|
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี เก็บข้อธรรมจากบ้านวิริยบารมีมาฝาก สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสเดินทางไป |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#101
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ดีใจที่วันนี้คนมาน้อย แสดงว่าไปเลือกตั้งกัน ประเทศชาติของเราก้าวมาถึงจุดนี้ อยู่ในช่วงที่เริ่มจะไต่ขึ้นแล้ว หลังจากที่ลงก้นเหวมานาน แต่เกรงว่าในหลวงไม่อาจจะฝืนพระวรกายอยู่จนกระทั่งเห็นประเทศชาติเป็นไปตามที่พระองค์ต้องการ
สมมติว่าเราทุ่มเทสร้างอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วไม่มีโอกาสได้ดูตอนเสร็จเรียบร้อย ก็คงลักษณะคล้าย ๆ กัน ช่วงระยะเวลาของการเปลี่ยนผ่านในบ้านในเมืองก็ต้องทนความลำบากกันหน่อย ช่วงนี้ก็ถือว่ากำลังก้าวล่วง ก็คือพ้นก้นเหว แต่ว่าการไต่ขึ้นนี่เหนื่อยกว่าตอนลงเยอะเลย พอชราแล้วก็ต้องอาศัยผู้อื่น มีภาษิตจีนอยู่บทหนึ่งว่า “ม้าศึกชราหมอบอยู่ในคอก หัวใจโลดแล่นไปพันลี้” ตอนประเภทวัยรุ่นหรือหนุ่ม ๆ อยู่ก็พาเจ้านายไปได้ทั่วประเทศ ตอนแก่แล้วไปไม่ไหว ได้แต่นอนอยู่คอก แต่ใจก็ยังไปอยู่ อยากจะบอกว่าตอนนี้สภาพของในหลวงก็อย่างนั้นแหละ เหมือนกับม้าศึกชรา ยังคงอยากจะทำประโยชน์ให้กับประชาชนเหมือนอย่างกับสมัยก่อน แต่ตอนนี้กำลังพระวรกายไม่ให้แล้ว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ป้านุช : 04-04-2013 เมื่อ 02:36 |
สมาชิก 196 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#102
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เคยบอกกับญาติโยมหลายท่านว่า อาตมาภูมิใจในความเป็นเด็กบ้านนอก ที่เคยลำบากมาก่อน เพราะฉะนั้น..ทุกอย่างที่เจอในปัจจุบันจะไม่ลำบากเท่าที่เคยเจอมา จึงเลยกลายเป็นงานง่าย งานสบาย จึงภูมิใจในความเป็นเด็กบ้านนอกมาก
พวกเราที่เลี้ยงลูก ถ้าคิดกันอย่างหลักการทั่ว ๆ ไปก็คือเราอายุมากกว่า ต้องตายก่อนแน่ ๆ เพราะฉะนั้น..ต้องให้ลูกเขาทำอะไรด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด ถ้ามัวแต่ไปตามดูแลเขาอยู่จนเขาทำอะไรไม่เป็น ถ้าเราปุบปับเป็นอะไรไป ลูกจะน่าสงสารมาก เพราะทำอะไรไม่เป็นเลย อย่าไปดูแล อย่าไปโอ๋มาก ให้ลูกเขาเข้มแข็งอยู่ได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-04-2013 เมื่อ 02:39 |
สมาชิก 203 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#103
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "ตอนนี้ได้ยินว่าอุตรกุรุทวีปจะโดนปลดออกจากระบบสุริยจักรวาลแล้ว อุตรกุรุทวีปคือดาวพลูโต เขาบอกว่าไม่น่าจะเป็นวงโคจรที่ต้องอาศัยดวงอาทิตย์ ก็เลยจะปลดดาวพลูโตออกจากระบบสุริยจักรวาล
ที่อุตรกุรุทวีปคนเขามีลูกทิ้งไว้ที่ไหนก็ได้ ผู้หญิงก็เลี้ยงได้ผู้ชายก็เลี้ยงได้ พอถึงเวลาเด็กจะกินนมก็เอานิ้วแหย่ใส่ปาก จะมีน้ำนมให้กิน เพราะฉะนั้น..ผู้หญิงก็เลี้ยงลูกได้ผู้ชายก็เลี้ยงลูกได้ ชาวอุตรกุรุทวีปมีต้นข้าวที่ไม่มีเปลือกหุ้มเมล็ด ถึงเวลาไปรูด ๆ จากรวงใส่หม้อ เอาน้ำใส่ ตั้งบนแก้วมณีพักเดียวก็สุก รู้สึกว่าจะใช้งานได้ดีกว่าไมโครเวฟของเราอีก เพราะสุกพอดีไม่มีการไหม้ ถึงได้บอกว่าชาวอุตรกุรุทวีปมีบุญตรงที่อุดมสมบูรณ์ด้วยอาหาร ไม่ขาดแคลนเรื่องอาหาร ชาติก่อนทำทานเรื่องอาหารไว้มาก มีความดีมากไม่พอจะเกิดเป็นเทวดา แต่ความดีก็มากเกินกว่าจะมาเกิดร่วมกับเรา จึงต้องไปอยู่ที่อุตรกุรุทวีป"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 02:32 |
สมาชิก 204 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#104
|
||||
|
||||
ถาม : หนูไปฝึกมโนมยิทธิ ถ้าจะเปลี่ยนคำภาวนาจากนะมะพะธะเป็นอย่างอื่นจะได้ไหมคะ ?
ตอบ : อะไรก็ได้...เวลาที่เราคล่องแล้ว ไม่ทันจะภาวนาก็ไปแล้ว เรานึกถึงพระนิพพานก็ไปแล้ว ไม่ทันจะภาวนาหรอก เพราะฉะนั้น..ใช้อะไรก็ได้ อาตมาเองภาวนาพุทโธก็ไปได้ มาตอนหลังไม่ทันจะภาวนาก็ไปแล้วทุกที
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 02:33 |
สมาชิก 206 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#105
|
||||
|
||||
ถาม : เจ้ากรรมนายเวร กับผลวิบากกรรม คืออย่างเดียวกันหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ส่วนใหญ่เราเข้าใจว่าเจ้ากรรมนายเวร คือ เราทำใครไว้แล้วคนนั้นตามมาจองเวร แต่ส่วนใหญ่แล้วถ้าเจ้ากรรมนายเวรตาย ก็ไปตามภพตามภูมิ ผลกรรมที่เราทำไว้ต่างหากที่ตามมา มีไม่กี่รายหรอกที่เจ้ากรรมนายเวรตายก่อนอายุแล้วตามมาจองเวร พอถึงเวลาหมดอายุของเขาก็ต้องไปตามกรรม ถาม : แล้วการอโหสิกรรมล่ะครับ ? ตอบ : การอโหสิกรรม คือ การปลดตัวเองออกจากความรู้สึกนั้น การอโหสิกรรมที่แท้จริงต้องอยู่ต่อหน้ากัน แล้วเอ่ยปากยอมกันถึงจะหลุด ปัจจุบันของเราที่ขออโหสิกรรมนั้น เราขออยู่ฝ่ายเดียว เราเป็นฝ่ายปลดตัวเราเองออกมาจากกรรมนั้น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 12:50 |
สมาชิก 174 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#106
|
||||
|
||||
ถาม : หมอเวลารักษาผู้ป่วย จะมีผลกระทบต่อตัวเองหรือไม่ ?
ตอบ : ลูกปืนกำลังวิ่งใส่เขา เราไปยืนขวางตัวเองก็โดนด้วย สมัยโบราณเขาเก่ง เขาจะมีการไหว้ครู ขอบารมีครูบาอาจารย์ช่วยสงเคราะห์ ช่วยปกป้อง ถึงเวลาก็ให้คนไข้อนุญาตก่อน สมัยนี้ไม่ค่อยมีหรอก ถาม : ถ้าอย่างนั้นการที่หมอรักษาคนเท่ากับฝืนกฎแห่งกรรมหรือคะ ? ตอบ : ไม่ใช่..ถ้าเขาสามารถรักษาได้ คือวาระกรรมนั้นยังไม่หนักเกินไปสำหรับคน ๆ นั้น แต่ถ้าหนักเกินแล้วตัวเองยังไปฝืนอยู่ เดี๋ยวจะโดนเอง ฉะนั้น..รักจะเป็นหมอก็ต้องเสี่ยงหน่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 12:51 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#107
|
||||
|
||||
ถาม : เวลาภาวนาอยู่ เหมือนภาพพระพุทธองค์เคลื่อนไหว กลายเป็นสีเหลืองทั้งองค์ ?
ตอบ : เริ่มดีแล้วจ้ะ...เราก็รักษาไปเรื่อย ๆ แล้วภาพจะค่อย ๆ ขาวขึ้นเอง ตอนแรกจะเป็นสีเหลืองก่อน พยายามให้ภาพนั้นทรงตัวเองโดยอัตโนมัติ เราจะได้ไม่ต้องบังคับมาก ถ้าทำจนรู้สึกเองเป็นอัตโนมัติ จะภาวนาเอง รู้ลมหายใจของเราเอง เราก็รักษาอารมณ์นั้นเอาไว้ แล้วภาพพระก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นใสขึ้นเรื่อย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 12:52 |
สมาชิก 182 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#108
|
||||
|
||||
ถาม : พระบางรูปบอกว่าเจ้ากรรมนายเวรมีจริง บางรูปบอกว่าไม่มีจริง รบกวนไขข้อข้องใจด้วยครับ ?
ตอบ : มีจริงและไม่มีจริง เจ้ากรรมนายเวรส่วนใหญ่ของเรา หมายถึงบุคคลที่เราทำร้ายหรือเข่นฆ่าเขา ถ้าเขาถึงความตายแล้วส่วนใหญ่เขาจะไปรับบุญรับบาปของเขา แต่ผลที่เรากระทำนั้นแหละ เป็นตัวที่ส่งผลให้เราเป็น ก็เลยกลายเป็นว่าเราเห็นว่าเจ้ากรรมนายเวรเขาตามจองเวร แต่จริง ๆ แล้ว ผลของกรรมต่างหากที่เป็นคนจอง แบบเดียวกับเราฆ่าคนตาย คนตายแล้วก็ตายไป แต่กฎหมายต่างหากที่มาจัดการกับเรา ขณะเดียวกันยังมีบุคคลอีกประเภทหนึ่งที่ตายโดยยังไม่หมดอายุขัย แล้วเขากำหนดจดจำได้ว่าเราเป็นคนทำร้ายเขา พวกนี้เขาก็ตามอาฆาตอยู่เหมือนกัน ก็เลยเป็นไปได้ว่าทั้งเจ้ากรรมนายเวรที่มีตัวตนไม่มีตัวตน แต่ส่วนใหญ่ร้อยละ ๙๐ จะไม่มีตัวตน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#109
|
||||
|
||||
ถาม : เด็กหรือผู้ใหญ่ที่อายุเยอะ เวลาเรามาทำบุญจะบอกเขาอย่างไรให้เขารับบุญ ?
ตอบ : ถ้าไม่สามารถที่จะบอกกล่าวแล้วรู้เรื่องกันตามปกติ ก็ให้จับเขามาทำด้วยกันเลย ในลักษณะที่เรียกว่ากตัตตากรรม ถึงไม่เจตนา บุญก็ยังเป็นของเขาอยู่ คือให้เขามีส่วนร่วมด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 19:49 |
สมาชิก 173 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#110
|
||||
|
||||
ถาม : ในกรณีเด็กเล็ก ๆ เราควรพามาที่วัดหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จริง ๆ แล้วอยู่ในท้องแม่ก็ควรพามาแล้ว ที่นี่มีหลายคนที่เขามาตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ เป็นการสร้างปัจจัยนิสัยให้กับเด็ก พอเขาคุ้นชินเขาก็จะมาทางด้านนี้ เป็นเรื่องที่พ่อแม่จะต้องชักนำเขาเอง ถาม : ผมกลัวว่าเด็กมาแล้วจะร้องโวยวาย วิ่งซน จะรบกวน ? ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วเขาเข้าใจว่าเด็กก็คือเด็ก เราจะเห็นว่าเด็กจะดื้อจะซนเราก็อภัยให้เขาได้ แต่คราวนี้ส่วนใหญ่เราไม่สามารถจะเห็นว่าธรรมดาของผู้ใหญ่ก็เป็นอย่างนั้น พอถึงเวลาเราจะไปโกรธผู้ใหญ่แต่เราให้อภัยเด็ก แต่ถ้าเราเห็นธรรมดาเหมือนกัน แม้กระทั่งผู้ใหญ่เราก็จะให้อภัยแก่เขาได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 19:50 |
สมาชิก 177 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#111
|
||||
|
||||
ถาม : สมเด็จองค์ปฐมองค์ใหญ่ที่หน้าวัดพระพักตร์สวยมากค่ะ
ตอบ : ต้องไปดูตอนเขาแต่ง พอเขาใส่พระเนตรแล้วออกมาสวยถูกใจมากเลย เดี๋ยวต้องรอดูสมเด็จองค์ปฐมของพระครูหน่อยว่าจะออกมาเป็นอย่างไร พิมพ์เดียวกันนั่นแหละ คนทำก็ชุดเดียวกัน แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์เหมือนกัน คราวนี้เขาทำอยู่กับอาตมาเขาอารมณ์ดี เพราะได้กินเต็มที่ นอนเต็มที่ ขาดอะไรบอกได้เดี๋ยวนั้นเลย เฉพาะค่าบุหรี่ควักให้อาทิตย์ละ ๕,๐๐๐ บาท บอกเขาว่า “บุหรี่แพง ถ้าพวกคุณไปซื้อกันเอง ๒๐ คน คุณจะเอาเงินที่ไหนมา เพราะฉะนั้น..เอาที่ผมนี่แหละ” เขาก็เลยทำกับอาตมาอย่างสบายใจ แล้วเขามาทำหวังกุศลอย่างเดียว ตอนกลับอาตมายังติดปลายนวมให้เขาไปแสนหนึ่ง ๒๐ คนถวายท่านไปแสนหนึ่ง ไปหารกันเอาเอง ถาม : ก็ได้คนละห้าพันเองนี่คะ ตอบ : ใช่...แต่ที่อื่นไม่ได้เลย เขาไปทำกำแพงเพชร เขาบอกว่าเป็นวัดธรรมยุติ เขาถวายข้าวมื้อละจานเดียว ฉันไม่อิ่มก็ต้องไปซื้อฉันกันเอง แต่อาตมานี่บอกเต็มที่เลย ต้องการอะไรเรียกร้องได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 19:53 |
สมาชิก 185 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#112
|
||||
|
||||
ถาม : เดี๋ยวนี้เขานำถั่วเขียวมาทำเป็นน้ำปานะ พระฉันได้หรือคะ หนูงงจริง ๆ ค่ะ ?
ตอบ : หลายที่เขาฉันกันเป็นปกติ แต่ว่าผิดพระวินัย เพราะว่าถั่วเขียวจริง ๆ เป็นอาหาร ต่อให้ทำเป็นปานะก็ไม่ควร พวกน้ำฟักทอง น้ำถั่วเขียว น้ำเผือก น้ำมันเทศ ในปัจจุบันเขาฉันกันเป็นปกติ ไปที่ไหนก็มี อาตมารับมาแล้วต้องวาง เพราะรู้ว่าเป็นอาหาร ถาม : เณรชาวเขาออกจากวัดไปเซเว่นฯ กันเลย ตอบ : ไม่ต้องห่วง...เณรที่ไหนก็เหมือนกันแหละ เณรที่ด่านช้างพาพระหน้าแตกไปด้วย พระสั่งให้ไปซื้ออาหารตอนเย็น เณรก็เดินท่องไปเลย “ก๋วยเตี๋ยวสี่ บะหมี่สอง กะหล่ำปลีไม่เอา เอาผักบุ้ง” อาจารย์เขาสั่งแล้วเณรเดินท่องไปเลย ชาวบ้านก็รู้กันหมด นาน ๆ ไปความย่อหย่อนมีมากขึ้น ถึงได้บอกกับญาติโยมหลายคนที่ประท้วงว่า วัดท่าขนุนเข้มงวดไปหรือเปล่า ? ก็บอกกับเขาว่า “ถ้าเข้มเอาไว้ ถึงเวลาเราผ่อนจะพอดี แต่ถ้าไปปล่อยหย่อนตั้งแต่แรก ผ่อนแล้วจะยาน” ถาม : เห็นกับตาเลย บ่ายสองโมงยังเปิดตู้เย็นฉัน ตอบ : ก็ไม่เห็นหรือว่าที่เพิ่งผ่านมา พระควงสาวไปนั่งร้านอาหารตอนห้าโมงเย็น เขาถ่ายไปลงเฟซบุ๊กกันครึกครื้น ถึงได้บอกว่าอาตมาพยายามจะยืนหยัดอยู่ เพื่อแนะนำในสิ่งที่ดีที่ควรให้กับพระเณรของเรา แล้วที่เหลือรุ่นต่อไปถึงคิวท่านขึ้นมารับผิดชอบเป็นเจ้าอาวาส เป็นครูบาอาจารย์ ก็ให้เขาดูแลกันไปเอง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-04-2013 เมื่อ 19:56 |
สมาชิก 191 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#113
|
||||
|
||||
พระอาจารย์กล่าวว่า "เมื่อเช้ามีโยมมาถามว่า เพื่อนจะแต่งงานวันเสาร์ ๕ ค่ำ จะช่วยเขาแก้ได้อย่างไร ? อาตมาบอกว่าไม่ต้องช่วย..เขาแก้กันเองได้ ไปช่วยผิดจังหวะเดี๋ยวเขาจะเตะเอาด้วย..!
เรื่องนี้มีอยู่ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือไม่รู้จริง ๆ ว่าวันเสาร์ ๕ ไม่ควรแต่งงาน อย่างที่ ๒ ก็คือ ถึงรู้ก็จะแต่ง ถ้าเป็นแบบถึงรู้ก็จะแต่งนี่น่าจะเป็นบุพเพสันนิวาส ประเภทนั้นถ้าไม่ให้แต่งก็หนีตามกันเลย บาลีเขาว่า ปุพเพสันนิวาเสนะ ปัจจุปปันนะ หิเตนะ วา เอวันตัง ชายะเต เปมัง อุปะลัง วะ ยะโถทะเกฯ มีคนเขาผูกเป็นกลอนแปลไว้ว่า ......................เพราะได้เกื้อกูลกันในกาลก่อน..........เพราะอาทรห่วงใยในชาตินี้ ......................จึ่งศรรักปักใจในทันที.....................ดั่งวารีเคียงคู่กับอุบล ปุพเพสันนิวาเสนะ = เพราะได้เกื้อกูลกันในกาลก่อน ปัจจุปปันนะ หิเตนะ วา = เพราะอาทรห่วงใยในชาตินี้ เอวันตัง ชายะเต เปมัง = จึ่งศรรักปักใจในทันที อุปะลัง วะ ยะโถทะเก = ดั่งวารีเคียงคู่กับอุบล จริง ๆ แล้วแปลว่า เหมือนกับบัวที่ขาดน้ำไม่ได้ ความหมายเปลี่ยนไปนิดหนึ่ง ไม่อย่างนั้นบทกลอนจะไม่ลงตัว"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2013 เมื่อ 02:42 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#114
|
||||
|
||||
ถาม : จับภาพพระอย่างหนึ่งแล้วเปลี่ยนเป็นภาพพระอีกอย่างหนึ่ง ?
ตอบ : ถ้าเราทำพุทธานุสสติ ภาพพระที่มาจะเปลี่ยนเป็นลักษณะไหนก็ยังเป็นพุทธานุสสติอยู่ สามารถจับเป็นนิมิตต่อไปได้ แต่ถ้าเราทำกองกรรมฐานอย่างอื่นแล้วอีกอย่างหนึ่งแทรกขึ้นมา ให้ละเว้นไว้ก่อน ยึดของเดิมต่อไป ดังนั้น..ถ้าเราจับภาพพระอยู่แล้วมีภาพพระอื่นเข้ามา จับต่อก็ได้ เพราะอย่างไรก็เป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน ถาม : ถ้าจะจับองค์เก่า ? ตอบ : ได้...ถ้าท่านมาทั้งคู่ก็แบ่งเวลา หรือไม่ทำอย่างอาตมาหมุนเวียน องค์หนึ่งขึ้นบน องค์หนึ่งลงล่าง สลับกัน ซ้อมกีฬาสมาธิได้เลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2013 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 151 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#115
|
||||
|
||||
ถาม : เห็นภาพพระที่พระนิพพานไม่ชัดเจน ?
ตอบ : ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น การกำหนดนึกถึงภาพพระ แรก ๆ ถ้าสมาธิไม่ดี วิปัสสนาญาณไม่ดี ความชัดเจนจะไม่มี เห็นได้เท่าไรให้เอาเท่านั้นก่อน สมัยแรก ๆ หลวงพ่อวัดท่าซุงท่านบอกว่า ท่านขึ้นไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เห็นจุฬามณีเป็นเจดีย์ปูนธรรมดา แต่พอพิจารณาวิปัสสนาญาณ ตัดร่างกายจนกระทั่งสมาธิแจ่มใสแล้ว ท่านบอกว่าเห็นเป็นเจดีย์แก้วสว่างไสวเพราะฉะนั้น..กำลังของแต่ละคนที่ไม่เท่ากัน การรู้เห็นจึงไม่เท่ากัน เห็นแค่ไหนให้พอใจแค่นั้นก่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2013 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 157 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#116
|
||||
|
||||
ถาม : คนที่ตายแล้วฟื้น ทำไมการเห็นของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ?
ตอบ : ขึ้นอยู่กับกับกำลังสมาธิและขนบธรรมเนียมประเพณีต่าง ๆ ที่ตัวเองยึดถือด้วย ถ้าเขาเชื่อว่านรกสวรรค์หน้าตาอย่างไร เขาก็จะเห็นอย่างนั้น เพราะถ้าเห็นเป็นอย่างอื่นเขาก็จะไม่เชื่อ ถาม : พอถึงเวลาที่เขาตายไปจริง ๆ การเห็นของเขา ? ตอบ : เป็นของจริง ถาม : การที่หนังสือหลายเล่ม คนเขียนเล่าว่าไปตามแสงที่เห็น ? ตอบ : ยังไม่แน่ ถ้าตามแสงไปได้ก็แค่ไปเกิดตามกรรมของตัวเองเท่านั้น ถาม : คนที่ผ่านเหตุการณ์แบบนั้นมา จะมีคนที่กลับมาแล้วจำไม่ได้บ้างไหมครับ ? ตอบ : ถ้าฟื้นขึ้นมาใหม่จะจำได้ หรือไปเกิดเป็นคนใหม่ทันทีจะจำได้ แต่ถ้ามีการข้ามชาติเสียก่อนจะจำไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-04-2013 เมื่อ 02:44 |
สมาชิก 155 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#117
|
||||
|
||||
เก็บตกเดือนมีนาคม ปี ๕๖ จบแล้วค่ะ
ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย ทาริกา คะน้า เถรี รัตนาวุธ และคะน้าอ่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 150 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
|
|