กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-08-2023, 20:24
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 351
ได้ให้อนุโมทนา: 3,307
ได้รับอนุโมทนา 19,129 ครั้ง ใน 830 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๖


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 02-08-2023, 23:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,216 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ปีเถาะ เหตุที่วันเข้าพรรษาของปีนี้เลื่อนมาถึงวันที่ ๒ สิงหาคม ก็เกิดจากการที่ปีนี้เป็นปีอธิกมาส มีเดือน ๘ สองหน กระผม/อาตมภาพจำพรรษามา ๓๘ พรรษาแล้ว เพิ่งจะเจอวันที่ ๒ สิงหาคมเป็นวันเข้าพรรษาแค่ ๒ ครั้ง คือก่อนหน้านี้หลายปีและครั้งนี้เท่านั้น

คราวนี้
ในแต่ละช่วงของการเข้าพรรษา ก็มักจะมีคนตั้งใจที่จะกระทำความดี อย่างเช่นว่า งดเหล้าเข้าพรรษา พระภิกษุสามเณรของเราก็ตั้งใจว่าพรรษานี้จะตั้งใจเรียน หรือว่าตั้งใจปฏิบัติธรรม เป็นต้น เพียงแต่ว่าสิ่งที่เราทำนั้นสมกับความตั้งใจหรือไม่ ? เราต้องพิจารณาตรงนี้ด้วย

แม้กระทั่งเรื่องที่ชาวบ้านงดเหล้าเข้าพรรษา กระผม/อาตมภาพก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยสักเท่าไร คือถ้าจะให้เห็นด้วยก็ควรที่จะงดเหล้าออกพรรษา ก็คือเลิกไปเลย ๙ เดือน ไม่น่าจะเลิกแค่ ๓ เดือน แต่จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลก ก็คือถ้า ๓ เดือนสามารถงดเว้นได้ ทำไมไม่งดให้ตลอดไป ?

ส่วนพวกเราทั้งหลาย ถ้าหากว่าตั้งใจว่าพรรษานี้จะเอาจริงเสียที ก็ต้องดูว่าการเอาจริงของเรานั้นทำได้กี่วัน ? อย่างเช่นว่าตั้งใจมาทำวัตรเช้าให้ได้ทุกวัน กรุณาอย่าตะกายมาในนาทีสุดท้าย..! ต้องมาก่อนเสียงตามสายจะดังขึ้น ถ้ากำลังใจของเราจดจ่ออยู่กับงานที่จะทำ เราสามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่ส่วนใหญ่ที่ทำไม่ได้เพราะว่ากำลังใจของเราไม่ได้จดจ่ออยู่กับงาน อีกประเภทหนึ่งก็รอแต่เสียงตามสายปลุก ปลุกแล้วปลุกอีก ไม่ตื่นเสียที..!

ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้น ไม่มีใครเตือนเราได้นอกจากเราเตือนตัวเราเอง บาลีบอกไว้ชัดว่า อตฺตนา โจทยตฺตานํ เราต้องกล่าวโทษโจทย์ตนเองไว้เสมอ ว่า "กาย วาจา ใจ ที่ดีกว่านี้ยังมีอยู่ เราต้องทำ กาย วาจา ใจ เหล่านั้นให้ได้"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 02-08-2023, 23:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,216 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ในสิ่งที่พวกเราทำ ส่วนใหญ่แล้วกระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "ทำเหมือนกับแก้บน" ก็คือทำแบบไม่จริงไม่จัง ต้องบอกว่า ถ้าหากตั้งใจที่จะสู้กับกิเลส เราก็แพ้ตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะว่าขาดความเอาจริงเอาจังชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก หิวหน่อยก็ไม่ไหว เหนื่อยหน่อยก็ไม่ไหว ง่วงหน่อยก็ไม่ไหว

กระผม/อาตมภาพเองช่วงที่บวชอยู่ที่วัดท่าซุง มีเวลานอนคืนหนึ่ง ๒ ชั่วโมง เพื่อไม่ให้ร่างกายเครียดจนเกินไป ที่เหลือก็คืออยู่กับการภาวนาทั้งกลางวันและกลางคืน กิจการงานทุกอย่างทำเป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐานตามเวลา ตลอดจนกระทั่งอยู่เวรยามตามที่ได้รับมอบหมาย พอนอกเวลาเมื่อไรก็วิ่งเข้าที่ปฏิบัติของตนเอง

สถานที่ก็มีอยู่สองแห่ง แห่งแรกก็คือเรือนนอน ซึ่งเขาเรียกกันว่าตึกกองทุน ก็คือ กองทุนหลวงปู่ปาน - พระมหาวีระ ถาวโร ซึ่งเป็นมูลนิธิของวัดท่าซุง เป็นตึก ๒ ชั้นหลังใหญ่ มีห้องซ้ายขวา ข้างละ ๔ ห้อง ก็แปลว่า ถ้ามีเพื่อนพักรวมอยู่ด้วยก็จะได้ ๘ ท่านด้วยกัน ตรงกลางเป็นโถงใหญ่ยาว ๆ กระผม/อาตมภาพก็เดินจงกรมอยู่ตรงโถงนั่นแหละ หมดสภาพเมื่อไรก็นอน ครบ ๒ ชั่วโมงก็ลุกขึ้นมาภาวนาใหม่

หรือไม่ก็หลบเข้าไปใต้สวนไผ่ ๖ ไร่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านยกพื้นเทคอนกรีตในสวนไผ่เอาไว้ เพื่อใช้เป็นที่เลี้ยงอาหารญาติโยมที่ไปวัด เพราะว่าต้นไผ่ให้ร่มเงาดีมาก การเทคอนกรีตก็คือเว้นช่องให้ต้นไผ่ขึ้นมาได้ กระผม/อาตมภาพก็มุดลงไปตามต้นไผ่นั่นแหละ ลงไปอยู่ข้างใต้ ไม่มีฟืนไม่มีไฟอะไร

แรก ๆ ลงไปก็มองอะไรไม่เห็น พอผ่านไปพักหนึ่ง สายตาเริ่มเคยชินกับความมืด ก็เริ่มมองเห็นว่าข้างล่างไม่ใช่พื้นเปล่า ๆ แต่ว่ามีงูเหลือมตัวใหญ่เป็นเสาเรือน หรือว่ามีเหี้ยตัวใหญ่เท่าจระเข้อยู่ด้วย..! ซึ่งวันดีคืนดีก็ออกมาลากหมาวัดไปกิน อยู่จนกระทั่งจำหน้ากันได้ทุกตัว ก็คือต่างคนต่างอยู่ พวกสัตว์เลื้อยคลาน ถ้าหากว่ากินอิ่มก็มักจะนอนนิ่ง ๆ มีพวกเหี้ยที่จะปีนขึ้นไปรับแสงแดดด้านบน แต่งูเหลือมบางทีอาทิตย์หนึ่งไม่ได้ขยับไปไหนเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 03-08-2023 เมื่อ 06:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 02-08-2023, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,216 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพก็เดินจงกรมภาวนาอยู่ข้างใต้นั่นแหละ กะเวลาเอาไว้ สมมติว่าเป็นเวรเช้า หลังเที่ยงแล้วก็มุดหายลงไป โผล่ขึ้นมาอีกทีก็ ๕ โมงเย็น เตรียมตัวทำวัตรและเจริญกรรมฐานภาคค่ำ พอทุ่มครึ่ง เลิกกรรมฐานก็มุดหายลงไปใหม่ ช่วงที่คอยดูแลเรื่องปลาหน้าวัด ก็พายเรือทั้งคืน พายไปภาวนาไป ซักซ้อมทิพจักขุญาณไปในตัว ฝ่ายตรงข้ามซ่อนเครื่องมือดักปลาไว้ตรงไหน ตามไปเก็บเรียบ..!

นี่คือสิ่งที่
กระผม/อาตมภาพทำมา ขนาดนั้นยังรู้สึกว่าตนเองทำไม่ได้เต็มที่อย่างที่ต้องการ วันหนึ่ง ๒๒ ชั่วโมงยังน้อยเกินไป แต่ก็จำต้องสละ ๒ ชั่วโมงไว้พักนอน ไม่อย่างนั้นถ้าร่างกายไม่ได้นอนเดี๋ยวจะปฏิบัติหน้าที่ไม่ไหว หลายท่านจะเห็นว่ากระผม/อาตมภาพค่อนข้างจะผอม สมัยนั้นหุ่นเหมือนว่าที่ ดร.ซ้วง (พระศิระ จิตฺตสุโภ) ไม่มีผิด เพราะว่ากินน้อย นอนน้อย ภาวนามาก

แต่ละพรรษาคือความตั้งใจที่ว่า พรรษานี้เราต้องเอามรรคเอาผลให้ได้ แล้วแต่ละวันก็อยู่ในลักษณะนั้น ก็คือวันนี้เราต้องเอามรรคเอาผลให้ได้ ดังนั้น..สำหรับกระผม/อาตมภาพแล้ว การเข้าพรรษาแทบจะไม่มีความสำคัญอะไรเลย นอกจากเป็นพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น เพราะว่าทุ่มเทให้กับการปฏิบัติทุกวัน
อยู่แล้ว

ที่บอกกล่าวมานี้ เพื่อให้พวกเราได้เข้าใจว่า การที่เราตั้งใจจะทำอะไร ต้องทุ่มเทกันชนิดแลกด้วยชีวิต ไม่ใช่ทำ ๆ เล่น ๆ เหมือนอย่างกับแก้บน ถ้าลักษณะนั้น โอกาสที่จะเอาดีได้ก็เป็นเรื่องที่ยาก

กระผม/อาตมภาพเคยบอกกล่าวพวกเราทั้งหลายแล้วว่า การรับวิชาความรู้จากครูบาอาจารย์ การถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นมักจะมีตกหล่นเสมอ เพราะว่าลูกศิษย์รับได้ไม่เต็มที่ อาจารย์ถ่ายทอดให้ด้วยความเต็มใจจนหมดความรู้ของตน แต่ลูกศิษย์ทุ่มเท ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ก็มักจะได้ไปแค่สัก ๘๐ % ของครูบาอาจารย์ พอตนเองถ่ายทอดต่อไป หลานศิษย์ทุ่มเทเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ ก็ได้แค่ ๖๐ % ความรู้ก็จะเสื่อมถอยลงไปเรื่อย ๆ มีวิธีเดียวที่จะเอาความรู้นั้นให้เต็มร้อย ก็คือเราต้องพยายามให้เกินร้อย อย่างเช่นว่า พยายามสัก ๑๕๐ % หรือ ๒๐๐ % ไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 02-08-2023, 23:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,727
ได้ให้อนุโมทนา: 152,085
ได้รับอนุโมทนา 4,419,216 ครั้ง ใน 34,317 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เราท่านจะมากล่าวกันเล่น ๆ อย่างที่เคยเล่าให้ฟังว่า แม้แค่เรื่องของพระคาถาเงินล้าน กระผม/อาตมภาพก็ซ้อมภาวนาวันละ ๓๐๐ จบอยู่ถึง ๓ ปีเต็ม ๆ ก่อนหน้านี้ทำมากกว่านั้น ก็คือมี ๓๖๐ จบ ๔๘๐ จบ ๖๐๐ จบ ๗๒๐ จบ ๘๔๐ จบ ๙๖๐ จบ ๑,๐๘๐ จบ เต็มที่ก็ ๑,๒๐๐ จบ ได้ไม่เกินนั้น

เพราะว่าเริ่มตั้งแต่ตี ๓ มีเวลาฉันภัตตาหารเช้าอยู่ประมาณ ๑๕ นาทีเท่านั้น แล้วก็ลากยาวไปเลิกตอน ๑ ทุ่ม ถ้าหากว่านับไปก็เป็นเวลาประมาณ ๑๘ ชั่วโมง ๑๘ ชั่วโมงว่าได้แค่ประมาณ ๑,๒๐๐ จบเท่านั้น ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ออกธุดงค์ มีเวลาเป็นของตัวเองเต็มที่ทั้งวัน การภาวนาก็ตั้งใจเอาดี ก็คือว่าช้า ๆ กำหนดสติรู้อย่างครบถ้วน ทรงฌานสมาบัติได้สูงเท่าไรก็เอาเท่านั้น

กระผม/อาตมภาพเคยทำสมาธิสูงสุดแล้ว เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงครึ่ง ภาวนาได้แค่จบเดียว..! เนื่องเพราะว่าเวลาสมาธิทรงตัว ยิ่งลึกเท่าไรก็ตาม สภาพจิตของเรารู้สึกว่าเป็นปกติ แต่ความจริงแล้ว เวลาข้างนอกผ่านไปนานมาก สภาพแบบนั้นแหละที่เวลาของเทวดา นางฟ้า หรือว่าพรหมถึงได้ต่างกับเรามาก สภาพจิตยิ่งละเอียดลึกซึ้งมากเท่าไร เวลาก็ต่างกันมากเท่านั้น

ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะพยายามอย่างเต็มที่ ดูว่าเรามีอะไรที่ทำแล้วเป็นความภาคภูมิใจเฉพาะตัวบ้าง ไม่เช่นนั้นแล้ว สิ่งที่เราทำก็ไม่สามารถที่จะตามรอยครูบาอาจารย์ได้ทัน อย่าว่าแต่โดดเด่นเป็นอภิชาตบุตรเลย แค่เป็นอนุชาตบุตร รู้เท่าครูบาอาจารย์ก็ยากแล้ว

ดังนั้น..พรรษานี้กระผม/อาตมภาพจึงฝากท่านทั้งหลายเอาไว้ว่า ถ้าคิดจะทำ ต้องทำจริง ๆ แบบที่เสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ท่านมีคติประจำตัวก็คือ กยิรา เจ กยิราเถนํ ทำอะไรต้องทำให้จริง พระองค์ท่านจึงประสบความสำเร็จในทุกวิชาการที่ศึกษา

พวกเราต้องการทำให้ได้อย่างนั้น ก็ต้องมีสัจจะ จริงจังจริงใจ มีวิริยะ พากเพียรไม่ย่อท้อ มีขันติ อดทนอดกลั้น ต่อสู้จนกว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็จะผ่านไปเปล่า ๆ อีก ๑ พรรษา

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 03-08-2023 เมื่อ 10:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 09:43



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว