กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 20-08-2023, 18:42
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 346
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 18,899 ครั้ง ใน 824 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 20-08-2023, 23:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,184 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๐สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพนำพระภิกษุวัดท่าขนุนออกบิณฑบาต ตามโครงการ "หิ้วตะกร้า นุ่งผ้าไทย นั่งแคร่ไม้ ใส่บาตรพระทุกวันอาทิตย์" ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังมีโครงการเพิ่มขึ้นมาอีก ก็คือโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" ซึ่งเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้น ต้องบอกว่าจัดให้มีขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่อยากทำบุญ จะได้มีสถานที่ใส่บาตรและถ่ายรูปสวย ๆ ไปอวดกัน..!

เนื่องเพราะว่าในปัจจุบันนี้ วัดที่เดินบิณฑบาตแล้วจะมีพระภิกษุตามกันไป ๒๐ กว่า ๓๐ รูป แบบวัดท่าขนุนนั้นมีน้อยมาก โดยเฉพาะวัดใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ บางวัดมีพระภิกษุ ๒๐๐ - ๓๐๐ รูป แต่ว่าต่างรูปก็ต่างออกบิณฑบาตกันเอง และโดยเฉพาะทางวัดท่าขนุนนั้น ให้บิณฑบาตตามลำดับความสูง ก็คือไล่จากสูงไปหาต่ำ ไม่ได้ไล่ตามพรรษา ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แถวจึงดูสวยงามมาก บรรดานักท่องเที่ยวก็มักจะจอดรถ ขอให้หยุดเดินก่อน แล้วถ่ายรูปกันอยู่เสมอ

ส่วนบุคคลที่เป็นชาวบ้านแถวนั้น เขาใส่บาตรกันเป็นปกติทุกวันอยู่แล้ว โดยเฉพาะพี่น้องมอญพม่า จะว่าไปแล้วก็ประมาณ ๘๐ กว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ของผู้ใส่บาตรที่เป็นพี่น้องมอญพม่า เนื่องเพราะว่าเขาทั้งหลายเหล่านี้ ยังมีพระพุทธศาสนามั่นคงอยู่ในจิตในใจของตนเอง

เมื่อฉันเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ให้น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) พาวิ่งลงมายังกาญจนบุรี อันดับแรกเลยก็คือนำผ้าที่ซักเอาไว้ ไปอบแห้งที่ร้านซักผ้าในตัวเมืองกาญจน์ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ทองผาภูมินั้นฝนตกทั้งวันทั้งคืน ตากผ้าไม่แห้ง..!

โดยเฉพาะกระผม/อาตมภาพโดนอุณหภูมิ ๓๘ - ๓๙ องศาเซลเซียส จากทางด้านภาคกลาง ตลอดจนกาญจนบุรี เมื่อกลับขึ้นไปถึงทองผาภูมิ อุณหภูมิอยู่ที่ ๒๒ - ๒๓ องศาเซลเซียส ก็เกิดอาการปางตาย มาลาเรียกำเริบ ซึ่งอาการมาลาเรียกำเริบครั้งนี้นั้น ต้องบอกว่าไม่เคยกำเริบหนักขนาดนี้มาเกือบ ๑๐ ปีแล้ว ก็คือร่างกายมีกระดูกกี่ท่อนสามารถที่จะบอกได้หมด
เหตุที่คนเป็นมาลาเรียแล้วตาย ก็เพราะว่าทนการอักเสบแบบนี้ไม่ไหว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2023 เมื่อ 03:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 20-08-2023, 23:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,184 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพนั้น ในระหว่างที่รอน้องเล็กลงไปอบผ้า ก็สั่งเอาไว้ว่า "ถ้าหากว่าเพลแล้วไม่ลุก ก็ไม่ต้องปลุก ให้พาวิ่งต่อไปยังวัดถ้ำสิงห์โตทองเลย" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เวลาเวทนากินมาก ๆ ถ้าหากว่าเรามีความสามารถก็ควรที่จะหลบเสียบ้าง จะได้ไม่ต้องไปทนทุกข์ทรมานมากนัก

เมื่อไปถึงวัดถ้ำสิงห์โตทอง ซึ่งหลวงพ่อดำ (พระครูภาวนาโชติคุณ, ดร.) เจ้าอาวาส ท่านเป็นเพื่อนร่วมรุ่นปริญญเอกมาด้วยกัน นิมนต์มาเพื่อปลุกเสกวัตถุมงคลหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี รุ่นซื้อที่ดิน กระผม/อาตมภาพมาถึงก่อนเวลาเกือบชั่วโมง จึงตั้งนาฬิกาปลุกแล้วนอนภาวนาต่อไป

จนกระทั่งใกล้เวลาแล้วจึงได้เดินเข้าไปยังมณฑลพิธีอุโบสถวัดถ้ำสิงห์โตทอง ซึ่งทางด้านผู้จัดสร้างวัตถุมงคลได้นิมนต์พระเถระทั้ง ๙ รูปที่มาปลุกเสกในวันนี้ ให้ไปถ่ายรูปทำประชาสัมพันธ์กันก่อน จากนั้นแล้วจึงเป็นการจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อาราธนาศีล แล้วจุดเทียนชัย กระผม/อาตมภาพเมื่อเข้าสมาธิได้ ก็ "ไปยาว" ตามระเบียบ ปรากฏว่าเมื่อคลายสมาธิออกมา อาการเจ็บไข้ได้ป่วย หายไปเกือบครึ่ง ต้องถือว่าเป็นผลพลอยได้จากการเข้าสมาธิสูง ๆ เช่นกัน

เมื่อพรมน้ำมนต์และโปรยดอกไม้เป็นพุทธบูชาแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลาหลวงพ่อดำ เดินทางกลับยังที่พักคืนนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้จะต้องเดินทางไปเพื่อตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบ ที่บ้านช่องสาริกา อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ท่านที่ไม่เคยชินมักจะเอาอำเภอพัฒนานิคมของจังหวัดลพบุรี ไปปะปนกับอำเภอพนัสนิคมของจังหวัดชลบุรี คำว่า พัฒนา แปลว่าทำให้เจริญ ส่วนคำว่า พนัส แปลว่า ป่า

สมัยนั้นทางด้านชลบุรีก็ยังเป็นป่าเสือป่าช้างอยู่ ถึงขนาดมีพระราชหัตถเลขาของในหลวงรัชกาลที่ ๕ เมื่อครั้งเสด็จประพาสต้น บอกว่าได้เจอกับครูบาอาจารย์สายเขมร ซึ่งฝึกวิชาน้ำมันเสือสมิง เมื่อเสกน้ำมันได้สำเร็จแล้วก็เอาไว้บนหิ้งในบ้าน โดยกำชับลูกศิษย์เป็นหนักหนาว่า อย่าได้เอาไปทาตัวเป็นอันขาด เพราะว่า
ถ้าไม่มีใครเอาไม้คานที่ใช้งานแล้วไปช่วยตีให้ ก็จะกลายเป็นเสืออยู่อย่างนั้น แล้วถ้าไปกินคนเข้าเมื่อไร ก็ไม่สามารถที่จะกลับเป็นคนได้อีก..!

ปรากฏว่าในระยะแรกก็ไม่มีปัญหาอะไร มามีปัญหาตอนที่ลูกศิษย์ผู้ชายไปได้สาวมาเป็นเมียของตนเอง เมื่อถึงเวลาทำความสะอาดเรือนชานบ้านช่องให้ครูบาอาจารย์ ก็ยังกำชับนักกำชับหนาว่า "อย่าได้เอามาทาตัวเป็นอันขาด" แต่ว่านิสัยของผู้หญิงมักจะขี้สงสัย จึงได้เอาน้ำมันมาลองทาตัว แล้วกลายเป็นเสือโคร่งตัวใหญ่ กระโดดลงเรือนหายเข้าป่าไป..!

คนเป็นผัวกลับมา เห็นขวดน้ำมันล้มตะแคงอยู่ แล้วหน้าเรือนมีรอยเท้าเสือใหญ่ ก็รู้ทันทีว่าเมียตัวเองทำพิษแล้ว จึงรีบเอามือลูบน้ำมันเสือสมิงที่ติดกระดานอยู่ ทาตัว กลายเป็นเสือใหญ่ วิ่งเข้าป่าไปตามเมีย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2023 เมื่อ 03:08
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 20-08-2023, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,184 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออาจารย์กลับมาจากการหาสมุนไพรในป่า ไม่เห็นลูกศิษย์ เห็นแต่ขวดน้ำมันล้มตะแคงอยู่ แล้วมีรอยเท้าเสือสองตัวไล่กันไปในป่า ก็เข้าใจทันที อาจารย์จึงได้ภาวนาคาถาหัวใจเสือสมิงแปลงร่างกายเป็นเสือเพื่อตามไปบ้าง

ตอนที่ผู้คนมาพบผู้เป็นอาจารย์อยู่ทางด้านประเทศไทยนั้น ผู้เป็นอาจารย์เริ่มท้อใจแล้วว่าหาลูกศิษย์ไม่เจอ จึงได้บอกกล่าวให้คนไทยทั้งหลายช่วยกัน บอกต่อ ๆ กันไปว่า ถ้าเจอเสือใหญ่สองตัวก็ให้เอาไม้คานที่ใช้งานแล้วฟาดไปแรง ๆ จะได้กลับคืนเป็นคนได้เหมือนเดิม หลังจากนั้นผู้เป็นอาจารย์ก็ขอลาไปติดตามลูกศิษย์เหมือนเดิม

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงมีพระอารมณ์ขัน บอกว่าจนป่านนี้ยังไม่ได้ข่าวคราวว่าตามลูกศิษย์เจอหรือไม่ ? หรือว่ากลายเป็นอาหารมื้อใหญ่ของลูกศิษย์ทั้งสองผัวเมียไปแล้วก็ไม่รู้..!?

ไสยศาสตร์ของทางเขมรนั้นรุนแรงมาก โดยเฉพาะอย่างวันก่อนที่กระผม/อาตมภาพกล่าวว่า ครูกายแก้วนั้นมาจากตำราสร้างอสูรของไสยศาสตร์เขมร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ทรงปริวิตกว่าถ้าไสยศาสตร์นี้ระบาดเข้ากรุงเทพฯ ก็จะทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก พระองค์ท่านจึงให้พราหมณ์หล่อเสานวโลหะขึ้นมา ลงอักขระเลขยันต์แล้วอธิษฐานตอกจมพื้นดินไป โดยคำอธิษฐานนั้นก็คือ ไสยศาสตร์เขมร ถ้าหากว่ามาถึงเขตนี้ก็ขอให้เสื่อมฤทธิ์..!

ซึ่งโดยปกติแล้ว เรื่องของไสยศาสตร์จะไม่สามารถข้ามประเทศได้ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าบรรดาเจ้าที่หรือว่าเจ้าพ่อหลักเมืองซึ่งคอยดูแลในแต่ละเขตอยู่นั้น ไม่ยอมให้ผ่านเข้าไป เนื่องจากว่าไม่มีการบอกการกล่าว อยู่ ๆ ก็ผ่านเข้าไปเลย เท่ากับว่าดูถูกหรือว่าข้ามหัวกัน จึงมักจะใช้อานุภาพของตน ทำลายจนกระทั่งหมดฤทธิ์ไป

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอ้างสัตยาธิษฐานของพระมหากษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน หวังประโยชน์สุขต่อพสกนิกร จึงขอให้ไสยศาสตร์ทั้งหลายเหล่านั้นเสื่อมสลายเมื่อข้ามเขตนี้จะเข้ากรุงเทพฯ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2023 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 20-08-2023, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,184 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

จนป่านนี้กระผม/อาตมภาพก็ยังไม่มีเวลาไปติดตามว่า พระองค์ท่านตอกหลักอันนี้ไว้ตรงจุดไหน เนื่องเพราะว่าถ้าได้มาก็คงต้องใช้วิธีแบบเดียวกับบุคคลที่ไปหาเจอดาบฟ้าฟื้นของขุนแผน ก็คือไม่สามารถที่จะเอาออกจากโพรงต้นรักที่แห้งตายได้ อาจจะเป็นเพราะว่าพอนานไปแล้ว ต้นรักกลืนดาบเข้าไป มีส่วนที่โผล่ออกมาไม่มาก จึงใช้วิธีไปตะไบเอาผงดาบฟ้าฟื้นมาผสมทำมีดหมอ

กระผม/อาตมภาพก็ตั้งใจเหมือนกันว่าจะตะไบเอาหลักอาถรรพ์มาสร้างวัตถุมงคลเหมือนกัน..! แต่ไม่แน่ใจว่าจะโดนเทวดาท่านเหยียบแบนคาพื้นอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า..!? เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บางทีเราก็มีสิทธิ์แค่คิด ไม่สามารถที่จะทำจริง ๆ ได้ จึงขอกล่าวไว้ให้ทราบว่า ถ้าเป็นพนัสนิคมก็คือจังหวัดชลบุรี ก็คือเป็นเขตป่า ถ้าเป็นพัฒนานิคม ก็คือเขตเมืองที่ได้รับการพัฒนาแล้ว

อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะฝากแก่ญาติโยมทั้งหลายก็คือว่า พอได้ยินว่ากระผม/อาตมภาพทำอะไร ก็แห่กันซื้อข้าวของส่งไป ขออย่าได้ส่งไปอีก มีหลายท่านได้ยินว่ากระผม/อาตมภาพฉันน้ำชา ก็แห่กันซื้อใบชาส่งไป ปรากฏว่าเป็นชนิดที่อาตมภาพเกลียดที่สุด ก็คือชามะลิ ด้วยความที่มีความรู้สึกว่าใบชาก็คือใบชา มะลิก็คือมะลิ ถ้าหากว่าอยากได้กลิ่นมะลิ ก็เอาดอกมะลิไปชงเอา ถ้าหากว่าอยากจะกินชา ก็เอาชาไปชงเอา ไม่ใช่เอาสองอย่างมาปนกัน..!

ส่วนข้าวของอื่น ๆ นั้น กระผม/อาตมภาพมีมากมายเหลือเฟือแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องส่งไป เพราะว่าไม่เคยใช้ด้วยประการทั้งปวง ไปถึงก็ให้เขาเอาเข้ากองกลาง แจกจ่ายกับพระภิกษุสงฆ์ไปบ้าง ให้กับวัดอื่น หรือว่าตามโรงเรียนไปบ้าง ท่านทั้งหลายส่งไปถือว่าได้อานิสงส์แล้ว แต่ขอโทษ..พระอาจารย์เล็กไม่เคยใช้..! ดังนั้น..ถ้าไม่หมดความพยายามจะส่งไปอีก ก็อาจจะมีการด่าฝากมาในเสียงธรรมนี้ได้เช่นกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเราและบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๐ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-08-2023 เมื่อ 03:13
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:15



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว