|
เก็บตกจากบ้านอนุสาวรีย์ เก็บข้อธรรมจากบ้านอนุสาวรีย์มาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เก็บตกบ้านอนุสาวรีย์ ต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๒
หลวงพ่อเล็กเล่าให้ฟังว่า "หลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ บอกว่า ท่านเล็กเหมือนกับม้าอาชาไนย
คำว่า ม้าอาชาไนยก็คือ ยอมตายอยู่ในสนามรบดีกว่าป่วยตายอยู่ในคอก สมัยก่อนที่อยู่วัดท่าซุง แม้ว่าจะเครดิตดีในสายตาพี่ ๆ น้อง ๆ ด้วยกัน แต่ว่าความอาวุโสของเรามันไม่ได้ พรรษาน้อยมาก เพียงแต่ว่าสามสี่พรรษาท้าย ๆ ทำงานสนองหลวงพ่อท่านได้ อย่างที่คนอื่นเขาไม่กล้าเสี่ยง ก็เลยมีความเชื่อถือในสายตาพี่ ๆ น้อง ๆ แม้ว่าพรรษาจะน้อยกว่าก็ตาม แต่พอออกจากวัดมา ด้วยความที่เราเป็นลูกหม้อวัดท่าซุง ทำให้พี่น้องสายนอกที่เขาไม่ได้บวชจากวัดท่าซุง ให้ความเชื่อถือมาก มีงานที่ไหนก็นิมนต์ไป ไป ๆ มา ๆ ก็มาลามมาถึงพี่น้องในวัดที่ออกไปตั้งสำนักข้างนอก แล้วก็เกิดภาพอย่างที่ทุกคนเห็น ก็คือ ไปที่ไหนก็เหนื่อย"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 226 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพ่อครับ ถวายของบูชาพระพุทธรูปที่บ้าน แล้วสมมติว่าเป็นของกิน?
ตอบ : ลามาแล้วก็กินได้ ถาม : กินได้หรือครับ? ตอบ : ถ้าไม่เน่าไม่เสียก็กินไป ถาม : แล้วไม่ถือว่าติดหนี้สงฆ์หรือครับ? ตอบ : ของอยู่กับบ้านเราไม่ได้อยู่กับวัด ถาม : แล้วถ้าเป็นถวายข้าวพระพุทธรูปที่วัด นั่นก็กินได้หรือครับ? ตอบ : นั่นเป็นของสงฆ์ เพราะไปอยู่วัดแล้ว ถาม : หลวงพ่อช่วยเรื่องปฏิบัติด้วยครับ ตอบ : อยู่ในศีล สมาธิ ปัญญา สำคัญตรงว่าทำจริงเท่านั้น ไม่ใช่ทำ ๆ ทิ้ง ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 18-12-2009 เมื่อ 13:14 |
สมาชิก 211 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ในขณะที่กำลังพูดคุยถึงเรื่องงานกฐินตุ๊ป้อ ที่หลวงพ่อเล็กขึ้นไปนั่งบนเสลี่ยง
หลวงพ่อท่านก็กล่าวว่า "เรื่องของการที่เขาจัดให้มีขบวนแห่ มีเสลี่ยงให้นั่ง มันก็ลักษณะเดียวกัน นั่นมันเป็นลักษณะของยศ ก็คือ ยกให้เราเป็นใหญ่ ก็สำคัญว่าเราต้องระวังรักษาใจ แต่พอนั่งบนนั้นแล้วมันเห็นภาพซ้อน...ซ้อนแล้วซ้อนอีก นับชาติไม่ถ้วน ตอนแรกที่นั่งก็กลัวเหมือนกัน กลัวว่ามันจะเมาหรือเปล่า กลัวจะเมาลม เพราะคนที่หามมันเดินไม่เสมอกัน แต่ปรากฏว่าพอนั่งไปปุ๊บ ความคุ้นเคยเก่า ๆ มันมาหมดเลย มันกลายเป็นว่าสามารถนั่งได้สบาย ๆ แล้วมันก็เห็นภาพ มีทั้งขณะที่เดินทางเข้ารั้วเข้าวังเพื่อไปรายงานข้อราชการ มีทั้งออกตรวจคนเตรียมพร้อมรบ มีทั้งกำลังเลียบพระนคร แต่ละชาติมันมีทั้งที่เป็นใหญ่ มีทั้งที่เป็นแม่ทัพนายกอง แม้กระทั่งเข้าไปนั่งในศาลาแล้ว มันก็ยังรู้สึกว่านั่งอยู่ใต้มหาเศวตฉัตร มันก็เลยเกิดความสลดใจว่า ชาติแล้วชาติเล่ามันก็เป็นอย่างนี้ แล้วท้ายสุดมันก็ไม่สามารถที่จะพ้นทุกข์ได้ มันก็เหลือเพียงแต่ว่าชาตินี้เราจะดิ้นรนให้พ้นจากทุกข์ได้จริงหรือเปล่า โดยเฉพาะเรื่องของลาภ ยศ สรรเสริญ สุข มันเป็นของที่เชื่อไม่ได้ ถ้าวันไหนคนเขายังยกย่องสนับสนุนอยู่ เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ก็ยังคงอยู่ วันไหนที่เขาเลิกสนับสนุนเมื่อไหร่มันก็จะสูญสลายไป มันก็จะกลายเป็นเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันเป็นธรรมดาของโลก เรียกว่าโลกธรรม ธรรมดาของโลกมันต้องมีอย่างนี้ คราวนี้เมื่อมันเกิดกับเราขึ้นมาแล้ว เราเองมีการหวั่นไหวตามหรือว่าสามารถที่จะปล่อยได้วางได้ แต่ว่ามันมีอยู่สิ่งหนึ่งที่ชัดที่สุดก็คือว่า มันรู้ว่าภาระใหญ่มา ก็คือยิ่งเราโดนยกเข้าไปสู่ที่สูงมากเท่าไหร่ ภาระการงานที่เราต้องรับผิดชอบมันก็ต้องมากเป็นเงาตามตัว เห็นแล้วมันสยอง รู้ตัวว่างานมา" ถาม : เขายกในงานกฐินหรือคะ ตอบ : ใช่ มันมองเห็นยาวเลย ถ้าวาระของบุญของกรรมมันมาถึง อย่างไรก็เลี่ยงไม่ได้ เรารับ ๆ ไปเถอะ เพียงแต่ว่าอย่าเก็บมาเป็นกังวล ทำได้เต็มที่แค่ไหน เอาแค่นั้น อย่าลืมว่าเต็มที่คือดีที่สุด ทำได้ดีที่สุดแค่ไหนเอาแค่นั้น ไม่ไปกังวลว่ามันต้องเสร็จไปทุกเรื่อง ลักษณะเดียวกับไม่ได้ไปหนักใจว่าจะต้องทำ เพราะเราอาจจะตายลงไปตอนนี้ก็ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย วสันต์วิษุวัต : 25-08-2015 เมื่อ 17:30 |
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล็กท่านแจ้งข่าวมาว่า "ปีหน้าไปปลดหนี้วัดหนองหญ้าปล้อง สร้างสมเด็จองค์ปฐม ๔๐ ศอก ตอนนี้ติดหนี้เขาอยู่บานเลย งานกฐินนี้วันที่ ๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลาสิบโมงครึ่ง
สำหรับวัดหนองหญ้าปล้อง อยู่จังหวัดกาญจนบุรี ออกจากตัวเมืองไปสัก ๔๐ กิโลเมตร เริ่มวางโครงการได้แล้ว ทีนี้จะไถวัตถุมงคลของใครไปประมูลได้เลย" แล้วท่านก็ถามพวกเราว่า "ปีนี้ไปเหนือ ปีหน้าภาคกลาง ปีต่อไปลงใต้ดีไหม" มีคนเสนอว่าให้ลงสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลวงพ่อก็พูดขำ ๆ ว่าอย่างนั้นคงต้องทำวัตถุมงคลรุ่นกันระเบิด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 194 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
หลวงพ่อเล่าให้ฟังเรื่องพระปิดตามหาเศรษฐีเงินล้านว่า
"ตอนนี้บอกให้เขาแกะแบบให้แล้ว บอกว่าให้เอาช่างฝีมือดีที่สุดเท่าที่โรงงานจะหาได้ ทางโรงงานเขาบอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องขึ้นไปถึงปราจีนบุรี เพราะมีช่างฝีมือดีมากเลย" สำหรับพระปิดตาฯ นี้ หลวงพ่อบอกว่าองค์ขนาดเล็ก แต่เรื่องราคา แฮ่ ๆ เถรีเกรงว่าจะไม่เล็กตามค่ะ ท่านบอกว่าขอดูก่อนว่าจะสร้างเนื้ออะไรบ้าง สำหรับชนวนนั้น หลวงพ่อบอกว่าตอนนี้ มีชนวนที่สร้างพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อทองคำ ๑ ซม. , ๓ ซม. , ๓ นิ้ว ชนวนพระปัจเจกพุทธเจ้าเนื้อเงิน ๑ ซม. กับ ๓ ซม. ชนวนพระยอดธง ชนวนที่ทำตอนเข้ากรรมฐาน และชนวนที่ทำเมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมา เพราะวันลอยกระทงที่ผ่านมาเป็นวันจันทร์ ตรงกับวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ เขาเรียกฤกษ์จันทร์เพ็ญ โบราณเขาบอกว่าเป็นฤกษ์มหาเสน่ห์ เหมาะสำหรับทำเรื่องเมตตามหานิยม หลวงพ่อก็เลยเขียนแผ่นยันต์ไปสองแผ่น ช่วงที่พระจันทร์เต็มดวงค่ะ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นายกระรอก : 23-01-2019 เมื่อ 14:59 |
สมาชิก 195 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
มีคนนำหนังสือของหลวงปู่หล้า เขมปตฺโต มาถวายให้หลวงพ่อเล็ก แล้วท่านก็กล่าวว่า "หลวงปู่หล้า ท่านสอนว่า หัดเป็นนักหลบเสียบ้าง อย่าเป็นนักรบอย่างเดียว
ถ้ารู้ว่ารบแล้วไม่ชนะแล้วยังไปรบอีกถือว่าโง่ ถ้ากิเลสมันแรงกว่าเราก็หลบมัน วิธีที่ดีที่สุดก็คือไปอยู่กับตัวสมาธิ ตัวภาวนา ไม่โผล่ออกมา กิเลสมันกินไม่ได้ เมื่อถึงเวลาก็ค่อยมาตอดเล็กตอดน้อยจัดการกับมัน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 188 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพ่อขา หนูภาวนาคาถาเงินล้านใหม่ ๆ ก็รู้สึกว่ามันก้าวหน้าดี ฟุ้งซ่านมันน้อยลง แต่ว่าพอไปนาน ๆ รู้สึกว่ามันเริ่มอืดแล้วค่ะ ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลง
ตอบ : เพราะว่าอยากดี ถ้าเลิกอยากดีเดี๋ยวมันดีเอง ตัวอยากดีมันคือฟุ้งซ่าน ถาม : แล้วทำไปเรื่อย ๆ หรือมีวิธีเร่งอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ ตอบ : ทำไปเรื่อย ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
ในขณะที่ความเงียบกำลังครอบคลุม หลวงพ่อก็เงยหน้าขึ้นมาถามว่า "เคยอยู่กับความเงียบไหม เงียบชนิดที่ได้ยินลมหายใจ"
"ความเงียบจริง ๆ มันไม่ได้เงียบ ที่มันเงียบเพราะเราไม่ได้ยิน" "ถ้าฝึกทิพโสต เมื่อกำหนดสมาธิได้ระดับแล้ว ก็ค่อย ๆ เพ่งความรู้สึกทั้งหมดไปที่ประสาทหู ขยายวงการฟังไปรอบตัวในระยะที่เราได้ยินเสียง จนกระทั่งมั่นใจว่าทุกเสียงที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้ตกหล่นไปจากหูของเราได้แล้ว ก็ขยายกว้างออกไปอีก อย่างเช่นว่าตอนนี้อาจจะฟังแค่ในห้องนี้ แล้วหลังจากนั้นก็ขยายกว้างออกไป ถ้าหากว่าได้ยินไม่ชัดให้ดึงกำลังใจมาแล้วเข้าสมาธิใหม่ แล้วขยายความรู้สึกออกไป ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ แล้วเราจะรู้ว่าจริง ๆ มันไม่เงียบ มันจะได้ยินสารพัด ถ้าหากว่ามีความคล่องตัวมาก ใกล้ไกลแค่ไหนก็ได้ยิน แล้วคราวนั้นจะรำคาญ ถึงเวลาค่อยปิดเครื่อง" ถาม : แล้วถ้ากำลังนินทาอยู่ครับ ตอบ : นินทาได้ เพียงแต่จะได้ยินหรือเปล่า มันจะเป็นลักษณะที่ฟังแต่ไม่ได้ยิน มองแต่ไม่ได้เห็น คือ มันสักแต่ว่าฟัง สักแต่ว่ามอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 172 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
แล้วหลังจากนั้นหลวงพ่อก็ถามว่าอ่านหนังสือเรื่อง Twilight ไปถึงไหนแล้ว
ท่านก็บอกว่า"ให้สังเกตดูตอนที่ผีดิบหรือมนุษย์หมาป่ามันล่าเหยื่อ มันลักษณะของทิพโสตหรือทิพจักขุญาณ อย่างที่เขาบรรยายว่า รู้แล้วว่าทำไมเอ็ดเวิร์ด (พระเอกในเรื่อง) วิ่งเร็วขนาดนั้นแล้วจึงไม่ชนต้นไม้เลย เพราะเขาใช้ประสาทสัมผัสแทนตา แล้วเวลาที่จะไปล่าสัตว์ เขาก็ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจของสัตว์เล็กสัตว์น้อยที่กำลังเต้น อย่างเช่น สัตว์ตัวนั้นหัวใจเต้นเร็ว แสดงว่ามันกลัวมากเลย มันเหมือนกับการฝึกอภิญญา ทิพโสตหรือทิพจักษุ"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#10
|
||||
|
||||
ถาม : ถามว่าจำเป็นไหมที่เวลาจับภาพกสิณเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าเราไม่ได้เป็นคนที่มีสติอยู่ตลอดเวลา
ตอบ : มันไม่จำเป็นต้องถึงขนาดมีสติอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าหากว่ากสิณมันเริ่มทรงตัวแล้ว เราแบ่งความรู้สึกไว้ส่วนหนึ่ง ความรู้สึกส่วนนั้นมันจะเกาะอยู่ตลอดเวลา ถาม : หนูมาสังเกตช่วงเวลาที่เราขาดสติช่วงนั้นไป มันก็สามารถจะจำอารมณ์ตัวนั้นกลับมาทำใหม่ได้ ตอบ : ทำได้ แต่ถ้าหากว่าไม่ถนัดหรือชำนาญมันจะหายไปเลย ต้องมาเริ่มต้นใหม่ ถาม : เราแค่จำอารมณ์ฌานนั้นที่กสิณมันทรงตัว เราก็ทำได้แล้ว ตอบ : แล้วเราก็ล็อกเป้า ถาม : บางทีเราทำกสิณยังไม่ได้ถึงจุดที่ทำให้มันเกิดฤทธิ์ แต่ว่ามันก็เกิดไปมีตัวอรูปฌานแล้ว ตอบ : ของเก่า...ของเก่า เก่าล้วน ๆ ไม่มีใหม่เลย ถาม : หนูมาสังเกตที่หลวงพ่อสอนตัวทิพโสต ทีนี้เวลาเราจับภาพกสิณเพื่อฝึกทิพโสต เราสามารถพลิกวิธี ตอบ : ก็ขยายวงไป ที่เคยสอนเอาไว้มีครบทุกอย่างแหละ ตั้งแต่การสอนภาวนาแรก ๆ จนกระทั่งกรรมฐาน ๔๐ ถ้าคนสังเกตจะเห็นว่าบทแรก ๆ มันยำใหญ่เกือบทั้ง ๔๐ กองเลย เหลือแต่เราเอาไปพลิกแพลงใช้ อาตมาไม่ใช่คนเก่ง ครูบาอาจารย์ท่านทำได้ทุกคน แต่ขี้เกียจมาอธิบาย ท่านก็บอกไปเรื่อยเปื่อย มันอยู่ที่ว่าเราจะเฉลียวใจคิดหรือเปล่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-11-2009 เมื่อ 11:56 |
สมาชิก 163 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#11
|
||||
|
||||
ถาม : ผมจบมาแล้วก็เพิ่งไปบวช ทีนี้ก็เลยอยากจะขอพรหลวงพ่อให้ผมได้งานเร็ว ๆ และงานดี ๆ ครับ
ตอบ : อดข้าวอีกสัก ๗-๘ วันน่าจะไหวนะ ต้องไปบนพระวิสุทธิเทพ พระวิสุทธิเทพคือพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ถาม : ครับผม ตอบ : จุดธูป ๕ ดอก นึกถึงท่านว่าขอให้ได้งาน ถ้าหากว่าสำเร็จจะรักษาศีลแปดพร้อมกับเจริญกรรมฐานถวายสัก ๗-๘ วัน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 186 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#12
|
||||
|
||||
ถาม : ผมไม่เข้าใจ เข้าไปอ่านในกระทู้ที่บอกว่า ถ้าหลวงพ่อวัดท่าซุงไม่ลาพุทธภูมิเสียก่อน ตอนอายุ ๖๐ หลวงพ่อก็จะบารมีเต็ม อันนี้แสดงว่าท่านเคยได้รับการพยากรณ์แล้วหรือครับ
ตอบ : ถ้าไม่ได้แล้วใครเขาจะบารมีเต็มกัน ถาม : แต่คำพยากรณ์ของพระพุทธเจ้าไม่ผิดไม่ใช่หรือครับ ตอบ : ไม่ผิด ถ้าท่านไม่ลา แล้วนี่ท่านลาไหมเล่า ถาม : แล้วมีคนพูดกันเยอะว่าน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ตอบ : ท่วมมากี่ปีแล้ว จนป่านนี้มันท่วมหรือยัง ถาม : ยังครับ ตอบ : แต่อย่าไปประมาทเผลอเมื่อไหร่โดนทันที ถาม : แสดงว่ามีโอกาสท่วม ตอบ : ตอนนี้กรุงเทพฯ ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปานกลางเป็นเมตรแล้วพ่อคุณ พูดง่าย ๆ ว่าถ้าเลิกกั้นน้ำเมื่อไหร่ก็เข้าท่วมทันที ไม่ต้องรอให้ฝนมาหรอก ถาม : แล้วพอจะมีเหตุอะไรบ่งบอกก่อนไหมครับ ผมจะได้หนีก่อน ตอบ : รอดูในหลวง ถ้าในหลวงสั่งบรรดาข้าราชการอะไร ก็เตรียมตัวเผ่นได้ ถาม : แล้วไปอยู่แถวไหนดีครับ ตอบ : ยอดตึกใบหยก ถาม : บนนั้นไม่มีข้าวกินก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันครับ ตอบ : ก็คุณถามถึงที่ที่น้ำไม่ท่วม ถาม : แล้วอย่างไปอยู่ภาคอีสาน ตอบ : ถ้าหากว่าสร้างกรรมไว้ หนีไปอยู่ที่ไหนก็ตาย ถ้าหากไม่สร้างกรรมไว้อยู่ที่ไหนก็รอด ถาม : แล้วถ้าอย่างนี้เราซื้อประกัน ส่งไป ๑๐ ปี อย่างนี้จะดีไหมครับ ตอบ : ก็ส่งไปสิ ประกันเอาไว้ ถ้าเราตายคนอื่นก็ได้ ก็เท่ากับว่าเป็นความโชคดีของคนอื่นเขา
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-11-2009 เมื่อ 18:27 |
สมาชิก 162 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#13
|
||||
|
||||
ถาม : แล้วถ้ามีคนเขียนว่าคนนี้เป็นพุทธภูมิ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนนี้บำเพ็ญมาแบบไหน
ตอบ : ถึงเวลาก็รู้ ถาม : แล้วการสะกดจิตระลึกชาตินี้มันจริงหรือเปล่าครับ ตอบ : จริงบ้าง สำหรับคนที่ในอดีตเคยได้ทิพจักขุญาณมา ถ้าคนที่ไม่เคยมีพื้นฐานของทิพจักขุญาณมา สะกดให้ตายก็ระลึกไม่ได้ ถาม : แสดงว่าขึ้นอยู่กับคนนั้นทำได้ ตอบ : ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ คือ คนที่เอามาสะกด ถาม : แล้วที่เขาบอกว่า คนนี้บูชาพระองค์นี้ คนนั้นบูชาพระองค์นั้น ปางนั้น ตอบ : แล้วแต่ใจเราว่าชอบองค์ไหน เรื่องการกำหนดเขามากำหนดกันทีหลัง จริง ๆ แล้วก็พระพุทธเจ้าองค์เดียวกัน ถาม : แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป่ายันต์เกราะเพชรแล้ว ยันต์ยังอยู่กับเรา ตอบ : ไปซื้องูเห่ามาตัวหนึ่งให้มันกัดเรา ถ้ามันกัดแล้วเราไม่ตายแสดงว่ายันต์ยังอยู่ ถาม : มีวิธีอื่นไหมครับ ตอบ : มี ให้สิบล้อชนถ้าไม่ตายก็แสดงว่ายันต์ยังอยู่ เพราะเขาห้ามตายโหง หรือไม่ก็นอนให้รถไฟทับ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-11-2009 เมื่อ 18:27 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#14
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาที่จะนิมนต์หลวงปู่เทพโลกอุดร ทำไมต้องปูผ้าขาว
ตอบ : ถ้ายังมัวสงสัยอยู่มันก็จะสงสัยไปเรื่อย ถ้าอยากรู้ก็ทำ ความสงสัยมันเป็นสิ่งที่ดีเพราะอย่างน้อย ๆ มันแสดงว่าเราเป็นคนมีปัญญา แต่ถ้าหากว่ามันสงสัยในเรื่องที่มันไม่เป็นเรื่อง มันเสียเวลา และก็เสียกำลังด้วย คำว่าเสียกำลังก็คือ เราสั่งสมกำลังเอาไว้เพื่อเอาไว้ตัดกิเลส เอาไว้สร้างเสริมสติ สมาธิ ปัญญาของเรา แต่เราเอากำลังตรงนั้นไปสงสัยเสียเรื่อย สติสมาธิปัญญาของเราเลยไม่ก้าวหน้าไปไหนเสียที ถ้าหากว่าพูดง่าย ๆ ก็คือ มันรั่วหมด พอมันรั่วหมดกำลังก็เลยไม่พอใช้งาน เพราะฉะนั้นเลิกสงสัยแล้วก็ทำ ถาม : ว่าจะไปเข้าคอร์สบวชสัก ๕ วัน ตอบ : อย่าเสียเวลาไปจับกลุ่มคุยกัน ระยะเวลาแค่ ๕ วัน ๑๐ วัน ถ้าคนปฏิบัติจริง ๆ มันไม่พอหรอก มัวแต่ไปคุยกัน อย่างว่ามันรั่วหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-11-2009 เมื่อ 18:34 |
สมาชิก 164 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#15
|
||||
|
||||
ถาม : เรื่องการบวงสรวงท่านท้าวมหาราช การเซ่นของบวงสรวงที่บอกว่าไก่ต้องวางไว้ทิศเหนือ ทิศเหนือต้องเป็นทิศเหนือจริง ๆ หรือว่าทิศเหนือของโต๊ะครับ
ตอบ : ทิศเหนือจริง ถ้าไม่ได้ทิศเหนือจริงก็ใกล้เคียงทิศเหนือให้ได้มากที่สุด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#16
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาทำกรรมฐานหนูสมาทานศีลแปด แต่ก็ยังแต่งหน้า ทำผมอยู่
ตอบ : ก็รักษาเฉพาะตอนทำกรรมฐาน ถาม : มันไม่มีผลเสียหรือคะ ตอบ : แต่จริง ๆ เรื่องของการแต่งหน้าแต่งตา เขาหมายเอาว่าแต่งเพื่อยั่วกิเลสเพศตรงข้าม ถ้าหากว่าความเคยชินของเราถ้าไม่ได้แต่งหน้าแล้วรู้สึกว่าออกจากบ้านไม่ได้ มันเก้อเขิน ก็ทำไปเถอะ ถาม : มันไม่แต่งไม่ได้ค่ะ ต้องเอาอะไรมาพอกปกปิด ตอบ : ปิดเอาไว้ก็อย่าลืมแล้วกันว่าสภาพแท้จริงเป็นอย่างไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#17
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพี่ครับ เกิดดับทั้งภายในและภายนอกมันเห็นพร้อมกันได้หรือเปล่าครับ
ตอบ : ได้ คือ มันเป็นปกติของมันอยู่แล้วเพียงแต่ว่าเราจะเห็นมันหรือเปล่าเท่านั้นเอง ถาม : เขาบอกว่าอินทรีย์ ๕ มีใจเป็นเครื่องคุม ใช่ไหมครับ สติมีวิมุติเป็นเครื่องผูก วิมุติมีนิพพานเป็นเครื่องผูก ขอให้หลวงพี่ช่วยขยายความ ตอบ : ไม่เห็นต้องขยายอะไรเลย ก็สมบูรณ์พร้อมอยู่แล้ว ถาม : คำว่ามีวิมุติเป็นเครื่องผูกนี่หมายความว่า ตอบ : มุ่งไปทางนั้น คราวนี้พอหลุดพ้นแล้วก็มุ่งไปนิพพาน มันเป็นภาษาโบราณตีความยาก จะเอารายละเอียดจริง ๆ มันยาว แต่ถ้าสั้น ๆ เอาไปนั่งขบเองก็ได้แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-11-2009 เมื่อ 08:20 |
สมาชิก 139 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#18
|
||||
|
||||
ถาม : ตะกรุดมหาสะท้อน เขาบูชาอย่างไรครับ
ตอบ : ต้องมีคาถากำกับ ต้องภาวนาทุกวัน แต่มีข้อแม้ว่าห้ามให้เด็กใช้ แล้วก็ห้ามเข้าไปในที่ที่คนหรือสัตว์กำลังคลอด เพราะว่าตะกรุดมหาสะท้อนมันย้อนคืนทุกอย่าง ใครทำดีทำชั่วกับเรามันย้อนคืนเป็นร้อยเท่าพันทวี อย่างเด็กที่คลอดออกมามันย้อนกลับก็ไม่ต้องคลอดกันพอดี เคยมีคนลองมาแล้วเกือบตาย ถาม : แล้วเวลาพก ตอบ : จริง ๆ เขาให้ติดตัวไว้ อาราธนาทุกวัน ถาม : แล้วถ้าสองคนมีตะกรุดมหาสะท้อนเหมือนกันละครับ ถ้าเวลาคิดไม่ดีแล้วมันจะย้อนคืนอย่างไร ตอบ : ถ้าสองคนมีเหมือนกัน ต้องดูว่ากำลังใจใครดีกว่า
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#19
|
||||
|
||||
ถาม : หลวงพี่ครับ เพื่อนเขาไปต้องคุณไสยมา
ตอบ : ปีหน้า ๒๐ มีนาคม งานเป่ายันต์เกราะเพชร ลากเขาไปก็แล้วกัน ถาม : กลัวมันจะตายเสียก่อน ตอบ : บอกให้อึด ๆ ไว้หน่อย อีกไม่กี่เดือน ถาม : เขาอาเจียนออกมาเป็นเส้นผม เป็นโครงกระดูก ตอบ : แสดงว่าคนเขารักมาก ให้มาเยอะ ถาม : ลากไปวัดท่าขนุนได้ไหมครับ ตอบ : ไม่มีประโยชน์ ถ้าหากไม่ใช่วาระจริง ๆ อาตมาไม่แตะเรื่องพวกนี้หรอก ขี้เกียจเดือดร้อน เพราะพวกไสยศาสตร์มันเร็วมากเลย มันจะรู้ว่าใครช่วย แล้วมันจะเล่นคนนั้นแทน อาตมารบกับมันจนต้องแกล้งตายมาหลายรอบแล้ว ถาม : อย่างนี้พวกที่ปล่อยของมาเขาก็มีทิพจักขุญาณสิคะ เพราะเขารู้ว่าใครช่วยแก้คุณไสยให้ ตอบ : มันให้ผีบอก ถึงเวลาผีมันก็ไปสำรวจว่าเป็นใคร แล้วมันก็บอกเจ้านาย ถาม : เทวดาปกปักเราไม่ได้หรือคะ ตอบ : มันขึ้นอยู่กับวาระกรรม ถ้าวาระมันเปิดก็ซวย อาตมาเองโดนมาซะหลายยก จนต้องแกล้งตาย แกล้งตายคือไม่ตอบโต้ มาเท่าไหร่เงียบอย่างเดียว จนเขาคิดว่าไม่รอดแล้ว เขาก็เลิก ถาม : แปลว่ารับไว้ ตอบ : โดนจนเข็ด มาเท่าไหร่ก็กางกระสอบรับ ถาม : แบบนี้ได้ตะปูไปเยอะ ตอบ : ไม่ค่อยพอ ส่วนใหญ่เต็มที่สองกิโลก็หมดแล้ว ตะปูสองกิโลนี่มันรื้อเมรุหลายเมรุเลยนะ เพราะว่าเขาจะต้องเอาเมรุที่เป็นเมรุเก่า พวกที่ทำด้วยไม้ ตอนเผาศพมันจะมีควันจากไอศพขึ้นไป พวกนั้นมันจะสื่อวิญญาณได้ง่าย แล้วก็จะเอามาทำไสยศาสตร์ มันไม่ใช่ประเภททำมั่ว ๆ แล้วโลงสมัยนี้มันก็ตอกตะปูได้น้อยมาก เพราะเอาไว้เผาอย่างเดียว จะเอาตะปูตอกโลงผี โลงหนึ่งก็มีแค่ ๔ ตัว หรือ ๖ ตัวเท่านั้น ไสยศาสตร์มันหากินอัตคัดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะวัตถุดิบมันหมด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-11-2009 เมื่อ 02:14 |
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#20
|
||||
|
||||
พอดีมีคนถวายตาลปัตรให้หลวงพ่อ ท่านก็เลยเล่าเรื่องเกี่ยวกับตาลปัตรให้ฟังว่า "ไปไม่กลับ หลับไม่ตื่น ฟื้นไม่มี หนีไม่พ้น ความจริงมันแฝงด้วยปริศนาธรรมเยอะมากเลย
ไปไม่กลับ นี่ต้องพระอนาคามีขึ้นไป ไม่ลงมาเกิดแล้ว หลับไม่ตื่น คือ คนที่ถูกอวิชชา ตัณหา อุปาทานครอบงำ ฟื้นไม่มี เป็นทาสของตัณหา ไม่ได้ไปไหนหรอก ตายแหง ๆ หนีไม่พ้น ก็คือความตายนั่นเอง แต่คราวนี้จังหวัดกาญจนบุรีมีอะไรแปลก ๆ มันมีอยู่ช่วงหนึ่ง จำไม่ได้ว่าผู้ว่าคนไหน เขาจะให้พระมาเป็นหน่วยต่อต้านยาเสพติดในชุมชน เขาก็เลยทำตาลปัตรถวายทุกวัด เพียงแต่ว่าข้อความมันไม่ใช่ในแบบที่เราเคยชิน ตาลปัตรของท่านผู้ว่าที่ถวายทุกวัดมันปักว่า เป็นทาสยาบ้า เหมือนฆ่าตัวตาย ครอบครัวฉิบหาย ทำลายสังคม ลองแบกตาลปัตรไปทีละอันสิ ถ้าพระตั้งตาลปัตรขึ้นมา อันแรก เป็นทาสยาบ้า อันที่สอง เหมือนฆ่าตัวตาย แล้วถ้าตั้งอันที่สามว่า ครอบครัวฉิบหาย โยมที่ไหนจะให้เข้าบ้านเล่า อันสุดท้ายก็ทำลายสังคม เจริญอีก เพราะฉะนั้นกรณีนี้ห้ามแยกเดี่ยวตาลปัตรเด็ดขาด แยกแล้วไม่เป็นมงคล"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 12-11-2009 เมื่อ 09:56 |
สมาชิก 159 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|