กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-06-2023, 18:22
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,648
ได้ให้อนุโมทนา: 216,888
ได้รับอนุโมทนา 747,524 ครั้ง ใน 36,418 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-06-2023, 00:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพวิ่งไปถึงวัดสามพระยาวรวิหาร ก่อนเวลา ๖ โมงเช้า เพื่อไปร่วมทำวัตรกับผู้เข้ารับการอบรมเป็นพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๖ ซึ่งพระเดชพระคุณพระเทพวิสุทธิดิลก (ละเอียด กิตฺติสุขุโม ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร เป็นผู้นำในการทำวัตรทุกวัน

หลังจากนั้นก็ได้ไปฉันเช้าร่วมกับพระเดชพระคุณพระพรหมวัชรเมธี (สมเกียรติ โกวิโท ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม เจ้าคณะภาค ๙ หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกท่านด้วยความเคารพว่าหลวงปู่สมเกียรติ แล้วก็ไปเดินให้กำลังใจบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์จากคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งตอนอบรมอยู่ที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) มี ๒๐ รูปด้วยกัน แต่พอมาถึงที่นี่แล้ว เหลือรอดมาเพียง ๑๗ รูปเท่านั้น..!

ที่นึกไม่ถึงก็คือ ได้เจอท่านอาจารย์พระมหาสุรชัย วราสโภ, ดร. ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนกระผม/อาตมภาพมา ตั้งแต่ยังเรียนอยู่ที่หน่วยวิทยบริการ คณะสังคมศาสตร์ วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) แล้วก็ได้เจอหลวงพ่อเจ้าคุณอัครเดช (พระราชพัชรมานิต วิ.) วัดบุญญาวาส จังหวัดชลบุรี ซึ่งหลวงพ่อเจ้าคุณอัครเดช ท่านได้ "พาสชั้น" จากเจ้าอาวาสขึ้นไปเป็นเจ้าคุณชั้นราชฝ่ายวิปัสสนาธุระเลย

ด้วยความที่ไปปลุกเสกวัตถุมงคลที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหารมาด้วยกัน ท่านจึงทักทายก่อน นึกว่ากระผม/อาตมภาพเป็นผู้อบรมรุ่นนี้เหมือนกัน แต่ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพกลายเป็นมาส่งรุ่นน้องเข้าอบรม ยังหัวเราะกันอยู่ว่า ไม่น่าที่จะต้องมาอบรมเลย เนื่องเพราะว่าท่านเป็นพระนักปฏิบัติ ไปไหนไม่ค่อยจะเป็น แต่ว่าท่านเองท่านก็พยายามที่จะศึกษาเรียนรู้

อีกท่านหนึ่งก็คือหลวงพ่อช้าง วัดจุกเฌอ ซึ่งตอนนี้เลื่อนขึ้นเป็นรองเจ้าคณะอำเภอแปดริ้วแล้ว ท่านอยู่ในฐานานุกรมพระครูปลัดธรรมานุวัตร มาอบรมพระอุปัชฌาย์รุ่นนี้เหมือนกัน ส่วนที่เหลือนั้น กระผม/อาตมภาพก็รับไหว้บ้าง ทักทายบ้าง ตามแต่ที่ท่านทั้งหลายจะจดจำกระผม/อาตมภาพได้

จนกระทั่งหลวงพ่อเจ้าคุณอัครเดชยังว่า "หลวงพ่อเล็กรู้จักคนที่นี่เยอะมากเลย" กระผม/อาตมภาพก็เรียนถวายหลวงพ่อเจ้าคุณท่านไปว่า "ส่วนใหญ่แล้วท่านเป็นลูกศิษย์ที่เรียนมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ทั้งที่วิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ วิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี และที่ส่วนกลาง" ในเมื่อเจริญเติบโตมาทางด้านสายการปกครอง ก็ต้องมาเป็นพระอุปัชฌาย์กันจนได้ จึงต้องรับไหว้กันไม่รู้จบในลักษณะอย่างนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 23-06-2023, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้เวลาแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ, ป.ธ. ๙) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม ก็เป็นประธานในการเปิดการอบรม และปฐมนิเทศ หลังจากนั้นแล้วพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณยังเมตตาบรรยายถวายความรู้แก่พระอุปัชฌาย์รุ่นนี้อีก ๑ ชั่วโมงเต็ม ๆ ทำให้กระผม/อาตมภาพรู้สึก "อิจฉามารศรี" เป็นที่ยิ่ง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการที่จะมีครูบาอาจารย์ระดับสมเด็จพระราชาคณะมาบรรยายถวายความรู้ให้นั้น เป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างยิ่ง

แล้วกระผม/อาตมภาพก็ออกมาบริจาคปัจจัย ร่วมถวายภัตตาหารเลี้ยงพระอุปัชฌาย์รุ่นนี้ ในนามขององค์กรพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๑ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ซึ่งรุ่นนี้ควรที่จะเป็นรุ่นที่ ๕๘ แล้ว แต่เนื่องจากว่าติดการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ ระบาดอยู่ ๓ ปี ทำให้อบรมมาได้ถึงรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ ๕๖ เท่านั้น หลังจากนั้นก็ยังบริจาคในนามของพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. อีกส่วนหนึ่ง แล้วก็ไปนั่งรอพรรคพวกเพื่อนฝูง ซึ่งจะมาสมทบในภายหลัง เนื่องเพราะว่าต่างคนต่างก็ติดธุระกันทั้งสิ้น

เมื่อเสร็จสิ้นจากพิธีการรับถวายภัตตาหารพระราชทาน ซึ่งปีนี้เป็นปีแรกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.๑๐ พระราชทานอาหารเลี้ยงผู้เข้ารับการอบรมพระอุปัชฌาย์ ต้องถือว่าพระอุปัชฌาย์รุ่นที่ ๕๖ นี้เป็นรุ่นที่มีบุญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าเป็นรุ่นแรกที่ได้รับการถวายภัตตาหารพระราชทาน

เมื่อไปฉันเพลกันเรียบร้อยแล้ว พวกกระผม/อาตมภาพก็เข้าถวายสักการะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙) ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์คืนมา แล้วพวกกระผม/อาตมภาพเห็นว่า วันนี้เป็นวาระที่เหมาะสม จึงนัดกันมาถวายสักการะ

คณะเพื่อนพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกันที่มาก็มีท่านเจ้าคุณดำเนิน (พระปริยัติวโรปการ) เจ้าอาวาสวัดนาคกลางวรวิหาร

หลวงพ่อพระครูโสภิตปัญญากร (เชาวลิตร ชิตงฺกุโร) เจ้าอาวาสวัดป่าประดู่พระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอเมืองระยอง

ท่านอาจารย์พระมหาชิต ฐานชิโต ป.ธ. ๗ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเขียนเขตพระอารามหลวง เจ้าคณะอำเภอธัญบุรี

พระมหาสมคิด อตฺถสิทฺโธ ป.ธ. ๗ เจ้าอาวาสวัดหนองโพ รองเจ้าคณะอำเภอโพธาราม

พระครูสิทธิวัฒนคุณ (พรพรหม ฐิตคุโณ) ที่ปรึกษาเจ้าคณะเขตตลิ่งชัน เจ้าอาวาสวัดกระจัง

พระมหาศรีสมหวัง ธมฺมธีโร ป.ธ. ๕ วัดลานนาบุญ
เหล่านี้เป็นต้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 23-06-2023, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อได้เข้ากราบถวายสักการะ หลวงพ่อพระพรหมดิลกดีใจมาก บอกว่า "เฮ้ย..เล็ก คิดถึงแกมากเลย อยากจะไปพักแถววัดท่าขนุนแล้วก็อยากไปนั่งแพด้วย" กระผม/อาตมภาพเรียนถวายว่า "หลวงพ่อพร้อมเมื่อไร ไปได้ทุกเวลาเลยครับ" ท่านเองยังหัวเราะ บอกว่า "ตอนนี้เป็นคนตกงาน พร้อมที่จะไปได้ทุกเวลา" เมื่อคุยกันจนหายคิดถึงแล้ว ก็ขออนุญาตท่านถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก จากนั้นขอตัวแยกย้ายกันไป

เรื่องของพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลกนั้น ต้องบอกว่าเป็นตัวอย่างของนักปราชญ์ที่แท้จริง คำว่านักปราชญ์ที่แท้จริงในที่นี้ก็คือ เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถทั้งทางโลกและทางธรรม โดยเฉพาะทางโลก ท่านเรียนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค และจบด็อกเตอร์จากประเทศอินเดีย ต้องบอกว่าเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมรูปแรก ที่จบปริญญาเอกและจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค ปัจจุบันนี้ต้องบอกว่าเป็นมือแต่งฉันท์อันดับต้น ๆ ในประเทศไทย

ขณะเดียวกันในทางธรรม ท่านก็ปฏิบัติตามที่พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ชุตินฺธรมหาเถระ ป.ธ. ๙) ซึ่งเป็นอดีตเจ้าคณะใหญ่หนกลาง อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยาวรวิหาร ได้สั่งสอนกรรมฐานเอาไว้ พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดสามพระยานั้น หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงให้คำชมเชยไว้เป็นอย่างสูง ยกให้เป็นพระทองคำในกรุง ขนาดที่คุยอะไรไว้ที่วัดท่าซุง เมื่อมาถึงท่านสามารถที่จะพูดออกมาได้ทั้งหมด..!

พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก ท่านรับเอาความรู้ความสามารถส่วนหนึ่งจากการปฏิบัติธรรมกรรมฐาน ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์มา จึงทำให้เวลาที่ท่านประสบ
กับการเสื่อมยศ ก็คือโดนถอดออกจากยศ แล้วซ้ำยังต้องไปติดคุกติดตารางอยู่ระยะหนึ่ง เมื่อพวกกระผม/อาตมภาพเข้าไปเยี่ยม ท่านก็ยังสนุกสนานเฮฮาอยู่เหมือนเดิม บอกว่า "ข้าอยู่ข้างในนี้ปลอดภัยแล้ว พวกแกต่างหากที่อยู่ข้างนอก ระวังไว้เถอะ..จะโดนอะไรบ้างก็ไม่รู้..!?"

แล้วท่านเอง เมื่อพ้นจากคุกจากตารางมา ท่านก็อยู่แบบสงบเสงี่ยมเจียมตน ทำหน้าที่เป็นครูสอนเปรียญธรรม ๙ ประโยคต่อที่วัดสามพระยาวรวิหาร อยู่ในลักษณะของปูชนียบุคคล จนกระทั่งศาลตัดสินว่าท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีความผิดใด ๆ มีคำสั่งให้คดีสิ้นสุดลงไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๑๐ จึงได้พระราชทานสมณศักดิ์พระพรหมดิลกคืนให้ โดยถือว่าไม่เคยมีความผิดใด ๆ ทั้งสิ้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 23-06-2023, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,109 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในช่วงที่ท่านเสื่อมยศ กลายเป็นแค่พระมหาเอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙ ไม่มีตำแหน่งแห่งที่อะไรเลย ก็ไม่เห็นท่านจะรู้สึกรู้สาอะไร สามารถที่จะวางกำลังใจให้สงบร่มเย็นได้ตามปกติ ทำหน้าที่ของตนในฐานะศากยบุตรพุทธชิโนรสโดยไม่บกพร่อง เมื่อได้รับสมณศักดิ์คืนมาก็ไม่เห็นท่านจะดีใจอะไร แถมยังบอกว่าตอนนี้ไม่มีตำแหน่งสิดี สามารถที่จะไปไหนก็ไปได้

เรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างให้ทุกท่านได้เห็นว่า ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ นั้นเป็นโลกธรรม คือธรรมะที่อยู่คู่กับโลกมา ใครสามารถที่จะรับมือได้โดยที่ไม่หวั่นไหว ก็แปลว่าเป็นบุคคลที่ต้องเข้าถึงธรรมในระดับหนึ่ง คือ ต้องมีสติ สมาธิ และปัญญา เพียงพอที่จะเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของนอกกาย มาได้ก็ไปได้ ตามหลักอนิจจังขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสามารถทำกำลังใจแบบนี้ได้ กำลังใจของท่านก็จะมีความสุข นอกจากสภาพร่างกายที่มีสภาวะทุกข์ตามปกติแล้ว ก็ไม่ต้องไปแบกความเครียดอะไรทั้งสิ้น

โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลกนั้น กระผม/อาตมภาพรู้จักคุ้นเคยท่านมาตั้งแต่ยังเป็นพระศรีปริยัติบดี เป็นพระราชปริยัติบดี เป็นพระเทพสุธี เป็นพระธรรมคุณาภรณ์ จนกระทั่งเป็นพระพรหมดิลก ก็ไม่เห็นว่าความประพฤติปฏิบัติของท่านจะมีอะไรแตกต่างกันจากก่อนหน้านี้เลย ยังคงให้ความเมตตาอย่างสม่ำเสมอ มีสิ่งหนึ่งประการใดท่านก็เมตตาแนะนำสั่งสอน

โดยเฉพาะวันนี้ ท่านบอกว่า "พวกแกรักกัน จับกลุ่มกันเหนียวแน่นแบบนี้เป็นการดีแล้ว ถึงเวลาจะทำอะไรจะได้มีกำลังมากพอ โดยเฉพาะการช่วยเหลืองานพระพุทธศาสนา"

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงขอถวายไว้เป็นอุทาหรณ์แก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมทั้งหลายให้ทราบแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๒ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-06-2023 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:42



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว