กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๕ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๕

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-08-2022, 19:43
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,580
ได้ให้อนุโมทนา: 217,025
ได้รับอนุโมทนา 748,939 ครั้ง ใน 36,479 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๕

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม ๒๕๖๕


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-08-2022, 23:32
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,523 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕ กระผม/อาตมภาพทิ้งกิจนิมนต์ไป ๒ งาน เพื่อที่จะมาเป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พระบรมราชินี ตามมติมหาเถรสมาคมที่กำหนดให้ทางคณะสงฆ์จัดงานเจริญพระพุทธมนต์ทุกวันที่ ๒๘ ของเดือนไปจนสิ้นปี ๒๕๖๕

ในงานส่วนนี้ต้องบอกว่า คณะสงฆ์ทำกันด้วยใจ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าส่วนใหญ่แล้ววันเสาร์ วันอาทิตย์ ญาติโยมมีวันหยุด ก็จะนิมนต์พระทำบุญโน่นนี่นั่น ตามแต่ที่ตนเองจะกำหนด คราวนี้..เมื่อต้องมาจัดงานแบบนี้ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเสียสละ เพราะว่าถ้าหากว่าเราเอาแต่กิจนิมนต์ งานคณะสงฆ์ก็จะเสียหาย จึงเป็นเรื่องที่ต้องพินิจพิจารณาลำดับความสำคัญให้ถูก

อย่างตัวกระผม/อาตมภาพเองที่ทิ้งกิจนิมนต์ไป ๒ งาน แต่ละงานอย่างไม่มีเลย อย่างน้อย ๆ เจ้าภาพก็จะถวายมา ๕,๐๐๐ บาท แต่ถ้าหากว่าเจอเจ้าภาพที่ให้ความสำคัญมาก ก็อาจจะได้มากกว่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้มากกว่านั้นเป็นเท่า ๆ ตัว มีอยู่งานหนึ่งเจ้าภาพถวายมานิดหน่อยแค่ ๑ ล้านบาท..! แต่เราจำเป็นต้องตัดใจทิ้งไป เพราะว่างานของคณะสงฆ์สำคัญกว่า โดยเฉพาะเป็นงานคณะสงฆ์ที่เนื่องด้วยพระราชวงศ์

สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของเราเกี่ยวเนื่องกันตั้งแต่อดีตมาถึงปัจจุบัน โดยมีศาสนาเป็นศูนย์รวม เมื่อประชาชนรวมตัวกันนับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่งเป็นจำนวนมากขึ้นมา ยกให้ผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้นำ บุคคลผู้นั้นก็มีฐานะเป็นกษัตริย์


คำว่า กษัตริย์ มีความหมายหนึ่งว่า นักรบ เพราะว่าต้องคอยปกป้องบุคคล ทรัพย์สิน หรือว่าพื้นที่ซึ่งตนเองรับผิดชอบ ให้พ้นจากภัยต่าง ๆ ในเมื่อกษัตริย์เป็นผู้นำ เป็นผู้ปกป้อง ได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้านเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็จะรวมกันเป็นชาติขึ้นมา


ดังนั้น...ในเรื่องของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงเป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไป สถาบันเหล่านี้ก็เป็นอันว่าเสียหาย หรืออาจจะสูญหายไปเลย ดังนั้น..ในเรื่องที่กระผม/อาตมภาพทิ้งกิจนิมนต์มา เพื่อเป็นประธานในการเจริญพระพุทธมนต์ ก็ต้องบอกว่าเป็นการลำดับความสำคัญของงานนี้เหนือกว่างานอื่นทั้งหมด

เมื่อเจริญพระพุทธมนต์กลับมาแล้ว ก็ได้เข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับการพัฒนาครูในยุคปกติใหม่ หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า New Normal โดยที่วิทยากรผู้บรรยายพูดในลักษณะที่ต้องการให้ครูคิดนอกกรอบ ทำนอกกรอบ เพื่อประโยชน์ของเด็ก ๆ ซึ่งถ้าหากว่าฟังกันตามหลักวิชาการก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว โอกาสที่จะเป็นไปได้นั้นน้อยมาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2022 เมื่อ 02:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-08-2022, 23:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,523 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในงานสัมมนา กระผม/อาตมภาพก็ได้แสดงทัศนคติไปหลายประการด้วยกัน อันดับแรกเลยก็คือ การเรียนการสอนในประเทศของเราโดนตีกรอบมานาน จนกระทั่งแทบจะไม่มีใครกล้าคิดนอกกรอบ เอาแค่สถานศึกษาแห่งเดียว มีใครกล้าขัดความต้องการของผู้อำนวยการบ้าง ? แล้วถ้าหากว่าสิ่งที่ท่านทำเป็นการคิดนอกกรอบ แต่ไปกระทบกับสิ่งที่ผู้อำนวยการท่านทำอยู่ หรือว่าขัดกับท่านที่กำหนดนโยบายเอาไว้ คิดว่าเราจะอยู่ได้ไหม ?

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องในระดับนโยบาย ต้องเปลี่ยนตั้งแต่กระบวนการคิดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยเฉพาะยิ่งถ้าเป็นนายกรัฐมนตรีก็ยิ่งดีใหญ่ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เคยมีเคยปรากฏขึ้นมาแล้ว แต่สร้างความเสียหายให้กับการศึกษาในประเทศเราอย่างสาหัส อย่างเช่นว่า การเปลี่ยนมาใช้ระบบ ไชล์ดเซ็นเตอร์ (Child Center) ก็คือเอาเด็กนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งพอบริหารไประยะหนึ่งก็มีผู้กระแนะกระแหนว่าเป็นระบบ "ควายเซ็นเตอร์"..!

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าผู้บริหารไปลอกเอานโยบายของต่างประเทศมา โดยที่ไม่ได้ดูบริบทในบ้านเราเมืองเราว่าเหมือนเขาหรือไม่ ? บ้านเมืองของเรานั้นไม่ได้ปล่อยให้เด็กคิดเองทำเองมาตั้งแต่เด็ก หากแต่ว่าพยายามช่วยเหลือจนแทบจะทำแทนทุกอย่าง ที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Spoil

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จะให้เด็กของเราคิดเอง ทำเอง เด็กก็คิดไม่เป็น แต่จะให้เด็กหันกลับไปท่องจำ ระบบก็โดนล้มเลิกไปแล้ว การศึกษาของเราจึงประดักประเดิดและถอยหลังเข้าคลองมาจนทุกวันนี้ ซึ่งใช้คำว่า "รั้งท้ายอาเซียน" ถ้าการศึกษารั้งท้ายอาเซียน ก็แปลว่า "รั้งท้ายทั้งโลก" แต่ว่าส่วนที่น่าอับอายที่สุดก็คือในอาเซียนของเรา มีประเทศที่มีการศึกษาเป็นอันดับ ๑ ของโลก ก็คือสิงคโปร์

ดังนั้น...เรื่องพวกนี้ถ้าเราเปลี่ยนระบบความคิดของผู้นำแล้วยังไม่เพียงพอ แต่ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์ด้วย ที่จะมองดูบริบทของสังคมบ้านเราว่าเหมาะกับการเรียนการสอนแบบไหน การไม่ให้เด็กท่องจำโดยคิดว่าเป็นภาระหนักเป็นความคิดที่เลวร้ายมาก เพราะถ้าเด็กจำไม่ได้ แล้วจะเอาความรู้ที่ไหนมา ? ก็มีวิธีการเดียวก็คือทำอย่างไรที่จะให้เด็กจำง่าย และจำได้นาน

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่เกี่ยวเนื่องด้วยสมาธิ ที่พระภิกษุสามเณรของเรานี่แหละ จะต้องเป็นบุคคลที่สอนให้เด็กนักเรียนปฏิบัติ อย่างพรุ่งนี้ มะรืนนี้ เรามีโครงการค่ายพุทธบุตร ทำอย่างไรที่เด็กจะได้ครบทั้งทาน ศีล ภาวนา เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพฝากไว้สำหรับท่านที่เป็นวิทยากรด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2022 เมื่อ 02:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-08-2022, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,523 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ตัวกระผม/อาตมภาพเองนั้น ต้องบอกว่า ฝึกสมาธิโดยไม่ได้ตั้งใจตั้งแต่เริ่มรู้ภาษา ก็คือโดนพ่อบังคับ นั่งคอพับคออ่อนสวดมนต์อยู่ทุกคืน โดยที่ไม่รู้ว่านั่นคือการฝึกสมาธิ แต่พอไปเรียนหนังสือ กลายเป็นเด็กที่จำแม่นมาก

วันก่อนก็เพิ่งจะท่องไวยากรณ์บาลีให้บรรดาพระมหาฟัง แต่ละคนบอกว่าลืมหมดแล้ว..! ไอ้ที่เรียนมา ๒๐-๓๐ ปีอย่างผมทำไมไม่ลืม ? ถ้าหากว่าดูในมหาปุริสวิตก ๘ ประการของพระอนุรุทธเถระ ที่กล่าวถึง บุคคลผู้มีสติตั้งมั่น มีใจตั้งมั่น ก็คือว่าเป็นบุคคลที่จำได้นาน

เรื่องนี้ไม่ใช่ตัวกระผม/อาตมภาพคนเดียวที่เป็นอย่างนี้ ถ้าหากว่าท่านยังจำได้ ก็คือเรื่องของท่านนายอำเภอเบญจวรรณ ฟักแก้ว นายอำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ท่านนายอำเภอเองก็ปฏิบัติธรรมตามคุณยายมาตั้งแต่เด็ก ๆ จึงเรียนหนังสือเก่งมาก ท่านบอกว่าได้ที่ ๑ ตั้งแต่เรียนชั้น ป.๑ ไปยันปริญญาตรีเลย ไม่เคยแบ่งให้คนอื่น เป็นคนมักน้อย สอบเมื่อไรไม่ต้องการมาก ต้องการเลข ๑ ตัวเดียว นี่คือคุณประโยชน์ของสมาธิที่เราจำเป็นต้องเอามาใช้เพื่อปรับการศึกษาในบ้านเราเมืองเรา

ในเมื่อระบบที่สอนให้เด็กคิดเองทำเอง ไม่สามารถประสบความสำเร็จ ระบบการยกเลิกการท่องจำก็ดันปรากฏขึ้นมาอีก ก็เหลือเพียงวิธีเดียว คือทำอย่างไรให้เด็กจำได้ง่ายและจำได้นาน จะได้มีความรู้ติดหัวไปบ้าง เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เป็นประโยชน์กับเด็กเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น พระภิกษุสามเณร แม่ชี ฆราวาสก็เป็นประโยชน์เหมือนกัน

ถ้าหากว่าเรามีการใช้สมาธิภาวนาอยู่เป็นปกติ สมองซีกขวาของเราจะทำงานมากขึ้น เพราะปกติแล้วเราจะใช้สมองซีกซ้ายที่เป็นด้านของความจำมากกว่า สมองซีกขวาที่เป็นตัวควบคุมอารมณ์ เราแทบจะไม่ได้ใช้งานกันเลย

แต่ตัวสมาธิภาวนาจะไปปรับการทำงานของสมองซีกขวาให้ทำงานมากขึ้น จากที่ใช้อยู่ไม่ถึง ๑๐ เปอร์เซ็นต์ แล้วท่านทั้งหลายมีความสามารถอย่างในปัจจุบัน แล้วลองคิดดูว่าถ้าสามารถขุดอีก ๙๐ เปอร์เซ็นต์ออกมาได้จะเป็นอย่างไร ? กระผม/อาตมภาพเองคิดว่าคงจะหนีท่านทั้งหลายไม่พ้น เพราะว่ามีความสามารถจะใกล้เคียงกันหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2022 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-08-2022, 23:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,753
ได้ให้อนุโมทนา: 152,182
ได้รับอนุโมทนา 4,420,523 ครั้ง ใน 34,343 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น...ประโยชน์เรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา จึงเป็นประโยชน์ใหญ่ทั้งในปัจจุบัน ที่ภาษาบาลีเรียกว่า ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์

ถ้าสามารถทำได้ถึงระดับมั่นคง ส่งผลให้คติ คือ ที่ไปในชาติต่อ ๆ ไปมั่นคงไปด้วย ก็เป็นสัมปรายิกัตถประโยชน์

แต่ถ้าหากว่าใช้สมองซีกขวาได้อย่างเต็มที่ พินิจพิจารณาเห็นตามความเป็นจริงในข้อธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนเอาไว้ สามารถตัดสินใจกระทำตามนั้นได้ทุกอย่าง ก็เป็นปรมัตถประโยชน์ คือประโยชน์สูงสุดที่จะพึงมีพึงได้จากพระพุทธศาสนา

ดังนั้น...จากการที่ร่วมสัมมนามา ก็ต้องบอกว่า เป็นการสัมมนาออนไลน์ กระผม/อาตมภาพเป็นผู้ที่ระลึกรู้ตัวอยู่ว่า ถ้าเราเอาแต่แสดงทัศนคติออกไป ถึงจะดีแค่ไหน ก็เป็นการรบกวนเวลาผู้อื่น จึงหยุดลงหลังจากที่แสดงทัศนคติไป ๒ รอบเท่านั้น สิ่งที่อยากจะพูดจริง ๆ จึงเอามาพูดตรงนี้แทน

วันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกเล่าแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๘ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๕
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-08-2022 เมื่อ 02:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:19



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว