กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนเมษายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 15-04-2024, 19:50
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 342
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,740 ครั้ง ใน 820 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-04-2024, 23:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,171 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ บางท่านก็เรียกว่า "วันเถลิงศก"" ก็คือขึ้นปีใหม่ บางท่านก็เรียกว่า "พญาวัน" ถือว่าเป็นวันที่ใหญ่กว่าวันอื่นทั้งหมด เพราะว่าเป็นวันแรกของปี ดังนั้น..ถ้าหากว่าเป็นวิชาการทางด้านภาคเหนือ ส่วนใหญ่ก็จะปลุกเสกสิ่งของต่าง ๆ กันในวันพญาวันนี้

แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่จะไม่ลืมอย่างเด็ดขาดก็คือ การนำเอาน้ำขมิ้น ส้มป่อย ไปสรงน้ำพระ ก็คือพระพุทธรูปในบ้านของตนเอง หลังจากนั้นก็จะไปรดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีผ้าใหม่ จะเป็นผ้าขาวม้าก็ได้ ผ้าขาวธรรมดาก็ได้ พร้อมกับน้ำขมิ้น ส้มป่อย ไปขออนุญาตผู้ใหญ่ รดน้ำดำหัวแล้วขอพร

ส่วนใหญ่ก็คือมอบภาชนะที่ใส่ผ้าใหม่ พร้อมกับน้ำขมิ้น ส้มป่อย ให้กับผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ก็จะวักน้ำเหล่านี้พรมศีรษะตนเอง หรือว่าลูบมือ ลูบตัว ไม่ใช่เด็กไปรดน้ำผู้ใหญ่ สมัยหลัง ๆ ของเรานี้ไม่ค่อยจะรู้ธรรมเนียมประเพณี แล้วก็ไม่ค่อยจะรู้กาลเทศะ กระผม/อาตมภาพเอง เจอมามากต่อมากด้วยกัน ก็คือเด็กประมาณชั้นประถม มารดน้ำสงกรานต์แล้วอวยพร "ขอให้หลวงพ่อเจริญ ๆ แข็งแรง ๆ" แทนที่จะมาขอพร กลับมาอวยพร ถ้าเป็นภาษาโบราณ เขาเรียกว่า "ทะลึ่ง"..!

ในขณะเดียวกัน การสรงน้ำพระพุทธรูป หรือว่ารูปหล่อครูบาอาจารย์ที่เราเคารพนับถือ ก็จะถวายน้ำสรงที่พระหัตถ์พระพุทธรูป หรือว่าที่มือของรูปหล่อครูบาอาจารย์ แต่สมัยนี้เห็นส่วนหนึ่งเอาน้ำราดเศียรพระพุทธรูปไปเลย..! ขนาดคนปกติที่อาวุโสมากกว่า เรายังไม่เอาน้ำไปราดหัวเขา แต่นี่พระพุทธเจ้ายังไม่เว้นเลย..!

ดังนั้น..การที่เราเป็นนักปฏิบัติธรรม สิ่งหนึ่งที่ลืมไม่ได้อย่างเด็ดขาดเลยก็คือ ยิ่งปฏิบัติไป สภาพจิตต้องยิ่งละเอียดมากขึ้นไปเรื่อย ต้องรู้จักระมัดระวังว่า สิ่งหนึ่งประการใดจะเป็นการปรามาสพระรัตนตรัย เพราะว่าจะเป็นตัวขวางมรรคผลของเราเอง คือถ้าจิตใจของเรายังหยาบ ขาดความเคารพใน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแท้จริง โอกาสที่จะเข้าถึงมรรคผลก็ไม่มี

ขณะเดียวกัน ขนบธรรมเนียมประเพณีของบ้านเราที่ดีงาม ก็พยายามจดจำและปฏิบัติให้ถูกต้องด้วย บรรดาชาวต่างชาติถ้ามาถึง จะได้ให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่เขาด้วย ไม่อย่างนั้นแล้วก็เอาแต่สนุกสนานในการสาดน้ำรดกัน ประเพณีที่ดีงามก็จะเหลือแค่ความสนุกเฉพาะตนเท่านั้น ความเคารพในพระรัตนตรัยจะไม่มี ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ ซึ่งสร้างบุญกุศลแก่เราก็ไม่มี

เรื่องพวกนี้ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาเอาไว้ คนรุ่นหลัง ๆ ก็จะคิดว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้องแล้ว แล้วเมื่อรุ่นหลังกว่านั้นเห็นเข้าและทำตาม ประเพณีอันดีงามของเราก็จะค่อย ๆ สูญเสียอัตลักษณ์ ตลอดจนกระทั่งรูปแบบที่ดีงามไป กลายเป็นเอาแต่เล่นสนุกกันอย่างเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2024 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-04-2024, 23:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,171 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้กระผม/อาตมภาพนั่งรับน้ำสรงจากพระภิกษุ สามเณร แม่ชีและฆราวาส ประมาณ ๑ ชั่วโมง เมื่อเลิกจากการรับแล้ว ปรากฏว่าสองมือคันไปหมด ต้องรีบมาล้างน้ำฟอกสบู่เสียใหม่ คาดว่าเกิดจากดอกไม้ที่พวกเราใช้โรยหน้าน้ำอบน้ำหอม คงจะมีการไปแช่สารบางอย่าง ที่ทำให้ดอกไม้นั้นสดอยู่นาน แต่ว่าเป็นพิษกับผิว กระผม/อาตมภาพก็ยังเป็นห่วงว่า ถ้าเอาไปสาดใส่กันแล้วเกิดไปเข้าตาคนอื่น จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?!

บ้านเราเมืองเราส่วนหนึ่ง คนเราเห็นแก่เงินก็มักจะทำในสิ่งที่บางทีกฎหมายก็ห้าม อย่างเช่นว่าเอาอาหารทะเลไปแช่สารฟอร์มาลดีไฮด์ เพื่อที่ให้สดอยู่ในท้องตลาดได้นาน ๆ ส่วนคนกินจะเป็นจะตายอย่างไรก็ช่างมัน..! หรือว่าในส่วนที่เจอมา ก็คือเรื่องของดอกไม้สด มักจะใช้สารประเภทนี้ในการฉีดพ่น หรือว่าผสมน้ำแล้วแช่ เพื่อที่ให้ดอกไม้อยู่ได้นาน ๆ

แต่ถ้าท่านทั้งหลายรู้จักสังเกตจะเห็นว่า ถ้าเป็นพวงมาลัยหรือดอกไม้สดที่ผ่านสารพวกนี้มา จะสดชื่นอยู่ได้หลายวัน แล้วก็ปุบปับเน่าไปเลย จะไม่มีการค่อย ๆ เหี่ยว ค่อย ๆ เฉา เหมือนดอกไม้ตามปกติ เหมือนอย่างกับว่าพอสารที่แช่เอาไว้หมดฤทธิ์ ดอกไม้เหล่านั้นก็จะอยู่ในสภาพที่ว่าค้างมาหลายวัน ถ้าปล่อยตามปกติ ก็จะเหี่ยวแห้งไป แต่ด้วยความที่เซลล์ต่าง ๆ ของดอกไม้น่าจะโดนทำลายด้วยน้ำยาเหล่านี้ เมื่อถึงเวลาจึงหมดสภาพเน่าเละไปเลย

ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ จะว่าเป็นเรื่องเล็กก็เล็ก จะว่าเป็นเรื่องใหญ่ก็ใหญ่ เนื่องเพราะว่าเราทำโดยขาดความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพของตน ก็คือการค้า ถ้าเป็นคนโบราณเขาบอกว่า "ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน" ก็คือถ้าเราซื่อตรงจริงใจต่อลูกค้า ใคร ๆ ก็อยากจะมาซื้อของกับเรา

แต่ถ้าหากว่าเราเอาของปลอม ของปน ของไม่ดีใส่รวมกับของดีที่ขาย หรือแม้กระทั่งใช้สารที่เป็นพิษต่าง ในการที่จะแช่อาหารเพื่อให้อยู่นาน ๆ หรือว่าสิ่งของเพื่อให้อยู่นาน ๆ โดยไม่ได้คำนึงว่าจะสร้างความเป็นพิษให้กับผู้ที่นำไปบริโภคใช้สอยหรือไม่ ? ถ้าหากว่าเป็นของใช้ก็ยังพอทน ถ้าเป็นของกิน กระผม/อาตมภาพอยากยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง

ก็คือมีพระไทย ๕ รูป ไปเที่ยวประเทศเวียดนาม แล้วก็ไปฉันซูชิ ซึ่งความจริงถ้าว่ากันตามพระธรรมวินัย
พระห้ามฉันของสด แต่ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอาจจะเห็นว่า "แค่เรื่องของการกิน ปลงอาบัติก็จบแล้ว" ก็เลยฉันซูชิเข้าไป ปรากฏว่าเกิดอาการเป็นพิษ ส่งโรงพยาบาลแล้วมรณภาพไป ๔ รูป..! ซึ่งทั้ง ๔ รูปนั้นมาจากจังหวัดราชบุรี อีก ๑ รูปเป็นพระของจังหวัดกาญจนบุรีนี่เอง รู้จักคุ้นเคยกับกระผม/อาตมภาพด้วย ท่านเป็นหมอยาสมุนไพร เมื่อรู้ตัวก็รีบเอายาสมุนไพรที่ติดไปกินถอนพิษ จึงทำให้รอดมาได้..!

แล้วมาภายหลัง ทางด้านสาธารณสุขของเวียดนามเอาเนื้อปลาเหล่านั้นไปพิสูจน์ ปรากฏว่าแช่สารฟอร์มาลดีไฮด์มาทั้งนั้น ได้รับเงินชดเชยมาเยอะมาก ศพละ ๕๐,๐๐๐ บาท..! คุ้มหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? แต่ถ้าหากว่าคิดเป็นเงินของเวียดนามก็มากโขอยู่เหมือนกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2024 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 16-04-2024, 00:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,614
ได้ให้อนุโมทนา: 151,817
ได้รับอนุโมทนา 4,413,171 ครั้ง ใน 34,204 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ถ้าหากว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เกิดในบ้านเราเมืองเรา รับรองว่าเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะว่าบ้านเราไม่ได้ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ข่าวคราวสามารถที่จะแพร่กระจายไปทั่วโลกภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่ประเทศของเขา รัฐบาลสามารถสั่งที่จะปิดข่าวเหล่านี้เอาไว้ได้ ถ้าไม่ใช่ว่าพระอาจารย์ท่านนั้นเป็นเพื่อนกัน กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้เหมือนกัน

แล้วอีกส่วนหนึ่งที่ขำกว่านั้นก็คือ หลวงพ่อรองเจ้าคณะจังหวัดของเรา ท่านเจ้าคุณพระโสภณกาญจนาภรณ์ (ทอมสันต์ จนฺทสุวณฺโณ ป.ธ.๔) บอกว่า "ผมโชคดีมากเลยครับ..อาจารย์เล็ก ถ้าผมไป..ผมตายแน่นอน เพราะว่าผมชอบซูชิมาก" อาตมภาพก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าทำไมของที่พระพุทธเจ้าห้าม ถึงได้ชอบกันนักก็ไม่รู้ ? ในเมื่อท่านเองไม่ได้ไปด้วย และรอดมาได้ ก็ถือว่าบุญยังรักษาอยู่

แล้วพระอาจารย์รูปที่เป็นหมอยา ก็ต้องบอกว่าไม่เสียทีที่ศึกษายามา กระผม/อาตมภาพได้ยินบรรดาหมอสมุนไพรไทยหลายคนบอกอยู่แล้ว ว่าไปไหนก็จะติดว่านรางจืดกับพญาปล้องทองไปด้วย พญาปล้องทองนี่หลายคนเรียกว่า เสลดพังพอนตัวเมีย โดยที่ใช้คำว่า ถ้ากินอะไรผิดสำแดง ให้รีบฝนพญาปล้องทอง หรือว่าฝนรางจืดกินเข้าไป จะได้ถอนพิษได้ทัน ก็ต้องบอกว่าภูมิปัญญาโบราณช่วยรักษาชีวิต แต่ถ้าหากว่ากินมากไป หรือว่าพระฉันมากไป บางทีก็รักษาชีวิตไว้ไม่ทันเหมือนกัน..!

เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าผู้ที่มรณภาพไปก็คือพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา มรณภาพไปเพราะความเห็นแก่ได้ หรือว่าเห็นแก่ตัวของพ่อค้าแม่ค้า ซึ่งถ้าเกิดในบ้านเราเมืองเรา ก็จะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวรุนแรงมาก ยังดีที่ไปเกิดบ้านเขา ถึงไม่มีปัญหาอะไรมากมายนัก

ดังนั้น..วันนี้ที่ปรารภก็คือว่า เรื่องที่ไม่น่าจะเกิด ไม่น่าจะเป็น ก็เป็นขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่เป็นการรดน้ำขอพรธรรมดา แต่ทำเอากระผม/อาตมภาพต้องไปล้างมือเสียใหม่แทบไม่ทัน ก็ขอให้ทุกท่านระมัดระวังเอาไว้ด้วย ว่าถ้าเอาน้ำนั้นไปสาดใส่คนอื่น อาจจะทำให้เขาเดือดร้อนถึงขนาดตาบอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-04-2024 เมื่อ 02:32
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 01:49



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว