|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#401
|
||||
|
||||
"แต่ก็มีบางสำนักที่ถือเคร่งครัดแบบ "ลา" เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น รับใบปวารณาแต่ไม่รับเงินสด ทั้งที่ในศีลพระระบุไว้ว่า "พระภิกษุรับเองก็ดี หรือใช้ให้ผู้อื่นรับแทนก็ดี ซึ่งเงินทองหรือสิ่งของที่ใช้แทนเงินทอง ต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์"
แล้วก็เอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องของตน ไปทำลายศรัทธาของคนอื่น ด้วยการไปประณามบุคคลที่นำเงินทองถวายพระ ว่าเป็นผู้ทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้พระเกิดกิเลส ทั้งที่กิเลสของทุกคนติดตัวมาตั้งแต่ก่อนเกิดแล้ว เป็นการอ้างพระพุทธวจนะ ยกตนว่าสูงส่งบริสุทธิ์ ถ้าไม่ทำแบบตนก็คือผิดทั้งนั้น..! บรรดา "ลา" ที่หน้ามืดตามัวเหล่านี้สามสี่ตัว มายกป้ายและตะโกนห้ามญาติโยมที่กำลังใส่บาตรอาตมาอยู่ กล่าวหาว่าการนำเงินใส่บาตรเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้ท่านที่ได้รับรู้รับฟังเกิดอาการ "ของขึ้น" ยังดีที่อาตมาพอที่จะมีสติอยู่บ้าง จึงได้ห้ามปรามญาติโยมทั้งหลายเอาไว้ ปล่อยให้บรรดา "ลา" จากไปด้วยความปลอดภัย เดินแบกสักกายทิฐิและอติมานะติดตัวไปด้วยความภาคภูมิใจ..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2020 เมื่อ 13:07 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#402
|
||||
|
||||
"ทั้งรัฐบาล ทั้งหมอและพยาบาล ทำงานกันอย่างหนักเพื่อที่จะเอาชนะเชื้อโรคร้าย covid-๑๙ ขอให้พวกเราอดทน อดกลั้น อดออม ยอมทนลำบากไปอีกระยะหนึ่ง เมื่อควบคุมโรคอยู่ในวงแคบได้แล้ว มาตรการต่าง ๆ ย่อมผ่อนคลายลงไปเอง
ขอให้ทุกคนจงเป็นทหารกล้าที่ยอมทนลำบาก แบก "ลา" ทั้งหลายเหล่านี้ไปด้วย อย่าให้ไปเดินเกะกะเพ่นพ่านจนเหยียบกับระเบิดเข้า จงปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยขันติและเมตตา อย่าเสพรับสื่อทั้งหลายมากนัก แล้วเราจะผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากเหล่านี้ไปด้วยกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-04-2020 เมื่อ 13:08 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#403
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ในระยะที่มีการ "ล็อกดาวน์" ตาม พรก.ฉุกเฉิน ทางวัดท่าขนุนก็ปิดวัดตามไปด้วย คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้า ยกเว้นการบิณฑบาตของพระภิกษุสามเณร และญาติโยมบางท่านซึ่งมีหน้าที่นำเอาอาหารสดเข้ามาในวัด แต่ก็ต้องผ่านการคัดกรองอย่างเข้มงวดเช่นกัน
ตรงจุดนี้แปลงผักสวนครัวของวัดท่าขนุน ซึ่งทางวัดตั้งใจทำเป็นตัวอย่างให้กับชาวบ้านในชุมชน ในการนำเอาหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ดำรงชีวิต ได้แสดงศักยภาพออกมาอย่างเต็มที่ บรรดา พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู ขิง ข่า ตะไคร้ มะกรูด มะนาว ใบโหระพา ใบแมงลัก ใบกระเพรา ใบยี่หร่า ฯลฯ แทบจะไม่ต้องพึ่งพาจากตลาดสดเลย กล้วย ฟักทอง ข้าวโพด กระเจี๊ยบ ก็ยังพึ่งพาอาศัยได้ โดยเฉพาะมะม่วงน้ำดอกไม้ ที่ออกลูกเป็นคันรถ เมื่อรวมกับมะม่วงอื่น ๆ แล้ว บุคลากรในวัดไม่สามารถที่จะกินได้ทัน ต้องนำไปเข้าร่วมโครงการข้าวกล่อง ๑๐ บาท ด้วยการแจกฟรีให้กับผู้ที่มาซื้อข้าวกล่องในโครงการ เป็นของหวานหรือของแถมชั้นดีที่หาได้ยาก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:51 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#404
|
||||
|
||||
"ส่วนข้าวของอื่น ๆ นั้น มีบริการของไปรษณีย์ไทย และบริการส่งของด่วนหลายบริษัท ซึ่งส่งให้จนแทบจะถึงที่นอน เสียอย่างเดียวว่ารับข้าวของทีไรก็ต้องตั้งสติว่า เมื่อแกะกล่องแล้วต้องรีบล้างมือโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจจะติดเชื้อไวรัส covid-๑๙ ที่แอบโดยสารฟรีเข้ามาในวัดก็เป็นได้
ของหลักซึ่งส่งเข้ามาในระยะนี้ ก็คือหน้ากากอนามัยสารพัดยี่ห้อ มีทั้งสีพระราชนิยมสำหรับพระ สีขาวสำหรับแม่ชี และสารพัดสีตามแฟชั่นสำหรับเด็กวัด ตามมาด้วยเจลแอลกอฮอล์ ทั้งขนาดใหญ่ขนาดเล็ก ตั้งแต่ถังละ ๒๐ ลิตร ลงมาจนถึง ๒๕๐ มิลลิลิตร แอลกอฮอล์ล้างมือ ๗๕ % ส่วนมากมาเป็นแกลลอน ๑ ลิตร แถมขวดเปล่าบรรจุสำหรับใช้ฉีดล้างมือมาให้ด้วย สเปรย์ปรับอากาศชนิดฆ่าเชื้อ ยาเม็ดฟ้าทะลายโจร วิตามินซี ๕๐๐ มิลลิกรัม ฯลฯ สารพัดที่จะหลั่งไหลเข้ามา ด้วยความห่วงใยของญาติโยมที่มีต่อพระภิกษุสามเณร ตลอดจนแม่ชีและเด็กวัดท่าขนุน ส่วนข้าวของอย่างอื่นนอกจากเอกสารทางราชการ ก็ยังมีของกินของใช้ที่บางอย่างก็คิดไม่ถึง เช่น มะม่วงสุก มะม่วงดิบ มะม่วงกวน ขนมต่าง ๆ กุนเชียง หมูหยอง หมูแผ่น วัตถุมงคลซึ่งญาติโยมส่งมาร่วมงานบุญต่าง ๆ แทนเงินสด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:52 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#405
|
||||
|
||||
"ส่วนที่ถูกใจอาตมาที่สุดก็คือหนังสือออกใหม่ ซึ่งไม่มีโอกาสไปเดินดูด้วยตัวเอง แต่ได้ยินว่าผู้ส่งใช้วิธี "พรีออเดอร์" สั่งจองและจ่ายเงินทางออนไลน์ จะได้รับก่อนร้านหนังสือประมาณ ๓ วัน แต่ว่ามาถึงแล้วก็ไม่พอ "ยาขี้ฟัน" เพราะว่าอาตมาอ่านหนังสือประมาณวันละ ๑ เล่ม โดยเฉพาะอ่านตอนเดินทาง ถ้าลงไปเมืองกาญจน์ ใช้เวลาเดินทางไปชั่วโมงครึ่ง เดินทางกลับชั่วโมงครึ่ง ก็แทบจบเล่มไปแล้ว..!
จึงต้องหางานอื่นทำแทน เช่น กวาดวัด ถูกุฏิ ซักผ้า ตรวจการณ์ในเว็บพลังจิตและเว็บวัดท่าขนุน ว่ามีอะไรเคลื่อนไหวผิดปกติบ้าง โดยเฉพาะการช่วยแจกใบแดงให้กับบุคคลที่ใช้ภาษาไทยผิดในเว็บวัดท่าขนุน ถ้าสามารถส่งใครเข้า "ศาลาพักใจ" ได้ จะรู้สึกปีติมากที่ได้ช่วยรักษาภาษาไทยของเราเอาไว้ ฮ่า..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:53 |
สมาชิก 165 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#406
|
||||
|
||||
"ไปเจอกระทู้ร่วมปล่อยชีวิตสัตว์เพื่อถวายกุศลให้กับหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ที่ท่านไป "แหย่รังแตน" มา ด้วยการประกอบ "พิธีมหาระงับโรคาพินาศ" จนผลที่ได้รับก็คือ ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า ไม่มีตรงไหนที่ไม่เจ็บเลย..!
แม้ว่าจะใช้ขันติ อานาปานสติ และสังขารุเปกขาญาณ ระงับเอาไว้ แต่ด้วยความห่วงใย ก็ทำให้บรรดาลูกศิษย์ นำโดยคุณวีระชัย แก่นภักดี (WEBSNOW) ประธานคณะกรรมการเว็บไซต์คุณธรรมออนไลน์ palungjit.org ได้เปิดโครงการนี้ขึ้นมา ให้คณะศิษย์ทั้งหลายได้ร่วมบุญกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:54 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#407
|
||||
|
||||
"เห็นทุกคนตั้งใจทำบุญเพื่อหลวงพ่อเล็กกันอย่างน่าชื่นใจ แต่พอไปดูคำอธิษฐานแล้วก็เกิดอาการ "น้ำตาจิไหล" เหมือนกับภาษาวัยรุ่นสมัยนี้ เพราะว่าแต่ละคนอธิษฐานโดยไม่ได้คำนึงถึงความเป็นจริงเลยก็มี ฟุ้งซ่านเกินตายไปหลายชาติเลยก็มี อย่างเช่น
"ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัวได้เกิดในสมัยพระศรีอาริย์และบรรลุมรรคผลด้วยกันในยุคนั้นเถิด" ซึ่งทำให้เกิดคำถามตามมาหลายประการ คือ ในเมื่อผลบุญนี้เพียงพอที่จะบรรลุมรรคผลในสมัยพระศรีอาริย์ ก็แปลว่าเหลือเฟือเกินพอที่จะบรรลุในยุคสมัยนี้ แล้วทำไมถึงต้องลำบากไปเกิดใหม่ให้ทุกข์อีกรอบ ? ท่านรู้หรือไม่ว่าบุคคลที่จะเกิดในสมัยพระศรีอาริย์นั้นมีคุณสมบัติอย่างไร ? ท่านสามารถรักษากรรมบถ ๑๐ ได้โดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ? ทำไมท่านต้องลากครอบครัวซึ่งเป็น "คนอื่น" ไปร่วมทุกข์ยากกับท่านด้วย ? "ขอให้ไม่เจ็บไม่จน ไม่ทุกข์ไม่ยาก ไปทุกชาติทุกภพ จนกว่าจะเข้าถึงพระนิพพาน" ฟังแล้วเหมือนกับดูดีมีอนาคต แต่จะเป็นไปได้หรือ ? มีใครเกิดมาแล้วไม่มีความทุกข์ได้บ้าง ? แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังไม่อาจหลีกหนีความทุกข์ไปได้ เพียงแต่ความทุกข์นั้นไม่มีผลกระทบถึงจิตใจของพระองค์ท่านเท่านั้นเอง แล้วท่านเป็นใครถึงจะไม่ทุกข์ได้ ?"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:55 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#408
|
||||
|
||||
"ขอให้ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นพระพุทธเจ้าประเภทอธิษฐานธิกะ ในอนาคตเบื้องหน้าโน้นเทอญ" อ่านเจอแล้วก็ออกอาการ "มึนตึ๊บ" มีพระพุทธเจ้าประเภทนี้ด้วยหรือวะ ? สงสัยว่าอาตมาจะศึกษามาน้อยจนเกินไป..!
ในพระบาลีกล่าวถึงพระพุทธเจ้า ๓ ประเภท คือ ปัญญาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อย ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป สัทธาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อย ๘ อสงไขยกับแสนมหากัป วิริยาธิกะ ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างน้อย ๑๖ อสงไขยกับแสนมหากัป ขนาดบุคคลที่อธิษฐานขอบรรลุเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเภท "วิริยาธิกะพิเศษ" อาตมายังเห็นว่านอกคอกจนเกินไป แต่ก็ยังพอรับได้ ส่วนที่จะบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าประเภทอธิษฐานธิกะ เกิดมายังไม่เคยพบไม่เคยเห็น หวังว่าท่านจะสามารถบรรลุได้เป็นพระองค์แรกตามที่ได้ตั้งความปรารถนาเอาไว้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:56 |
สมาชิก 169 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#409
|
||||
|
||||
"ขอบรรลุมรรคผลในชาติปัจจุบันนี้ อย่างน้อยให้เป็นพระโสดาบันที่ประกอบด้วย สุกขวิปัสสโก วิชา ๓ อภิญญา ๖ ปฏิสัมภิทาญาณ ๔ สามารถเข้านิโรธสมาบัติได้ทุกเวลาตามที่ต้องการ" สรุปว่าท่านเข้าใจไหมว่าคุณสมบัติทั้งหลายเหล่านี้ ที่แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร ?
ผู้ที่บรรลุมรรคผลประเภทปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ย่อมมีความสามารถครอบคลุมอภิญญา ๖ วิชชา ๓ และสุกขวิปัสสโกอยู่แล้ว คำอธิษฐานของท่านออกไปในแนวภาษิตจีนที่ว่า "ถอดกางเกงผายลม" คือ เกินความจําเป็นไปมาก ผู้ที่บรรลุมรรคผลแบบสุกขวิปัสสโก ไม่มีวิสัยที่จะได้วิชชา ๓ อภิญญา ๖ และปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ตามวาสนาบารมีที่สั่งสมมา ถ้าท่านต้องการรู้ครบทุกอย่าง ได้ครบทุกอย่าง ก็อธิษฐานขอบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณไปเลยจะดีกว่าไหม ? เพราะว่ามีทางที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ต้องรู้ครบทุกอย่าง เพื่อใช้ในการสั่งสอนและขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสาร การเป็นพระโสดาบันนั้น ไม่สามารถบรรลุปฏิสัมภิทาญาณ ๔ ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใดทั้งสิ้น เพราะว่าปฏิสัมภิทาญาณ ๔ นั้น เป็นคุณสมบัติสำหรับอนาคามีบุคคลขึ้นไป ไม่ใช่วิสัยของพระโสดาบัน การจะเข้านิโรธสมาบัติก็เช่นกัน เป็นคุณสมบัติสำหรับบุคคลที่เข้าถึงปฏิสัมภิทาญาณ ๔ เท่านั้น แปลว่า พระโสดาบันบุคคล พระสกทาคามีบุคคล สุกขวิปัสสโกบุคคล วิชชาสามบุคคล ไม่สามารถที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:57 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#410
|
||||
|
||||
"เห็นการทำความดีของท่านทั้งหลายแล้วก็ขออนุโมทนา แต่พอมาอ่านคำอธิษฐานของท่านทั้งหลายแล้วก็เกิดอาการปวดหัว กลายเป็นเพิ่มอาการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาโดยใช่เหตุ ทำให้เห็นชัดว่าคนเรานั้นมี ๕๐๐ จำพวกจริง ๆ..!
ยังดีว่าอาตมาได้ลาพุทธภูมิเสียแล้ว ถ้ายังปรารถนาพุทธภูมิอยู่ ถ้าเจอแบบนี้เข้าบ่อย ๆ เชื่อว่าไม่ช้าก็เร็ว ก็ต้องลาพุทธภูมิจนได้..! ขออนุโมทนาในความดีของทุกท่าน แต่ไม่ขอร่วมเดินทางไปกับท่านทั้งหลายอีกแล้ว หมดจากภาระชาตินี้ ขออนุญาตใส่รองเท้ายี่ห้อหนึ่งซึ่งมีสโลแกนว่า "ทางใครทางมัน"..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2020 เมื่อ 06:58 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#411
|
||||
|
||||
"หลวงพ่อทำได้อย่างไรครับ ?" "พระอาจารย์ทำได้อย่างไรครับ ?" คำถามเหล่านี้จะมาถึงเสมอ เมื่อได้เห็นว่าแต่ละวันอาตมาทำอะไรไปบ้าง แต่สิ่งที่ทำปรากฏออกสื่อนั้นน้อย ส่วนที่ทำแล้วไม่ได้รายงานออกสื่อมีมากกว่า ทั้งนี้ทั้งนั้นเกิดจากกำลังกายกำลังใจที่สั่งสมมาข้ามชาติข้ามภพมาอย่างหนึ่ง สิ่งที่ครูบาอาจารย์เคี่ยวเข็ญสั่งสอนเอาไว้อีกอย่างหนึ่ง หลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษอีกอย่างหนึ่ง สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ หล่อหลอมจนเป็นตัวอาตมาอย่างที่เห็นทุกวันนี้ นิสัยเดิมที่ปรารถนาพระโพธิญาณมา สร้างบารมีไว้มาก กำลังใจจึงเข้มแข็ง จนออกไปในแนวดื้อด้าน จะทำอะไรต้องทำให้สำเร็จ ไม่เสร็จไม่เลิก..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2020 เมื่อ 06:17 |
สมาชิก 170 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#412
|
||||
|
||||
"พ่อแม่และครูบาอาจารย์สั่งสอนให้มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ จนทำอะไรต่อมิอะไรได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก พอรู้ภาษาก็ต้องรับผิดชอบ ช่วยแม่เลี้ยงน้อง ช่วยพี่ดูแลหมูหมากาไก่ ซึ่งต้องคอยให้อาหารอยู่ทุกวัน ช่วยทำงานในสวนในไร่ หล่อหลอมกายใจมาจนกล้าแกร่ง
ไปโรงเรียนก็ต้องทำเวร ดูแลแปลงดอกไม้ ดูแลแปลงผัก เป็นหัวหน้าชั้น เป็นประธานนักเรียน โดยเฉพาะหน้าที่เด็กนักเรียนบ้านนอก ต้องผลัดกันเดินทางเป็นกิโลเมตร เพื่อไปตักน้ำดื่มมาให้เพื่อนได้ใช้ดื่มในโรงเรียน จบชั้นมัธยมแล้วไปฝึกอาชีพ ต้องนอนตีสองตื่นตีห้า ทำงานทุกอย่างที่รับมอบหมายจากเถ้าแก่ให้ดี และต้องรู้จักช่างสังเกต ศึกษาเรียนรู้งานไปในตัว จนได้รับคำชมว่า "เป็นงาน" มากกว่าคนที่อยู่มาแล้วตั้ง ๓ ปี เมื่อได้ความรู้ออกมาทำงาน แค่ครึ่งปีก็เลื่อนจากคนงานธรรมดาขึ้นไปเป็นหัวหน้าแผนก..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2020 เมื่อ 06:18 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#413
|
||||
|
||||
"เมื่อไปศึกษาวิชาทหาร สิ่งหนึ่งที่ต้องทำอยู่ทุกเช้าก็คือ การปฏิญาณตนหน้าเสาธงว่า "ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ไหว ไม่มีอะไรที่ทหารทำไม่ทัน" ตอกย้ำอยู่ทุกวันเหมือนกับเป็นการสะกดจิตตัวเองว่า ทุกอย่างต้องได้ ทุกอย่างต้องไหว ทุกอย่างต้องทัน
เมื่อมาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านครูบาอาจารย์ผู้เป็นพระสุปฏิปันโนหลายท่าน ทุกท่านล้วนแล้วแต่ทุ่มเทกายใจให้กับงานของพระพุทธศาสนา ทำแบบเอาชีวิตเข้าแลก ทำแบบคนที่มีวันนี้วันเดียว ทำสมกับที่ได้ปฏิญาณว่า "ขอมอบกายถวายชีวิตนี้ต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" แม้แต่ครูบาอาจารย์ที่อาตมาเคารพรักที่สุดอย่างหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง องค์ท่านก็ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า การรักงานพระศาสนายิ่งกว่าชีวิตนั้นเป็นอย่างไร แม้ในวันสุดท้ายที่พระทั้งวัดไปกราบท่าน เพราะทราบดีว่าถ้าไม่มากราบในวันนี้ ก็จะไม่มีโอกาสได้กราบองค์ท่านในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แม้ว่าท่านจะมองเห็นไม่ชัดเจนว่าใครเป็นใคร ก็ยังเอ่ยปากว่า "เมื่อกราบแล้วก็ไปทำงานต่อ ใครมีหน้าที่อะไรจงรับผิดชอบให้ดี"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2020 เมื่อ 06:19 |
สมาชิก 168 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#414
|
||||
|
||||
"องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ตรัสไว้ว่า "อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมํคลมุตฺตมํ" การทำงานต้องไม่คั่งค้าง ถึงจะเป็นอุดมมงคล
เมื่อสิ่งทั้งหลายเหล่านี้หล่อหลอมรวมกันเข้ามา จึงกลายเป็นอาตมาอย่างทุกวันนี้ ที่ทำงานแบบมีวันนี้วันเดียว ก่อนตายขอทำประโยชน์แก่โลกให้มากที่สุด สิ่งที่ทำไปแล้วไม่เคยเสียใจ มีแต่เสียดายถ้าไม่ได้ทำในสิ่งนั้น ถ้าใครมองเห็น รู้จักเก็บเอาไปใช้ ไม่ต้องเสียเวลามาสมัครเป็นลูกศิษย์ อาตมาก็ถือว่าท่านเป็นลูกศิษย์อยู่แล้ว แต่ท่านที่ดูไม่ออก บอกไม่ถูก เก็บไม่เป็น เลือกไม่เป็น ต่อให้นอนเฝ้าอยู่หน้ากุฏิ ก็ไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของอาตมา..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2020 เมื่อ 06:20 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#415
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๖๓ มีด็อกเตอร์ท่านหนึ่ง เป็นนักจัดรายการวิทยุโทรทัศน์ด้วย ได้เสนอความเห็นเกี่ยวกับบทบาทของมหาเถรสมาคมในยามวิกฤติโควิด-๑๙ ว่า
"ในฐานะองค์กรบริหารสูงสุดของคณะสงฆ์ ที่มีอำนาจตามกฎหมาย เป็นทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ควรได้พิจารณาออกข้อบัญญัติดังต่อไปนี้" ความเห็นส่วนตัว : ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะจบปริญญาเอก เป็นครูบาอาจารย์ เป็นนักจัดรายการ แต่กลับไม่เคยได้ยินสุภาษิตไทยที่ว่า "สอนหนังสือพระสังฆราช" "สอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ" หรือสุภาษิตจีนที่ว่า "ควงขวานต่อหน้าหลู่ปัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2020 เมื่อ 07:44 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#416
|
||||
|
||||
"๑. ให้แต่ละวัดสามารถนำรายได้ (เงินออมที่ประชาชนอดออมบริจาคไว้ที่วัดและพระ) ที่สะสมไว้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ใช้ดำเนินกิจการเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน
กิจการดังกล่าวอาจจะดำเนินการเอง ร่วมกับกรรมการวัด อุบาสก อุบาสิกา และคนในชุมชน กำหนดกิจกรรมตามความต้องการและจำเป็นของท้องถิ่นต่าง ๆ ทั้งนี้จะต้องโปร่งใสตรวจสอบได้" ความเห็นส่วนตัว : ฟังดูดีสมกับภูมิปริญญาเอก แต่เหมือน "กบในกะลาครอบ" ชัด ๆ ไม่ได้ลืมตาดูว่าโลกภายนอกกะลาเขาไปถึงไหนกันแล้ว วัดหรือพระภิกษุสามเณรช่วยเหลือประชาชนในวิกฤตการณ์นี้ ออกสื่อจนนับไม่ถ้วน นอกจากคนหูหนวกตาบอดแล้ว คนหูดีตาดีทั่วไปน่าจะได้เห็นบ้างไม่มากก็น้อย เรื่องของเงินวัด เงินสงฆ์ หรือว่าเงินที่ประชาชนบริจาคเป็นการกุศลนั้น มีกฎหมายในการบริหารจัดการศาสนสมบัติ ระบุวิธีการใช้เอาไว้แล้ว ว่าต้องเป็นไปตามเจตนาของผู้บริจาคเท่านั้น ท่านอุตส่าห์เรียนจนจบด็อกเตอร์มา แต่เรื่องแค่นี้กลับไม่ได้ศึกษา หลับหูหลับตาพูดเหมือนเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่พระ ซ้ำยังให้กระทำอย่างโปร่งใส เพื่อให้ดูว่าท่านเป็นคนดีอีกด้วย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2020 เมื่อ 07:46 |
สมาชิก 152 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#417
|
||||
|
||||
"ทั้งทางคณะสงฆ์ โดยสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก และทางราชการ ทั้งโดยประกาศของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ จนมาถึงจังหวัด ต่างก็มีคำสั่งให้ทั้งพระภิกษุสามเณรและชุมชน ร่วมกันดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อต่อสู้ไวรัส covid-๑๙ เช่น
ให้วัดที่มีศักยภาพเปิดโรงทานเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยขอความร่วมมือจากส่วนราชการต่าง ๆ มาร่วมดำเนินการ เพื่อให้มีความปลอดภัยตามคำแนะนำของแพทย์ เรียกว่าตั้งแต่เหนือสุดจรดใต้สุด ตะวันออกจรดตะวันตก พระภิกษุสามเณรทำงานกันจนท่วมสื่อ แต่ท่านกลับมองไม่เห็น ทางราชการก็สั่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง ตลอดจนชุมชนคุณธรรมทุกแห่ง ร่วมกันทำหน้ากากอนามัย เพื่อแจกให้บุคคลในชุมชนได้มีใช้โดยทั่วถึงกัน กิจกรรมเหล่านี้ก็มีท่วมในสื่อโซเชียลต่าง ๆ กรุณาออกจากกะลาไปดูไว้ประดับสมองของท่านบ้าง..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2020 เมื่อ 07:47 |
สมาชิก 147 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#418
|
||||
|
||||
"๒. แนะนำส่งเสริมให้พระภิกษุนำบัญชีเงินออมในนามของตน ที่ได้รับบริจาคจากประชาชนมาดำเนินการร่วมกับเงินของวัดตามข้อ ๑"
ความเห็นส่วนตัว : เงินออมในนามของตนเองสำหรับพระภิกษุสามเณรแล้ว ก็มีแค่บรรดาพระสังฆาธิการคือผู้ปกครองคณะสงฆ์ ตั้งแต่เจ้าอาวาสขึ้นไป ที่จะเปิดบัญชีในนามของตนเพื่อรับนิตยภัต ที่เรียกกันง่าย ๆ ว่า เงินเดือนพระ ซึ่งเคยกล่าวไปแล้วว่ามากเหลือเกิน อยู่ที่ ๑,๘๐๐ บาทต่อเดือน..! แค่ขยับตัวสักทีสองทีก็หมดแล้ว หรือว่าท่านด็อกเตอร์จะมีกุศลจิต ถวายเงินส่วนตัวให้พระประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ รูปที่เหลือ เอาแค่รูปละ ๓๐๐ บาทต่อวันตามแรงงานขั้นต่ำ จะได้พยายามเก็บเอาไว้ช่วยเหลือประชาชนในยามเดือดร้อน แต่ก็ไม่เห็นท่านแสดงเจตนารมณ์ว่าจะทำบุญทำกุศลอะไรแบบนี้เลย ไม่ทราบว่าท่านมีปมในใจอะไรกับพระ ที่เก็บกดจนกลายเป็นจิตใต้สำนึก ออกความเห็นทีไรก็จะเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่พระอยู่เสมอ อาตมาจะพยายามอภัยให้ เนื่องจากคนที่แบกปมเหล่านี้เอาไว้ ย่อมเดือดร้อนจากการ "ตกนรกในใจ" อยู่แล้ว..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2020 เมื่อ 07:49 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#419
|
||||
|
||||
"๓. ให้วัดขนาดใหญ่ที่มีเงินสะสมจำนวนมาก เช่น วัดพระธรรมกายและวัดอื่น ๆ สามารถกระจายเงิน โอนเงินให้วัดที่ต้องการใช้เงิน เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชนบทที่ห่างไกลได้"
ความเห็นส่วนตัว : ท่านด็อกเตอร์ต้องไม่ลืมว่าการใช้เงินสงฆ์นั้น เพิ่งจะมีพระมหาเถระโดนข้อหาฟอกเงิน ใช้เงินผิดประเภท จนต้องคดีอาญาติดคุกติดตะราง ทั้งที่ไม่ได้มีความผิดตามข้อกล่าวหานั้นเลย การที่วัดใดวัดหนึ่งโอนเงินของวัด แม้ว่าจะเป็นไปโดยเจตนาที่เป็นกุศล ก็คือช่วยเหลือประชาชนในยามเดือดร้อน ท่านด็อกเตอร์จะรับรองได้ไหมว่า พระท่านจะไม่โดนข้อหาฟอกเงิน หรือว่าใช้เงินผิดประเภทจากที่กฎหมายกำหนดเอาไว้อีก อย่างของวัดท่าขนุนที่ให้ความช่วยเหลือทั้งพระภิกษุสามเณรและประชาชนในช่วงนี้นั้น ก็พยายามช่วยเหลือในพื้นที่ตนเองก่อน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดก็ตาม ก็จะมีวัดที่มีศักยภาพสูงอยู่ทุกแห่ง สามารถช่วยเหลือในพื้นที่ของตนเองได้ ต่างคนต่างดูแลในพื้นที่ของตนเองให้ดี ไม่เห็นจำเป็นต้องไปทำอะไรโง่ ๆ ด้วยการไปช่วยเหลือนอกพื้นที่เลย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2020 เมื่อ 07:50 |
สมาชิก 149 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#420
|
||||
|
||||
"๔. เสริมสร้างความรู้ให้พระภิกษุสามารถเป็นภูมิปัญญาของชุมชนและประชาชนได้ โดยจะต้องให้พระภิกษุรู้จักธรรมชาติของโควิด-๑๙ เพื่อให้ประชาชนป้องกันได้อย่างถูกวิธี ไม่กลัวเกินเหตุ พระภิกษุจะได้เป็นผู้มีปัญญาและความรู้ สามารถเตือนสติพุทธศาสนิกชนให้รู้จักธรรมชาติ ซึ่งก็คือรู้จักธรรม รู้จักการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติซึ่งถือเป็นเด็ดขาด และทุกคนต้องรับผลของการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ คนไทยจะได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยไม่หลงตัว ทำลายและเอาชนะกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ โควิด-๑๙ เชื้อโรคร้ายที่อุบัติขึ้น น่าจะเป็นปริศนาธรรมของพระคุณเจ้าในการพิจารณาเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี"
ความเห็นส่วนตัว : นี่ก็เป็นการ "สอนหนังสือพระสังฆราช" หรือถ้าเป็นภาษิตจีนก็ว่า "ถอดกางเกงผายลม" ไม่น่าจะเป็นความคิดของผู้ที่จบระดับปริญญาเอก การเข้าใจธรรมชาติของเชื้อไวรัส covid-๑๙ แม้แต่แพทย์ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไวรัส ยังต้องศึกษากันอย่างคร่ำเคร่ง และให้คำแนะนำซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพความเข้าใจจากการศึกษาออกมาเป็นระยะ เพื่อให้ประชาชนตลอดจนพระภิกษุสามเณรได้ปฏิบัติตนอย่างถูกต้อง"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-04-2020 เมื่อ 07:52 |
สมาชิก 154 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|