กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 01-08-2023, 19:57
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,547 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-08-2023, 23:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,624 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ หลัง ปีเถาะ วันอาสาฬหบูชา ตั้งแต่เช้ามาทางวัดท่าขนุนของเราก็มีการทำบุญใส่บาตร หล่อเทียนพรรษา แสดงพระธรรมเทศนาเนื่องในวันอาสาฬหบูชา แล้วก็เจริญพระพุทธมนต์ เมื่อรับถวายภัตตาหารสังฆทาน อปโลกน์และให้พรเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นอันว่าจบการทำบุญในช่วงเช้า

ส่วนในช่วงบ่ายนั้นกระผม/อาตมภาพ นำพระภิกษุสงฆ์ ๕๔ รูป ลงอุโบสถ ทบทวนพระปาฏิโมกข์ เนื่องจากว่าปีนี้มีเดือน ๘ สองหน ในช่วงฤดูร้อน จึงมีอุโบสถเพิ่มขึ้นมา จาก ๘ อุโบสถเป็น ๑๐ อุโบสถ

เมื่อเสร็จจากการทบทวนพระปาฏิโมกข์แล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรับการถวายสักการะเนื่องในวันเข้าพรรษา จากคณะสงฆ์วัดท่าขนุน วัดวังปะโท่ วัดพุทธมณฑลอรัญญิกาวาส วัดพุทธบริษัท สำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี และสำนักสงฆ์ถ้ำทะลุ

การทำวัตรนั้น ก็คือการไปถวายสักการะต่อพระอุปัชฌาย์อาจารย์ หรือว่าพระเถระที่เราให้ความเคารพนับถือ ในสมัยก่อนเป็นการไปรายงานตัวว่า พรรษานี้เราจำพรรษาอยู่ที่ไหน ? ใกล้ไกลอย่างไร ? อยู่กันกี่รูป ? ถ้าหากว่ามีอะไร พระอุปัชฌาย์อาจาจะได้ให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที

คราวนี้ตามแนวทางที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านให้เอาไว้ ก็คือให้พระภิกษุสงฆ์อธิษฐานพรรษากันตั้งแต่วันอาสาฬบูชา แล้วไปปวารณาออกพรรษากันในวันตักบาตรเทโว เนื่องเพราะว่าในกฐินขันธกะ พระวินัยปิฎก ระบุเอาไว้ว่า
ภิกษุที่จะรับกฐินนั้น ต้องจำพรรษาครบถ้วนไตรมาสในอาวาสแห่งนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 01-08-2023, 23:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,624 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้การที่เราจะจำพรรษาให้ครบถ้วนไตรมาส ก็แปลว่า วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ไปจนถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เราต้องอยู่ประจำที่ โดยครบถ้วนเต็มวัน ถ้าหากว่าเราไปอธิษฐานพรรษาในช่วงเย็นของวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ก็เท่ากับว่าวันนั้นไม่เต็มวัน แล้วถ้าเราไปปวารณาพรรษากันช่วงบ่ายของวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ก็แปลว่าวันนั้นก็ไม่เต็มอีกเช่นกัน

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ จึงมีมติให้พระภิกษุสงฆ์วัดท่าซุง ทำการอธิษฐานพรรษาในวันอาสาฬบูชา แล้วไปปวารณาพรรษาในวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ก็คือวันตักบาตรเทโว จะได้ครบถ้วน ๓ เดือนเต็มตามที่พระวินัยระบุเอาไว้ วันนี้พระภิกษุสงฆ์วัดท่าขนุนจึงได้อธิษฐานพรรษากันเรียบร้อยแล้ว และบรรดาวัดสาขาใกล้เคียงทั้ง ๕ แห่งที่ว่ามา ก็ไปอธิษฐานพรรษาในอาวาสของตนในวันนี้ด้วย

หลังจากนั้นพวกเราก็ไปวางผางประทีปกันท่ามกลางสายฝน จนกระทั่งถึงเวลาเย็น ๕ โมงครึ่ง เมื่อเริ่มจุดผางประทีป ฝนก็เริ่มโปรยลงมา แต่ว่าเรื่องเหล่านี้ ญาติโยมทั้งหลายไม่ต้องกังวล พระวัดท่าขนุนทนแดดทนฝน เพราะว่าเกิดเป็นวัวเป็นควายกันบ่อย..! แดดมาเราก็เอาจริตนิสัยวัวมาใช้ ฝนมาเราก็เอาจริตนิสัยควายมาใช้ ก็เลยสามารถที่จะสู้ได้ทั้งแดดและทั้งฝน เป็นการตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชาท่ามกลางสายฝน และผางประทีปที่หล่อโดยพระสงฆ์และญาติโยมวัดท่าขนุนนั้น สามารถที่จะสู้ฝนได้ ขอให้จุดติดเท่านั้นเอง

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่ความดื้อดึง หากแต่ว่าเป็นความมั่นคงต่อบุญกุศล ถ้าท่านทั้งหลายอ่านในธรรมบทจะเห็นว่า สมัยหนึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นชายทุคตะยากจนอยู่กลางป่า พระปัจเจกพุทธเจ้าได้เข้านิโรธสมาบัติ เมื่อออกจากนิโรธสมาบัติแล้วก็ส่งข่ายคือพระญาณพิจารณาดูว่า "เราจักได้อาหารจากผู้ใดหนอ ?" ก็เห็นว่าชายทุคตะผู้ที่อยู่ในป่าผู้นี้จักมีอาหารเพื่อเรา พระองค์ท่านจึงหายตัวจากสถานที่เข้านิโรธสมาบัติ ไปปรากฏตัวอยู่หน้ากระท่อมของชายทุคตะผู้นั้น

แต่ว่าพญามารต้องการที่จะทดสอบอุปนิสัยของพระโพธิสัตว์ว่า เป็นผู้ที่มั่นคงแกล้วกล้าต่อทานขนาดไหน ? เมื่อพระโพธิสัตว์เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามายืนอยู่หน้ากระท่อมก็เข้าใจทันทีว่า "พระคุณเจ้าท่านนี้ต้องการภิกษาหาร"
เป็นบุญอันใหญ่ของเราแล้ว ก่อนหน้านี้ เราไม่มีอาหาร แต่ได้พบสมณะ ไม่สามารถที่จะให้ทานได้ หรือว่ามีอาหารแต่ก็ไม่พบกับสมณะ ไม่สามารถที่จะให้ทานได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 01-08-2023, 23:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,624 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"บัดนี้เรามีอาหารอยู่ และสมณะก็มาเยือนถึงกระท่อมของเรา" จึงจัดสำรับใส่ถาด ตั้งใจจะยกไปถวายพระปัจเจกพุทธเจ้า พญามารเนรมิตหล่มเพลิงใหญ่ ขวางประตูกระท่อมไว้ พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นหลุมไฟลุกช่วงโชติ ถ้าหากว่าก้าวลงไปเมื่อไรก็จะโดนเผา กลายเป็นจุณวิจุณไปในทันที..!

แต่ว่าองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติที่เป็นพระโพธิสัตว์นั้น ทรงมีความยึดมั่นในบุญกุศล มีความแกล้วกล้าในการให้ทานเป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งใจว่า "เราจักทำทานให้ได้ แม้ว่าถ้าก้าวออกไปแล้ว จะตกลงไปในหล่มเพลิง โดนไหม้เป็นจุณวิจุณไปเราก็ยินดี แต่ถ้ากุศลบุญราศีที่เราจักสร้างนี้มีอานุภาพมาก ก็ขอให้เราก้าวผ่านหล่มเพลิงนี้ไป ถวายภัตตาหารต่อพระคุณเจ้าได้"

ว่าแล้วก็ยกถาดภัตตาหารก้าวผ่านหล่มเพลิงออกไป ประดุจเดินบนพื้นดิน สามารถที่จะถวายภัตตาหารต่อพระปัจเจกพุทธเจ้า อธิษฐานขอปรารถนาเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต องค์พระปัจเจกพุทธเจ้าให้พรว่า "เอวัง โหตุ" แปลว่า "ความปรารถนาของเธอจงสำเร็จเถิด"

นี่จึงเป็นตัวอย่างว่า บุคคลที่มีความยึดมั่นในบุญกุศล มีความแกล้วกล้าในการสร้างบุญกุศล แม้ต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ยอม เพื่อให้สำเร็จซึ่งบุญกุศลนั้น ดังนั้น..พวกเราในวันนี้ ที่ตั้งหน้าตั้งตาตามประทีปกันกลางสายฝนเป็นที่สนุกสนาน ต้องบอกว่าพวกเรามีกำลังใจที่แกล้วกล้า และไม่ย่อท้อต่อบุญกุศลที่จะพึงได้เช่นกัน

การที่ฝนตกเป็นเรื่องของธรรมชาติ แต่ไม่อาจจะขวางกั้นบุญกุศลของพวกเราได้ กำลังใจของท่านทั้งหลายนี้ เปรียบไปแล้วก็คล้ายคลึงกับพระโพธิสัตว์ ซึ่งภายหลังอาศัยบุญกุศลนี้ บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เผยแผ่พระพุทธศาสนา ขนถ่ายสัตว์โลกข้ามวัฏสงสารมากต่อมากด้วยกัน เราท่านทั้งหลายที่มีกำลังใจมั่นคงเช่นนี้ จึงเป็นบุคคลที่คู่ควรต่อมรรคต่อผลเช่นกัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 01-08-2023, 23:27
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,624 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้ว่าท่านทั้งหลายจักปรารถนามรรคผลในชาติปัจจุบัน อานิสงส์ที่จะพึงได้จากการตามประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา ในวันอาสาฬหบูชาปีนี้ ก็ย่อมยังให้ความปรารถนาของท่านสำเร็จสัมฤทธิ์ผลลงได้ ตามวาสนาบารมีที่ได้สั่งสมมาตั้งแต่ปางบรรพ์

หรือว่าท่านใดปรารถนาในพระโพธิญาณ อานิสงส์แห่งนี้ย่อมยังให้ความปรารถนาของท่านทั้งหลายสำเร็จ เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลเบื้องหน้า ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายที่ตั้งหน้าตั้งตาสร้างบุญสร้างกุศลโดยไม่ย่อท้อ มีจริต มีนิสัย ตามรอยคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนเป็นผู้ที่มั่นคงในทาน ศีล ภาวนา เช่นนี้


นอกจากนี้แล้ว หลังทำวัตรค่ำตอน ๑ ทุ่มไปแล้ว พวกเรายังจะมีการเวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชาอีกด้วย ซึ่งพระภิกษุสามเณรวัดท่าขนุนนำญาติโยมเวียนเทียนท่ามกลางสายฝนมาหลายครั้งแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราท่านทั้งหลาย อาจจะต้องตากฝนเวียนเทียนกันอีกสักรอบหนึ่ง แต่ขอให้ทุกท่านมั่นใจว่า ความดีที่เราทำในครั้งนี้ จะมีผลดีตอบแทนในโอกาสหน้าอย่างแน่นอน

ในปัจจุบันนี้เราก็เป็นผู้มั่นคงในพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ สีลานุสติ จาคานุสติ ตลอดจนกระทั่งอุปสมานุสติ ในอนาคตกาลเบื้องหน้า ถ้าความมั่นคงในอนุสติเหล่านี้ไม่เคลื่อนคลายไปไหน สัมปรายิกัตถประโยชน์ ย่อมยังให้ท่านทั้งหลายไปสู่สุคติภพ

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่นิยมการเกิด ย่อมอาศัยผลานิสงส์ในครั้งนี้ ก่อให้เกิดปรมัตถประโยชน์ ก็คือสามารถหลุดพ้นจากกองทุกข์ เข้าสู่พระนิพพาน ได้ตามที่ท่านทั้งหลายตั้งความปรารถนาเอาไว้ทุกคน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 02-08-2023 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว