#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖
|
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ ทางด้านวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) และวัดพุทธบริษัทของเรา ก็ปิดการอบรมบาลีก่อนสอบไปแล้ว
ทางวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) นั้น จัดอบรมบาลีก่อนสอบมาเป็นเวลา ๔๘ ปีแล้ว บางทีอาจจะมากกว่าอายุของหลายท่าน แต่ว่าในส่วนที่เห็นผลก็คือ มีผู้ผ่านการอบรมแล้วสามารถสอบจนได้ประโยค ๙ ถึง ๑๐๐ กว่ารูป ส่วนที่โด่งดังเป็นที่จดจำเลย ก็คือสามเณรประกอบ สามเณรประยูร สามเณรสุชาติ เป็นนาคหลวงประโยค ๙ รุ่นเดียวกัน ทั้ง ๓ รูป ปัจจุบันก็คือ พระพรหมกวี (ประกอบ ธมฺมเสฏฺโฐ ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร พระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร และพระพรหมโมลี (สุชาติ ธมฺมรตโน ป.ธ.๙) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ ทั้งสามท่านตอนที่เรียนอยู่นั้น ต้องบอกว่าเป็นทั้งกำลังใจให้เพื่อน แล้วก็ทั้งทำให้เพื่อนฝูงหมดกำลังใจ..! เพราะว่าเรียนเก่งเกินมนุษย์มนา ขณะที่คนอื่นสอบ ต้องรอลุ้นว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน แต่สามเณรทั้ง ๓ รูปดูประโยคต่อไปไว้แล้ว ก็คือไม่เสียเวลามาลุ้นตัวเองว่าสอบได้ไหม เมื่อสอบถาม สามเณรประกอบบอกว่า "ผมไม่เห็นว่าจะมีตรงไหนทำให้ผมตกได้..!" อาจจะทำให้เพื่อนหมั่นไส้หน่อย แต่ว่าท่านเก่งจริง ดังนั้น..ในเรื่องของการเรียนบาลีนั้น หลักสำคัญที่สุดก็คือรักษาพระปริยัติธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเอาไว้ไม่ให้คลาดเคลื่อน คำว่าบาลีมาจาก "ปาลธาตุ" ในความรักษา อยู่แล้ว แต่ว่าทั้งพระปริยัติธรรมและพระปฏิบัติธรรมนั้นจะต้องปฏิบัติควบคู่กันไป คือศึกษาเรียนรู้ตามตำราแล้วต้องทำให้เกิดผลด้วย ถึงจะเป็นปฏิเวธธรรม ก็คือผลดีเกิดแก่ทั้งตนเองและส่วนรวม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2023 เมื่อ 02:49 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
อย่างที่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เรียนบาลีที่วัดสระเกศ ตั้งใจเรียนเพื่อที่จะได้แปลวิสุทธิมรรคไม่ให้ผิดพลาด เพียงแต่ว่าหลวงปู่ปานท่านไม่ได้สอบเอาประโยค ท่านเรียนเพื่อให้รู้เฉย ๆ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงเล่าว่า หลวงปู่ปานกับอาจารย์เกี้ยวที่เป็นคู่เรียนบาลีมาด้วยกัน แล้วก็เป็นคู่เทศน์มาด้วยกัน เก่งบาลีขนาดสามารถตั้งวิเคราะห์ศัพท์วิสุทธิมรรคได้ทุกคำ..!
ท่านทั้งหลายที่เคยเรียนประโยคบาลีสูง ๆ ต้องเข้าใจว่า วิสุทธิมรรคนี้เป็นหลักสูตรของประโยค ๘ ก็แปลว่า ถ้าหลวงปู่ปานจะสอบ อย่างน้อยก็น่าจะได้ประโยค ๘ เพียงแต่ว่าท่านเรียนเพื่อไม่ได้เอาประโยค ท่านเรียนเพื่อที่จะแปลบาลีได้ถูกต้องเท่านั้น ผู้ที่จะแปลบาลีได้ถูกต้องที่สุดนั้นต้องเป็นนักปฏิบัติ เพราะว่าสภาวธรรมที่เกิดขึ้น จะสามารถทำให้อธิบายได้ถูกต้องมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติธรรมเลย ก็คือในศัพท์เดียวกัน ในประโยคบาลีเดียวกัน สามารถอธิบายได้ชัดเจนลึกซึ้งมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ปฏิบัติหลายเท่า ในเมื่อเรียนเพื่อรักษาพระบาลีไว้ ก่อให้เกิดประโยชน์ส่วนเดียวก็ไม่ใช่ เพราะว่าอย่างที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ที่เป็นสนามอบรมบาลีก่อนสอบ ถึงเวลาทั้งคณะสงฆ์และญาติโยมแห่กันไปเป็นเจ้าภาพวันหนึ่งเป็นสิบ ๆ ราย เพื่อขอถวายภัตตาหารเช้า-เพล แก่ผู้เข้ารับการอบรมและคณะพระวิทยากร เมื่อรวมทั้งพระวิทยากรและผู้เข้ารับการอบรมแล้ว ปีนี้มีพระเณรถึง ๔๔๘ รูป ก็เกือบจะ ๕๐๐ รูป ถ้าเราอ่านในพระไตรปิฎกมักจะพบว่า พระมหากษัตริย์หรือว่ามหาเศรษฐี มีการนิมนต์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพร้อมพระภิกษุสงฆ์ ๕๐๐ รูปไปรับบิณฑบาต ตรงส่วนนี้จึงทำให้บรรดาผู้ที่หวังบุญหวังกุศลทั้งหลายเห็นว่า ถ้าหากว่าจะให้เดินทางไปแต่ละวัด กว่าที่จะทำบุญกับพระได้ครบ ๔๐๐ กว่า ๕๐๐ รูป ถ้าไม่ถึงแก่ชีวิตเสียก่อน ก็อาจจะหมดสภาพเสียก่อน..! ในเมื่อมีพระภิกษุสามเณรมารวมตัวกันมาก ๆ ทีเดียว จึงไปเป็นเจ้าภาพกันทุกวัน จัดเป็นการเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ดีที่สุด ก็คือการที่พระภิกษุสามเณรอยู่ร่วมกันจำนวนมาก แล้วอยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย มุ่งการศึกษา ก่อให้เกิดศรัทธาได้ง่าย ในการเรียนบาลี ผลพลอยได้จึงมีมาก นอกจากเป็นการรักษาพระสัทธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้แล้ว ยังสามารถก่อให้เกิดศรัทธาเลื่อมใสต่อผู้ที่พบเห็น บุคคลที่สอบได้ก็ยังเป็นที่ยกย่องเชิดชูอีกด้วย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2023 เมื่อ 02:52 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า เมื่อวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ ที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพไปร่วมกับคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ถวายมุทิตาสักการะพระเดชพระคุณพระธรรมวชิรานุวัตร, ดร. (แย้ม กิตฺตินฺธโร) เจ้าคณะภาค ๑๔ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ในโอกาสที่ได้รับพระราชทานเลื่อนพระสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นธรรมที่พระธรรมวชิรานุวัตร แต่ผู้ที่อัญเชิญสัญญาบัตร พัดยศ และผ้าไตรไปถวายคือนายนุรักษ์ มาประณีต องคมนตรี นั่นระดับเจ้าคุณชั้นธรรม ซึ่งถือว่าเป็นสมณศักดิ์ที่สูงมาก ยังไม่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโดยตรงเลย..!
แต่ในช่วง ๒ - ๓ ปีที่ผ่านมา ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ผู้ที่สอบได้ประโยคบาลี ได้เข้ารับพระราชทานประกาศนียบัตร - ปริญญาบัตร จากพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สิ่งใดก็ตามที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นอกจากเป็นเกียรติยศ เกียรติศักดิ์ เกียรติคุณเฉพาะตนแล้ว ยังเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล สถานศึกษา ตลอดจนกระทั่งผู้ให้การสนับสนุนทั้งหมดด้วย โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงศึกษาพระบาลีด้วยพระองค์เอง มีการอาราธนาพระเดชพระคุณพระธรรมราชานุวัตร (สุทัศน์ วรทสฺสี ป.ธ.๙) วัดโมลีโลกยาราม เข้าไปถวายความรู้เกี่ยวกับพระบาลีอย่างสม่ำเสมอ และในการสอบบาลีช่วง ๒ - ๓ ปีที่ผ่านมา มีการพระราชทานภัตตาหารเลี้ยงผู้เข้าสอบบาลีทั้งหมด และส่วนหนึ่งยังได้รับพระราชทานข้าวของเครื่องใช้ในการสอบด้วย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าเราจะนับไปแล้ว จะเห็นว่าพระองค์ท่านให้การสนับสนุนการศึกษาคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก แต่พระองค์ท่านไม่ได้สนับสนุนด้านปริยัติธรรมอย่างเดียว ยังทรงปฏิบัติธรรมด้วยพระองค์เองอีกด้วย มีการอาราธนาครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณความรู้ด้านการปฏิบัติ เข้าไปถวายความรู้ในการปฏิบัติธรรมอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน ในเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงปฏิบัติพระองค์เป็นตัวอย่าง พวกเราก็อย่าได้เรียนทิ้งเรียนขว้าง เรียนแล้วเราต้องนำมาปฏิบัติให้เกิดผลด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็ถือว่าเป็นโมฆะ คือเรียนรู้แต่เพียงอย่างเดียว แต่ไม่ก่อให้เกิดผลอะไรเลย กระทำตัวเป็นห้องสมุด เก็บความรู้เอาไว้ รอคนอื่นเข้ามาค้นคว้าต่อ ถ้าตายเสียก่อนก็หมดประโยชน์แค่นั้น..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2023 เมื่อ 02:55 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
เรื่องของการเรียนบาลีนี่ ต้องบอกว่าเป็นกำลัง เป็นแรงใจแก่คนรุ่นหลังที่ดีมาก ตัวอย่างชัดเจนที่สุดก็คือพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต ป.ธ ๙) วัดญาณเวศกวัน ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นนาคหลวง สอบเปรียญธรรม ๙ ประโยคได้ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร
องค์ท่านมีชาติภูมิอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นแรงบันดาลใจให้กับญาติโยมท่านหนึ่ง ก็คือโยมบิดาของสามเณรประยูร มีฤกษ์ ตั้งใจให้ลูกชายบวชสามเณร เพื่อจะให้เรียนบาลีจนได้ประโยค ๙ แล้วบวชเป็นนาคหลวงบ้าง แล้วสามเณรประยูร มีฤกษ์ ก็ทำได้อย่างที่พ่อต้องการจริง ๆ..! เราจะสังเกตได้ว่า ไม่เพียงแต่ความประพฤติปฏิบัติในด้านการศึกษา ของท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์จะเป็นตัวอย่างเท่านั้น แม้กระทั่งนามคือประยุทธ์ โยมก็ยังเอาไปตั้งชื่อลูกชายว่าประยูร ใกล้เคียงกันอย่างยิ่ง ด้วยความหวังว่าจะสามารถทำได้อย่างที่ท่านเจ้าประคุณฯ ทำบ้าง ปัจจุบันนี้สามเณรประยูร มีฤกษ์ ก็คือพระพรหมบัณฑิต, ศ.ดร. องค์อุปนายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ท่านดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมา ๒๐ ปี สร้างความเจริญอย่างมหาศาลให้กับการศึกษาคณะสงฆ์ แล้วก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อที่จะมาเป็นประธานฝ่ายเผยแผ่พระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ไทย ดังนั้น..เรื่องของบาลี ถ้าหากว่าเป็นไปได้พวกท่านก็ควรที่จะเรียนกันเอาไว้บ้าง ไม่ต้องหวังสอบเอาประโยคก็ได้ ขอเพียงแต่ถึงเวลาสวดมนต์ไหว้พระแล้วรู้ว่าคำนี้แปลว่าอะไร ? คำนี้มีรากศัพท์มาจากไหน ? สมาสหรือสนธิเข้าด้วยกันจากศัพท์อะไรกับอะไร ? แค่นี้ก็น่าจะทำให้เรามีความเข้าใจอะไรหลายอย่างลึกซึ้งขึ้นไปอีก เพียงแต่ว่าอย่าอยู่ในลักษณะเรียนแล้วหยิ่ง ก็คือเรียนแล้วต้องรู้ตัวอยู่เสมอว่าเราเรียนเพื่ออะไร ไม่ใช่พอมีความรู้มาก ได้ประโยคสูงแล้วก็เหลิง จนกระทั่งกลายเป็นคนจมไม่ลง ถ้าอย่างนั้นแล้วก็จะเป็นอลคัททูปมปริยัติ เรียนแบบจับงูข้างหาง เผลอเมื่อไรก็จะโดนงูกัด บาดเจ็บล้มตายไปเอง..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๖ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2023 เมื่อ 02:58 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|