐๐ บาทค่ะ ?
ตอบ : ซื้อไว้เถอะ ต่อให้ลดลงได้อีกเราก็ซื้อไว้ก่อน เพราะถ้าทองขึ้นงวดนี้จะขึ้นอย่างน่ากลัวมาก ไม่ใช่ขึ้นแค่หลักร้อยหลักพัน แต่ขึ้นเป็นหลักหมื่นเลย ไว้เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง บอกมากไปก็ไม่ดี รู้อะไรล่วงหน้า...ถ้าปล่อยไม่ได้วางไม่ได้ก็เครียด อย่าไปรู้เลย ไปเนปาลกินข้าวจานหนึ่งเกือบ ๒๐๐ บาท บ้านเราต่อไปก็เจอราคานี้แหละ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 228 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 09-09-2015, 13:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมท่องพุทโธ แล้วไม่ค่อยเป็นสมาธิ ?
ตอบ : ก็ใช้อย่างอื่น การภาวนาเป็นเครื่องโยงใจให้ใจเป็นสมาธิ เราใช้อย่างไหนแล้วใจเป็นสมาธิให้ใช้อย่างนั้น ไม่ได้จำกัดว่าต้องพุทโธเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 207 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 09-09-2015, 13:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อ ๒ อาทิตย์ที่แล้วมา อาตมาบังเอิญได้ลูกอมหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา มา ๑ ลูก พวกเราไม่เคยได้ยินชื่อท่านหรอก รู้จักแต่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ใช่ไหม ? สมัยก่อนตอนกราบสนทนากับหลวงปู่บุดดา หลวงปู่บุดดาบอกว่า "อ๋อ...หลวงพ่อปานหรือ ? มีตั้ง ๓ องค์" หลวงพ่อปาน ๓ องค์ของหลวงปู่บุดดาก็มี หลวงพ่อปาน วัดตุ๊กตา จังหวัดนครปฐม, หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ และหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

หลวงพ่อปาน วัดตุ๊กตา ท่านมีความสามารถทางไหน ? ประวัติท่านไม่ค่อยชัด เพราะว่าท่านเป็นอาจารย์รุ่นเก่ามาก ถ้าถามว่าเก่าระดับไหน ? เก่าขนาดเป็นพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้ว ถัดจากหลวงปู่บุญ มาเป็นหลวงปู่เพิ่ม จากหลวงปู่เพิ่มมาเป็นหลวงปู่เจือ ตอนนี้หลวงปู่เจือก็มรณภาพไปแล้ว นึกไล่ย้อนหลังไปแล้วกันว่าหลวงปู่ปานอยู่ในยุคไหน แต่ว่าลูกอมของท่านต้องถือว่าเป็นอันดับ ๑ ของประเทศไทย แต่ละคนที่มีอยู่จะหวงสุดชีวิต ไม่ยอมให้ใครง่าย ๆ

ถ้าเอาเป็นที่นิยมในท้องตลาดก็จะมีลูกอมของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา, ลูกอมมหากัน หลวงปู่คง วัดบางกะพ้อม, ลูกอมผงยันต์เกราะเพชร หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค, ลูกอมผงอิทธิเจ หลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก, ลูกอมเมฆสิทธิ์ หลวงปู่ทับ วัดอนงคาราม เป็นต้น ถ้าใครมีอยู่รักษาให้ดี ๆ ไม่ใช่ของหากันง่าย ๆ ลูกอมลูกนี้หลุดมาอยู่ในเว็บหนึ่ง เขาลงราคาไว้เป็นหมื่น อาตมาคว้าหมับมาเลย บอกว่าไม่ต้องโอนเงิน ให้เอามาส่งแล้วรับเงินไปเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-09-2015 เมื่อ 19:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 09-09-2015, 13:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ลูกอมของหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา มีส่วนผสมของว่านสบู่เลือด เพราะฉะนั้น..จะมีสีสันอมชมพู ที่อัศจรรย์กว่านั้นก็คือผงที่ท่านทำ ไม่ทราบว่าใช้ส่วนผสมอะไร พอปั้นเป็นลูกอมแล้วเนื้อแกร่งเหมือนกับหินอ่อนเลย

ของดี ๆ บางทีก็มีหลุดมาในเว็บเหมือนกัน แต่คนต้องดูเป็น ถ้าดูไม่เป็นจะมองข้ามไปแบบน่าเสียดาย โดยเฉพาะหลวงปู่ปาน วัดตุ๊กตา ถ้าไม่ใช่คนที่อยู่ในวงการจริง ๆ แทบจะไม่รู้จักท่านเลย ลูกอมผงยันต์เกราะเพชร ของหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค อาตมาโดนเพื่อนอมไปแล้ว ในเมื่อเป็นลูกอมก็เลยโดนอมไป ตอนนี้ก็เหลือแต่ของหลวงปู่พริ้ง วัดบางปะกอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 09-09-2015, 14:10
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ตะกรุดมหาสะท้อนทองคำ รุ่น ๕ เพิ่งจะเข้าพิธีพุทธาภิเษกล่าสุดที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่มา ในงานก็มีตุ๊พ่อสิงห์กับหลวงตาวัชรชัยร่วมพิธีด้วย ต้องบอกว่านาน ๆ ทีจะมีตะกรุดมหาสะท้อนเข้าพิธีใหญ่สักครั้งหนึ่ง เพราะปกติเขียนเสร็จก็เสกในตัวใช้ได้เลย

ตะกรุดมหาสะท้อนบังคับเลยว่าต้องเป็นวัตถุมีค่า ต่ำสุดก็คือเงินแท้ หรือนาก หรือทองคำเท่านั้น น้ำหนักต้องไม่ต่ำกว่า ๑ บาท นี่เป็นวัตถุมงคลเนื้อทองคำรุ่นเดียว ที่อาตมาคิดราคาเท่ากับราคาท้องตลาด เพราะราคาวัตถุมงคลในตลาดที่เป็นเนื้อทองคำ คำนวณราคาทองคำที่ใช้ทำ
ออกมาเป็นเงินแล้วคูณด้วย ๓ ก็คือราคาที่เขาออกให้บูชากัน แต่อาตมาคิด ๓ บาทพอดี ถ้าหากจะเอา ๓ เท่าพอดีต้องเกิน ๓ บาทไปหน่อย ๆ เพราะว่าเราจะให้ตะกรุดหนัก ๑ บาทตรง ๆ ไม่ได้ ต้องให้เกินไว้นิดหนึ่ง..เผื่อขาด

ส่วนใหญ่แล้วพอนานไปก็จะมีการเพี้ยน ครูบาอาจารย์ท่านระบุไว้อย่างไรก็ไม่ทำตามนั้น ซึ่งถ้าต้องการให้เป็นมหาสะท้อน แปลว่าน้ำหนักต่ำสุดต้องหนักบาทหนึ่งขึ้นไป และเป็นโลหะมีค่า ก็คือเงิน นาก หรือทองคำ เคยกราบเรียนถามหลวงพ่อวัดท่าซุงว่า โลหะมีค่าแต่ละชนิด ทำไมถึงต้องใช้ต่างกัน ? ท่านบอกว่า วัตถุมงคลยิ่งสร้างด้วยโลหะมีราคาสูงเท่าไร พรหม เทวดาที่รักษาก็ยิ่งมีอานุภาพหรือศักดานุภาพสูงเท่านั้น แล้วก็ไม่ต้องไปหาอีก เพราะว่าปกติอาตมาไม่เคยทำตะกรุดเนื้อทองคำเป็นสาธารณะ เพิ่งจะมีครั้งนี้ครั้งแรกและครั้งเดียว ถ้าพระท่านไม่อนุญาตก็ไม่กล้าทำ

ตอนนี้ถ้าใครจะซื้อทองคำ อย่าเพิ่งไปสนใจราคาที่ขึ้น ๆ ลง ๆ ให้ซื้อเอาไว้ก่อน จะขาดทุนกำไรเล็กน้อยอย่างไรช่าง เพราะอาตมายืนยันว่าอีกไม่นานราคาทองคำจะแพงหูดับ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 09-09-2015, 14:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "วันก่อนทางมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนวัดไร่ขิง กำหนดสอบโครงร่างสารนิพนธ์ปริญญาโทวันที่ ๑๔ กันยายน อาตมาก็เลยต้องโวย ถ้า ๑๔ กันยายน คุณก็หาคนอื่นคุมเล่มแทนเถอะ เพราะวันที่ ๑๔ กันยายน ตรงกับงานหลวงปู่สาย เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่อาตมาจะว่าง

ตอนแรกวันสอบโครงร่างฯ ตรงกับวันที่ ๑๑ กันยายน แต่ท่านเจ้าคุณพระราชวรเมธีท่านไม่ว่าง ก็เลยเลื่อนมาเป็น ๑๔ กันยายน อาตมาก็ได้แต่คิดว่า ถ้าอาจารย์คุมเล่มไม่ไปก็น่าเกลียดมาก ปรากฏว่าท้ายสุดเขาก็เลื่อนเป็น ๑๕ กันยายนให้ แปลว่า พองานหลวงปู่เสร็จ อาตมาต้องวิ่งตับแล่บเลย เพราะคุมอยู่ตั้ง ๙ เล่ม กำลังคิดว่าเรียนจบแล้วไม่ต้องมายุ่งกับเรื่องอย่างนี้อีก กลายเป็นต้องมานั่งตรวจโครงร่างสารนิพนธ์ของเขา ดึก ๆ ดื่น ๆ โดนไปตั้ง ๙ เล่ม แล้วอาตมาก็มีนิสัยอ่านทุกตัวอักษรเสียด้วย

วันนั้นที่ตรวจไปมีผิดทุกหน้า ก็คิดขึ้นมาว่าสมัยตอนเราเรียนใหม่ ๆ เราก็คงจะทำให้อาจารย์ปวดกบาลแบบนี้เหมือนกันแหละ อาตมายืนยันนะ ถ้าใครไม่ได้เรียนปริญญาตรีงานวิจัยมาโดยตรง ก็จะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์สักเท่าไรหรอก จะมารู้เอาจริง ๆ ตอนที่เรียนจบแล้ว แล้วถ้าไม่ได้เรียนต่อให้สูงไปกว่านั้นก็ไม่ได้ใช้ต่อ จึงต้องมาแก้ให้เขาตั้งแต่หน้าแรกยันหน้าสุดท้าย แต่ที่น่าตายที่สุดก็คือ ชื่อตัวเองยังเขียนผิด ก็เลยบอกเขาว่า คราวหน้า
ถ้าชื่อตัวเองยังเขียนผิด อาตมาจะปรับตกตั้งแต่ก่อนสอบเลย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 09-09-2015, 15:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยที่ยังอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ฯ มีสาววัยรุ่นคนหนึ่งชื่อมีมี่ น่าจะเรียนมัธยมปลายหรือไม่ก็มหาวิทยาลัยปีแรก แกถามปัญหาสารพัด อาตมาก็นั่งทำนั่นทำนี่แล้วก็ตอบไปเรื่อย ๆ เขาโกรธมาก เขาบอกว่า เขาต้องทุ่มเทความคิดและสติปัญญาทุกอย่างเพื่อถาม หลวงพ่อทำโน่นทำนี่แล้วก็ตอบไปเรื่อย ๆ พูดง่าย ๆ คือของอาตมาสบาย ๆ ขณะที่เขาต้องทุ่มสุดตัว

อาตมาก็บอกกับเขาว่า ถ้าเราฝึกไปถึงระดับหนึ่ง ความละเอียดของใจมีมากขึ้น จะทำงานหลายอย่างได้พร้อม ๆ กัน นึกขำตอนที่เขาโกรธ เขาโกรธแบบเด็ก ๆ เลย ทุ่มเทสติปัญญาความรู้ความสามารถทั้งหมดตั้งคำถาม แต่หลวงพ่อเล่นทำงานไปตอบไป

ถ้าคนฝึกมโนมยิทธิมา มีความคล่องสักนิดหนึ่ง ก็ทำแบบนี้ได้ทุกคน เพราะว่าเรื่องของมโนมยิทธิ ใจของเราส่วนหนึ่งต้องอยู่กับพระ ใจของเราอีกส่วนหนึ่งต้องควบคุมการทำงานของร่างกายจนเคยชิน

วันก่อนที่วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ ที่หลวงตาวัชรชัยท่านพูดว่า ในเรื่องของความชัดเจนของมโนมยิทธิ ต้องยกให้อาตมา ความจริงที่ได้มาก็เกิดจากการฝึกฝน ขอยืนยันว่าต้องฝึกหนักมาก หลังจากที่ฝึกมโนมยิทธิได้ก็ซักซ้อมครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะซ้อมอยู่ข้าง ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงกับหลวงปู่ธรรมชัย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 09-09-2015 เมื่อ 19:09
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 218 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 09-09-2015, 16:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนอยู่ข้างหลวงพ่อวัดท่าซุง บารมีพระท่านสงเคราะห์ลงมา เวลาไปซักซ้อมการรู้เห็นอะไรก็จะชัดเจนมาก เมื่อมีโอกาสซักซ้อมอยู่บ่อย ๆ ก็มีความคล่องตัว แล้วก็ไปซ้อมที่หลวงปู่ธรรมชัย ก็แปลว่าเดือนหนึ่งอย่างน้อยได้ซ้อม ๒ รอบใหญ่ ๆ ก็คือ ตอนที่หลวงพ่อวัดท่าซุงมาบ้านสายลม กับหลวงปู่ธรรมชัยไปบ้านคุณประดิษฐ์ที่สมุทรปราการ

หลวงปู่ธรรมชัยจะต้องตรวจรักษาโรค เวลาคนมาหาท่านต้องจับสายสิญจน์ที่วางบนพาน หลวงปู่ก็จะบอกว่าเจ็บป่วยด้วยโรคอะไร เป็นมากี่วัน กี่เดือน กี่ปี ต้องใช้ยาอะไร ซึ่งพระเลขาต้องเขียนเร็วมาก เพราะหลวงปู่ท่านพูดไปเรื่อย ๆ อาตมาก็ไปนั่งซ้อม ปรากฏว่าป่วยมากี่ปีพอจะบอกได้ถูก แต่พอกี่เดือนกี่วันมักจะพลาด เพราะว่าวิสัยไม่ได้มาทางด้านนี้ ไม่ได้ละเอียดขนาดนั้น

ซ้อมไปอยู่เป็นปี ๆ มีอยู่วันหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านก็หัวเราะ ท่านบอกว่าทิพจักขุญาณของหลวงปู่ธรรมชัยเยี่ยมที่สุดในยุคนี้ ท่านบอกว่า "หลวงปู่เกิดมาเพื่อรักษาโรค ถ้ารู้สมมุติฐานไม่ละเอียดก็รักษาไม่ได้ เอ็งไม่ต้องไปแข่งกับท่านหรอก" เพราะฉะนั้น..ประเภท
ที่แพ้ยับเยินมาทุกงานนี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ปัจจุบันที่คนโน้นก็บอกว่ารู้ชัด คนนี้ก็บอกว่ารู้ชัด อาตมาไปเจอหลวงปู่นี่เยินมาเยอะแล้ว ไม่ติดฝุ่นท่านเลย

หลวงพ่อวัดท่าซุงบอกว่า แรก ๆ ท่านก็ต้องช่วยรักษาโรค เพราะคนเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยมาก็จะมาพึ่งพา ตนเองเป็นพระก็ต้องสงเคราะห์เขา แต่พอเห็นหน้าหลวงปู่ธรรมชัยก็รู้ว่าเจ้าของงานมาแล้ว โล่งอกไปที ภายหลังเวลาใครเจ็บไข้ได้ป่วย ท่านก็แนะนำไปหาหลวงปู่ธรรมชัยก่อน

หลวงปู่ธรรมชัยท่านเมตตาเหลือเกิน อาตมาต้องคอยอาละวาดไล่คนอยู่เรื่อย เพราะคนเราต้องการประโยชน์ของตัวเอง ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านนั่งสงเคราะห์โยมตั้งแต่เช้าจนจะเที่ยงอยู่แล้ว เขาก็ยังรุมกันแน่นไปหมด ต้องไล่ไป..บอกว่าให้หลวงปู่ได้ฉันเพลก่อน ทางด้านคุณประดิษฐ์ก็บอกว่าเป็นอย่างนี้แหละ หลวงปู่อดฉันเพลประจำ"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 09-09-2015, 16:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์เล่าว่า "สมัยก่อนเวลาหลวงปู่มหาอำพันมีอะไรก็มักจะถามอาตมา ท่านจะถามหลวงพ่อก็เกรงใจ เพราะหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่ค่อยมีเวลา ถึงเวลาท่านรู้อะไรท่านก็จะใช้วิธีขอคำยืนยันกับอาตมา เป็นคนแก่ที่น่ารักมาก บางทีก็เขียนจดหมายถาม ถ้าเจอตัวก็ถามตรง ๆ

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่านให้ช่วยเขียนวิธีการฝึกและใช้มโนมยิทธิถวายท่าน อาตมาก็เขียนตำราถวายท่านไป ต้องบอกว่าเป็นตำราเล่มแรกของพระอาจารย์เล็ก เขียนใส่สมุดธรรมดา ๆ นี่แหละ แล้วท่านก็มาเน้นข้อความ คือท่านจะดูว่าตรงกับที่ท่านรู้มาหรือไม่ เพราะว่าจริง ๆ แล้วหลวงปู่ท่านทำได้ แต่ท่านไปติดตรงที่ว่าทิพจักขุญาณต้องเหมือนกับตาเห็น ท่านจะเอาแบบทิพยเนตร ไม่ใช่ทิพจักขุญาณ พอท่านเข้าใจว่าทิพจักขุญาณเป็นความรู้สึกแรก ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไปลื่นเลย ถือเป็นโอกาสที่หาไม่ได้ในโลก คือได้ถวายความรู้แก่ครูบาอาจารย์ระดับนั้น

แล้วท่านก็ซื้อปากกาหมึกซึมพร้อมกับหมึกดำให้ขวดหนึ่ง บอกว่าต่อไปคุณใช้หมึกนี้นะ เพราะว่าปากกาของคุณสีจางมาก คนแก่มองไม่ค่อยเห็น ก็คือด้วยความที่จะเขียนถวายหลวงปู่ สมุดก็เอาเล่มใหม่ ปากกาก็เอาของใหม่ คราวนี้ปากกาหมึกซึมถ้าใช้ใหม่ ๆ แล้วสีจะจาง ต้องใช้ไปสักครึ่งหนึ่งแล้วสีจะค่อย ๆ เข้มขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าต้นฉบับนั้นพี่มุกดาจะเก็บเอาไว้

ต้องบอกว่ามีโอกาสทำงานที่ไม่น่าจะได้ทำ เพราะว่าหลวงปู่ท่านมีหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นครูบาอาจารย์ มีหลวงปู่ธรรมชัย หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์เป็นสหธรรมิก กลับต้องมาคอยถามอาตมาอยู่ว่าเรื่องพวกนี้เป็นอย่างไร"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 213 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 09-09-2015, 16:57
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ถ้าเดือนนี้กับเดือนตุลา จะย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่วันไหนดีครับ ?
ตอบ : ปกติแล้วในช่วงเข้าพรรษาเขาจะไม่ขึ้นบ้านใหม่กัน เพราะฉะนั้น..ให้ไปหาฤกษ์หลังออกพรรษา แล้วเป็นฤกษ์ วันศุกร์ ข้างขึ้น เดือนคู่ ก็ต้องเป็นเดือน ๑๒ หรือไม่อีกทีก็เดือนยี่คือปีหน้าไปเลย ถ้าจำเป็นต้องย้ายระยะนี้ ก็เอาตัวเข้าไปอยู่ก่อน พอหาฤกษ์ที่เราต้องการได้ก็ตั้งหิ้งพระ แล้วนิมนต์พระเข้าไป ถือว่าวันที่พระเข้าบ้านก็คือวันขึ้นบ้านใหม่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-09-2015 เมื่อ 17:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 10-09-2015, 14:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : คำว่า สุกขวิปัสสโก เขาบอกว่า เป็นผู้มีฌานอันแห้งแล้งครับ ?
ตอบ : อธิบายง่าย ๆ ว่า ไม่มีฤทธิ์ไม่มีอภิญญา คำว่า สุกขวิปัสสโก มีอธิบายว่า รู้แจ้งเห็นจริง เข้าถึงธรรมแบบง่าย ๆ โอ้พระเจ้า...ถ้าเข้าถึงธรรมได้ง่าย ๆ ก็ดีสินะ

พูดง่าย ๆ ว่า บรรลุมรรคผลโดยปราศจากความสามารถพิเศษด้านอื่น ๆ แต่เท่าที่อาตมาเจอมา ก็เห็นว่าท่านทำอะไรได้เหมือนกับพระอภิญญาดี ๆ นี่เอง ที่ยกตัวอย่างไปก็คือ หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส สมัยที่อาตมาอยู่กับท่าน ท่านมักจะซักซ้อมมโนมยิทธิด้วยการสอบถามเรื่องนั้นเรื่องนี้กับอาตมาว่าเป็นอย่างไร เวลาท่านรู้ท่านจะมาถาม ก็แปลว่าท่านรู้ยิ่งกว่าอาตมาเสียอีก เพียงแต่ท่านต้องการให้คนยืนยันเท่านั้นว่าเรื่องนี้ถูกไหม

ขณะเดียวกันก็เคยเห็นท่านเรียกฝนมาต่อหน้าต่อตาเหมือนกัน เพราะฉะนั้น..จะบอกว่าพระสุกขวิปัสสโกไม่มีฤทธิ์ก็ไม่จริง เพราะฤทธิ์ที่เราว่านั้นก็คืออิทธิวิธี การแสดงได้ด้วยอำนาจของกสิณ ๑๐ ที่เขาแยกแยะเป็นประเภทวิกุพพนาฤทธิ์ แต่ว่าฤทธิ์ด้านอื่น ๆ อย่างเช่นว่า ฌานฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากฌานสมาบัติ อธิษฐานฤทธิ์ ฤทธิ์ที่เกิดจากความตั้งใจมั่นนั้นมีอยู่ คราวนี้พระระดับนั้นกำลังของท่านเหลือเฟืออยู่แล้ว ถ้าท่านตั้งใจอธิษฐานต้องการอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น

เขาบอกว่าพระสุกขวิปัสสโกแสดงฤทธิ์ไม่ได้ แต่อาตมาเจอมาเต็ม ๆ พอท่านทำเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ท่านก็บอกว่า “อย่าบอกใครนะ”

ถาม : เป็นของเก่าหรือครับ ?
ตอบ : จะบอกว่าเป็นของเก่าไม่ได้หรอก เพราะว่าถ้าเป็นของเก่า ที่พื้นฐานเดิมถ้ามาทางวิชชา ๓ อภิญญา ๖ เวลากำลังถึงจะได้ของเก่าคืนมา แสดงว่าของท่านเป็นของใหม่จริง ๆ แต่ว่าเราไปเข้าใจผิดว่าแสดงฤทธิ์ไม่ได้ เพราะไปคิดว่าเป็นวิกุพพนาฤทธิ์ แต่ความจริงฤทธิ์ด้านอื่น ๆ มีรวม ๆ กันตั้ง ๑๐ อย่าง


ถาม : ประโยชน์อะไรที่จะไปแยกสุกขวิปัสสโกกับประเภทอื่น ๆ ?
ตอบ : แยกให้รู้เท่านั้นเองว่าคุณจัดอยู่ในประเภทไหน จะว่าไปแล้วก็จบปริญญาเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าคนเรียนหมอมาก็มีความสามารถพิเศษทางหนึ่ง คนจบปริญญาด้านพลศึกษามา สมรรถภาพร่างกายของเราก็สู้เขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่คราวนี้ตำรับตำราคำอธิบายมาฟังแล้ว แหม...บรรลุมรรคผลง่าย ๆ กว่าจะง่ายนี่ไม่รู้ล่อไปกี่แสนกัป..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 10-09-2015 เมื่อ 18:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 10-09-2015, 16:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระสาวกต้องบำเพ็ญบารมีนานเท่าไรครับ ?
ตอบ : ถ้าตามในวิสุทธิมรรคกล่าวมาก็คือ ๑ อสงไขยกับแสนมหากัป

ถาม : อัครสาวกล่ะครับ ?
ตอบ : อัครสาวก ๒ อสงไขย เท่ากับพระปัจเจกพุทธเจ้า

ในบรรดาอัครสาวก มหาสาวก ระบุไว้ว่ามีพระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ พระนางพิมพา ท่านใช้คำว่าได้อภิญญาใหญ่จริง ๆ เพราะว่าท่านทั้งหลายเหล่านี้ระลึกชาติได้แบบไม่จำกัด พูดง่าย ๆ ก็คือเกิดมากี่ชาติก็สามารถที่จะนึกได้หมด ขณะเดียวกันสาวกคนอื่นอาจจะระลึกได้คนละ ๑ กัปบ้าง ๕ กัปบ้าง ๑๐ กัปบ้าง ๑๐๐ กัปบ้าง

ถ้าไม่ใช่พระอรหันต์ที่ท่านปล่อยวางได้แล้วจริง ๆ การระลึกชาตินี่คงเครียดน่าดู เกิดเป็นคนนี้คนนั้นสารพัดสารเพ เป็นพวกเราคงปวดกบาลตายชัก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2015 เมื่อ 16:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 10-09-2015, 16:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระโสดาบันเกิดอีกกี่ชาติครับ ?
ตอบ : มากที่สุด ๗ ชาติ เป็นประเภทสัตตักขัตตุงปรมะ เป็นมนุษย์ชาติที่ ๑ ไปเทวดาชาติที่ ๒ ลงมาเป็นมนุษย์อีกชาติที่ ๓ ขึ้นไปเป็นเทวดาชาติที่ ๔ ลงมาเป็นมนุษย์อีก ๕ ขึ้นไปเป็นเทวดา ๖ ลงมาเป็นมนุษย์ ๗ แล้วไปพระนิพพาน

โกลังโกละ แปลว่า จากตระกูลสู่ตระกูล จากมนุษย์ขึ้นไปเป็นเทวดา ลงมาเป็นมนุษย์อีกที แล้วก็ไปพระนิพพาน เพราะฉะนั้น..การที่จะเป็นเทวดาหรือมนุษย์เขาเรียกเกิดทั้งนั้น ก็เท่ากับเหลือประมาณ ๓ ชาติ ส่วนเอกพีชี เขาแปลว่า ผู้มีพืชอันเดียว คือเกิดเป็นมนุษย์แล้วก็เข้าพระนิพพานไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2015 เมื่อ 16:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 10-09-2015, 16:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : พระอนาคามียังมีคำว่า "เรา" คือ ถือว่าเป็นเรา ?
ตอบ : รอให้คุณเป็นก่อนดีกว่าแล้วค่อยมาถาม คือถ้ายังตัดไม่หมด อย่างไรตัวสุดท้ายก็ยังเกาะอยู่ ตัวสุดท้ายหรืออวิชชาที่เกาะอยู่ ก็คือเกาะตัวแรกที่เป็นสักกายทิฏฐิด้วย เพราะฉะนั้น..จะเป็นเราหรือเป็นเขาก็พอกันนั่นแหละ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-09-2015 เมื่อ 16:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว