#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๗
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อคืนกระผม/อาตมภาพและคณะ กว่าที่จะเดินทางมาถึงยังที่พักในตัวเมืองเฉิงตู ก็ประมาณเกือบ ๓ ทุ่มครึ่งของประเทศจีน กว่าที่จะทำการตรวจเช็ค และรับกุญแจเข้าสู่ห้องพักของแต่ละคน ก็ประมาณ ๔ ทุ่มของประเทศจีนแล้ว
เหตุที่ช้าเช่นนี้ก็เพราะว่า ทางด้านประเทศจีนนั้นจำกัดความเร็วของรถนักท่องเที่ยวเอาไว้ที่ไม่เกิน ๕๐ กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น คือถ้ามีอะไรฉุกเฉิน ก็ยังสามารถที่จะแก้ไข หรือว่าหยุดรถได้ทันเวลา แล้วทุก ๆ สองชั่วโมงก็ต้องมีการหยุดพักรถเป็นเวลา ๒๐ นาที เพื่อให้พลขับได้มีโอกาสผ่อนคลาย เข้าห้องน้ำ ตลอดจนกระทั่งหาข้าวปลาอาหารกินด้วย ที่เขาต้องเข้มงวดขนาดนี้ก็เพราะว่าในส่วนของนักท่องเที่ยวนั้น ส่วนหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ ถ้าหากว่าเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา ก็จะกลายเป็นข่าวคราวที่ไม่ดีออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะพลขับรถทัศนาจรนั้น ก่อนที่จะมาถึงระดับนี้ได้ จะต้องผ่านการขับรถบรรทุกใหญ่มาก่อน หลังจากนั้นเมื่อไม่มีอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ภายใน ๓ ปี จึงสามารถที่จะมาสอบใบขับขี่ขับรถส่งนักท่องเที่ยว หรือว่ารถทัศนาจรได้ ถ้าหากว่าไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ว่าเอาไว้ คือใช้ความเร็วเกินก็ดี หรือว่าไม่ยอมพักผ่อนตามเวลาก็ตาม ก็จะโดนตัดแต้ม ถ้าหากว่าหมด ๑๒ แต้ม ก็จะโดนยึดใบขับขี่ ภายใน ๓ ปีไม่สามารถที่จะทำมาหากินได้ ไม่สามารถที่จะทำใบขับขี่ได้ จนกระทั่งผ่าน ๓ ปีไปแล้ว จึงไปขอทำใบขับขี่ได้อีกรอบหนึ่ง แต่ถ้าหากว่าสอบตก ก็คงจะต้องรอเวลาหน้ากันต่อไป ในเมื่อกฎเกณฑ์มีความเข้มงวดขนาดนี้ จึงทำให้พลขับแต่ละราย เคร่งครัดต่อระเบียบเป็นอย่างยิ่ง ขนาดนั้นก็ยังเกือบจะเกิดอุบัติเหตุอยู่หลายครั้ง เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ขับรถตามใจตัวเอง ถึงเวลาก็เบียดแทรกเข้ามาอย่างกระชั้นชิด แม้ว่าพลขับของเราจะบีบแตรดังขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่ได้คิดที่จะหยุดเลยแม้แต่น้อย ยังคงปาดเข้าเลนมาอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้บอกขำ ๆ กับน้องการ์ตูน (นางสาวศรัณย์พร บุรินทรโกษฐ์) ว่า "เจ้าพวกนี้พ่อแม่เลี้ยงมาตามใจ อยากได้อะไรต้องได้ อยากจะเข้าเลนต้องได้เข้า โดยที่ไม่ได้สนใจว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่นหรือเปล่า..!"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 05:48 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ส่วนในเรื่องของการพักรถทุกสองชั่วโมงนั้น รถทัศนาจรทุกคันจะต้องติดเครื่องหมายตามตัวผ่านดาวเทียม ที่เรียกว่าจีพีเอส ถ้าหากว่าถึงเวลาที่กำหนดแล้วไม่หยุด จะมีสัญญาณเตือนไปที่ศูนย์ควบคุม เจ้าหน้าที่ควบคุมจะโทรศัพท์ถึงพลขับทันที ถ้าหากว่าไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วน แล้วมีการเกินเวลาก็จะโดนตัดแต้ม จึงทำให้ทุกคนทั้งกลัวทั้งเกรง
การเดินทางซึ่งถ้าเป็นที่เมืองไทย น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็คงจะสามารถไปถึงภายใน ๓ ชั่วโมง แต่ทางด้านประเทศจีนนี้ต้องใช้เวลาถึง ๗ ชั่วโมงครึ่ง ทำให้การพักผ่อนในระหว่างทางนั้น ก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้ เนื่องเพราะว่าไม่ได้สบายเหมือนกับนอนเตียง เช้าวันนี้กระผม/อาตมภาพจึงลืมตาตื่นขึ้นมาตอนตี ๔ กว่าของประเทศจีน ซึ่งต้องบอกว่าน้อยครั้งที่ร่างกายจะทรุดโทรมจนกระทั่งตื่นสายขนาดนี้ แล้ววันนี้ยังโชคดีที่ว่า พวกเรามีนัดปลุกตอน ๖ โมงครึ่ง รับประทานอาหารเช้าตอน ๗ โมงครึ่ง และออกเดินทางตอน ๘ โมงครึ่ง จึงทำให้มีเวลาพักผ่อนได้มากขึ้น แต่กระนั้นก็ตาม พวกเราที่ตรงเวลาจนเคยชิน ก็ยังลงมารอเวลาห้องอาหารเปิด ซึ่งเขาเปิดตรงเวลา คือ ๗ โมงเช้า และต้องอาศัยคีย์การ์ดประจำห้องของใครของมัน ในการที่จะเข้าไปเพื่อรับประทานอาหาร พวกเราจองโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าแท่นวางอาหารเลย ครั้นตักมาได้แล้วก็นั่งลงรับประทาน อิ่มหนำสำราญแล้ว พรรคพวกเข้ามาถึงพอดีก็นั่งกันต่อ ต้องบอกว่าสามารถที่จะทำได้ต่อเนื่องกันดีมาก ไม่ขาดช่วงเลย..! หลังจากนั้นก็มีการนำกระเป๋าไปขึ้นรถ มาถึงตรงนี้แล้ว กระเป๋าก็ยังไม่ได้งอกเพิ่มขึ้นมา รถเราออกตรงเวลา คือ ๘ โมงครึ่ง มุ่งไปยังเมืองเก่าสถานที่หนึ่ง ซึ่งก็คือตลาดเมืองเก่าจิ๋นหลี่ ซึ่งเป็นตลาดเก่าที่มีมาตั้งแต่สมัยฉินซีฮ่องเต้ แต่ว่ามีการปรับปรุงขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามระยะเวลา คือเป็นตลาดมาตั้งแต่โบราณยุคนั้น พวกเราต้องเอารถไปจอดบริเวณลานจอดรถ แล้วก็ลงเดินไป ซึ่งเป็นระยะทางที่ไกลเป็นกิโลเมตรเหมือนกัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 05:51 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
การเข้าไปยังตลาดโบราณจิ๋นหลี่นี้ ไม่ต้องเสียเวลาซื้อตั๋ว เนื่องเพราะว่าทุกคนที่เข้าไปก็จะต้องไปจับจ่ายใช้สอยอยู่แล้ว สิ่งแรกที่พวกเราเห็นก็คือ ตัวการ์ตูนเปลี่ยนหน้ากากต่าง ๆ ซึ่งอย่างน้อยก็เปลี่ยนได้ ๓ หน้า ๔ หน้า แล้วบางแบบก็มีเสียงประกอบอีกด้วย แค่พวกบรรดาหุ่นเปลี่ยนหน้ากากอย่างเดียว ก็ทำเอาพวกเราหมดสภาพกันอยู่ตรงนั้น หลายคนถึงกับสารภาพว่า "หมดตัวแล้ว..!"
ส่วนอื่น ๆ นั้น ถ้าหากว่าเป็นในด้านของอาหาร ก็มีทั้งของเก่าของแก่ที่ค่อย ๆ ทำมือให้เห็น แม้กระทั่งการที่หยอดน้ำตาลให้แข็งตัวเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ ก็มี ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกถัก พวกปัก พวกทำขึ้นมาด้วยมือ ไม่ว่าจะเป็นงานแกะสลักจักสานอะไรก็ตาม ส่วนพวกของกินนั้น ส่วนใหญ่ก็จะไปอยู่รวมกันที่ด้านหนึ่ง เมื่อเราเดินเข้าไป ถนนก็จะแยกออกเป็นสองซอย บรรดาอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ นั้น ยังคงเป็นอาคารรุ่นเก่า ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงเป็นต้นมา แต่ละร้านล้วนแล้วแต่มีจุดเด่นของตนเอง ไม่ว่าจะจำหน่ายสินค้าที่เกี่ยวกับตัวหนังแกะสลัก (หุ่นเงา) ก็ดี ในเรื่องของการนวดฝ่าเท้า แช่ฝ่าเท้าก็ตาม ตลอดจนข้าวของซึ่งเป็นอาหาร ไม่ว่าจะเป็นพวกเนื้อรมควัน หรือว่าเป็ดพะโล้ที่บรรจุถุงสูญญากาศมาทั้งตัว..! ตลอดจนกระทั่งสิ่งอื่น ๆ อย่างเช่นว่าพวกผลไม้แห้ง ผลไม้เชื่อม หรือว่าบรรดาชาต่าง ๆ ที่เขาแสดงการบดชาชงชาให้ดูกันตรงนั้นเลย ในส่วนอื่นนั้นต้องบอกว่า การตกแต่งสถานที่เป็นไปตามค่านิยมของสถาปัตยกรรมจีน เข้าไปแล้วรู้สึกสงบมาก ชีวิตของชาวบ้านแถวนั้นก็ค่อนข้างที่จะช้า แม้ว่าจะมีการเรียกหานักท่องเที่ยวอยู่บ้างก็ตาม พวกเราเองก็เดินจับจ่ายใช้สอยกันตามสะดวก เรียกง่าย ๆ ว่าเทกระเป๋ากันเป็นวันสุดท้าย ส่วนกระผม/อาตมภาพที่ซื้อของไม่เป็น ส่วนใหญ่ก็ถ่ายรูปในส่วนที่ตนเองสนใจ ส่วนอื่นก็เดินดูสถาปัตยกรรมจีนต่าง ๆ ด้วยความภาคภูมิใจในสายเลือดของบรรพบุรุษจีน ที่สามารถอนุรักษ์สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้มาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 06:05 |
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ครั้นจับจ่ายกันจนหมดตัวแล้ว พวกเราก็กลับมาขึ้นรถ ทางด้านเอ็นซีทัวร์นำไปยังร้านหม้อไฟหมาล่าซึ่งมีชื่อเสียง ความจริงอาหารมื้อนี้ไม่ได้อยู่ในกำหนดการ แต่ว่าคุณนวลจันทร์เป็นผู้ที่มอบให้เป็นของขวัญในการเดินทางสำหรับพวกเรา เป็นหม้อไฟที่เรียกว่าบุฟเฟต์ แต่ว่าของพวกเราจัดกันเป็นโต๊ะ แล้วมีคนมาคอยเติมให้ จึงได้ฉันกัน กินกัน อย่างชนิดที่เรียกว่าพุงหลามไปตาม ๆ กันทีเดียว
เสร็จสรรพเรียบร้อย พวกเราก็ขึ้นรถเพื่อตรงไปยังสนามบินเฉิงตูเทียนฝู่ แม้ว่าจะเป็นทางด่วนที่ไม่ค่อยมีรถก็ตาม ยังต้องใช้เวลาวิ่งถึงชั่วโมงครึ่ง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเขาจำกัดความเร็วเอาไว้ ครั้นไปถึงสนามบินแล้ว หลายคนที่สั่งของไว้กับ "มัคคุเทศก์ไว ๆ" ของพวกเรา ก็มารับของ มาจัดกระเป๋ากัน หลายต่อหลายคนก็มีกล่องเพิ่มขึ้นมา ๑ ใบ เพราะว่าสั่งของอะไรไป คุณไวก็จัดการบรรจุมาเป็นลังกระดาษเลย แล้วก็ไปทำการตรวจตั๋ว ชั่งน้ำหนัก กระผม/อาตมภาพต้องเฉลี่ยน้ำหนักให้คนอื่นตามเคย แต่ตอนผ่านด่านซีเคียวริตี้นั้น ตรวจกันอย่างเข้มงวดสุด ๆ กระผม/อาตมภาพที่ไม่มีอะไรติดตัวเลย เขาก็ยังลูบคลำไปทั่วทั้งตัว แล้วพระครูสมุห์ต้นไม้ของเรา ก็โดนสั่งให้ถอดจีวรด้วย ยังโชคดีที่พูดกันไม่รู้เรื่อง ถึงไม่ได้ถอดจีวรให้ แล้วยังต้องมายืนรอในการเข้าคิวที่แถวกองตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งค่อนข้างจะใจร้าย ในตอนแรกก็มีแต่ "คุณละเอียด" อยู่ ๓ ช่อง หลังจากนั้นแล้วก็ยังปิดไปเหลือแค่ ๒ ช่องเท่านั้น กว่าที่พวกเราจะผ่านออกมาได้ ก็ประมาณบ่าย ๓ โมง..! แล้วไอ้ตัวเล็กก็ส่งข่าวร้ายมาว่า เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนที่กระผม/อาตมภาพบันทึกเอาไว้ตอนเดินทางนั้น ไม่มีเสียงอะไรเลย จึงต้องมานั่งบันทึกอยู่ในห้องน้ำหน้าประตูทางออกขึ้นเครื่อง ได้แต่หวังว่าการบันทึกครั้งนี้น่าจะไม่มีเสียงรบกวนมากนัก เนื่องเพราะว่าห้องข้าง ๆ เดี๋ยวก็เข้า เดี๋ยวก็ออก เดี๋ยวถ่ายหนัก เดี๋ยวถ่ายเบา เดี๋ยวกดน้ำ ซ้ำยังมีเสียงประชาสัมพันธ์ดังรบกวนอีก ถ้าฟังได้ก็ขอให้ตั้งใจฟัง ถ้าฟังไม่ได้ก็ขออภัยต่อทุกคนด้วย สำหรับทริปนี้ขอเจริญพรขอบคุณเอ็นซีทัวร์ที่ให้บริการอย่างดีเลิศ ขอกราบเท้าขอบพระคุณหลวงปู่ไห่ทง ที่เมตตาคณะของเรา ได้แต่หวังว่าครั้งต่อ ๆ ไป จะได้รับความเมตตาจากหลวงปู่อีก ขอเจริญพรขอบคุณคณะของท่านสุ่ยหลง ที่ดูแลพวกเราตั้งแต่ต้นมาจนถึงบัดนี้ด้วยดีทุกประการ กุศลบารมีใดที่อาตมภาพได้สร้างมาตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ ขอทุกท่านโปรดโมทนา อาตมภาพจะได้รับประโยชน์และความสุขเท่าไร ขอทุกท่านจงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด ขออนุญาตไปรอขึ้นเครื่องตามเวลา จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๖ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-05-2024 เมื่อ 06:08 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|