กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๖ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤษภาคม ๒๕๖๖

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 02-05-2023, 21:31
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,628
ได้ให้อนุโมทนา: 216,938
ได้รับอนุโมทนา 747,882 ครั้ง ใน 36,422 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 03-05-2023, 00:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,526 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ กระผม/อาตมภาพตื่นตั้งแต่ยังไม่ทันจะ ๔ ทุ่ม เพราะรู้สึกว่าอากาศร้อนมาก ต้องถีบเอาถุงนอนออกไปจากตัว เปิดประตูให้อากาศเย็นไหลโกรกเข้ามาจึงค่อยยังชั่วหน่อย ไม่นึกว่าเจ้าแม่นภิสราเทวีและบริวารจะเล่นกันจนขนาดนี้ ในช่วงเช้าตอนที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ ทุกคนก็บ่นเหมือนกันว่า "ใครบอกว่าอากาศลบ ๔ องศาเซลเซียส ทำไมถึงได้ร้อนขนาดนี้ก็ไม่รู้ ?" ดังนั้น..ถุงนอน ๐ องศาเซลเซียส ที่พวกเราเตรียมมาจึงแทบจะไม่ได้ใช้งานเลย

เพียงแต่ว่าที่นี่เขาจะตื่นสายกัน เนื่องจากว่าวิถีชีวิตคงจะเป็นไปตามการโคจรของพระอาทิตย์ ก็คือต้องรอจนแสงตะวันเริ่มแรงกล้า ทำให้ร่างกายกระฉับกระเฉงขึ้น จึงได้ทำการทำงาน พวกเราไปรออยู่ในห้องอาหาร ปรากฏว่ามีเพียงข้าวโอ๊ตต้มอย่างเดียว ส่วนกับข้าวนั้นเป็นของทางเอ็น ซี ทัวร์ เตรียมมาทั้งสิ้น แต่พวกเราก็ไม่ฟังเสียงแล้ว เพราะว่าใกล้เวลาเดินทาง จึงเร่งฉันกันจนอิ่ม เมื่อยกเอากระเป๋าขึ้นรถเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางตอนประมาณ ๘ โมงเช้า เป็นการย้อนเส้นทางเดิมทุกประการ โดนเขย่าไปเป็นชั่วโมง ๆ

จนกระทั่งมาถึงสามแยกใหญ่ ทุกคนขอให้โชเฟอร์หยุดรถลงชั่วคราว เพื่อไปหาห้องน้ำเข้ากันก่อน กระผม/อาตมภาพเห็นคิวห้องน้ำยาวเหยียดแล้วก็ถอดใจ จึงเดินไปทางด้านหลังอาคาร เห็นหลุมที่เขาขุดเอาไว้ใหม่ ๆ สำหรับทิ้งขยะ เพิ่งจะมีเศษขยะแค่ ๒ - ๓ ชิ้นเท่านั้น จึงเดินลงไปนั่งปัสสาวะในหลุม พักเดียวก็กลับมาขึ้นรถได้ ขณะที่คนอื่นต้องรอแล้วรออีกกว่าที่ห้องน้ำจะว่าง

เรื่องของห้องน้ำห้องส้วมนั้น ชาวต่างชาติทุกคนที่มาเมืองไทย ล้วนแล้วแต่ชื่นชมทั้งสิ้นว่า บ้านเราแวะไปที่สถานีบริการน้ำมันไหนก็ตาม จะมีส้วมสะอาดเอาไว้รอรับเสมอ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ที่อื่นเขาไม่มีกัน โดยเฉพาะแถวนี้แล้วอย่างเก่งก็มีห้องน้ำให้ ๒ ห้อง เขาใช้คำว่า Wash Room ก็คือห้องซักล้าง ดังนั้น...อย่าไปใช้คำว่า Toilet เขาจะไม่เข้าใจ

เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว แทนที่เราจะเลี้ยวซ้ายย้อนทางเดิม ปรากฏว่าเราวิ่งตรงไปทางด้านเมืองดิสกิต ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองมีชื่อแห่งหนึ่งในหุบเขานูบรา อันว่าหุบเขานูบรานั้นเป็นสถานที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของแคว้นลาดัก มีชื่อเสียงเลื่องลือในเรื่องของแอปเปิลและแอปปริค็อต ผลไม้เมืองหนาวทุกอย่างจะอยู่ในลักษณะที่ทั้งสด ใหม่ กรอบ อร่อย แต่ว่าพวกเราน่าจะมาผิดฤดู เพราะว่าช่วงนี้เห็นมีแต่ดอกเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2023 เมื่อ 22:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 03-05-2023, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,526 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

รถวิ่งไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า โดยที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์บ้าง ผ่านสถานที่สำคัญก็โดนบล็อกสัญญาณโทรศัพท์บ้าง เขย่ากันไปจนกระทั่งเหนื่อยใจเต็มทีว่าเมื่อไรจะถึงที่หมาย เพราะว่าในกำหนดการนั้น เราจะไปถึงที่หมาย คือโรงแรม The Grand Nubra ในเวลา ๑๑ โมงเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน

แต่ว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่รถมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบรรดาสิงห์มอเตอร์ไซค์ที่เข้าไปเที่ยวยังหุบเขานูบรากัน เมื่อวิ่งสวนมาก็ทำให้ต้องคอยระมัดระวัง เพราะว่าถนนแถวนี้เขาทำสำหรับรถวิ่งคันเดียวเท่านั้น ถ้าหากว่ามาสวนกันเมื่อไร ก็แปลว่าต้องลงข้างทางกันคนละล้อ แล้วบางทีกระจกมองข้างกระทบกันก็มี แต่ก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยไปกันได้

ส่วนใหญ่บรรยากาศก็เป็นหุบเขาแห้งแล้งกรอบเกรียม บนยอดเขาก็จะเป็นยอดเขาหิมะตามปกติ ส่วนทางด้านล่างบางแห่งก็เป็นแม่น้ำ หรือว่าเป็นลำธาร แต่ว่าเป็นลำธารที่ค่อนข้างจะใส น้ำออกสีฟ้าเขียวสวยงามทีเดียว

แต่ว่าพวกเราทั้งเหนื่อยทั้งหิวแล้ว เพราะว่าวิ่งไปจนเที่ยงครึ่ง มาถึงเมืองหลายแห่ง แต่ก็วิ่งเลยไปทุกที จนกระทั่งกระผม/อาตมภาพเห็นป้ายว่าอีก ๙๗ กิโลเมตรจะถึงเมืองเลห์ ยังทำให้ตัวเองตกใจว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่กลับไปยังเลห์ได้อีกด้วย ก็แปลว่าในวันพรุ่งนี้เราไม่จำเป็นที่จะต้องย้อนกลับไปทางเดิม หากแต่ว่าวิ่งผ่าไปเลยก็ได้

รถยนต์ที่แล่นสวนมานั้น ส่วนใหญ่ก็เป็นรถของนักท่องเที่ยว มีทั้งรถแวน ๕ ประตู แล้วก็รถตู้ ๑๐ ที่นั่งแบบคันของเรา ส่วนหนึ่งที่เป็นสิงห์มอเตอร์ไซค์ ไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์ส่วนตัว หรือว่าเป็นรถที่เช่าหามาก็ไม่รู้ ? แต่บางทีเห็นวิ่งตามกันมาทีหนึ่งจำนวนมาก ๆ ดูแล้วอบอุ่นดีเหมือนกัน มีเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้นมา จะได้ช่วยเหลือกันได้

พวกเรามาถึงโรงแรม The Grand Nubra ในเวลา ๑๔.๒๐ น. ของทางประเทศอินเดีย กระผม/อาตมภาพและพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. จึงได้ฉันเพลในเวลาบ่าย ๒ ครึ่งของประเทศอินเดีย หรือ ๔ โมงเย็นของบ้านเรา แต่ว่าโรงแรม The Grand Nubra นี้ดีตรงที่ไวไฟแรงมาก จึงได้ตั้งหน้าตั้งตาส่งงานเสียที หายไปเป็นวันเป็นคืน ญาติโยมบ่นจนกระทั่งหูจะพังอยู่แล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2023 เมื่อ 22:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 03-05-2023, 00:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,526 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อรีบ ๆ ร้อน ๆ กินจนอิ่มแล้ว ทุกคนก็ขนกระเป๋าไปเข้าห้องของตนเองแล้วมาขึ้นรถ เพื่อที่จะวิ่งต่อไปยังพื้นที่กึ่งทะเลทราย ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เรามาในวันนี้ ก็คือไปขี่อูฐกัน ถ้าหากว่าบ้านเรามีพื้นที่ลักษณะนี้ คาดว่าคงมีคนเลี้ยงอูฐให้คนขี่เช่นกัน อูฐที่นี่กำลังผลัดขนฤดูหนาวออก ดังนั้น..จึงมีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ แหว่งเป็นแถบ ๆ ดูแล้วไม่ค่อยจะสวยงามเท่าไร

กระผม/อาตมภาพเคยชินกับการขี่วัวขี่ควายมาตั้งแต่เด็ก เมื่อมาขี่ม้าขี่อูฐจึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เห็นอยู่ว่าญาติโยมคณะอื่น มีหลายคนที่เวลาอูฐยกตัวขึ้นแล้วก็หงายหลังตึงลงมาเลย หรือว่าเวลาอูฐคุกเข่าลงเพื่อที่จะให้พวกเราลงจากหลัง ก็มีการหน้าคะมำลงมา ถ้าลักษณะแบบนั้นก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะว่าอูฐนั้นตัวใหญ่กว่าม้าเสียอีก ถ้าตกลงจากหลังอูฐ คาดว่าความสูงก็ไม่ต่ำกว่า ๒ เมตร มีโอกาสที่จะบาดเจ็บได้ง่าย ๆ

ในระหว่างที่พวกเราเดินตามกันไปเป็นกระบวน บรรดาอูฐก็ร้องเรียกหากัน โดยเฉพาะเจ้าตัวที่เดินตาม อาจจะคันที่ขนหน้าหนาวกำลังจะหลุด จึงเอาหัวมาสีกับต้นขาของกระผม/อาตมภาพอยู่บ่อย ๆ แต่ว่าในเมื่อพยายามจะช่วยดึงให้ก็เหนียวเหลือเกิน ดึงเท่าไรก็ไม่หลุด..!

เมื่อพวกเราเดินไปจนกระทั่งถึงพุ่มไม้หนาม ซึ่งเป็นไม้หนามที่อูฐชอบกิน แล้วมีธงแดงปักอยู่ที่พุ่มไม้ ก็แปลว่าสุดทางแล้ว บรรดาเจ้าของอูฐก็จัดแถวให้ถ่ายรูปกัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยพวกเราก็เดินกลับมาที่เดิม คืนอูฐให้แก่พวกเขา ค่าเช่าในการขี่อูฐนั้นค่อนข้างจะถูกมาก วันก่อนเช่าม้าที่เมืองโซนามาร์กตัวละ ๑,๑๐๐ รูปี แต่ปรากฏว่าวันนี้เช่าอูฐตัวละ ๓๐๐ รูปีเท่านั้น

พวกเราเดินทางต่อไปยังวัดดิสกิต ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในหุบเขานูบรา ขึ้นไปกราบพระศรีอริยเมตไตรยองค์ใหญ่ สูงถึง ๑๐๘ ฟุต วัดดิสกิตนี้เกิดจากเจ้าเมืองดิสกิต ซึ่งตอนนั้นยังเป็นเมืองอิสระปกครองตนเองอยู่ ทางเมืองเลห์ยกกองทัพมาตี เพื่อที่จะยึดเป็นข้าขอบขัณฑสีมา ปรากฏว่าบรรดาพระลามะนิกายเกลุกปะได้ช่วยเหลือทางเจ้าเมืองดิสกิตในการวางแผนรบ ทำให้กองทัพของเลห์ ต้องพ่ายแพ้ถอยกลับไป ทางด้านเจ้าเมืองซาบซึ้งใจมาก จึงได้สร้างวัดนี้ขึ้นมาถวาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2023 เมื่อ 22:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 03-05-2023, 00:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,526 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราถ่ายรูปกันเสร็จสรรพเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่าอากาศวันนี้แปลก ๆ ก็คือ นอกจากลมแรงเป็นพิเศษถึงขนาดมีพายุทรายแล้ว ก็ยังมีฝนตกลงมาเปาะแปะอีกด้วย ทางด้านโชเฟอร์พาพวกเราขึ้นไปยังยอดเขา เพื่อที่จะไปชมวิหารต่าง ๆ แต่กระผม/อาตมภาพบอกว่า ไม่เอา..ไร้แรงบินแล้ว ขออนุญาตกลับโรงแรมเถอะ เพราะว่าโรงแรม The Grand Nubra นี้มีการเปิดไฟตามเวลา คือประมาณ ๕ โมงเย็น ถึง ๒ ทุ่มเท่านั้น หลังจากนั้นแล้วก็จะปิดหายไปเลย แบบเดียวกับทางโรงแรมพันกองสาหร่ายนั่นเอง ดังนั้น..มีอะไรก็ต้องรีบทำกันตอนนี้ โดยเฉพาะการอาบน้ำร้อน

สำหรับวันนี้อากาศที่นี่ประมาณ ๖ องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากว่าลมแรงมาก จึงรู้สึกหนาวมากกว่าลบ ๔ องศาเซลเซียสที่ทะเลสาบพันกองเสียอีก แต่ว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ เมื่อเราเข้าสู่ที่พักก็เป็นอันว่าจบกันแค่นั้น ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาชำระสะสางตนเอง ต่างคนต่างก็เข้าสู่ที่พัก เหนื่อยกันมาหลายวัน นั่งรถกันวันหนึ่ง ๗ - ๘ ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย พรุ่งนี้ยังต้องขึ้นไปยังช่องเขาที่สูงที่สุดในโลกอีกต่างหาก ความสูงอยู่ที่ ๕,๖๐๐ เมตร ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครอยู่ จะมีใครไปหรือไม่ ?

แล้วขณะเดียวกันก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีสัญญาณคลื่นโทรศัพท์หรือเปล่า ?
ญาติโยมทั้งหลายก็ถือว่าฝึกความอดทน ก็คือพวกเรามาทนลำบากกัน ว่าอยากจะฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนก็ไม่ได้ฟังตามเวลา อยากที่จะดูภาพอาจารย์เป็นเรียลไทม์ก็ไม่สามารถที่จะดูได้ เพราะว่ามีสัญญาณบ้างไม่มีบ้าง ก็ให้ทุกคนหัดทำใจกันเอาไว้ หลังจากนี้การปฏิบัติธรรมจะได้ก้าวหน้าขึ้นไป..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๒ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-05-2023 เมื่อ 22:21 เหตุผล: The
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 15:28



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว