#221
|
|||
|
|||
"เพราะความที่เรียกว่า ไม่รู้แต่ยังอวดรู้"
หลวงพี่: วันนี้เราได้คุย อะไรหลาย ๆ อย่างกับโยมแอ๋ว โยมจำเรื่องที่โยมไปอัญเชิญพระธาตุ ที่ผิดวิธีจากถ้ำได้หรือเปล่า โยมแอ๋วบอกกับหลวงพี่ว่า เทวดาเหล่านั้นท่านยังไม่ยอมอยู่ โยมแอ๋วมีความคล่องตัวสูง วันนี้เขาพูดเรื่องนี้ขึ้นมา ทัดฤทธิ์: ขอรับหลวงพี่ กระผมเองก็ทราบดี ด้วยความที่กระผมไม่รู้ก็ดีหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี ตอนนั้นกระผมได้ถวายหลวงพ่อ กะว่าจะให้หลวงพ่อท่านได้แจกจ่ายญาติโยมที่มาทำบุญ จะได้นำไปบูชา จนหลวงพ่อท่านบอกว่า "พระธาตุที่คุณรัตน์เอามานั้น ขโมยเทวดามา" ถึงสองครั้ง กระผมถึงได้หยุดพิจารณาว่า การที่เรากระทำไปนั้น มันถูกต้อง สมควร หรือว่าเราเพียงแค่เชื่อคนอื่น ด้วยความไม่รู้ ไม่รอบคอบ เห็นเขาบอก ว่าได้ ว่าดี ก็เชื่อโดยขาดการพิจารณา กระผมเองนำไปบรรจุในองค์พระที่สร้างที่กระบี่ไปเยอะแล้วขอรับ ยังเหลือที่บ้านอีกเล็กน้อย เรื่องจะแจกจ่ายผู้อื่นกระผมคิดมาก เพราะให้ไปแล้วถ้าเขาไม่เห็นคุณค่า หรือไม่บูชา เดี๋ยวจะเกิดโทษ มากกว่าบุญ กระผมจึงไม่กล้าให้ใครขอรับหลวงพี่ หลวงพี่: อือม์ อวิชชาคือความไม่รู้ หรือรู้ไม่จริง ในสังคมปัจจุบันนี้มีเยอะมาก ดีนะที่อัญเชิญมามีเทวดาท่านดูแล ถ้าเป็นอย่างอื่นดูแลเห็นท่าโยมจะเดือดร้อน ทัดฤทธิ์:กระผมวางเฉยกับเรื่องความอยากรู้อยากเห็น และอยากครอบครอง ลงไปได้เยอะมากครับหลวงพี่ ด้วยความที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ผ่าน ๆ ทำมากระผมต้องเดือดเนื้อร้อนใจมาหลายเรื่อง กระผมเองก็มีเรื่องจะรบกวนหลวงพี่ขอรับ แต่ก็ขอกราบขอความเมตตาหลวงพี่ด้วยขอรับ คือกระผมจะนำเอาพระธาตุชุดที่ไปอัญเชิญมา มาถวายและประดิษฐานที่นี่ขอรับ หลวงพี่จะว่าอย่างไรขอรับ หลวงพี่:เอาเชิญ ๆ เราตั้งใจตามประทีปบูชาแน่นอน และก็ดีสำหรับโยม เพราะโยมก็ขึ้นมาตามประทีปประจำอยู่แล้ว จุดธูปบอกกล่าวท่านเทวดาที่ดูแลพระธาตุเหล่านั้นขอขมาท่าน ว่าเราเองทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จำคำขอขมาของหลวงพ่อฤๅษีได้หรือเปล่า ท่านผูกไว้ดีมาก ๆ ที่ว่า "ที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ดี รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี" นี่แหละคนสมัยนี้ มันไม่รู้ยังอวดฉลาดกันอีก เอา ๆ เจริญพร ๆ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 08-08-2010 เมื่อ 22:07 |
สมาชิก 62 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#222
|
|||
|
|||
อ้างอิง:
ตอนนั้นยายนุ้ยรู้ซึ้งถึงคำว่า แม้แต่ลูกและสามีที่ว่ารักนักรักหนา ก็ไม่อาจช่วยอะไรเราได้เลย สุดท้ายหากเราจะต้องตาย ณ ขณะนั้น เราคงต้องตายคนเดียว แล้วอารมณ์สลดสังเวชก็เกิดขึ้น จับลมหายใจภาวนา พุทโธ ๆ ๆ ๆ ๆ...แล้วแต่แพทย์จะจัดการต่อไปตามวิถีทาง แต่ในที่สุดก็ยังรอดมาได้ค่ะ ฮิฮิ..เลยต้องมานั่งชดใช้กรรมกันต่อไป |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ยายนุ้ย ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#223
|
|||
|
|||
"คนทั่วไป"
ทัดฤทธิ์:หลวงพี่ครับ มีคนมาปรึกษากระผมว่า เขาจะล้างแค้นให้พี่ชายของเขา ที่ถูกฆาตกรรม ผมเลยต้องคุยปรับเปลี่ยนทัศนะคติของเขาอยู่นานเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของ การให้พิจารณาว่านั้น คือกรรมที่คู่กรณีได้ก่อกันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุญ ที่ถือว่าเป็นของวิเศษ ให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ยังไม่วายย้อนถามกระผมว่า "บุญที่ให้ไปแล้วทุกคนจะได้เท่า ๆ กันหรือ" หลวงพี่:อย่างนี้แหละโยม คนประเภทแบบนี้มีมากมายเสียเหลือเกินในเขตพระพุทธศาสนาของเรา ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกไม่รู้จักจบจักสิ้น น่าสงสาร น่าเวทนาเป็นที่สุด สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม อย่างโยมมาใส่บาตรอาตมาวันนี้....เทวดาท่านมาให้พรนะ มันช่างต่างกับคนที่ยังไม่รู้อีกมากมายเลยโยม ทัดฤทธิ์:สาธุขอรับหลวงพี่ อย่างที่กระผมให้คำปรึกษาแบบนี้ เรียกว่ากระผมไปยุ่งเรื่องของชาวบ้านหรือเปล่าขอรับ หลวงพี่:เปล่าหรอกโยม แบบนี้เราถือว่า เราให้ธรรมะ เป็นธรรมทาน ให้เขาเห็นว่ามันคืออะไร บาป บุญ คุณ โทษ และสัจธรรมมันมีมาคู่โลกเรามานานแล้ว.......เราให้เขาแล้ว เราก็วาง ถือว่าที่เหลือเป็นเรื่องของเขา บุญเป็นของเรา จะเล็กจะน้อยก็เก็บสะสมไป
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 13-09-2010 เมื่อ 06:06 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#224
|
|||
|
|||
"ขอขมาชุดใหญ่"
หลวงพี่: โยมรัตน์ เรามีเรื่องจะบอก ให้โยมทำบายศรีมาขอขมาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุ ตลอดจนเหล่าเทวดาที่ดูแลรักษาพระบรมสารีริกธาตุ พระปัจเจกสารีริกธาตุ พระธาตุ พระอรหันตธาตุ ทำบายศรีมาสองชุดนะ ไม่เข้าใจอะไรให้ปรึกษาโยมแอ๋ว อะไร ๆ ที่ปิดทางโยมในการปฏิบัติอยู่จะได้เปิด จะได้สว่างเสียที ถึงเวลาแล้ว.......สนุกสนานเลยนะโยม ไอ้ความไม่รู้คราวนี้ส่งผลหลายปีเลยนะโยม ไปขโมยมามันก็ต้องเป็นอย่างนี้แหละ ทัดฤทธิ์: ขอรับหลวงพี่ บายศรีขอขมา ปกติกระผมไม่เคยได้ยินนะขอรับ เดี๋ยวกระผมจะรีบไปจัดการขอรับ หลวงพี่: ดีแล้วอย่างได้นิ่งนอนใจ............นี่เราบอกแล้วนะ ทัดฤทธิ์:ขอรับหลวงพี่ กราบนมัสการลาขอรับหลวงพี่ หลวงพี่: เอา ๆ เดินทางปลอดภัย มีสติทำงาน เอาพุทโธ ๆ ทัดฤทธิ์:พี่แอ๋ว บายศรีขอขมาผมไม่เคยได้ยินนะพี่ ผมรู้จักแต่พานธูปเทียนแพขอขมาครับ แล้วรู้สึกว่าต้องทำสองชุด พานแรกขอขมาพระรัตนตรัยและเทวดาที่ดูแลรักษาพระบรมสารีริกธาตุถวายที่สำนักสงฆ์ พานที่สองขอขมาพระรัตนตรัยและเทวดาที่ดูแลรักษาพระบรมสารีริกธาตุที่บ้านครับ พี่แอ๋ว:แบบนั้นแหละถูกแล้ว นี้หลวงพี่ท่านบอกเธอแล้วหรือ ทัดฤทธิ์:ครับพี่ ผมไปร้านทำบายศรีมาแล้ว แต่ไม่แน่ใจเลยโทรมาสอบถามพี่อีกครั้งเพื่อความถูกต้อง พี่แอ๋ว:รีบจัดการเสียนะ อย่าให้เกินเดือนสิบ วันสารทไทยนะ ทัดฤทธิ์:ผมว่าจะขอขมาวันพระใหญ่สิบห้าค่ำนี้แหละครับพี่ พี่แอ๋ว:สาธุ ๆ ขอโมทนาด้วย
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 28-08-2010 เมื่อ 21:55 |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#225
|
|||
|
|||
ทุกเช้าหลังจากไปส่งลูกที่โรงเรียน ผมจะขับรถกลับมาบ้านอีกครั้ง เพื่อนำอาหารไปใส่บาตรหลวงพี่ ลุ้นกันแทบทุกวัน รถก็ติดขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ท่านก็เมตตารับอาหารทุกครั้งถึงจะไปสายบ้าง หลวงพี่:โยม พระบรมสารีริกธาตุทั้งหมด รวมถึงพระปัจเจกสารีริกธาตุ พระธาตุ พระอรหันต์ธาตุ ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญและศักดิ์สิทธิ์มาก ถ้าโยมประดิษฐานไว้ในห้องพระ แล้วหากโยมเป็นคนที่มีความคล่องตัวในฌานมาก ๆ จะดีมาก แต่นี้โยมมันตรงกันข้ามเลย ......(ท่านยิ้ม ๆ) ทัดฤทธิ์: หลวงพี่! กระผมขอถามอะไรตรง ๆ นะครับ (ท่านพยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าเหมือนจะรู้ว่ากระผมจะถามอะไร) ที่ผ่านมาก่อนกระผมจะไปบวชและอยู่จำพรรษากับหลวงพ่อเล็ก ก่อนหน้านั้นกรรมฐานหรืออะไรที่ผมรู้สึกว่าผมรู้ ผมคล่อง แท้จริงแล้วผิดเกือบหมดเลยใช่หรือไม่ขอรับ หลวงพี่ :อือม์ เกือบจะผิดทั้งหมด เกือบ ๆ นะ ไอ้ที่ถูกก็มีอยู่ โยมมีบุญ หลุดออกมาจากวงจรแห่งอวิชชาตรงนั้นมาได้ ก็ถือว่าได้รับบทเรียนมาเยอะมาก จะได้โตเป็นผู้ใหญ่ในการปฏิบัติเสียที ยังมีคนหลงทางอีกเยอะโยมเพราะความอยากได้ อยากมี อยากรู้อยากเห็นจนขาดเหตุผล และโดยเฉพาะโลกธรรมแปดที่มันเป็นบ่วงร้อยรัดบุคคลเหล่านั้นเอาไว้ มันน่าสงสารจริง ๆ อะไร ๆ ที่ปิดโยมอยู่เหมือนที่ครูบาอาจารย์ของโยมเคยบอกโยมไว้ว่าเมื่อถึงเวลาทุกอย่างมันจะเปิดออก ตามที่โยมเคยเล่าให้อาตมาฟัง ไม่ต้องห่วงหรอก ทำไป ปฏิบัติไป เดี๋ยวหลวงพ่อเล็กท่านเปิดทางให้โยมเองแหละ ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาเราอยู่ ท่านดูแลเราตลอดนั้นแหละโยม โชคดี ความดีไม่ทิ้งใครหรอกโยม ทัดฤทธิ์:สาธุ กราบแทบเท้าขอบพระคุณมากขอรับหลวงพี่ ปีนี้ถ้าผมไม่ได้ความเมตตาจากหลวงพี่ ผมเองก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร หลวงพี่: เอา ๆ ไปทำงาน เดี๋ยวจะสาย
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 30-08-2010 เมื่อ 22:16 |
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#226
|
|||
|
|||
วันพระที่ผ่านมาหลังจากตามประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผมก็ทำการขอขมาด้วยพานธูปเทียนแพ ทั้งที่สำนักสงฆ์และที่บ้าน
วันถัดมาหลังจากตักบาตรถวายข้าวหลวงพี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านค่อยบรรจงเอาผ้าปิดบาตรที่รับอาหาร เป็นอันว่ารู้กันว่าท่านมีเรื่องจะคุยด้วย หลวงพี่:โยม! รู้หรือเปล่าว่าเมื่อคืนเทวดาท่านเสด็จมากันมาก มากจริง ๆ ล้วนแล้วแต่ทรงฤทธานุภาพมาก ๆ ใครได้มโน ฯ ก็ลองย้อนไปดูนะ แต่อาตมาขอบอกว่าแทบจะเห็นด้วยตาเนื้อเลยเชียว ท่านมากันเยอะจริง ๆ ท่านรับคำขอขมา ดีแล้วโยมอะไร ๆ จะได้เป็นไปอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ทัดฤทธิ์: สาธุ ที่บ้านกระผมก็เริ่มด้วยเทปเสียงบวงสรวงชุมนุมเทวดาของหลวงพ่อ ตามด้วยบูชาพระรัตนตรัย สมาทานศีลแปด และถวายพานธูปเทียนแพขอขมาพระรัตนตรัย และเหล่าเทวดาทั้งหลายที่ดูแลรักษาประทีป รู้สึกโล่งเลยขอรับ สบายใจ ที่ผ่านมากระผมก็รู้ว่าผิดมาตลอด จะไปโทษใครก็ไม่ได้ ต้องโทษตัวเองนั่นละครับ อยากได้บุญ แต่ไม่รู้ว่าได้อย่างอื่นแถมมาด้วย หลวงพี่: เอาคราวนี้รู้ก็เป็นบทเรียนที่ดีแล้ว ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติต่อไป
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 05-05-2012 เมื่อ 21:42 |
สมาชิก 57 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#227
|
|||
|
|||
มาป่วยเป็น "อีสุกอีใส" เอาตอนแก่ มันน่าอายเด็กจริง ๆ ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของของเรา ไม่ใช่เราจริง ๆ ดอกบัวหน้าบ้าน บานอยู่สามดอก ว่าพรุ่งนี้จะนำไปถวายพระรัตนตรัยที่สำนักสงฆ์ กลัวว่าจะเอาอีสุกอีใสไปติดหลวงพี่หรือเปล่าก็ไม่รู้ วันนี้รู้สึกเหนื่อย ๆ มันคันในลูกตา แต่ไม่รู้จะเกาอย่างไร เมื่อเช้าตื่นมานั่งสมาธิ มันช่างสงบดีแท้ คิดถึงหลวงพ่อ ตกตอนเย็นก็มีสายโทรเข้ามาจากคุณซัน ว่า
"พี่รัตน์หลวงพ่อถามถึง มีญาติโยมเขาต้องการมารับพระอุปคุตเนื้อชุบทองที่บ้านอนุสาวรีย์หลายท่าน" งานเข้า! กระผมต้องกราบแทบเท้าขอขมาหลวงพ่อ และทุก ๆ ท่านด้วย ลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปจริง ๆ นึกถึงแต่งานกฐินที่วัดท่าขนุน คิดไปว่าหลาย ๆ ท่านคงไปรับที่นั่นและบางส่วนก็คงขอรับที่บ้านอนุสาวรีย์ ต้องกราบขออภัยอย่างยิ่งอีกครั้งขอรับ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 03-09-2010 เมื่อ 20:28 |
สมาชิก 60 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#228
|
|||
|
|||
วันนี้ไข้มันหลบอยู่ข้างใน มันปวดเมื่อยชนิดที่เรียกว่า นอนซมอย่างเดียว ตื่นมาดูนาฬิกา ก็ถึงเวลาถ่ายทอดเสียงหลวงพ่อสอนกรรมฐาน รีบอาบน้ำ อือม์! มันหนาวเข้ากระดูกเลยเชียว
เมื่อเช้ากระผมเจอบุคคลที่หลวงพี่กล่าวถึงเสมอ ๆ นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เจอบุคคลท่านนี้ตัวเป็น ๆ หลวงพี่ :เอาโยมรัตน์ติดขัดเรื่องปฏิบัติอะไรก็สอบถามกันเอาเองนะ ทัดฤทธิ์ : ขอรับหลวงพี่......ผมดีใจที่ได้เจอพี่นะ หลวงพี่ท่านพูดถึงพี่ให้ผมฟัง ผมหันไปหาพี่ชายท่านนั้น พลางเห็นสีหน้าพี่แกตกใจเล็กน้อย พี่ชาย: โอ้โห เอาอย่างนี้เลยหรือท่าน หลวงพี่:อาตมาแค่บ่นถึงโยมให้โยมรัตน์เขาฟัง....ท่านพูดพลางยิ้ม การสนทนาธรรมระหว่าง หลวงพี่กับพี่ชายท่านนั้น ช่างเป็นบรรยากาศที่กระผมบรรยายไม่ถูก ได้แต่ฟังและปล่อยให้จิตมันเก็บเอาประโยชน์ในธรรมนั้น "แบบดิบ ๆ" มาเท่านั้น ถ้าคิดตามมันฟังแทบไม่รู้เรื่อง จนเสียงโทรศัพท์ของแม่บ้าน (ภรรยา) โทรมาตามให้ช่วยไปดูลูกเพราะป่วยเป็นอีสุกอีใสเช่นกัน กราบลาหลวงพี่และพี่ชายท่านนั้นรีบลงมาบ้าน จัดข้าวปลาอาหารให้ลูก กินยา แล้วก็นอนหลับเพราะฤทธิ์ยา จนตื่นมาเมื่อตอนเกือบ ๆ หกโมง
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 05-05-2012 เมื่อ 21:44 |
สมาชิก 56 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#229
|
|||
|
|||
กระผมมีประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ จะมาเล่าให้ฟังเรื่องของ "บุญสังฆทาน"
สืบเนื่องจากมีญาติผู้ใหญ่ทางภรรยาท่านป่วยหนักเป็นตายเท่ากันอยู่ กระผมก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากเท่าแต่ปลอบใจว่า มันเป็นเรื่องธรรมดาโลก ให้ทำใจกันไว้ อย่างน้อยที่สุด เรายังได้ดูแลท่านที่บ้าน ไม่ต้องให้ไปนอนโดนหมอเจาะใส่สายอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด ในเมื่อหมอเองก็บอกว่าหมดทางรักษาแล้ว ช่วงเช้าของวันฝนตก หลังจากได้ตักบาตรถวายอาหารหลวงพี่แล้ว ก็เรียนเรื่องนี้ให้ท่านทราบ อย่างน้อยที่สุดก็ขออานิสงส์ในบุญนี้อุทิศให้คนป่วย หลวงพี่ท่านรับทราบแล้วท่านก็บอกกับกระผมว่า หลวงพี่:จำที่หลวงพ่อฤๅษี ท่านสอนเรื่องบุญสังฆทานได้หรือเปล่า? บุญสังฆทานนี้อานิสงส์ใหญ่มากนะ หากท่านมีโอกาสได้ทำก่อนสิ้นใจสักครั้งก็จะดีมากนะ โยมไปนิมนต์พระ ๕ รูป ให้ไปรับฉันเพลและรับสังฆทานที่บ้านสิ ให้คนป่วยได้ทำบุญ ได้เห็นผ้าเหลือง วิธีนี้แหละที่หลวงพ่อฤๅษีท่านแนะนำลูกหลานเอาไว้ ทัดฤทธิ์:ขอรับหลวงพี่ กระผมจะรีบนำไปจัดการขอรับ หลังจากนั้นวันถัดมาก็ได้นิมนต์พระ ๕ รูป มาฉันเพลพร้อมรับสังฆทาน มีพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร ซึ่งคุณตาท่านก็อิ่มบุญและดูท่านมีความสุขในบุญนั้น เมื่อวานตอนทุ่มเศษ ๆ ท่านได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ทุกคนต่างร้องห่มร้องไห้เป็นธรรมดา ผมเองก็ได้แต่คอยปลอบใจ หลังจากนั้นก็เดินออกมาจัดโทรติดต่อเรื่องฉีดยาศพและหีบศพ เสียงโวยวายก็ดังขึ้น ฟังไม่ได้ใจความเพราะผมอยู่ห่างพอสมควร รีบเดินจ้ำ เข้าไปดู ที่ไหนได้ วิญญาณคุณตาสื่อผ่านภรรยาผม ซึ่งตอนนี้ผมเองก็พยายามควบคุมสติ และดูว่าที่เป็นอยู่นี้ มันใช่ตาจริง ๆ หรือเปล่าที่สื่อกันอยู่ ท่านก็บอกว่าทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง ท่านไปสบาย ขอบใจรัตน์มากที่บอกให้เชิญพระมารับสังฆทาน ท่านไปสบาย ให้ทุกคนรักกันปรองดองกันสามัคคีกัน แล้วท่านก็ไป พอภรรยาผมได้สติผมเลยถามว่า เมื่อครู่ คุณเห็นอะไรบ้าง เธอก็บอกว่า เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า กายทิพย์ของตาพยายามจะคว้าร่างของตนเอง แต่ทำไม่ได้ เลยพุ่งมาที่เธอทางด้านหลังแล้วเธอก็ไม่ได้สติเลย วันนี้ผมก็ไปตามประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุตามปกติ ได้กราบเรียนแจ้งข่าวให้หลวงพี่ท่านทราบ ท่านก็บอกว่าดีแล้ว บุญสังฆทานเป็นเนื้อนาบุญช่วยได้มากเลย
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 05-05-2012 เมื่อ 21:44 |
สมาชิก 58 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#230
|
|||
|
|||
เห็นภาพหลวงพี่เทิดท่านขึ้นแสดงธรรมโปรดญาติโยมแล้ว น้ำตาแทบไหล
เห็นหลวงพี่บอยท่านกลับมาบวชอีกครั้ง ในช่วงพรรษานี้ น้ำตาแทบไหล เห็นตัวเองอยู่ในเป็นฆราวาสแล้ว น้ำตาแทบไหล.... กระผมไม่ขอเกิดอีกแล้ว
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม |
สมาชิก 53 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#231
|
|||
|
|||
นี่ก็เกือบ ๆ จะครบสัญญาทำงานกับชาวต่างชาติแล้ว..... แล้วอะไรละ?...อ๋อ (ถามเองตอบเองก็ได้) กับคำถามว่า ที่ผ่านมาผมทนได้อย่างไร? หลาย ๆ คนถามผม ผมก็ได้แต่ยิ้ม แล้วตอบว่า "ถ้าด่ามา ผมก็ด่ากลับทันที (โดยเฉพาะเรื่องอะไร ๆ ที่ไม่ถูกต้อง)"
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือ กระผมพยายามเอาธรรมะที่ปฏิบัติอยู่ มาใช้กับชีวิตจริงให้มากที่สุด ปีที่แล้วกระผมบวชเข้าพรรษา ระยะเวลาก็สามเดือนเหมือนกัน ตอนแรกมันก็อยู่ในสภาวะว่า "สึกก่อนดีหรือเปล่า สามเดือนมันนานนะ" แต่ก็ผ่านมาได้แบบภาคภูมิใจที่สุดในชีวิต ความกดดันมันคนละแบบกัน จะเรียกว่า "กดดันในธรรม" มีหวังหัวแตก มันกดดันก็แต่เฉพาะคนไม่อยู่ในธรรมเท่านั้น สำหรับคนที่อยู่ในธรรม "ธรรมย่อมรักษา" ส่วนงานนี้ก็ระยะเวลาเท่า ๆ กับปีที่แล้ว คือสามเดือน แต่เป็นสามเดือนที่ผมต้องพิจารณาเอาข้อธรรมต่าง ๆ มาใช้ เพราะผมคือคนกลาง ระหว่างฝรั่งกับผู้รับเหมางานต่าง ๆ เท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะไปทางซ้ายหรือทางขวา ก็มีแต่อุปสรรคทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมจึงต้องวางตัวเป็นกลางให้มากที่สุด "ฝรั่งที่ดูถูกคนไทยเยอะแยะไป" ผมต้องใช้คำนี้ตามสภาวะความเป็นจริง แต่ที่ดี ๆ ก็มีอยู่มาก ส่วนคนไทยเราที่จ้องจะฟันอย่างเดียวเพราะเห็นเป็นฝรั่ง ก็มากมายเหลือจะคณานับ "วาง" คำเดียวสั้น ๆ แต่มีความหมาย นี่คือคาถาที่หลวงพี่ท่านบอก "ว่าทำให้ได้นะโยม" จะสู้หรือจะหนีมันก็อยู่ที่ตัวเราทั้งนั้น อย่าหลอกตัวเองเหมือนการปฏิบัติธรรมที่ผ่านมาก่อนหน้าจะไปอยู่กับหลวงพี่เล็กท่าน อย่าหลอกตัวเอง อย่าปรุงแต่ง เท่านี้เองโยม ทำได้นะ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 27-09-2010 เมื่อ 17:37 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#232
|
|||
|
|||
"ตาฝาดไปหรือเปล่า"
ผมจำได้ว่า ผมได้ไปเกาะแก้วพิสดารที่ภูเก็ตอยู่ห้าครั้ง หลังจากครั้งแรก ผมจะแอบไปหารอยพระพุทธบาทที่หน้าเกาะเสมอ เพราะผมเห็นจริง ๆ ว่ามีรอยพระพุทธบาทอยู่บนหินอีกรอยหนึ่ง ชัดเจนเหมือนรอยพระพุทธบาทที่ท้ายเกาะ ที่ต้องไปสักการะทุกครั้งที่มาเกาะแก้วพิสดาร ผมยืนยันได้ นอนยันก็ได้ว่าผมเห็นจริง ๆ และได้กราบสักการะด้วย แต่อยู่ที่หน้าเกาะ ตรงใกล้ ๆ พระใหญ่ รอยพระบาทหันไปทางทิศตะวันออก หรือผมจะตาฝาด เพราะหลังจากนั้นก็ไม่เห็นอีกเลยเดินหาก็ไม่เจอ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 08-10-2010 เมื่อ 09:29 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#233
|
|||
|
|||
สิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านเตือน
ก่อนหน้านี้มีสหายธรรมท่านหนึ่ง ส่งพระบรมสารีริกธาตุให้กระผมทางไปรษณีย์ กระผมรู้ตัวก่อนหน้านั้น เพราะ......? อย่าคิดว่ากระผมมีความวิเศษใด ๆ เลยนะครับ เพราะคนที่ส่งมาเขาโทรมาแจ้งให้ทราบครับ งานนี้เล่นเอาผมเหงื่อกาฬตกเหมือนกัน เพราะเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งจะจัดพานขอขมาพระรัตนตรัยไปเอง ก็เกี่ยวเนื่องกับเรื่องของความไม่รู้นี้แหละครับ หลวงพ่อเคยสอนเกี่ยวกับเรื่องความไม่รู้นี้ว่า มันก็เหมือนแก้วน้ำที่ใส่ยาพิษ (ชนิดรุนแรงนะครับ จะได้เข้าใจกันง่าย ๆ ครับ) แก้วแรกใส่ยาพิษเต็มแก้วเลย (เป็นยาพิษแบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสนะครับ ประเภทหยดเดียว ก็เที่ยวได้ แต่ไปเที่ยวภพอื่นนะครับ ขอย้ำเพื่อความเข้าใจ) แก้วที่สองใส่แค่หยดเดียวเท่านั้น สรุปไม่ว่าจะหยิบแก้วไหนมากิน ก็ตายทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นแก้วแรกหรือแก้วที่สอง ก็อุปมาเหมือน "อกุศลกรรม" ต่อให้เราไม่ตั้งใจทำก็ได้รับผลกรรมนั้น ๆ หรือตั้งใจทำก็ได้รับผลกรรมนั้น ๆ "กุศลกรรม" ก็เช่นเดียวกัน แค่ประสบพบเจอด้วยความบังเอิญ แล้วร่วมบุญก็ได้รับผลบุญนั้น หากตั้งใจทำกุศลก็ได้รับผลของกุศลนั้น มีหลายคนเคยสนทนาธรรมกับผมในเรื่องเหล่านี้ว่า "มันอยู่ที่ใจพี่ มันอยู่ที่เจตนา" เอา เอากันเข้าไป ผมเลยต้องแจ้งไปว่า เจตนาดีแต่วิธีการไม่ถูกต้องครับ สอบถามครูบาอาจารย์ท่านก็บอกว่า "นั้นแหละ เขาเรียกว่ารู้...แต่รู้ไม่หมด หลาย ๆ คนเป็นอย่างนี้ น่าสงสารพวกเขานะโยม"
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 16-10-2010 เมื่อ 15:50 |
สมาชิก 70 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#234
|
|||
|
|||
วันนี้วันพระ กระผมตั้งใจขึ้นไปตามประทีปบูชาพระรัตนตรัยและพระบรมสารีริกธาตุ ก็ขอทุกท่านร่วมโมทนาบุญนี้ด้วยเทอญ ย้อนไปเรื่องพระบรมสารีริกธาตุ ก็มีเรื่องแปลกเป็นอัศจรรย์อยู่ก็คือ ผมเองตั้งใจจะปฏิเสธสหายธรรมท่านนั้นไปว่าไม่ขอรับ แต่มันพูดไม่ออก ทั้ง ๆ ที่ในใจคิดไปแล้ว แต่พูดไปไม่ออก หลังจากรู้วันที่พระบรมสารีริกธาตุจะเสด็จมาถึง ก่อนหน้านั้นสามวันนั่งสมาธิได้ดีมาก ๆ หลังจากประดิษฐาน (ถวายหลวงพี่) ในเครื่องแก้วอัญเชิญประทับหน้าพระประธาน พร้อมตามประทีปบูชา วันนั้นและหลังไปอีกสามวัน นั่งสมาธิได้ดีมาก ๆ อารมณ์อิทธิบาท ๔ มันทรงตัวมาก ๆ
ทิดฤทธิ์:หลวงพี่ขอรับ ช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมาก่อนสาม หลังสาม จากวันที่พระบรมสารีริกธาตุเสด็จมาถึง กระผมนั่งสมาธิได้ดีมากเลยขอรับ หลวงพี่:แล้วโยมคิดว่าเป็นเพราะเหตุใดหรือ ทัดฤทธิ์:กระผมไม่อาจจะทราบได้ขอรับ แต่ถ้าเข้าข้างแต่ขอตอบว่าเป็นเพราะ พุทธบารมีขององค์พระบรมสารีริกธาตุขอรับ หลวงพี่:คิดได้อย่างนั้นก็ดีแล้ว "พุทโธอัปปมาโณ"
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 17-10-2010 เมื่อ 16:45 |
สมาชิก 66 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#235
|
|||
|
|||
"ยังไม่ตายและไม่ได้หายไปไหน"
กับบททดสอบที่ยากขึ้นทุกวัน จนต้องปรับเครื่องใหม่อยู่เรื่อย ๆ อือม์.....จะรอดหรือเปล่า....ความทุกข์ยังวนเวียนเข้ามาทุกวัน คำสอนของหลวงพ่อเล็กก็ยังก้องอยู่ในหู "บอกมันเอาไว้ว่า ทุกข์ได้ก็ทุกข์ไป อีกไม่นานกูก็พ้นจากมึงแล้ว" เมื่อไม่กี่วันก่อนได้คุยกับสหายธรรมท่านหนึ่ง "นี่คุณจะลาตายแล้วหรือ ?" ก็เลยตอบไปว่า "เปล่าครับพี่แต่ผมเตรียมตัวไว้ทุกวินาทีครับ" อารมณ์แบบนี้มันก็เกิดของมันทุกวัน ในหนึ่งวินาทีผมคิดว่า "ความตายมันคือส่วนหนึ่งของชีวิต" แต่ในมุมตรงกันข้าม ยังมีอีกหลายคนหลายท่านที่ยังคิดว่าชีวิตนี้เที่ยงแท้แน่นอน ความตายเป็นเรื่องไกลตัว ในมุมหนึ่งที่ทุกท่านในสถานที่นี้ ปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้นก็ยังมีอีกหลายผู้หลายคน สร้างภพสร้างชาติที่ไม่รู้สิ้นสุดออกไปอีกนานแสนนาน ยังดีวะ วันนี้ยังได้ทำความดี ดีกว่าหายใจเข้าหายใจออกฟรี ๆ แม้แต่ลมหายใจก็มีต้นทุน
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 28-10-2010 เมื่อ 05:55 |
สมาชิก 80 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#236
|
|||
|
|||
แพงด้วย !!!
...แลกกับการเสี่ยงเกิดใหม่ ต้องระวังประหยัดต้นทุนทุกลมหายใจให้ดีเชียว
__________________
การรักษากำลังใจสำคัญที่สุด...ได้ดีอย่าฟู แล้วขณะเดียวกันว่า ถ้าได้ร้ายก็อย่าฟุบ ให้เห็นว่ามันเป็นปกติของมัน เรื่องของมัน ถ้ามันดีมาพออาศัยได้ก็ดีกับมันไป ถ้าหากว่ามันไม่ดีมา เราอยู่กับมันก็ให้รู้อยู่มีสติอยู่ ถึงเวลาก็ต่างคนต่างไปอยู่แล้ว... กำลังใจของเราพลาดแม้แค่วินาทีเดียวนี่ อาจจะหมายถึงแพ้ทั้งกระดาน อะไรมันก็ไม่เจ็บปวดเท่ากับต้องเกิดใหม่ มันเป็นทุกข์ เป็นโทษสุด ๆ จริง ๆ กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๕๑ |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ สายท่าขนุน ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#237
|
|||
|
|||
วันนี้ได้โทรศัพท์ไปคุยกับคุณซัน (ลูกเจ้าคุณนรฯ )
ลูกเจ้าคุณนรฯ :พี่เป็นอย่างไรบ้าง (ตายหรือยังมีชีวิตอยู่) ทัดฤทธิ์: สบายดี...แต่เหนื่อยว่ะ จบสัญญากับบริษัทเก่า แล้วก็มาเริ่มงานกับบริษัทใหม่ทันที ที่เดิมตั้งกำลังไว้สามเดือนก็ผ่านมาได้ ส่วนที่ใหม่นี้ ตกลงระบุกันในสัญญาหกเดือน แต่ทำงานตั้งแต่แปดโมงเช้ายันสองทุ่มไม่มีวันหยุด ไม่รู้ว่าจะรอดหรือเปล่า อยากจะทดสอบกำลังใจตัวเองดูเหมือนกัน ว่าจะเอาชนะใจตัวเองได้หรือเปล่า ลูกเจ้าคุณนรฯ:พี่! ผมลืมเล่าให้พี่ฟัง ตอนงานกฐินวัดท่าขนุนปีนี้ ชาวบ้านร้านตลาด พวกเชื้อสายมอญ กะเหรี่ยง พม่า ร่วมทำบุญกฐินกับหลวงพ่อกันอย่างหนาแน่น หลวงพ่อท่านก็เมตตาแจกพระอุปคุตเถระเนื้อทองเหลืองชุบทองอย่างทั่วถึง ผมดูแล้วมีความสุขมากเลยพี่ ดูพวกเขาเหล่านั้นศรัทธาในบารมีหลวงปู่พระอุปคุตเถระมาก ๆ เลยพี่ ทัดฤทธิ์:ขอบใจที่เล่ามา ผมได้ฟังก็ดีใจ ถึงจะผ่าจมูกอีกข้างก็ยอม ลูกเจ้าคุณนรฯ:เอา ๆ ผมก็ว่าเหมือนกัน ถึงจะผ่าขาอีกข้างก็ยอม ทัดฤทธิ์:ของผมจมูกข้างซ้าย ลูกเจ้าคุณนรฯ:ของผมก็ขาซ้ายพี่ ทัดฤทธิ์:โอ้...เพราะเราเกิดมาคู่กัน.....ก๊าก ๆ ๆ ๆ "ตู๊ด ๆ ๆ ๆ และแล้วมันก็ปิดเครื่องหนีทันที"
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 11-11-2010 เมื่อ 04:55 |
สมาชิก 72 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#238
|
|||
|
|||
เรากำลังสู้กับอะไร
เวลาช่างผ่านไปไวเหมือนโกหก จบจากงานที่เก่า ด้วยสภาพที่ทนเอาชนะใจตัวเองมาได้ ทำงานจนครบ ๓ เดือนตามสัญญา ถือเป็นชัยชนะเล็ก ๆ ที่กระผมมีความภูมิใจไม่น้อย เพราะทุกวันมันมีการทดสอบอารมณ์อยู่ตลอด "ออกเถอะ,อย่าไปสนใจอะไรเลย,ออกดีกว่าสบายกว่า,อิสระเสรีเหนืออื่นใด" ธรรมะที่เล่าเรียนมาจากการบวชเรียนในพรรษาที่แล้ว กระผมได้นำมาใช้ ควบคู่กับการปฏิบัติและการใช้ชีวิตประจำวัน คาถาสั้น ๆ แต่ได้ใจความ "ทน" ทนดูว่า "ระหว่างกระผมกับกิเลสอะไรมันจะหน้าด้านกว่ากัน" ผมหลงอารมณ์ไปหลายครั้ง แต่ก็เอาสติพิจารณาย้อนกลับมาดู เหตุการณ์ต่าง ๆ ในแต่ละวัน สรุปได้ว่า ผมสู้กับตัวเอง ผมไม่ได้สู้กับคนอื่นเลย แต่เมื่อก่อนผมหลงผิดคิดว่าสู้กับคนอื่นตลอดเวลา ผมหาความสุขตามอัตภาพของตัวกระผมเองไม่เจอ ผมไปทุกข์กับเรื่องของคนอื่น ไปทุกข์กับเหตุการณ์ที่คนอื่นกระทำ หลังจากใช้คาถา "ทน" มาได้ระยะหนึ่ง คราวนี้ กระผมก็รู้จักกับคาถาสั้น ๆอีกบทว่า "วาง" อะไรจะผ่านเข้ามามากมายขนาดไหน สุดท้ายจบงานในแต่ละวันผมก็ "วาง" อือม์...ไม่ได้วางแบบควาย ๆ นะครับ วางแบบมีสติรู้ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 16-11-2010 เมื่อ 13:51 |
สมาชิก 71 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#239
|
|||
|
|||
"ฝัน ผี"
ความฝันคงเป็นเรื่องธรรมดาที่เรา ๆ ท่าน ๆ เคยมีประสบการณ์พบเจอกันเป็นปกติ ทั้งฝันดีและฝันร้าย ผมเองไม่ค่อยฝันเหมือนกับชาวบ้านเขามากเท่าไหร่ แต่เวลาฝันร้ายผมจะมีเรื่องประจำ ๆ ของผม เล่นเอาตื่นมาทีไรเป็นต้องนั่งถอนหายใจทุกครั้ง "ตู..ฝันไปว่ะ!" มุกเด็ด ๆ ที่เจอประจำ ก็คือ ปกติผมเป็นคนวิ่งเร็ว...เอาเป็นว่า ขอให้เชื่อว่าผมวิ่งเร็ว (ด้วยเหตุผลกลไกอะไรอย่าไปสนใจมันเลยครับ เรื่องมันยาว) แต่ฝันร้ายของผมก็คือ ผมมักจะฝันเห็นก้อนหินก้อนใหญ่ ๆ กลิ้งมาแต่ไกล ด้วยความที่รู้ตัวว่า ตัวเองวิ่งเร็ว...พลางคิดว่า "แหม...ไม่ได้กินผมหรอก" แต่ภาพในฝันทุกครั้งที่เริ่มออกตัววิ่งหนี จากคนที่วิ่งเร็วกลับกลายเป็นวิ่งแบบ "slow-motion" ทุกครั้ง จนหินก้อนนั้นกลิ้งจนจะมาถึงตัว แล้วผมก็ตื่นด้วยอารมณ์ทั้งกลัว ทั้งผิดหวัง ทั้งเหนื่อย ทุกครั้ง อตีดชาติไปทำอะไรไว้ก็ไม่รู้...เซ็ง หลังจากปฏิบัติธรรมมาได้ระยะหนึ่ง ความฝันแบบนั้นก็หายไป ส่วนเรื่องผี ๆ ก็มีฝันบ้าง ตามปกติ ผมไม่ใช่คนกลัวผี แต่ก็ไม่ค่อยอยากจะเจอก็เท่านั้นเอง อาจจะเรียกว่า เกรงใจกันก็ได้ สองวันที่ผ่านมา ด้วยงานใหม่ที่ทำก็กินเวลาในแต่ละวันแบบแสนยาวนาน ดีที่มี "ที่อยู่" ที่อยู่ของผมก็คือคำภาวนา เก็บเรื่อย ถามว่าเหนื่อยหรือเปล่า ทำงานทุกอย่างย่อมเหนื่อยเป็นธรรมดา รักษากายบ้างตามอัตภาพ แต่รักษาใจเอาไว้ในทุกขณะอันนี้ดีที่สุด "กลับมาล้มตัวลงนอน กอดหมอนน้ำตาพรั่งพรู" มุกนะครับของยืมเขามาใช้ เอาเป็นว่า กราบพระเสร็จ พอหัวถึงหมอน ภาวนาได้ไม่กี่คู่ก็หลับโลดเป็นปกติ
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 28-11-2010 เมื่อ 19:37 |
สมาชิก 64 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#240
|
|||
|
|||
ช่วงใกล้รุ่ง ประมาณตีสามกว่า ๆ เห็นจะได้ ผมก็ฝันไป ว่านั่งซ้อนท้ายจักรยานยนต์ของเพื่อน เข้ากันไปตามทางเล็ก ๆ ในป่าตอนกลางคืน สวนยางสลับกับป่าใหญ่มันมืดได้ใจเลยทีเดียว ใจมันก็กลัว ๆ เพราะทั้งมืดและเปลี่ยว ผมมองไปรอบ ๆ ทาง พลางมองขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ทันใดนั้น! ผมเห็นก็เป็นเงาดำ เป็นร่างคนเป็นเงาดำ ๆ แขวนอยู่บนกิ่งมะม่วงใหญ่ อย่างกับในภาพยนตร์สยองขวัญแนวหนังไทย
เพ่งมองไป อ้าว"พระ" ท่านผูกคอตาย จึงร้องบอกเพื่อน "เฮ้ย มึงดูนั่นสิ! คนผูกคนตาย" ไม่ทันขาดคำ รถจักรยานยนต์ที่เรานั่งก็ขับผ่านไปด้วยความเร็ว ผมเองยังหันกลับไปมองอีกครั้ง แต่คราวนี้ งานเข้า..ศพนั้น กระโดดลงมาแล้ววิ่งตามพวกผมทันที "ผี!" แค่สิ้นเสียงอุทานออกไป ผีตนนั้นกระโดดแค่สองครั้งก็เข้ามาใกล้จนถึงตัวผมแล้ว.......จากความฝันมันก็กลายเป็นเหมือนเรื่องจริง ผมสังเกตจิตตอนนั้น มันมีสองอารมณ์ อารมณ์แรกกลัวมาก อารมณ์ที่สองเห็นเป็นธรรมดา แต่ก็ยังกลัวอยู่แต่ไม่มาก ตอนนั้นมันเหมือนกึ่งหลับกึ่งตื่น งานนี้ใจมันสู้ เลยถามไปว่า "เธอจะเอาอะไร มีอะไรให้เราช่วยหรือไม่" ไม่มีเสียงตอบใด ๆ กลับมา ผีตนนั้นยังอยู่ ภาพเพื่อนในความฝันหายไปนานแล้ว (อย่าให้นึกออกว่าเป็นเพื่อนคนไหนนะครับ) งานนี้ "ตัวต่อตัว" ผมกับผี "เอาแบบนี้ บุญอะไรที่เราทำมาดีแล้ว เราขออุทิศให้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดา ขอเธอจงโมทนาบุญนี้นะ" เงียบไม่มีคำตอบใด ๆ และยังจ้องผมอยู่เป็นปกติ งานนี้ผมเลยเริ่มได้ใจ "เอาแบบนี้ สามตัวงวดนี้ออกอะไร บอกผมได้หรือเปล่า" เงียบ...และก็จ้องหน้าผมเป็นปกติ งานนี้อารมณ์มันเริ่มเดือดแล้วครับ "เอายัง...ไม่ไปอีก อะไรวะ..เอา..มา มาเจอกันซึ่ง ๆ หน้าเลย" ผมเลยตื่น แต่อารมณ์มันต่อเนื่อง มองไปรอบ ๆ ห้องก็ไม่เจอผีสักตนหนึ่ง แต่มันยังรับรู้อยู่ถึงเรื่องราวต่าง ๆ อย่างชัดเจน ผมเลยพูดออกไปว่า "เอาท่านผีที่เคารพ ผมเป็นลูกหลานหลวงปู่ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำนะ อย่ามาแกล้งกันแบบนี้ ผมไม่ชอบ บุญก็ไม่เอา อะไรก็ไม่เอา ที่สำคัญหวยก็ไม่ให้ อุตสาห์มาหากันทั้งทีแล้ว...เอาเป็นว่า ผมจะนอนแล้วนะ ผมเหนื่อย พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า ขอตัวนอนก่อนนะ" แล้วผมก็ล้มตัวลงนอนจนเช้า ตื่นมาก็คิดทบทวนแล้วยังนั่งหัวเราะ "อะไรวะนี่ กูบ้าไปหรือเปล่าวะ" แต่งานนี้มันภูมิใจลึก ๆ ๕๕๕๕๕ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน จะลุกไปปัสสาวะก็ยังไม่กล้าเลย!
__________________
สักวันหนึ่งสี่ชีวิตจะได้พบซึ่งกันและกันเมื่อทุกอย่างพร้อม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วาโยรัตนะ : 30-11-2010 เมื่อ 14:54 |
สมาชิก 65 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ วาโยรัตนะ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
|
|