กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

Notices

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #41  
เก่า 06-09-2016, 14:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "จำไว้ว่ากิเลสไม่เคยหย่อนมือให้กับเรา รักจะรบกับกิเลสต้องเอาจริง ไปทำเป็นเล่น ๆ เดี๋ยวโดนตีตาย พวกเราพออยู่ไประยะหนึ่งแล้วทำตัวเหมือนคนมีเวลามาก ทำตัวเหมือนคนมีเวลามากก็ประมาทเกินไป มีโอกาสต้องรีบบี้กิเลสให้ตายคามือไปเลย ไม่ใช่ปล่อยแล้วปล่อยอีก เขาเรียกว่าเมตตาผิดประเภท

เมตตาคน เมตตาสัตว์ เมตตาอะไรก็ได้ แต่อย่าไปเมตตากิเลส ทำตัวเหมือนกับวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต ทุ่มเทให้เต็มที่ ถึงไม่สำเร็จเราก็ตอบตัวเองได้ ว่าได้ลงมือทำเต็มที่แล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 209 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #42  
เก่า 06-09-2016, 14:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ศาสนาพุทธของเรา นอกจากคำสอนที่อยู่ในลักษณะของการรักสงบ ปลีกตัวออกจากหมู่ ไม่ยุ่งกับเรื่องของคนอื่นแล้ว ยังอยู่ในลักษณะที่พอนาน ๆ ไปเหมือนกับน้ำเน่า ก็คือนิ่ง ไม่มีอะไรที่อยู่ในลักษณะของการรุกคืบเพื่อชิงมวลชนเหมือนกับศาสนาอื่น ก็เลยทำให้ศาสนาของเราอยู่ลักษณะของการตั้งรับมาโดยตลอด

แม้กระทั่งการสงเคราะห์มวลชนก็คืออยู่ในวัด รอคนมาหา ก็เลยสู้ศาสนาอื่นเขาไม่ได้ อย่างศาสนาคริสต์เขาส่งบาทหลวงไปทั่วโลก ส่งพวกสามเณรฝึกหัดออกไปเพื่อเผยแผ่ศาสนากันอย่างชนิดทุ่มเท ผมเคยเจอเขามาเมืองไทย เด็กหนุ่ม ๆ อายุไม่ถึง ๒๐ ปี พูดไทยได้ ร้องเพลงไทยได้ จะชัดไม่ชัดก็ช่างเถอะ

ถามเขาว่าฝึกภาษาไทยนานไหม ? เขาบอกว่า ๓ เดือน แค่ ๓ เดือนเขาเผยแผ่ศาสนาได้แล้ว ของเขาส่งไปทั่วโลกเลย บ้านเรานี่ส่วนมากรออยู่แต่ในวัด ถ้าโยมไม่เข้าวัดโอกาสที่จะได้มวลชนก็ไม่มี ส่วนศาสนาอิสลามหนักกว่านั้นอีก ศาสนาอิสลามเป็นนักเผยแผ่ทุกครอบครัว คนเป็นพ่อเป็นแม่อบรมลูกอยู่ในครอบครัว แล้วทุกคนก็กลายเป็นผู้ควบคุมในสังคมนั้น ๆ ว่ามีผู้ใดทำผิดหลักศาสนาบ้าง ถ้าทำผิดหลักก็อยู่ร่วมกันไม่ได้

นอกจากอบรมในครอบครัวแล้ว สังคมภายนอกยังมีการตรวจสอบที่เข้มข้นมาก คนที่ทำผิดหลักศาสนาไม่สามารถที่จะอยู่ร่วมในสังคมได้เลย แต่ศาสนาพุทธของเราไม่มีตรงนี้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 20:05
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #43  
เก่า 06-09-2016, 15:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างของอาตมามาที่นี่ ก็ถือว่าเป็นการเผยแผ่เชิงรุกอย่างหนึ่ง ก็คือเราออกจากวัดมา ลักษณะเดียวกันกับไปบรรยายตามสถานที่ราชการ หรือพวกหน่วยงานเอกชนต่าง ๆ ก็คือลักษณะของการรุกคืบเข้าไปหามวลชน การทำงานศึกษาสงเคราะห์ ให้ทุนนักเรียน การทำงานสาธารณสงเคราะห์ เอาของไปแจก ก็คือการรุกคืบเข้าไปหามวลชน ให้เขารู้ว่าศาสนาของเรายังพึ่งได้

แต่ก็ทำกันในหมู่น้อยมาก พระสงฆ์ทั่วประเทศ ๒๐๐,๐๐๐ - ๓๐๐,๐๐๐ รูป มีทำงานอย่างนี้ถึง ๑๐,๐๐๐ รูปไหม ? ไม่น่าจะถึงกระมัง ? หรือถ้าท่านทำก็ลักษณะเดียวกัน คือไม่มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ จึงรู้กันในวงแคบ กลายเป็นว่า คนทำดีไม่มีคนเห็น แต่พอทำผิดหน่อยสารพัดสื่อช่วยกันใส่ การทำผิดน้อยกลายเป็นผิดมาก แต่ทำดีมากกลับไม่มีใครเห็น แบบนี้ศาสนาเราถึงได้ไปยาก

หนังสือ (พระพุทธศาสนาอยู่ได้ ทุกสถาบันอยู่รอด) ที่เขาทำมา ลักษณะของบุคคลที่มีแนวคิดแบบเดียวกัน ก็คือว่าเราต้องยึดฐานมวลชน แล้วก็ปลุกระดมความคิดของคน ให้หันกลับมายึดหลักธรรมในพระพุทธศาสนา โดยเอาพวกที่เรียนจบสูง ๆ มา

อาตมาก็ยืนยันได้เต็มปากเต็มคำว่า ตูเรียนจบปริญญาเอก ทฤษฎีฝรั่งไม่ได้หนีไปจากพระพุทธเจ้าเลย ถ้าไม่ใช่นักปราชญ์ที่มีแนวคิดที่ใกล้เคียงกัน ก็กลายเป็นว่าเขาลอกแบบศาสนาพุทธไปดื้อ ๆ แต่ไปตั้งเป็นทฤษฎีของตัวเอง แล้วเราก็ไปเลื่อมใสนักหนาว่าเป็นของฝรั่ง เป็นของผู้ที่เจริญแล้ว แต่สิ่งที่ดีที่สุดของพระพุทธเจ้า คนกลับทอดทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 197 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #44  
เก่า 06-09-2016, 15:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ตอนที่สอบ QE ของปริญญาเอก มีหมวดหนึ่งคือหมวดการประยุกต์ใช้ ชอบใจข้อสอบนั้นมาก ข้อเดียวให้เวลาเขียน ๓ ชั่วโมง เขาบอกว่าจงอธิบายอิทธิบาท ๔ ประยุกต์ให้เข้ากับหลักการบริหาร ๑๗ ข้อของ McCarthy แล้วโยงให้เข้ากับสัมมัปปธาน ๔ เจ้าประคุณเอ๋ย...! ๑๗ คูณ ๔ ล่อเข้าไปเท่าไรแล้ว เป็น ๖๘ แล้วคูณอีก ๔ ยังไม่ทันจะเขียนเลย ๒๐๐ กว่าบรรทัดแล้ว...!

เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมข้อสอบข้อเดียวให้เวลา ๓ ชั่วโมงแล้วเขียนกันไม่เสร็จ ที่ทำเสร็จภายในเวลามีคนเดียวคืออาตมาเอง นอกนั้นขอรอลอก เขียนไปหน้าหนึ่งก็เอากล้องถ่าย แล้วก็ไปนั่งลอก อาตมาต้องกำชับว่า “เฮ้ย...ให้รู้จักสลับข้อบ้างนะ ไม่อย่างนั้นจะพากูเดี้ยงไปด้วย...!” บางคนก็เร่งกันจัง “เร็ว ๆ หน่อยเดี๋ยวลอกไม่ทัน” อีกคนก็นั่งกระดิกตีนซดกาแฟ “เฮ้ย...ให้รู้จักมารยาทในการลอกบ้าง ต้องให้คนทำเขาเขียนเสร็จก่อนถึงจะลอกได้” แหม...หลักการดีมากเลยนะ แต่ทั้งหมดมึงก็ลอกกูนั่นแหละ...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #45  
เก่า 06-09-2016, 15:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สรุปก็คือเอาบุคคลที่ประสบความสำเร็จทางด้านการศึกษา มายืนยันว่าทฤษฎีฝรั่งไม่มีอะไรดีจริง ทุกอย่างมีในหลักธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว และของพระพุทธเจ้านั้น รอบคอบ รอบด้าน ไม่มีอะไรผิดพลาด ขณะที่ทฤษฎีของฝรั่งยังเป็นแค่ทฤษฎี

อย่าลืมว่าทฤษฎีก็คือ กฎเกณฑ์กติกาที่คนตั้งขึ้นมาอย่างมีหลักการและเป็นที่ยอมรับในขณะนั้น แต่ถ้ามีคนค้านได้เมื่อไร ทฤษฎีของคุณก็จะสลายตัว ถึงเวลาก็ไปใช้ทฤษฎีใหม่ของคนที่ค้าน เพราะฉะนั้น...ของฝรั่งจึงเป็นได้แค่ทฤษฎี ก็คือหาความสมบูรณ์แท้จริงไม่ได้ อยู่ในลักษณะการทดลองใช้ แต่ของพระพุทธเจ้าท่านอยู่ลักษณะสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง คัดค้านไม่ได้ พระพุทธเจ้าถึงได้กล่าวว่า พระองค์ท่านประกอบไปด้วยเวสารัชชกรณธรรม ๔ ประการ เช่น พระองค์ท่านปฏิญาณตนว่าบรรลุอรหันตสัมมาสัมโพธิญาณ ก็ไม่มีใครคัดค้านได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 201 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #46  
เก่า 06-09-2016, 15:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"พวกเราไม่สามารถที่จะออกมาได้ ก็ช่วยกันเป็นกองหนุน ซื้อหนังสือทีละเล่ม ๒ เล่ม ไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไรก็รวม ๆ ไว้เยอะ ๆ เอามาทำหมอนหนุนก็ยังดี แต่ถ้าอ่านแล้วจะเห็นว่าน่ากลัวมาก ศาสนาอื่นเขารุกคืบทุกวิถีทาง ต้องบอกว่าอาตมาเคยได้รับเชิญเข้าไปประชุมผู้นำ ๕ ศาสนา มีพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู ซิกข์ ตัวแทนของแต่ละศาสนาที่ส่งขึ้นเวที ไปในระดับนานาชาติได้เลย ออกเวทีสากลได้ไม่อายใคร แต่ตัวแทนศาสนาพุทธดูจ๋อย ๆ จ๋อง ๆ อย่างไรก็ไม่รู้ แต่เนื่องจากว่าท่านมีสมณศักดิ์สูงที่สุดในกลุ่ม ก็เลยต้องให้ท่านขึ้นไป ขึ้นไปแล้วอยู่ในลักษณะไปให้เขาต้อน อาตมาก็นั่งเซ็งอยู่ข้างล่าง ไปให้เขาต้อนแล้วเราก็ได้แต่นั่งดู ทำอะไรไม่ได้

แม้กระทั่งศาสนาซิกข์ที่มีศาสนิกชนน้อยที่สุดในประเทศไทย ตัวแทนของเขาก็เฉียบคมมาก มุมมองทุกอย่างต้องบอกว่ามองเกมขาดในทุกมุม ไม่ต้องไปพูดถึงอิสลามหรือว่าคริสต์ เพราะว่าพวกนั้นเขาไม่ใช่ระดับยอดฝีมือก็ไม่มีโอกาสได้เป็นตัวแทนอยู่แล้ว แต่ของศาสนาพุทธเรามักจะอยู่ในลักษณะเห็นแก่หน้ากัน ในเมื่อเห็นแก่หน้ากัน ท่านอาวุโสมากกว่าท่านก็ขึ้นไป โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าท่านผู้อาวุโสกว่านั้น บางทีท่านก็ไม่รู้อะไร ขึ้นไปก็ไปให้เขาเชือดดี ๆ นี่เอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 20:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 199 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #47  
เก่า 06-09-2016, 15:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเราปฏิบัติธรรมได้ก็ปล่อยที่รั่วไหลกันหมด ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ไหลตามกิเลสไปหมด ทำอย่างไรที่จะเห็นรูปแค่เป็นรูป โดยไม่ไปปรุงแต่งว่าเป็นหญิงเป็นชาย ชอบหรือไม่ชอบ เพราะว่าการปรุงแต่งเกิดโทษทั้งนั้น ชอบก็เป็นราคะ ไม่ชอบก็เป็นโทสะ เห็นสักแต่ว่าเห็น ได้ยินสักแต่ว่าได้ยิน ได้กลิ่นสักแต่ว่าได้กลิ่น ได้รสสักแต่ว่าได้รส สัมผัสสักแต่ว่าสัมผัส หยุดไว้อย่าให้เข้ามาในใจ แค่ขั้นต้นทำได้ไหม ? ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่มีทางที่จะสู้กิเลสได้

ส่วนใหญ่พวกเรามักจะคิด คิดเก่งมาก ไม่ใช่คิดมาก คิดคนเดียว คิดคนเดียวจะเรียกว่าคิดมากไม่ได้หรอก ไม่เป็นพหูพจน์...ใช่ไหม ?
คนเดียวเป็นได้แค่เอกพจน์ ในเมื่อคิด ดันคิดดีกว่าที่เขาทำอีก บางทีเขาทำไม่ได้มีความหมายอะไรเลย หยิบของส่งให้บังเอิญหลุดมือวางแรงไปหน่อย ก็ไปหาว่าเขากระแทกของใส่หน้า ไปยันโน่นเลย นั่นแหละคือการคิดปรุงแต่ง เราคิดไปเมื่อไรก็ก่อทุกข์ก่อโทษให้กับเราทั้งนั้น

อย่าปล่อยให้กำลังที่สะสมได้รั่วหมด พอเรารั่วหมดก็ไปยินดียินร้ายกับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ ที่เกิดขึ้น กำลังก็ไม่พอที่จะต่อต้านกิเลสสักที"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 193 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #48  
เก่า 06-09-2016, 15:19
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"กิเลสก็เก่งโคตรเลย หลอกให้เรารั่วได้ตลอด ถึงต้องสร้างสติและปัญญา การที่จะสร้างสติและปัญญา สิ่งที่ทิ้งไม่ได้เลยก็คือลมหายใจเข้าออก อานาปานสติ สติที่ใฝ่ในลมหายใจเข้าและลมหายใจออก ถ้าสติมั่นคงแน่วนิ่งอยู่ตรงหน้า สภาพจิตราบเรียบสงบลง ปัญญาจะเกิด จะรู้ว่าจะประคองตัวอย่างไรถึงจะรอดพ้นจากตรงนี้ไปได้ หลังจากนั้นถ้าสะสมกำลังมากพอ ก็รู้ว่าจะจัดการกับกิเลสอย่างไร

แต่ถ้ากำลังยังไม่พอก็หลบ ๆ เสียก่อน สู้ไม่ได้...ตายคาที่ทุกสนามแหละ ตายแล้วตายอีกก็ไม่เคยเข็ด...ใช่ไหม ? พอถึงเวลาเห็นก็เริ่มมองแล้ว สวยไหมวะ ? หล่อไหมวะ ? ถูกใจไหม ? ปรุงไปเรื่อยเปื่อย ทั้งพระทั้งโยมพอกัน ตูก็นึกว่าจะมีดีกว่ากันบ้าง...!

เอาแค่นี้แหละ พูดมากไปก็ลำบาก ทุกวันนี้พระเจ้าที่วัดไม่ค่อยจะมีใครอยากเข้าใกล้อาตมาแล้ว ท่านหาว่าพระอาจารย์ละเมิดลิขสิทธิ์ทางความคิดของท่าน คิดแล้วทำไมต้องพูดออกมาด้วย ? บางท่านก็อุตส่าห์แอบ ๆ ทำโน่นทำนี่ให้พระอาจารย์ มาถึงก็บอก “กูทำเองเป็น ไม่ต้องช่วยหรอก...!”
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #49  
เก่า 06-09-2016, 15:22
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ส่วนใหญ่แล้วพวกเราไปกลัวพระ พระจริง ๆ ท่านไม่ดูว่าใครทำอะไรผิดมาหรอก แต่ดูว่าจะช่วยพวกเราอย่างไร พวกเราส่วนใหญ่แล้วพอทำผิดทำพลาด เสียท่ากิเลสเมื่อไรก็หายหัวไปนาน ไปทำอะไร ? ไปรวบรวมกำลังใจ พอรู้สึกว่าดีหน่อยค่อยมาหาพระ แบบนั้นเรียกว่าสมควรตาย...!

ตอนที่ไม่ดีต้องรีบมาเพื่อที่จะให้พระท่านช่วยเรา ตอนดีแล้วมาทำซากอะไร ?! มาก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไร เพราะต้องไปช่วยคนที่แข็งแรงน้อยกว่า คนเดินได้ก็ปล่อยให้เดินไปสิ ตอนหกล้มหกลุกไม่ยักจะตะกายมาให้ช่วย อย่างนี้เขาเรียกว่ากลัวไม่เข้าท่า

ทำความดีก็ต้องหน้าด้าน มัวแต่กลัวครูบาอาจารย์อยู่ โบราณเขาว่าอายครูบ่รู้วิชา โดยเฉพาะอายครูทางธรรมนี่บรรลัยเลย ไม่ต้องเข้าถึงธรรมกันสักที ผิดก็ให้รู้ว่าผิด ผิดแล้วแก้ไขไม่มีใครเขาว่าหรอก แต่ถ้าผิดแล้วดักดานอยู่ตลอดเวลาก็ต้องด่ากันบ้าง

อาตมาอบรมพระตอนเย็น ๆ จับไมค์ขึ้นมาก็เริ่มมองหน้ากันแล้ว วันนี้ใครจะโดนวะ ? ไม่ได้คิดเลยหรือว่าวันนี้ตัวเองจะโดน ? ด่านี่ไม่ได้ด่าคนอื่นนะ เราต้องดูด้วยตรงนั้น ถ้าหากว่าเป็นจุดผิดพลาดบกพร่องของเรา เราก็แก้ไขไปด้วย ไม่ใช่เที่ยวไปตามหาว่าวันนี้ใครผิด วันนี้ใครโดน ลักษณะนั้นต้องบอกว่าโง่หลายชั้น...!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #50  
เก่า 06-09-2016, 15:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เสียดายอยู่อย่างหนึ่งว่า อาตมาผลักดันจนกระทั่งมโนมยิทธิเข้าไปเป็นตำราเรียนของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย ในวิชาธรรมะภาคปฏิบัติ ๗ แต่เขาไม่ยอมให้อาตมาเขียน เขาเอานักวิชาการของเขามาเขียนเอง แล้วก็ออกมาเป็นอะไรก็ไม่รู้ ออกมาไม่ใช่มโนมยิทธิของเรา กลายเป็นวิชาตั้งธาตุ นะมะพะทะ ตามความเข้าใจที่เขาหาข้อมูลได้

อีกอย่างหนึ่งตัวมโนมยิทธิของพวกเรา จุดบอดใหญ่ที่สุด ก็คือ
เห็นแล้วเชื่อ แบบนี้ตายทุกคน...! เพราะว่าในสิ่งที่เราเห็นไม่แน่ว่าจะเป็นความจริง แต่เราเห็นจริง ๆ ในเมื่อเราเห็นเราก็เชื่อเพราะเราเห็น ในเมื่อเราเห็นเราเชื่อ คนอื่นบอกก็ไม่ฟัง อาตมาเคยย้ำนักย้ำหนาว่า เห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมา เราก็แบกมีดแบกปืนไปช่วยเขา จะโดนเขากระทืบตาย เพราะเขาถ่ายหนังกันอยู่..! เราเห็นเขาไล่ฆ่าไล่ฟันกันมาจริงไหม ? ก็จริง แล้วใช่เรื่องจริงไหม ? เขาแค่ปรุงแต่งมาลองใจเราเท่านั้นเอง แล้วเราก็ไปเชื่อหัวทิ่มหัวตำ แล้วก็โดนดึงออกไปนอกลู่นอกทางไปหมด

รู้แล้วแทนที่จะละ เพื่อที่จะสิ้นกิเลสไว ๆ กลับรู้แล้วไปยึด ไอ้คนโน้นเป็นผัวกู ไอ้คนนี้เป็นเมียกู ไอ้คนนี้เป็นอย่างนั้น ไอ้คนนั้นเป็นอย่างนี้ ให้สังเกตดูบ้างสิว่า สิ่งที่เรารู้ไม่ได้รู้เพื่อละกิเลสเลย กลายเป็นรู้เพื่อเพิ่มกิเลสทั้งนั้น แต่ก็ดันไปเชื่อเสียอีก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 190 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #51  
เก่า 06-09-2016, 17:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"สมัยที่อาตมาอยู่วัดท่าซุง ต้องบอกว่าโชคดีที่อยู่ในยุคทองของมโนมยิทธิ ก็คือนอกจากหลวงพ่อท่านจะอยู่เป็นหลักแล้ว บรรดาพี่ ๆ หลายท่านก็ยังมาร่วมวิเคราะห์วิจัยกันอยู่ทุกเย็น พอทำวัตรค่ำเจริญกรรมฐานเสร็จเรียบร้อย ประมาณทุ่มกว่าถึงสองทุ่มก็มารวมตัวกันที่ใต้หอระฆัง หน้าร้านป้ากิมกี่ ฉันปานะกันบ้าง แล้วก็มาวิเคราะห์กันว่า อารมณ์ใจตอนนี้เป็นอย่างไร ? สิ่งที่เรารู้เห็นมาเป็นอย่างไร ?

ท่านไหนที่มีประสบการณ์มากกว่า หรือมีความชัดเจนกว่าก็เอาความรู้มาแบ่งปันกัน ทำให้เราวิเคราะห์ได้ถูกต้องว่าสิ่งที่เรารู้มานั้นจริงหรือไม่จริง ? ทำให้เราป้องกันความผิดพลาดได้มาก ขณะเดียวกันกำลังใจก็ไปในทางเดียวกัน กลายเป็นช่วยกันผลัก ช่วยกันดันไปในทางที่ดี แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า พอไม่มีหลวงตาวัชรชัย ไม่มีอาตมา ไม่มีท่านสมปอง ก็จบเลย ไม่มีใครนำแล้ว

เมื่อก่อนเราทดสอบกันทุกวัน ไม่มีหรอกเรื่องที่จะทิ้ง ถึงเวลากรรมฐานเสร็จ โน่น...โดดขึ้นรถอีแต๋น ท่านดุ่ยก็ถาม “หลวงพี่..มีรถไหม ?” “ไม่มี” โอ้โฮ...ท่านแทบจะยกล้อขึ้นถนนเลย ถามว่า “มึงเชื่อกูขนาดนี้เลยหรือ ?” ถ้าพลาดวันไหนก็ตายห่...กันยกคัน..!

วันนั้นก็ออกมา “มีรถไหม ?” “มี..!” เบรกตัวโก่งเลย มองซ้ายมองขวาไม่มีไฟสักดวง มาได้อย่างไรวะ ? ไหนบอกว่ามีรถ ยังไม่ทันไรได้ยินเสียงแก๊ก ๆ ๆ ส่องไฟฉายดูเห็นปั่นจักรยานมา เออ...แม่นจริงเหมือนกันนะ เราทดสอบกันอย่างนี้ แล้วถึงเวลาก็มานั่งวิเคราะห์วิจัยกันว่าอะไรผิด อะไรพลาด คุณวางกำลังใจอย่างไร ? ตอนแรกนั้นใช่ พอคุณไป เอ๊ะ...อาจจะเป็นอย่างนั้น ก็พังทันทีเลย...ใช่ไหม ? ทำให้พวกเรารู้วิธีในการปรับกำลังใจตนเอง"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 183 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #52  
เก่า 06-09-2016, 17:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อย่างวันนั้นออกบิณฑบาต เดินกลับมาถึงหน้าวัด ญาติโยมใส่บาตรกันมาก แต่ปรากฏว่ามีสาวไฮโซคนหนึ่ง ใส่น้ำหอมมาฟุ้งเลย อาตมาได้กลิ่นก็กลั้นใจทันที กำหนดใจดูพี่น้องหัวยันท้าย ๑๑ รูป กลั้นใจกันหมดทุกรูป อาตมาก็ขำ พอเข้าไปถึงหอฉัน เทข้าว ล้างบาตร เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็มานั่งสุมหัวรวมกัน “เฮ้ย...กลั้นใจจริงหรือเปล่าวะ ?” “จริงว่ะ” หลวงตาวัชรชัยก็ “ไอ้ห่..Chanel No.5 ของโปรดกูเลย สู้ไม่ได้แน่ ๆ อยู่แล้ว” ก็มานั่งวิเคราะห์กันว่า ที่เรากลั้นใจนั้นเป็นปัญญาหรือว่าเราหนีกิเลส สรุปว่าเป็นปัญญา รู้ว่าสู้ไม่ได้ให้หลบไว้ก่อน พวกเราลองกันอย่างนี้ทุกวัน

ทุกวันนี้ประเภทเหลือแต่ทีท่าเฉย ๆ ถ้าตั้งใจจะสอบเอาจริงว่าอะไรเป็นอะไรนี่เจ๊งหมด เพราะไม่มีการฝึกไม่มีการหัด พอผ่านเข้าไปแล้วก็ตัวใครตัวมัน ก็เลยหยุดนิ่ง กลายเป็นน้ำเน่าไปหมด จนกระทั่งทุกวันนี้ ที่น่าเตะที่สุด ก็คือ คำว่า "อย่ามโนฯ" กลายเป็นการดูถูกวิชามโนมยิทธิของหลวงพ่อวัดท่าซุงชนิดไร้ค่าเลย ก็เพราะความไม่เอาจริงของบรรดาลูกศิษย์อย่างพวกท่านนี่แหละ ทำให้เขาทดสอบไม่ได้ แล้วก็ไปมั่ว ผิด ๆ พลาด ๆ จนกระทั่งบอกว่า "มโนฯ ไปเอง" บ้างอะไรบ้าง ท้ายสุดคำว่า "อย่ามโนฯ" ก็ระบาดไปทั่วเลย น่าตายมาก...!

เอาเถอะ...เดี๋ยวพวกท่านกับอาจารย์เต่าไปซ้อมกันเอง ถ้านำรุ่นน้องไม่ได้ก็โดนรุ่นน้องแซง ผมเองเป็นรุ่นน้องที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าชื่อรุ่นพี่เลย อะไรแซงได้ผมแซงหมด ถ้าเรามัวแต่รอกันอยู่ก็หาความก้าวหน้าไม่ได้ ไปได้ให้ไปก่อน ถือคติว่าวางก่อนสบายก่อน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #53  
เก่า 06-09-2016, 17:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ที่น่าเสียดาย คือ ทุกวันนี้พวกเราปฏิบัติธรรมกันแบบคนมีเวลามาก วันนี้ทำสักนิดหนึ่งพอเป็นกระสายยา พรุ่งนี้เอาอีกสักหน่อยหนึ่ง น่าตายจริง ๆ...! กิเลสกินเราทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งยืนทั้งนั่ง ตลอด ๒๔ ชั่วโมง แล้วพวกเราก็ไปทำหน่อยหนึ่ง จะพอให้รับประทานไหม ? มองไม่เห็นทางชนะเสียด้วยซ้ำไป รู้ตัวก็ปรับปรุงเสียใหม่...!

คำสอนครูบาอาจารย์มีแล้วทั้งเสียง ทั้งหนังสือ ปฏิบัติตามนั้นแหละ อาตมาขอยืนยันในชีวิตนี้อยู่กับหลวงพ่อท่านมา ทั้งเป็นฆราวาสและพระ ๑๘ ปีเต็ม ๆ ปฏิบัติแบบทุ่มเทมา เคยถามปัญหาท่าน ๔ ครั้งเท่านั้น เรื่องของการปฏิบัติถ้าเราตั้งหน้าทำจริง ไม่นานก็จะได้คำตอบเอง ไม่ต้องเสียเวลาไปถามใคร การถามทำให้ฟุ้งซ่านเสียด้วย เพราะถามเสร็จแล้วก็ไปรอว่าเมื่อไรจะเป็นอย่างนั้น ? เมื่อไรจะเป็นอย่างนี้ ? อุ๊ย...จะเป็นแล้ว บรรลัยเลย...!

ที่อาตมาถามเพราะอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านอารมณ์ ไม่แน่ใจ เป็นของที่ไม่เคยเจอมาก่อน ก็เลยต้องถาม ๑๘ ปี ๔ คำถาม เฉลี่ยแล้ว ๔-๕ ปีถามครั้งหนึ่ง แล้วครั้งแรกก็ไม่ได้ถามด้วย ไปชวนทะเลาะกับหลวงพ่อ ไปกล่าวหาว่าท่านเขียนตำราผิด หลวงพ่อท่านบอกว่าปฐมฌานต้องประกอบไปด้วย วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตารมณ์ ไล่ไปทีละขั้น...ใช่ไหม ? อาตมาเจอเข้าทิ้งงานหมด ขึ้นรถไปวัดท่าซุงเดี๋ยวนั้นเลย ไปถึงบ่ายสองกว่าจะบ่ายสามโมง

ขึ้นไปถึง หลวงพ่อถาม “ไอ้หนู...มีอะไรคุยไหม ?” “หลวงพ่อเขียนตำราผิดนี่ครับ” ท่านบอก “เฮ้ย...เดี๋ยว...ใจเย็น ๆ มีอะไรว่ามา” กราบเรียนว่า “หลวงพ่อบอกว่า ปฐมฌานมี วิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคตารมณ์ เป็นขั้น ๆ ของผมทำไม่เห็นเป็นขั้น ๆ เลย ขึ้นพร้อมกันหมดทีเดียวเลย หลวงพ่อเขียนตำราผิดนี่ครับ”

ท่านบอกว่า “ไอ้หนู...รู้จักโบราณบอกว่าลัดนิ้วมือเดียวไหม ?” ท่านงอนิ้วแล้วดีดให้ดู ลัดนิ้วมือก็คือดีดนิ้ว ท่านบอกว่า “สำหรับเอ็งน่ะ เห็นแค่ตอนนิ้วงอกับนิ้วตรง แต่คนใจละเอียดเขาเห็นว่าขึ้นทีละนิดโว้ย !” เจ๊งราบ...กราบ ๓ ทีกลับบ้านได้ เดี๋ยวอีก ๔ ปีกว่าค่อยไปให้ด่าใหม่..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #54  
เก่า 06-09-2016, 17:38
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"ในเมื่อหนังสือมี เสียงก็มี พวกท่านทำไปเลย ถ้าหากว่าทุ่มเทจริง ๆ อย่างไรเสียต้องได้ผลแน่นอน หลวงพ่อท่านก็บอกแล้วถ้าทำจริง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน เลือกเอาว่าจะเอากติกาไหน ต่อให้ไม่ได้ ๗ วัน ๓ เดือนก็ต้องเห็นหน้าเห็นหลัง นี่ของเราพรรษาแล้วพรรษาเล่า ปีแล้วปีเล่า กี่ครั้ง ๆ มองลงมาก็ยังหมาเหมือนเดิม...!

หลายคนเข้าไปในโลกโซเชียล ตั้ง User Name เสียหรูเลย ลูกพระพุทธเจ้า ลูกวัดท่าซุง โอ้โฮ...มึงไม่อายบ้างเลยหรือวะ ? ความประพฤติสลึงหนึ่งไปตั้งราคาเสียร้อยล้าน ล่าสุดนี้เจอใครนะ ลูกแม่ศรี...ใช่ไหม ? ไม่รู้ว่าแม่ยอมรับหรือยัง แต่ก็ตั้งไปเรียบร้อยแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 181 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #55  
เก่า 06-09-2016, 17:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"อาตมาสร้างพิพิธภัณฑ์ ๑๐๐ ปีหลวงพ่อวัดท่าซุง แต่ทั้งพิพิธภัณฑ์จะมีรูปหลวงพ่อวัดท่าซุงอยู่รูปเดียว เพราะว่าเราอยู่ในที่ไหน เขาเคารพใครต้องเอาท่านนั้นเป็นใหญ่ จะเห็นว่าอาตมาอยู่ทองผาภูมิมา ๒๓ ปีแล้ว เพิ่งจะมีปีนี้ที่กล้ายกรูปหลวงพ่อวัดท่าซุงขึ้นมาไว้ข้างบน เพราะไม่อยากให้เกิดโทษกับคนอื่นเขา

สถานที่โน้นเขาเคารพหลวงปู่พุก หลวงปู่สาย ถ้าเราเอาหลวงพ่อวัดท่าซุงไป เจอคนปากเสียหน่อยเดี๋ยวเขาจะซวย ก็เลยจำเป็น จนกระทั่งแนวการปฏิบัติของอาตมาเป็นที่ยอมรับกัน เขารู้ว่าที่อาตมาทำนี่เป็นปฏิปทาหลวงพ่อวัดท่าซุง พอครบ ๑๐๐ ปีหลวงพ่อถึงได้กล้าหล่อรูปท่าน แต่ก็ต้องเอาไว้บนหมู่เรือนไทยด้านบน ก็คืออย่าให้สะดุดหูสะดุดตาข้างล่าง เราขึ้นไปกราบไปไหว้ให้ชื่นใจข้างบน


จำไว้ว่าปฏิบัติไปแล้วอย่าให้ กาย วาจา ใจ ของเราเป็นทุกข์เป็นโทษกับคนอื่น ถึงแม้จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็เป็นกรรม แล้วถ้าตราบใดที่ยังสร้างกรรมอยู่ ตัวผูกมัดให้เราอยู่กับโลกก็จะมีแต่มากขึ้นเรื่อย ๆ ทำอย่างไรที่เราจะหยุดสร้างกรรมใหม่ แล้วก็พยายามที่จะชำระกรรมเก่า กรรมไม่สามารถที่จะล้างทิ้งกันได้หรอก แต่ถ้าเราสร้างบุญสร้างกุศล สร้างกรรมดีมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกับเติมน้ำจืดลงในน้ำเค็ม พอเติมนานไป ๆ ความเค็มไม่ได้หายไปไหน แต่น้ำจืดมากจนไม่รู้ถึงรสเค็มนั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #56  
เก่า 06-09-2016, 17:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"เข้าใจหรือยังว่าต่อไปควรจะทำอย่างไร ? อะไรนิดก็ท้ออะไรหน่อยก็ถอย น่าทุบหัวสักที...! เสียเวลาเลี้ยงมาโตจนป่านนี้ รู้ว่าผิดแล้วแก้ไข พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลที่รู้ตัวว่าเป็นพาล บุคคลนั้นเป็นบัณฑิต ไม่ใช่รู้ตัวเฉย ๆ รู้แล้วต้องแก้ไขด้วย

สมัยที่อยู่กับหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านไม่ค่อยมีเวลา เพราะต้องสงเคราะห์ญาติโยมทั้งที่เห็นตัวและไม่เห็นตัว ผมก็ต้องใช้วิธีฟังเทปบ้าง อ่านหนังสือบ้าง ติดขัดตรงไหนแล้วก็ไปถามท่าน เพราะฉะนั้น...ก็อยู่ที่ว่าเราจะเอาดีหรือเปล่า ? ถ้าจะเอาดีก็ทุ่มเททำไป ครูบาอาจารย์ท่านไม่ใช่มาจ้ำจี้จ้ำไชสอนเราทุกอย่าง สิ่งที่ท่านทำให้ดูบางทีมากกว่าที่สอนอีก แต่เราดูไม่เป็น ลอกแบบปฏิปทาไม่เป็น

บางคนก็ไปนินทาครูบาอาจารย์อีกว่าไม่เห็นสอนอะไรเลย ทำให้ดูอยู่ทุกวันยังบอกอีกไม่เห็นสอนอะไร ไปนึกถึงที่หลวงปู่ดูลย์สอนเณร สอนให้ถักขาบาตร “เณร...ดูนะ จับไว้อย่างนี้ สอดอย่างนี้ พันอย่างนี้ รอบที่สองทำแบบนี้” เณรก็มัวแต่คิกคัก ๆ คุยกัน ถึงเวลาทำไม่ได้ “หลวงปู่...ทำอย่างไรครับ ?” เงียบ... “หลวงปู่...ตรงนี้ทำอย่างไรครับ ?” เงียบ...

พอทำวัตรเย็นเสร็จ “เณร...พรุ่งนี้บิณฑบาตกับหลวงปู่นะ” สามเณรก็...กูจะโดนฟ้าผ่าไหมวะ ? บิณฑบาตกับหลวงปู่ อุตส่าห์ถือบาตรตามไป เดินเข้าไปในหมู่บ้าน บ้านแรก ๆ ข้าวยังไม่เสร็จ ต้องเดินไปจนสุดท้ายหมู่บ้านแล้วค่อยเดินกลับมา ลูกสาวกำลังทำกับข้าวอยู่ตะโกนถาม “แม่ ๆ แกงส้มใส่กะปิหรือเปล่า ?” แม่ไม่ใช่หลวงปู่นี่ ตะโกนสวนทันที “อีห่..! ถ้ากูตายแล้วมึงจะถามใคร ?” หลวงปู่หันไปมองเณร เณรก้มหน้าดูดินเลย

รู้เดี๋ยวนั้นเลยว่าถ้าหลวงปู่ตายแล้วจะถามใคร ? ทำให้ดูแล้วไม่ดู นั่นยิ่งกว่าคำสอนอีก ท่านทำให้ดูแต่ไม่ดูกัน มัวแต่รอท่านสอน คนไหนโง่ก็ปล่อยไป แล้วเห็นหรือยังว่าพระระดับหลวงปู่ รู้กระทั่งว่าแม่จะด่าลูกสาวว่าอย่างไร อุตส่าห์พาเณรไปฟัง จะได้ไม่ต้องด่าเอง..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-09-2016 เมื่อ 18:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #57  
เก่า 07-09-2016, 19:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "มีดหมอแต่ละเล่มของอาตมาไม่ยอมให้สกปรกหรอก ต้องขยันเช็ดถู ถ้าไม่ขยันก็สนิมขึ้นหมด"

ถาม : ใช้น้ำมันหรือคะ ?
ตอบ : ปกติถ้าไม่มีอะไรก็ใช้พวกน้ำมันชาตรีหรือสีผึ้งนั่นแหละ แต่ต้องเช็ดให้สะอาดที่สุด ที่ฝรั่งเขาบอกว่า clean and dry คือพอทำความสะอาดแล้วต้องเช็ดให้แห้ง ไม่อย่างนั้นจะขึ้นสนิม
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:49
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #58  
เก่า 07-09-2016, 19:13
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "ที่วัดท่าขนุนจะมีการจัดเวรรับสังฆทาน ต้องไปตามเวร อาตมาเองเป็นคนยุติธรรมมาก ก็คือ ถ้าไม่ถึงเวรของตัวเองก็ไม่ลง แบบเดียวกับการออกกิจนิมนต์ก็เหมือนกัน บางบ้านอาตมาไปถึงเขาดีใจสุดชีวิต เพราะว่าพระอาจารย์มาด้วยตัวเอง อาตมาบอกว่า “อ๋อ...ถึงคิวพอดี” พอไปบ้านโน้นก็บ่น “ผมเตรียมโน่นไว้ให้ เตรียมนี่ไว้ให้ พระอาจารย์ก็ไม่มา” อ้าว...ก็ไม่ใช่คิวเรานี่"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #59  
เก่า 07-09-2016, 19:24
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มีผู้บูชาพระปิดตาในกระทู้คนมีเงินไป "พระปิดตาวัดทอง พิมพ์ยันต์น่อง เนื้อสัมฤทธิ์เงิน หายากสุด ๆ ส่วนองค์นี้เขาลงรักจีน คุณต้องดูให้เป็น เนื้อโลหะเก่ากับเนื้อรักเก่าจะต่างกันมาก ไปหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดู ถ้าเขาส่งราคามาให้ต่ำกว่าล้าน ผมจะนอนให้คุณเหยียบเลย ส่วนใหญ่พวกเราดูของกันไม่เป็น เสียดายของมาก

พระปิดตาวัดทอง ไม่เหมือนกันสักองค์ แม้ว่าแบบใกล้เคียงกันก็ไม่เหมือนกัน เพราะว่าหลวงปู่ทับท่านปั้นด้วยมือทีละองค์ ถ้าเจอสององค์เหมือนกันนี่รับประกันได้เลย ถ้าไม่ปลอมองค์หนึ่ง ก็ปลอมทั้งคู่ เพราะเขาเอาคอมพิวเตอร์ไปถอดแบบมา"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 171 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #60  
เก่า 07-09-2016, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันก่อนเพิ่งเพิ่มงานให้ตัวเองมาก ต้องเป็นประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอมาอีกหนึ่งตำแหน่ง ไม่มีทางให้เลี่ยง มีแต่งานเต็มไปหมด เป็นงานภายในของอำเภอ ทำอย่างไรที่จะผลักดันเรื่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นนาฏศิลป์ ศิลปะพื้นบ้าน ปราชญ์ชาวบ้าน หรือว่าพวกอาหารการกิน ฯลฯ ให้เด่นขึ้นมา เพราะว่าตอนช่วงนี้ทำได้อยู่ที่เดียวคือวัดของตัวเอง

การเป็นประธานสภาถึงแม้ว่าจะผลักดันคนอื่นได้ แต่ก็ต้องหางบประมาณให้เขา ถ้าไม่มีงบประมาณสมัยนี้งานไม่ค่อยจะเดินกัน"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-09-2016 เมื่อ 02:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:24



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว