#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๖๖
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพออกบิณฑบาตตามปกติ ปรากฏว่ายังมีนักท่องเที่ยว ตลอดจนญาติโยมที่มาทำบุญวัดท่าขนุน เนื่องในโอกาสตักบาตรเทโวและทอดกฐิน ยังอยู่ใส่บาตรกันในตลาดเป็นจำนวนมาก
หลังจากนั้นแล้วก็เป็นความวุ่นวายในชีวิต เนื่องเพราะว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนับเงินบริวารกฐินให้เสร็จเรียบร้อย โดยเฉพาะในส่วนของธนบัตรโพลิเมอร์นั้นมีปัญหาใหญ่มาก เครื่องอัตโนมัติไม่สามารถที่จะนับได้ถูกต้อง เนื่องเพราะว่าเมื่อมีรอยพับ หรือเมื่อมีรอยยับ เครื่องก็อาจจะดีดทิ้งออกไปเลย จึงทำให้ต้องมานับมือทีละใบ และในส่วนของเหรียญที่ญาติโยมบางท่านก็ทุบกระปุก ทำบุญมาอย่างชนิดเทมาเป็นถุงเลยก็มี สรุปได้ว่านับเงินกันจนมือระบม ได้มา ๑ ล้าน ๖ หมื่นกว่าบาท เมื่อรวมกับยอดที่ท่านทั้งหลายผาติกรรมผ้าไตรแล้ว ในส่วนของเงินกฐินวัดท่าขนุนก็อยู่ที่ ๔ ล้านกว่าบาท ความจริงแล้วมีเศษ ๙๘๕ บาท แต่กระผม/อาตมภาพเติมไป ๑๕ บาท ให้ลงเป็นตัวเลขกลม ๆ ไป เรื่องของกฐินนี้ ถ้าหากว่าได้เงินแล้ว ต้องรีบรายงานทางคณะสงฆ์ และมีหลักการบริหารจัดการที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ต้องนำเงินทั้งก้อนเข้าบัญชีให้เรียบร้อย หลังจากนั้นแล้วจะจับจ่ายใช้สอยอย่างไร ค่อยเบิกออกมาทีหลัง ไม่เช่นนั้นแล้วจะถือว่าท่านทุจริต..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในสมัยก่อน ๆ นั้น เวลาหลวงปู่หลวงพ่อแต่ละท่านรับกฐินหรือว่าผ้าป่า บรรดาเจ้าหนี้โดยเฉพาะช่างก่อสร้าง หรือว่าร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ตลอดจนกระทั่งญาติโยมที่ทางวัดหยิบยืมเงินทองมาใช้จ่ายในการก่อสร้างก่อน ก็มานั่งรอกันหน้าสลอน..! เมื่อคณะกรรมการนับเงินเสร็จ ก็มีการแบ่งปันกันไปมากน้อยตามจำนวนที่ควรจะได้ ถ้าหากว่าติดหนี้ใครมาก ที่เหลือค้างอยู่ก็ติดกันต่อไป ถ้าหากว่าติดหนี้น้อย ก็อาจจะหมดไปเลยในงานนั้น และพร้อมที่จะเป็นหนี้กันต่อไปอีก..! ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นการดำเนินการแบบเชื่อใจกันเองมาตลอด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2023 เมื่อ 01:51 |
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
แต่ว่าเมื่อมีกฎระเบียบต่าง ๆ ของทางคณะสงฆ์ขึ้นมา ก็ต้องมีการรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น แล้วเงินกฐินนั้นก็อนุญาตให้ใช้จ่ายแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ที่สามารถนำมาหักจากยอดกองกฐินได้ อย่างเช่นว่า ค่าอาหารโรงทาน ค่าเครื่องดื่มเลี้ยงญาติโยม ค่าประดับตกแต่งสถานที่ ตลอดจนกระทั่งค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด อย่างเช่นว่ารถที่นำมารับญาติโยมในงานกฐิน เป็นต้น เพียงแต่ว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าเป็นไปได้ก็คือ ต้องมีใบเสร็จรับเงินให้ชัดเจน
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ได้เงินมาจึงกลายเป็นภาระอย่างยิ่ง โดยเฉพาะวัดท่าขนุน พอได้เงินกฐินมา ๔ ล้านกว่าบาท วัดข้างเคียงก็รู้สึกว่าตาโต..! แต่ไม่รู้ว่าทางวัดท่าขนุนยังต้องจ่ายค่าก่อสร้างพิพิธภัณฑ์อีก ๘๐ กว่าล้านบาท..! จึงเป็นเรื่องที่ "กลืนไม่เข้า คายไม่ออก" เพราะว่าส่วนใหญ่เขาจะเห็นตอนรับ แต่ว่าไม่เห็นตอนจ่าย..! คราวนี้ในเรื่องของเงินทองส่วนนี้ เมื่อนับไปแล้ว ลงบัญชีเสร็จ ก็ยังต้องให้ไวยาวัจกรช่วยตรวจสอบ และเซ็นรับรองยอดเงินที่ถูกต้องอีกด้วย ก็แปลว่าทั้งเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรผู้เซ็นรับรองบัญชี ก่อนที่จะส่งผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น ต่างก็เอาเท้าแหย่เข้าไปในโซ่ตรวนแล้วข้างหนึ่ง..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้ามีการผิดพลาดใด ๆ ทำให้เกิดการทักท้วงขึ้นมา ทั้งเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรที่เป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย ก็มีสิทธิ์โดนข้อหาเจ้าพนักงานประพฤติมิชอบ หรือว่าเป็นเจ้าพนักงานฉ้อโกง ซึ่งโทษจะหนักกว่าคนทั่วไปเป็นเท่าตัว บุคคลที่รู้กฎหมายจึงไม่มีใครอยากที่มาเป็นไวยาวัจกรวัด ยกเว้นท่านที่เข้ามาแล้วหวังผลประโยชน์ ซึ่งวัดทั่ว ๆ ไป ส่วนใหญ่ร้อยละเกิน ๖๐ มักจะโดนผู้โดนอิทธิพลท้องถิ่นเข้ามาควบคุม ถึงเวลาแล้วทางวัดก็กลายเป็นแหล่งผลิตเงินให้เขาทั้งหลายเหล่านั้น จนกระทั่งภายหลังก็มีการทะเลาะเบาะแว้ง บางที่ก็ถึงขนาดฆ่าแกงกันไปเลยก็มี..! การที่วัดท่าขนุนสามารถที่จะทำให้ทุกอย่างโปร่งใสขึ้นมาได้นั้น อันดับแรกเลย เจ้าอาวาสต้องมีความเด็ดขาดชัดเจนเพียงพอ ประการที่สอง การกระทำทุกอย่างต้องโปร่งใส มีการแสดงบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นระยะอยู่เสมอ เมื่อทราบว่าทางวัดมีหนี้ทีหนึ่งหลายสิบล้าน บางทีถึงขนาดร้อยล้าน..! ก็ทำให้บรรดาผู้หวังผลประโยชน์ทั้งหลายเผ่นหนีไปไกลลิบ ไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งด้วย ทำให้กระผม/อาตมภาพเห็นชัดเจนว่า สิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงสอนเอาไว้ว่า มีเงินอย่าให้ข้ามปี พยายามใช้จ่ายในส่วนของกิจการคณะสงฆ์ให้หมด เมื่อได้เงินใหม่เข้ามา จะได้ไม่คิดว่าเป็นของเราอย่างหนึ่ง เมื่อไม่มีเงินเหลือ ก็ไม่มีคนเข้ามาหาประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง ส่วนอีกประการหนึ่งก็คือ ถ้ามีเงินเหลือ ให้หาโครงการที่มากกว่าจำนวนเงินแล้วทำไป เมื่อถึงเวลาเงินเข้ามา ก็จะได้ใช้จ่ายไปในโครงการนั้น ๆ เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2023 เมื่อ 01:54 |
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ สำหรับบุคคลที่ยังทำใจไม่ได้ก็อาจจะถึงกับเครียดไปเลย แต่ถ้าเป็นบุคคลที่ไม่ได้หวังประโยชน์จากทางด้านคณะสงฆ์ โดยเฉพาะท่านที่ตรงไปตรงมา เมื่อถึงเวลาก็ทำตามพระธรรมวินัยและระเบียบปฏิบัติของทางคณะสงฆ์ ก็ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น
อีกส่วนหนึ่งก็คือการแจกรางวัลให้กับบุคคลที่ช่วยงาน ซึ่งเมื่อวานนี้แจกทันบ้างไม่ทันบ้าง ในส่วนที่แจกทันก็คือพระภิกษุสามเณร แม่ชีและฆราวาสที่อยู่ประจำในวัด ตลอดจนกระทั่งคณะทำงานที่มาช่วย ไม่ว่าจะเป็นคณะรวมใจภักดิ์ ของท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดี หรือว่าบริษัทมุลเลอร์กรุ๊ปของคุณต๋อง (ณัฐพล สุขวัฒนศิริ) ก็ตาม แต่ขณะเดียวกันบรรดาเจ้าหน้าที่ต่าง ๆ อย่างเช่นว่าตำรวจจราจร เมื่อวันนี้มีเวลาว่าง ก็ได้ติดต่อไปยังท่านผู้กำกับ พันตำรวจเอกมนตรี แตงโต ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรทองผาภูมิ ถามว่า "ตำรวจมาช่วยอำนวยการจราจรกี่นาย ?" ท่านผู้กำกับรายงานว่า "๔ นาย แต่ว่ามีสายตรวจเข้ามาวิ่งดูความเรียบร้อยอีก ๔ รายครับ" กระผม/อาตมภาพจึงบอกให้ส่งตัวแทนมารับวัตถุมงคลไปจำนวน ๘ ชิ้น แต่เมื่อตัวแทนมาถึง รายงานว่า "ท่านผู้กำกับและสารวัตรก็มาอยู่ตลอดงานด้วยครับ" กระผม/อาตมภาพก็ยังนึกว่าผู้กำกับของเราคิดถึงแต่ลูกน้อง ไม่ได้คิดถึงตัวเองเลย จึงฝากวัตถุมงคลเพิ่มไปอีก ๒ ชิ้น เพื่อให้ท่านผู้กำกับและสารวัตรที่มาช่วยกำกับงานอยู่ตลอดทั้งวัน แล้วขณะเดียวกัน ก็ยังมีส่วนของรถสามล้อเที่ยวชุมชนยลวิถี ซึ่งมาช่วยรับคนจากหน้าวัดเข้ามาในวัด เนื่องเพราะว่าการตักบาตรเทโวนั้น รถตู้ไม่สามารถที่จะรับญาติโยมวิ่งหมุนเวียนได้ เพราะว่าต้องปิดถนนให้ญาติโยมใส่บาตร ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหานี้ได้ นอกจากให้ญาติโยมที่ต้องจอดรถไกล ๆ แล้วเดินเข้ามาเอง ปีนี้ก็ได้รับการสงเคราะห์จากป้าตุ่น (นางสาวบุญสนอง บุญยงค์) ประธานชุมชนคุณธรรมวังท่าขนุน ร่วมมือกับบริษัทบริวารทั้งหลาย ในส่วนของโครงการเที่ยวชุมชนยลวิถี ตลอดจนกระทั่งคณะกรรมการชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน จัดหาสามล้อของโครงการเที่ยวชุมชนยลวิถี มาบริการแก่ญาติโยมที่ต้องเดินเข้ามาในวัด ได้รับคำชมเชยเป็นอย่างสูง เพราะว่าเป็นจิตอาสาทำงานโดยไม่คิดเงินคิดทอง แต่ก็มีบรรดาตัวแสบ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะมาจากศูนย์อพยพ ฉวยโอกาสเข้ามารับคนแล้วก็เก็บเงินด้วย ซึ่งในส่วนนั้นปีหน้าคงจะต้องมีการจัดการกันให้เรียบร้อย เนื่องเพราะว่าอาจจะต้องมีเครื่องแต่งกาย หรือว่าบัตรประจำตัว ถ้าหากว่าใครไม่มีก็จะต้องให้ตำรวจจัดการไปเลย..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2023 เมื่อ 01:57 |
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
แต่เมื่อกล่าวชมเชยไป ป้าตุ่นบอกว่า ได้รับคำแนะนำมาจากน้องพริม กาแฟสด กระผม/อาตมภาพก็งงอยู่พักหนึ่ง จึงนึกขึ้นมาได้ ว่าที่แท้ก็คือคุณเพ็ญ หรือว่า นางสาวปิยะนันท์ อาจิระวัฒน์ ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์วิชชุ อารมณ์ดีนั่นเอง ซึ่งทางคณะก็คงเห็นว่าตรงนี้เป็นจุดบอดของงานตักบาตรเทโว จึงให้คำแนะนำกับทางชุมชนไป แล้วป้าตุ่นนำไปปฏิบัติจนกระทั่งได้รับคำชมเชยจากทุกคน โดยที่คนแนะนำก็ไม่ได้รับอะไรเลย เนื่องเพราะไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดเป็นคนแนะนำ
แต่ว่าป้าตุ่นของเราก็ไม่ได้เก็บเอาไว้เป็นความดีความชอบส่วนตัว เมื่อกระผม/อาตมภาพให้คำชมเชยไป ก็บอกว่าได้รับข้อคิดหรือคำแนะนำมาจากใคร ถือว่าเป็นการทำงานที่โปร่งใส ควรค่าแก่การชมเชยเป็นอย่างยิ่ง อีกส่วนหนึ่งก็คือบรรดาโรงทานต่าง ๆ ที่มาช่วยงานนั้น ต้องขอเจริญพรขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วการเลี้ยงคนเป็นจำนวนมากขนาดนั้น ทางวัดคงต้องควักกระเป๋าไม่ต่ำกว่าสองแสนบาท ขอให้ท่านทั้งหลายมีแต่ความสุขความเจริญและความปรารถนาที่สมหวังทุกประการเถิด สำหรับวันนี้กระผม/อาตมภาพมานั่งบันทึกเสียงก่อนเวลาทำวัตรค่ำ ก็เพราะว่าต้องมีการประชุมคณะกรรมการโครงการสร้างความปรองดองสมานฉันท์โดยใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา (หมู่บ้านรักษาศีล ๕) ในเวลา ๖ โมงเย็น ก็คาดว่าต้องลากยาวกันไปอย่างน้อย ๓ ทุ่ม จึงต้องมาบันทึกเสียงเอาไว้ก่อนในขณะนี้ เรื่องราวต่าง ๆ ที่อยากบอกอยากกล่าว อยากเล่าให้แก่ทุกผู้คน ความจริงยังมีอีกมาก แต่ดูแล้วว่าน่าจะเกินเวลา จึงเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเราและบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-11-2023 เมื่อ 01:59 |
สมาชิก 43 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|