|
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ เก็บข้อธรรมจากบ้านเติมบุญมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#21
|
||||
|
||||
![]()
พระอาจารย์กล่าวถึงแผ่นยันต์เกราะเพชร "การพุทธาภิเษกงวดนี้ต้องบอกว่า จริง ๆ แล้วเป็นการซักซ้อมภายในอย่างหนึ่ง ที่พระท่านสงเคราะห์ให้ ด้วยความที่ท่านสงเคราะห์ให้ตั้งแต่ช่วงที่ "เขา" มากวน แล้วท่านก็มาอยู่จนกระทั่งรับกฐินเลย ถ้าเป็นเวลาข้างบนก็พักเดียว แต่เวลาข้างล่างของเราก็คือ ๒ วันกว่าเกือบ ๓ วันเต็ม
ถ้าใครไปงานกฐินจะรู้สึกว่าบรรยากาศหน่วง ๆ เหมือนกับงานเป่ายันต์เกราะเพชร ก็คือใช่เลย ครูบาอาจารย์ท่านมาสงเคราะห์กันมาก มีอยู่ท่านหนึ่งที่อาตมาลืมกันไปแล้วท่านก็ยังมา คือ หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข เคยได้ยินชื่อไหม ? หลวงปู่วิเวียร วัดดวงแข มรณภาพไปไม่นาน ท่านเป็นพระธรรมยุต เป็นสหธรรมิกรุ่นน้องของหลวงปู่มหาอำพัน แต่ท่านไม่ได้มาสายสุกขวิปัสสโกเหมือนกับหลวงปู่มหาอำพัน ท่านมาแรงกว่านั้น คราวนี้สมัยที่หลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ จะว่าไปจริง ๆ แล้วท่านดังมากนะ แต่พวกเราอาจจะไม่รู้จัก เพราะว่าท่านเป็นพระธรรมยุต เวลาท่านสร้างวัตถุมงคล เตาหลอมจะมีสังกะสีล้อมแล้วเป่าไฟจนสังกะสีแดงโร่เลย ท่านก็เจิมเตาหลอมทั้งอย่างนั้นแหละ ชาวบ้านเห็นคาตาทุกครั้ง ถามหลวงปู่ว่าทำไมถึงต้องเจิม ? “ก็ทำตามหลักวิชาที่ศึกษามา ถ้าไม่ทำอย่างนี้ไม่ต้องมาให้ข้าทำ” ท่านถนัดที่สุดคือกสิณน้ำ พระที่ท่านสร้างออกมานี่เมตตามหานิยมสุด ๆ ขนาดรุ่นหนึ่งท่านต้องเก็บบรรจุกรุหมดเลย เพราะว่าลูกศิษย์ดันทะลึ่งไปได้ผู้หญิงแล้วก็ไม่ยอมเลี้ยงเขา"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2018 เมื่อ 21:03 |
สมาชิก 214 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#22
|
||||
|
||||
![]()
"รุ่นอาตมานี่ทันรุ่นสองของท่าน ท่านบอกว่ารุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง หลวงปู่พูดอย่างนี้แปลว่าอะไร ? รุ่นหนึ่งข้ายังไม่เก่ง ก็คือหัดทำ ความจริงท่านอยู่อย่างสมถะ กุฏิที่วัดดวงแขจะพังแหล่ไม่พังแหล่ เป็นอาคารเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๓-๔ ลูกศิษย์ก็เลยขออนุญาตหลวงปู่ทำกุฏิใหม่ แต่พวกเขาประเภทเบี้ยน้อยหอยน้อย จึงขออนุญาตสร้างวัตถุมงคล หลวงปู่ท่านไม่อนุญาตให้สร้าง ก็ตื๊อจนกระทั่งท่านสร้าง ท่านก็บอกว่าถ้าสร้างต้องทำตามข้า ก็เลยต้องตามใจท่าน
พระทุกรุ่นของหลวงปู่ท่านเรียกว่า พระพุทธเมตตาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตา ไม่ว่าจะเป็นพระลอยองค์ ไม่ว่าจะเป็นพระกลีบบัว ฯลฯ ท่านเรียกพระพุทธเมตตาหมด ก็คือได้รับความเมตตาสงเคราะห์จากพระพุทธเจ้า อาตมาเองก็ตุนเอาไว้เยอะเหมือนกัน เพราะว่าช่วงนั้นเดินจากวัดเทพศิรินทร์ฯ มาหน่อยหนึ่ง ผ่านทางหัวลำโพงก็เป็นวัดดวงแข เสร็จแล้วก็ไปฉันเพลที่บ้านเพื่อนหลังวัดดวงแข แล้วก็กลับวัดเทพศิรินทร์ฯ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2018 เมื่อ 21:04 |
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#23
|
||||
|
||||
![]()
"จะว่าไปแล้วกรุงเทพฯ ซ่อนพระดี ๆ ไว้เยอะมาก แต่พวกเราไม่ค่อยรู้จักกัน แบบเดียวกับที่หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า หลวงพ่อสมเด็จฯ วัดราชผาติการาม วัดสระเกศ วัดสามพระยา ฯลฯ เป็นพระดีแค่ไหนกว่าเราจะรู้ กับหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดราชผาติการามท่านจะสนิทสนมกันกับหลวงปู่วิเวียรมาก เพราะว่าสายธรรมยุตเขาถึงกันหมด ถึงเวลาอาตมาติดตามหลวงปู่มหาอำพันไป ก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นพระมหานิกาย คลุกคลีตีโมงกันไป ท่านก็รู้ทั้งรู้ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
บางทีงานใหญ่ ๆ ก็นั่งกราบเรียนถามหลวงปู่สมเด็จฯ วัดราชผาติการาม คุยโน่นคุยนี่ ท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ในเมื่อท่านเป็นสมเด็จพระราชาคณะเจ้าหน้าที่ดูแลก็มาก พวกเจ้าหน้าที่ของกรมศาสนาสมัยนั้น ซึ่งก็คือสำนักพุทธฯ ปัจจุบันก็สะกิด “ไล่ออก” หลวงปู่ท่านบอกว่า “ไม่ต้องไป...อยู่นี่แหละ มันเห็นว่าข้าไม่มีปาก” ก็คือใจคอจะไม่ให้คุยกับใครเลย ให้นั่งเฉย ๆ อย่างเดียว อย่างหลวงพ่อสมเด็จฯ วัดสามพระยาท่านฉันหมาก ท่านก็มักจะประเภทแอบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้ใครเห็น พอถึงเวลาเคี้ยวเสร็จก็กำไว้ อาตมาแคะจากมือเลย ...(หัวเราะ)... ใคร ๆ ว่าท่านดุ จริง ๆ แล้วไม่ได้ดุหรอก หลวงปู่ท่านเป็นคนเอาจริงเอาจัง ถ้าหากว่าลูกศิษย์ขยันปฏิบัติท่านจะรักมาก อาตมาประเภทง้างมือเลย “หลวงปู่ขอผมเถอะครับ” ท่านก็ยิ้ม ๆ แล้วปล่อยให้ ท่านบอกว่า “ลูกศิษย์มหาวีระติดสันดานลิงทุกตัว..!” ตอนหลังหลวงพ่อวัดท่าซุงเป็นเจ้าคุณ ท่านก็เรียกว่า “เจ้าคุณสุธรรม” เพราะว่าหลวงพ่อท่านเป็นเจ้าคุณพระสุธรรมยานเถร แต่คราวนี้ เถร ตัวนี้เขียนแบบบาลี เขียนแบบไม่ใส่สระอะ แต่ให้อ่านว่า เถระ ไปเจอพวกไม่เข้าใจวิธีอ่าน เขาเรียกเจ้าคุณสุธรรมยานเถร (เถน) ฟังดูแปลก ๆ หูเหมือนกัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2018 เมื่อ 21:07 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#24
|
||||
|
||||
![]()
"ต้องบอกว่าหลวงปู่วิเวียรเป็นพระดีที่หมกตัวอยู่กลางกรุง แล้วท่านไม่ค่อยแสดงออก แต่ว่าวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่นนี่เชื่อขนมกินได้เลย ถ้าใครใช้ในเรื่องเมตตาค้าขายนี่ได้เต็มที่ อาตมาเองก็ตุนไว้อย่างละหลายองค์ เพราะว่าสมัยนั้นท่านก็ไม่ได้จำหน่าย ส่วนใหญ่ขอฟรีด้วย อาศัยเส้นหลวงปู่มหาอำพัน
จริง ๆ ท่านก็แจกลูกศิษย์ฟรี แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ก็ถวายเงินท่าน ส่วนอาตมาเห็นว่าท่านเป็นพระธรรมยุตไม่จับเงิน ก็ใช้วิธีไถฟรี ๆ ...(หัวเราะ)... หลวงปู่ท่านเมตตามาเยี่ยม ถ้าหากว่าดูบุคลิกแล้วหลวงปู่วิเวียรจะคล้าย ๆ กับหลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง พระของท่านทุกรุ่นจะเรียกพระพุทธเมตตาเหมือนกันหมด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2018 เมื่อ 21:08 |
สมาชิก 217 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#25
|
||||
|
||||
![]()
"เข้ากรรมฐานงวดนี้มีงานหนึ่งที่ทำก็คือบรรจุไม้ครู ถามว่าเอามาจากไหน ? ตอนช่วงที่หลอมหัวและปลายไม้ครูใหม่ ๆ เป็นช่วงที่อาตมาตั้งใจใช้ชนวนล้วน ๆ เลย คราวนี้หลอมออกมาเนื้อชนวนล้วน ๆ ไม่สวยเท่าที่คิด ก็เลยมีการผสมลงไป อย่างเช่นว่า ๓๐% ๔๐% เป็นต้น ไล่ไปเรื่อย จึงมีหัวท้ายไม้ครูหลงอยู่ ๗-๘ ชุด อาตมาก็เลยให้พระที่วัดท่านกลึงไม้ขึ้นมาเพื่อที่จะมาบรรจุ ก็น่าจะได้อีกสัก ๗-๘ ชุด ต้องเสียเวลาไปเขียนตะกรุดมหาสะท้อนใส่
แต่ว่าใครได้ไม้ครูงวดนี้ไปแล้วต้องทำใจ ที่ว่าทำใจก็คืออาจจะประเภทหัวกระดำกระด่างปลายดูไม่ได้ แต่ว่าเป็นเนื้อชนวนล้วน แล้วก็มาค่อย ๆ ผสมจนกระทั่งกลายเป็นชุดสุดท้าย คราวนี้ในส่วนนี้เป็นความผิดพลาดของอาตมาตรงที่ว่า เมื่อตอนที่บรรจุด้วยการติด Epoxy หรือกาวติดเหล็ก ทำตามสูตรแล้ว แต่สงสัยว่ากาวจะหมดอายุ แทนที่จะแห้งภายใน ๔ นาที ก็ไปแห้งภายใน ๖๐ ชั่วโมง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นอาตมาบรรจุทีเดียว ๗-๘ อันพร้อมกันก็เลยเลอะเทอะไปหมด เพราะว่ากาวไม่ยอมแห้ง ฉะนั้น..ใครได้ไปแล้วมีรอยกาวติดอยู่ก็ไปขูดออกแล้วก็ทาน้ำมัน หรือไม่ก็ขัดเงาใหม่เอาก็แล้วกัน เดี๋ยวรอให้มีโอกาสแล้วค่อยเอาออกมาให้บูชากัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2018 เมื่อ 21:10 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#26
|
||||
|
||||
![]()
"ด้วยความที่กลัวว่ากาวจะแข็งตัวเพราะว่าแค่ ๔ นาที ก็เลยบรรจุไปเรื่อย ๆ ปรากฏว่าไม่แข็ง ก็เลยไหลนอง จน ๖๐ ชั่วโมงให้หลังถึงยอมแข็งตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมงวดนี้พลาดได้ขนาดนั้น อาตมาพยายามดูโพยก็บอกว่ามีส่วนของครีม แล้วก็มีส่วนของตัวผสมให้แข็ง ไม่ใช่ครีมทั้งคู่
ไม้ครูคราวก่อนแลกทองแท่ง ๘ บาทใช่ไหม ? คราวนี้เปลี่ยนเป็นเงินแล้วกัน สัก ๑๕๐,๐๐๐ บาท น่าจะกำลังสวย แต่มีอยู่บางอันที่หัวเป็นชนวนโลหะ ท้ายเป็นชนวนเงิน บอกแล้วว่าจับคู่กันไม่ได้ ออกมาหน้าตาจะพิลึกพิลั่น อาตมาตอกโค้ดนะโมตาบอดไว้ยืนยันว่าเข้าพิธีตอนกรรมฐาน ๓ วัน บางอันก็เป็นสองเนื้อในด้ามเดียวกัน บางอันหัวเป็นรุ่นเก่าก็ไม่ได้ขัดไม่ได้อะไร แต่ส่วนปลายนี้เขาเอาไปชุบทองมาเสียอร่ามเลย ก็เอาเป็นว่าทำใจก็แล้วกันว่าได้อันไหนไป อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้ มีเพิ่มมา ๗-๘ อัน ไม่อย่างนั้นแล้วก่อนหน้านี้มีแค่ ๗๐ กว่าอันเท่านั้น คนที่ไม่ได้ก็บ่นกันมาก ขอเวลาหน่อย รอให้กาวแห้งจริง ๆ ก่อน เป็นอะไรที่คนเห็นแล้วอาจจะขำก็ได้ แต่ขอยืนยันว่าเป็นรุ่นที่น่าใช้มาก เพราะว่าเป็นเนื้อชนวนล้วน ๆ แล้วก็เป็นเนื้อที่เขาผสมน้อย ต้องบอกว่าคนทำคือคุณก้านบัว เขาค่อนข้างประณีต ถ้าหากว่ามีร่องมีรอยตามดเขาไม่ค่อยอยากได้ ก็เลยพยายามผสมจนกระทั่งเรียบลื่นทั้งอัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-11-2018 เมื่อ 21:12 |
สมาชิก 208 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#27
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : คนที่มีอาการโรคจิต เช่น อาการหูแว่ว ประสาทหลอน หลงผิด แสดงพฤติกรรมหรือคำพูดไม่เหมาะสม หรือมีพฤติกรรมด้านลบ เช่น เก็บตัว ขี้เกียจ ไม่ดูแลตนเอง ไม่ทำอาชีพใด ๆ มีหลักทางธรรมหรือหลักปฏิบัติใด สามารถใช้รักษาเยียวยาอาการเหล่านี้ได้บ้างครับ ?
ตอบ : บังคับให้ปฏิบัติภาวนาจนทรงฌานให้ได้ ถ้าทรงฌานได้อาการเหล่านี้หายหมด ลักษณะอย่างนั้นเขาเรียกว่าสภาพจิตฟุ้งซ่านเลื่อนลอย หาจุดยึดเกาะไม่ได้ จำเป็นต้องใช้สมาธิเข้ามาช่วย ไม่เช่นนั้นก็จะฟุ้งซ่านไปเรื่อยเปื่อย โดยเฉพาะคิดอะไรเกี่ยวกับการสงสารตัวเองหรืออยากได้โน่น อยากเป็นนี่ แต่เป็นได้แค่ความคิด โดยไม่ได้พยายามทำให้เป็นจริง เพราะว่ากำลังใจไม่เพียงพอ จึงต้องบังคับให้ภาวนาจนกว่าจะทรงฌานได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:28 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#28
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เราสามารถใช้ข้าวสารมาต่อทรายเสกของหลวงพ่อวัดท่าซุงแทนการใช้ทรายได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : นึกอย่างไรขึ้นมาอยากได้ข้าวสารแทน ? สามารถที่จะทำได้ เอาข้าวสารมาสักถังหนึ่ง เอาทรายโรยหน้าทับไปแล้วอธิษฐานขอบารมีพระท่านช่วยสงเคราะห์ ให้มีอานุภาพเสมอกัน จากนั้นกวน ๆ ให้เข้ากันดี เสร็จแล้วก็หาอะไรมากรองทรายออกเก็บเอาไว้ ถาม : ทรายเสกของหลวงพ่อวัดท่าซุงสามารถใช้ไล่ผีที่มาสิงสู่ผู้คนได้หรือไม่ครับ ? ตอบ : ลองดูได้เลย ไม่ต้องถาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:29 |
สมาชิก 189 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#29
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมได้เปิดเจอคลิปในยูทูป มีพระสำนักหนึ่งได้กล่าวว่า "การเข้านิพพาน จิตไม่ได้ไปไหน จิตเป็นธรรมชาติที่เกิดดับ สิ่ง ๆ หนึ่งซึ่งบุคคลพึงรู้แจ้ง เป็นสิ่งที่ไม่มีปรากฏการณ์ ไม่มีที่สิ้นสุด ทางปฏิบัติเข้ามาถึงได้โดยรอบนั้นมีอยู่" และท่านก็อธิบายไปเรื่อย ๆ กระผมอยากทราบว่าที่ท่านพูดว่า จิตมีเกิดดับนั้น ความจริงเป็นอย่างไรครับ ?
ตอบ : ถามท่านสิ เพราะว่าท่านเป็นผู้พูด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:29 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#30
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : มีคืนวันหนึ่งผมนอนและได้ฝันเห็นพระอาจารย์อยู่ในบ้านและมาดุผม ในฝันนั้นจิตบอกว่า ถ้าท่านไม่ดุ เราก็จะไม่มีวันได้ดี ผมอยากทราบว่า ผมสามารถเอาสิ่งที่พระอาจารย์ดุผมในฝันมาปฏิบัติต่อได้หรือไม่อย่างไรครับ ?
ตอบ : ถ้าตัวเองไม่รู้ว่าปฏิบัติต่อได้หรือเปล่าก็ไปตายซะ...!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:30 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#31
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การฝึกมโนมยิทธิ ถ้าเราไม่สามารถไปที่วัดหรือสถานที่ที่มีการฝึกได้ เราสามารถเปิดเทปใส่หูฟังเสียงขณะที่พระทำการสอนแล้วเราก็นึกตาม ปฏิบัติตามที่ท่านบอกเป็นอย่าง ๆ ทำที่บ้านแบบนี้ได้หรือไม่ครับ ?
ตอบ : ได้...แต่ต้องไม่ลืมสองอย่าง อย่างแรกคือทำน้ำมนต์เอาไว้ เมื่อเลิกปฏิบัติต้องพรมน้ำมนต์ให้ตัวเอง ขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ หรือไม่ก็พรมตั้งแต่ก่อนที่จะปฏิบัตินั่นแหละ อย่างที่สองเครื่องบูชาครูต้องมีให้ครบตามที่เขากำหนดให้ไว้ ไม่อย่างนั้นทำไปก็เสียเวลาเปล่า มโนมยิทธิเป็นการใช้กายในถอดไปภพภูมิต่าง ๆ การที่เราทำน้ำมนต์พรมไว้ก่อน เป็นการป้องกันสิ่งที่จะมาสิงมาแทรก มาแย่งใช้ร่างกาย ส่วนเรื่องเครื่องบูชาครู เป็นการแสดงออกซึ่งความเคารพ ถ้าหากว่าเรามีครบถ้วน บรรดาครูบาอาจารย์ต่าง ๆ ท่านจะส่งกำลังมาช่วย การปฏิบัติก็จะมีผลสะดวกและคล่องตัวกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:31 |
สมาชิก 187 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#32
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การเป็นพระสงฆ์นี้ที่จริงแล้วความพอเหมาะพอดีในเรื่องศีลนั้น เราควรถือปฏิบัติขนาดไหนครับ ?
ตอบ : ก็แค่รักษาศีล ๒๒๗ ข้อให้ครบถ้วนสมบูรณ์ ถาม : ถ้าถือเอาทั้งหมดตามพุทธพจน์ที่ตามคัมภีร์วิสุทธิมรรคท่านบอกว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประกาศวินัยสังวรไว้ ๙๑,๘๐๕,๐๓๖,๐๐๐ สิกขาบท ถ้าเราไม่ใคร่ศึกษาเพราะเห็นว่าจะเครียดตายเสียก่อน จะเป็นอะไรหรือไม่ครับ ? ตอบ : ในพระไตรปิฎกบอกไว้แค่ไหนก็แค่นั้น อรรถกถาจารย์ท่านมีความสามารถมาก ท่านอธิบายได้ละเอียด แต่บางอย่างละเอียดเกินไปก็ไม่ตรงกับจริตนิสัยของคน ในพระไตรปิฎกจะเห็นพระพุทธเจ้าตรัสกับพระภิกษุบางรูปว่าให้รักษาศีลข้อเดียว เพราะพระภิกษุเหล่านั้นบ่นว่าไม่สามารถรักษาศีลเป็นร้อย ๆ ข้อได้ พระพุทธเจ้าจึงบอกให้รักษาข้อเดียว ถ้าท่านทำได้ก็จบได้เหมือนกัน พระท่านถามว่ารักษาอย่างไร ? พระพุทธเจ้าบอกว่า รักษาใจอย่าให้ คิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:33 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#33
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : แล้วการรักษาใจข้อเดียว สมควรจะวางกำลังใจอย่างไรที่จะไม่เป็นข้ออ้างในการละเมิดศีลอย่างพระมหายานที่ว่า สุราผ่านลำไส้ พระพุทธองค์ประดับอยู่ที่ใจครับ ?
ตอบ : อะไรที่พระพุทธเจ้าห้าม ถือว่าทำไม่ได้ กำลังใจแค่นี้ก็จบแล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:33 |
สมาชิก 179 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#34
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เราจะพิจารณายึดถือศีลตามที่อาจารย์สอนอย่างเดียว จะสมควรกั้นขอบเขตให้แก่ตนเองแค่ไหนครับ ที่ป้องกันเวลาผ่านไปจะกลายเป็นอาจริยวาทแยกนิกายไป เหมือนครั้งสังคายนาครั้งที่ ๑ พระปุราณะพร้อมคณะ ไม่ยอมรับมติของคณะสงฆ์ผู้ทำสังคายนา จนภายหลังคณะของท่านนี้ก็กลายเป็นมหายานในปัจจุบัน ?
ตอบ : ไม่ต้องมาก เอาแค่ว่าตัวตายดีกว่าศีลขาดก็พอ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:33 |
สมาชิก 176 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#35
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : แท้จริงแล้วสถานะพระสงฆ์กับสถานะคฤหัสถ์นี้ สถานะไหนที่จะประคองตนไม่ให้ลงนรกง่ายกว่า แล้วไปพระนิพพานได้ง่ายกว่าครับ ?
ตอบ : สถานะของพระสงฆ์ เชื่อไหม ? ถาม : แต่มีหลุม ๒๒๗ หลุม ? ตอบ : ศีล ๒๒๗ เอื้อและป้องกันลงนรกมากที่สุดแล้ว เพียงแต่ทำได้ไม่ครบก็เลยซวยไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:34 |
สมาชิก 175 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#36
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การเพ่งหน้าจอมือถือหรือคอมฯ ในการดูสื่ออินเทอร์เน็ตหรือโซเชียล กับการเพ่งกสิณต่าง ๆ หรือจดจ่อดูลมหายใจนั้น ใช้กำลังใจคล้ายกันหรือเปล่า ? เพียงแต่เปลี่ยนจากด้านกิเลสมาปฏิบัติภาวนาใช่หรือไม่คะ ?
ตอบ : ไม่ใช่ การที่คุณดูจอ คุณไม่ได้ตั้งใจจำ แต่การเพ่งภาพกสิณต้องตั้งใจจำ ไม่ใช่ตั้งใจจำเฉย ๆ ต้องควบกับลมหายใจและคำภาวนาด้วย ต่างกันลิบโลกเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:34 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#37
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การดูทีวี, สื่ออินเทอร์เน็ตต่าง ๆ ทางคอมพิวเตอร์ มือถือ จำพวก ละคร ข่าว เรื่องทางโลก ๆ โลกีย์ นอกเหนือจากธรรมะแล้ว จะเป็นการทำให้เราชินกับการส่งจิตออกข้างนอก พร้อมซึมซับกับสร้างเสริมอารมณ์กิเลสในจิตหรือไม่ ?
ตอบ : ถ้าแค่นี้ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ ก็จงทำต่อไป ถาม : ถ้าเราจำเป็นต้องเห็นหรือดู จะมีวิธีสังเกตสภาพจิตและป้องกันไม่ให้จิตใจหลงไปตามสื่อเหล่านี้ ? ตอบ : ตั้งสมาธิให้ทรงเป็นฌานไปเลย แล้วค่อยไปดู
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:35 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#38
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : หากเราเห็นกิเลสของตนและยอมรับผิดได้อย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียงเพราะทำตามคำสอนครูบาอาจารย์เท่านั้น เป็นเพราะสภาพจิตเราละเอียดขึ้นใช่หรือไม่ ?
ตอบ : แปลว่าสติ สมาธิ ปัญญาสั่งสมไปถึงระดับแล้ว คราวนี้ก็เหลืออยู่อย่างเดียวว่า ทำอย่างไรที่จะตัดละให้ได้ ถาม : ความรู้ลักษณะนี้จะส่งผลเสริมด้านดีถึงความสามารถของจิตทางด้านอื่น ๆ เช่น ทิพจักขุญาณหรือเปล่า ? ตอบ : ถ้าสภาพจิตปราศจากกิเลส ทิพจักขุญาณจะผ่องใสเองโดยอัตโนมัติ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 01:35 |
สมาชิก 178 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#39
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : สวดคาถาเงินล้านเพื่อความคล่องตัว ผลของคาถาเงินล้านไม่เคยสงสัย แต่สงสัยว่ามีบางคนที่เป็นเจ้าของบริษัท ศีล ๕ ก็ถือไม่ครบ พูดโกหกเป็นอาจิณ ไม่เคยรักษาคำพูด แถมกินเหล้าบ่อย ๆ แต่ดูแล้วค้าขายคล่องตัว ทำกิจการก็มีคนช่วยเหลือ มีความโชคดีหลายอย่าง เป็นเพราะอะไรคะ ?
ตอบ : ตอนเขาสวดเขาได้ฆ่าใครหรือเปล่า ? ได้ลักขโมยใครไหม ? ผิดลูกผิดเมียเขาไหม ? โกหกหรือเปล่า ? กินเหล้าไปสวดไปหรือเปล่า ? เรื่องของโลกียปุถุชนก็คือคนทั่วไป สามารถปฏิบัติได้โดยรักษาศีลชั่วคราว ขอให้มั่นคงจริง ๆ และทำสม่ำเสมอ ย่อมมีผลทุกคน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 08-11-2018 เมื่อ 18:27 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#40
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เคยโดนข่มขืนตอนหลับค่ะ คือ ฝันว่ามีคนมาข่มขืนแล้วร่างกายรู้สึกไปด้วย รับรู้สัมผัสที่ร่างกาย เห็นหน้าผู้กระทำชัดเจนจนตื่นขึ้นมา นี่เป็นการกระทำของคนหรือผีคะ ?
ตอบ : เห็นชัดเจนยังไม่รู้อีกว่าเป็นคนหรือผี ถาม : ถ้าเป็นการกระทำของคน เขาใช้วิธีอะไรทำอย่างนี้ ร่างกายเราถึงรู้สึกการกระทำชัดเจนเหมือนเป็นกายเนื้อ เขาถอดจิตมาหรือเป็นมโนมยิทธิคะ ? ตอบ : สรุปเรียบร้อยว่าไม่ใช่คน แล้วดันมาถามว่าเป็นคนหรือผี ? เอาเป็นว่าบางอย่างถ้ามีกรรมเนื่องกันมา ก็สามารถที่จะเกิดเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ได้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าท่านให้อาวุธไว้ป้องกันเป็นปกติอยู่แล้ว ก็คือให้ระลึกถึงคุณของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วภาวนากรณียเมตตสูตรให้เป็นปกติ จะป้องกันสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ได้ กรณียเมตตสูตรบางคนเรียกว่า พระขรรค์เพชรพระพุทธเจ้า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-11-2018 เมื่อ 10:45 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|