|
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๔ |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๖๔
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 44 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ ช่วง ๔ - ๕ วันที่เสียงธรรมจากวัดท่าขนุนหายไป เพราะว่าภารกิจรัดตัว พรุ่งนี้ก็ยังต้องวิ่งต่ออีก แปลว่ามีวันนี้ให้อีกหนึ่งวัน แต่ถ้าหากว่าคิดแล้ว ก็ยังดีกว่าสมัยก่อนที่ได้เจอกันแค่ต้นเดือน ๓ วันเท่านั้น
เหตุที่ต้องวิ่งต่อในวันพรุ่งนี้เลยโดยที่ไม่ได้บิณฑบาต ก็เพราะว่าระยะนี้ ต้องบอกว่าทั้งพระเถระและฆราวาส มรณภาพและเสียชีวิตกันเป็นว่าเล่น อันดับแรกเลยที่เผาไปวันนี้ก็คือท่านอาจารย์ ดร.อัมพร ทองเหลือง อาจารย์พิเศษประจำวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ ต้องบอกว่าสูญเสียบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างยิ่งไปคนหนึ่ง โดยเฉพาะวิชาสถิติและการวิจัย ถ้าหากว่าท่านอาจารย์สอนแล้วเราตั้งใจจริง ๆ รับประกันได้ว่างานวิทยานิพนธ์หรือสารนิพนธ์ ปริญญาโทหรือปริญญาเอกจะไม่มีปัญหาเลย ส่วนทางด้านพระมหาเถระนั้น ก็เริ่มจากพระเดชพระคุณพระวิสุทธิวงศาจารย์ (วิเชียร อโนมคุโณ ป.ธ.๙) อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตรองเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ อดีตเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ มรณภาพด้วยอายุ ๘๔ ปี พรรษา ๖๔ ต้องบอกว่าสู้บุญของหลวงปู่สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ไม่ได้ หลวงปู่สมเด็จฯ เกือบจะร้อยปีแล้วยังแข็งแรงดี ยังไม่ทันจะขยับตัว หลวงปู่พระครูสิริพุทธิคุณ (สวัสดิ์ วิเสโส) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอศรีสวัสดิ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่ากระดาน ก็มรณภาพด้วยอายุ ๙๒ ปี พรรษา ๗๒ ไม่ว่าจะโดยฐานะ โดยตำแหน่ง หรืออะไรก็ตาม ทุกงานกระผม/อาตมภาพก็ต้องไป แล้วพรุ่งนี้ก็มีงานด่วนทั้งเช้าและค่ำ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-09-2021 เมื่อ 20:23 |
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
ช่วงเช้าก็เป็นการตรวจประเมินภายในของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ โดยคณะกรรมการทั้งจากส่วนกลางและของเราเอง ซึ่งกระผม/อาตมภาพในฐานะรองผู้อำนวยการฝ่ายบริหารก็ต้องรับบทหนัก
ในช่วงบ่ายก็เป็นการประชุมคณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรี ความจริงจะเป็นการประชุมในวันมะรืนนี้ แต่เนื่องจากว่ามีงานถวายน้ำสรงศพพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระวิสุทธิวงศาจารย์แทรกเข้ามา จึงต้องเลื่อนมาเป็นพรุ่งนี้ ถ้าหากว่าจะเลื่อนไปวันที่ ๓๐ ก็จะไปชนกับการประชุมคณะสงฆ์ภาค ๑๔ ซึ่งระยะนี้พระผู้ใหญ่ท่านต้องเลื่อนงานจนชนกันให้วุ่นไปหมด ฉะนั้น...ตารางเก่า ๆ ที่มีอยู่ ถ้าหากว่ามีงานใหม่เข้ามา เราก็ต้องลำดับความสำคัญ ก่อนหลังเร็วช้าให้ได้ ถ้าเราสามารถลำดับความสำคัญของงานได้ ลำดับความก่อนหลังเร็วช้าของงานได้ เราก็จะไม่ยุ่ง แล้วก็ไม่เครียด เพราะว่ามีงานอยู่ตรงหน้างานเดียวตลอดเวลา ต่อให้ช้ากว่ากันแค่ ๓ นาที ๕ นาที ก็ยังช้ากว่า เราก็หยิบเอางานที่มาถึงก่อน มาคิด มาแก้ไข มาทำให้เสร็จไปก่อน ความจริงท่านทั้งหลายเห็นกระผม/อาตมภาพทำงานก็สงสัย แม้กระทั่งท่านพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ดร. เพิ่งจะอายุได้ไม่เท่าไร พูดง่าย ๆ ว่าน้อยกว่ากันเป็นเท่าตัว ยังบ่นว่า "หลวงพ่อทำงานมากกว่าผมอีก"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-09-2021 เมื่อ 20:24 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าการทำงานคือการปฏิบัติธรรม ทำไมถึงว่าการทำงานคือการปฏิบัติธรรม ? เพราะว่าเราต้องทุ่มเท สติ สมาธิ ปัญญา อยู่กับงานตรงหน้า แล้วถ้างานสำเร็จไปชิ้นหนึ่ง ก็จะเกิดความปีติขึ้นมา สามารถหล่อเลี้ยงกำลังใจของเราให้สู้งานต่อไปได้
ดูอย่างทุกวันนี้ ท่านน้อย (พระสุรชัย ฐานิสฺสโร) รับภาระขี้หมูราขี้หมาแห้ง ตั้งแต่ผู้จัดการยันภารโรง โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเรื่องไฟฟ้ารอบวัด ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา นั่นคือความท้าทายเกิดขึ้น พอสามารถแก้ไขปัญหาตกก็รู้สึกปีติ แต่คราวนี้ตัวท่านเองยังไม่รู้ว่านั่นคือปีติ เหตุที่เกิดปีติขึ้นมา เพราะว่างานทำได้สำเร็จ แก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ ในเมื่อเกิดปีติขึ้นมา ก็สามารถที่จะค้ำจุนให้ตนเองทำงานไปได้เรื่อย ๆ แต่ไม่ใช่ว่าท่านทั้งหลายจะไปทิ้งให้ท่านน้อยทำอยู่คนเดียว เราสามารถหยิบจับช่วยเหลือตรงไหนได้ก็ให้เข้าไปช่วยกัน โดยเฉพาะเข้าไปศึกษางานให้รู้ไว้ อย่างเรื่องของการตรวจประเมินในวันพรุ่งนี้ก็เหมือนกัน กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะมายุ่งกับเขาเป็นครั้งแรกในชีวิต เดี๋ยวคืนนี้ต้องศึกษาเอกสารร้อยกว่าหน้า..! เพื่อที่จะตอบปัญหาคณะกรรมการให้ได้โดยไม่ติดขัด เป็นอะไรที่ท้าทายมาก ทำอย่างไรที่เราจะสามารถฝ่าฟันผ่านไปได้ ในลักษณะที่ว่าคะแนนประเมินออกมาดี คำว่าออกมาดี ในความรู้สึกของกระผม/อาตมภาพก็คือเต็ม ๕ อย่างน้อยต้องได้ ๓ ขึ้นไป
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2021 เมื่อ 01:10 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
ดังนั้น...ตรงจุดนี้ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายช่วยเหลือ ไม่ว่าจะไปช่วยหยิบ ช่วยจับ ศึกษางานเพื่อเตรียมที่จะทำให้เป็น ถ้าหากว่าปัญหาเกิดขึ้น โดยที่บุคคลผู้ชำนาญการไม่อยู่ ขณะเดียวกัน ท่านไหนไม่เป็น ไม่ไหว ก็สนับสนุนด้านอื่น หาน้ำหาท่า หากาแฟไปให้บ้าง หรือไม่ก็อย่างของท่านโจ้ (พระปฏิวัต ฐิตเมโธ) กับ คณะบุญเพื่อพระนิพพาน ที่เหมาซื้อเครื่องมือถวายท่านน้อยไปหลายหมื่นบาท
เราต้องเข้าใจว่าเรื่องของวัดคือองค์กร เหมือนอย่างกับเครื่องจักรกลที่ประกอบไปด้วยฟันเฟืองเล็ก ๆ น้อย ๆ มากมาย ถ้าหากว่าไม่สนับสนุนกัน คนอื่นก็ต้องลำบาก เพราะว่าต้องลากเฟืองอันนั้นไป แล้วถ้ายิ่งไปขัดกัน ก็ยิ่งบรรลัยเลย เพราะว่างานจะไปต่อไม่ได้ ตรงจุดนี้เป็นการวัดอย่างชัดเจนว่า เราปฏิบัติธรรมแล้วได้ผลหรือไม่ เหตุเพราะว่าถ้าเราปฏิบัติธรรมแล้วได้ผล เราต้องรู้จักเสียสละเพื่อส่วนรวม ต้องไม่เห็นแก่ตัว ต้องรู้จักช่วยเหลือทำประโยชน์แก่ผู้อื่น สิ่งที่ผมพูดมานี่เป็นหลักธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสเอาไว้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าพระองค์ท่านตรัสไว้เป็นภาษาบาลี อย่างเช่นว่า อัตถจริยา ทำประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นต้น แต่คราวนี้พวกเราเองฝึกปฏิบัติธรรมมา ถ้าไม่สามารถที่จะนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ก็ถือว่ายังห่างไกลจากความดี เพราะว่าเรื่องของธรรมะนั้น ไม่ใช่แค่เห็น ไม่ใช่แค่รู้ แต่ต้องหยิบฉวยเอามาเป็นของเรา แล้วก็นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง ๆ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2021 เมื่อ 01:13 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
เรื่องพวกนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายจะวัดกำลังใจของตนเอง หรือว่าวัดความดีของตนเองที่สร้างมา ก็ให้ดูจากความประพฤติปฏิบัติในแต่ละวันของเราว่า เรามีใจเสียสละเพื่อส่วนรวมเท่าไร ? เราช่วยเหลือการงานคนอื่นเท่าไร ? ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้างหรือไม่ ? เหล่านี้เป็นต้น
เพราะว่าเรื่องพวกนี้ใจเราต้องประกอบไปด้วยจาคะ ความเสียสละ สละความสุขส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง นั่นก็คือพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ผมทำป้ายไว้ใหญ่มหึมา เอาไว้ทิ่มตาพวกเราทุกคน..! ตรงจุดนี้พวกเราไม่ต้องไปถึงขนาดบ้านเมือง เราแค่สละประโยชน์สุขส่วนตน เพื่อที่ช่วยให้งานสงฆ์ทุกอย่างให้ไปด้วยดี อย่างเช่นว่า พอถึงเวลาก็ไปช่วยกันจัดทำจุดเช็คอินของวัด ไปช่วยกันทำป้ายบอกทางเข้าวัด เป็นต้น ตกลงว่าต้นไม้ที่ขออนุญาตตัดตรงป้ายบอกทางนั้น สามารถตัดกิ่งใหญ่ได้เลย เจ้าของเขาอนุญาต แต่ว่าขอ...ขออะไร ? ขอเอาวิมานไปแปะที่ป้ายแทน..! เรื่องของรุกขเทวดานี่ ต้องบอกว่าน่าสงสารมาก เพราะว่าสมัยนี้คนรู้จักน้อย ถึงเวลาก็ไปตัดไปราน บางทีก็โค่นต้นไม้ทิ้งเลย ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็ต้องเดือดร้อน เพราะว่าที่อยู่ไม่มี เพราะทันทีที่โดนตัดโดนฟันลงไปกองกับพื้น ก็ไม่สามารถอาศัยแปะวิมานได้ ก็ต้องประเภทยืนน้ำตาไหล รอดูคนอื่น เมื่อไรจะมีใครสร้างที่อยู่ให้ หรือว่าจะมีต้นไม้ที่ว่างจากเจ้าของ ซึ่งเป็นไปได้ยาก หรือว่าเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้น...ส่วนใหญ่ที่วัดท่าขนุนนี้ เสาทุกต้น ไม่ว่าจะเป็นไม้หรือคอนกรีตมีเจ้าของทั้งนั้น เพราะว่าถึงเวลาเขาขออนุญาต ผมก็อนุญาตให้แปะไปเรื่อย คราวนี้พอขอเขาตัดกิ่งไม้ เขาก็เลยขออนุญาตไปแปะอยู่กับเสาป้าย ก็ได้..ไม่ว่ากัน เพราะฉะนั้น...พวกคุณตัดไปแถบหนึ่งได้เลย โดยเฉพาะกิ่งใหญ่นั่น
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2021 เมื่อ 01:16 |
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#7
|
||||
|
||||
อีกส่วนหนึ่งก็คือปัจจุบันนี้สื่อโซเชียล ต้องบอกว่าบางคนหวังดีแต่ประสงค์ร้าย อย่างวันนี้ในกลุ่มไลน์ส่งรูปวัดเราไป เขาเจตนาไปถ่ายรูปในมุมจากหมู่บ้านเข้ามาที่วัด แล้วมุมนั้นเป็นมุมที่รกและมีน้ำขัง ถ่ายมาติดเจดีย์ของวัดเรา แล้วก็ไปโพสต์ว่า สถานที่ก็เหมาะสม วิวทิวทัศน์ก็สวยงาม ทำไมปล่อยไว้เหมือนกับวัดร้าง ? คงต้องหาพระที่มีความสามารถมาพัฒนาบ้าง
ถ้าคนที่มาวัดท่าขนุนก็รู้อยู่แล้วว่าเหลวไหล เพราะตรงนั้นอยู่นอกเขตวัด ไม่สามารถที่จะไปยุ่งกับเขาได้ แต่เขาเหมารวมเอาในวัดของเราไปด้วย แบบเดียวกับวันก่อนที่พบกับท่านอาจารย์บ๊ะ (พระศิริชัย ชยธมฺโม) ท่านก็ด่าโขมงโฉงเฉงให้ลูกศิษย์ฟังว่า มีคนเมา..เมาแล้วขยัน ขี่จักรยานเข้ามาในวัด เที่ยวมาตรวจการ แล้วก็ไปฟ้องสำนักพุทธฯ ว่าวัดนี้มีขยะรกบ้าง วัดนี้พระพูดคุยกับญาติโยมโดยไม่ใส่หน้ากากอนามัยบ้าง ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นคนแถเข้าไปคุยกับพระเอง แล้วพระท่านอยู่รูปเดียว ท่านจะใส่หน้ากากไปทำอะไร ? ทำทีเข้าไปถามทางบ้าง ถามเรื่องโน้นเรื่องนี้บ้าง แล้วก็ถ่ายรูปไปฟ้องว่า พระคุยกับโยมโดยที่ไม่ได้ใส่หน้ากากอนามัย แล้วก็อ้างว่าเป็นอยู่คนแถวนั้น ท่านก็เลยให้ลูกศิษย์ไปตรวจสอบเลขบัตรประชาชนตามที่ไปแจ้งความ ปรากฏว่าไม่ใช่คนแถวนั้น เพราะว่าแถวนั้นคืออินทร์บุรี แต่ไอ้คนแจ้งความ บัตรประชาชนอยู่สรรพยา ท่านก็เลยด่าถวายเจ้าอยู่ตรงนั้น บอกว่าถ้ามาอีกจะให้ลูกศิษย์ตีกบาลซะ..! นี่คือเรื่องที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในหมู่สงฆ์ เพราะว่าพวกที่หวังดีแต่ประสงค์ร้ายมีเยอะมาก แบบเดียวกับที่วัดเราโดนฟ้องร้องว่าจัดงานทีหนึ่งมีคนเป็นร้อยเป็นพัน ฟ้องผู้ว่าราชการจังหวัด ฟ้องสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ฟ้องสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ฟ้องนายอำเภอ ฟ้องเจ้าคณะอำเภอ ฟ้องมาจนกระทั่งถึงนายกเทศมนตรี โดยที่นายอำเภอกับนายกเทศมนตรีกำลังอยู่กับผม ทั้งสองท่านก็เลยนั่งหัวเราะ เพราะเห็น ๆ ว่าในวัดของเราไม่ได้มีอะไรแบบที่เขาฟ้องเลย
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-09-2021 เมื่อ 17:49 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#8
|
||||
|
||||
เรื่องแบบนี้ ถ้าหากว่าเราพลาด ก็จะกลายเป็นเหยื่อของเขา แต่ถ้าหากว่าเราไม่พลาด สามารถที่จะชี้แจงได้ทุกอย่าง ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปกังวล ซึ่งเรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลาย ถ้าหากว่ายังตัดกำลังใจไม่เป็น ถึงเวลารักษาใจให้อยู่กับปัจจุบันไม่ได้ ก็จะเครียด
แต่ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทิ้งไปเลย อะไรที่ตาเห็น หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ลิ้นได้รส กายสัมผัส ไม่ต้องเก็บเข้ามาในใจ สักแต่ว่าเห็น สักแต่ว่าได้ยิน สักแต่ว่าได้กลิ่น สักแต่ว่าได้รส สักแต่ว่าสัมผัส แล้วกองทิ้งไว้ตรงนั้นแหละ..! อยู่กับลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้าอยู่กับลมหายใจเข้าออกควบพระคาถาเงินล้านได้ก็ยิ่งดี เพราะว่านอกจากเราไม่ฟุ้งซ่านไปในอนาคต ไม่หวนหาอาลัยในอดีตให้ตัวเองทุกข์แล้ว ยังภาวนาจนร่ำรวยอีกต่างหาก..! ส่วนบรรดาพี่น้องทั้งหลายที่บ้านช่องห้องหออยู่ในเขตน้ำท่วม อาตมภาพบอกล่วงหน้าไปแล้ว ถ้าหากว่าแก้ไขไม่ทัน ก็ต้องทำอย่างนายกรัฐมนตรีว่า ก็คือสวดมนต์อย่าให้พายุเข้ามาอีก อาตมาก็ว่านายกฯ ของเรานี่ตลกมากนะ ก็เพราะว่าไอ้ที่ท่วม ๆ อยู่ บางทีก็เป็นวัด แล้วพระก็สวดมนต์อยู่ทุกวัน ก็แล้วแต่ท่านเถอะ ถ้าหากว่าท่านเห็นการปกครองประเทศเหมือนกับเด็กเล่นขายของ ก็ต้องแล้วแต่อารมณ์ของท่าน..! ถ้าหากว่าใครมีผ้ายันต์พญาเต่ามังกรเงินล้านเปิดโลกพลิกชีวิตก็แขวนขึ้นได้แล้ว อาราธนาไว้ทุกวัน เพราะว่าตอนที่พระพุทธเจ้า ๒๘ พระองค์ท่านมาสงเคราะห์ ส่วนหนึ่งก็คือให้ป้องกันอันตรายจากภัยธรรมชาติ กระผม/อาตมภาพก็สงสัยว่าภัยธรรมชาติอะไร ตอนนี้เห็นชัดแล้ว คือน้ำท่วมแน่นอน แล้วเต่าก็เป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ไม่กลัวน้ำท่วม ตามที่ท่านให้พรไว้ก็คือ ถ้าหากว่ามีกฎของกรรมมาจริง ๆ ก็ให้ตัวรอด ทรัพย์สินเสียหายก็ช่างมัน ให้ชีวิตรอดไว้ก่อน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-09-2021 เมื่อ 01:22 |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#9
|
||||
|
||||
แล้วก็ไม่ต้องมาหาที่วัดท่าขนุน เพราะที่วัดท่าขนุนไม่มีเหลือ มีอยู่ ๒ ผืน เป็นของเจ้าอาวาส ท่านไม่ให้หรอก เพราะว่าท่านเอาไว้ใช้เอง ถ้าอยากได้ก็ไปตามเอาที่วัดสี่แยกเจริญพร หรือไม่ก็โน่น...วัดท่ามะขาม ซึ่งชื่อเพราะ ๆ อย่างเป็นทางการคือวัดราษฎร์ประชุมชนาราม เพราะว่าอาตมาถวายไปทั้ง ๒ ที่ พูดง่าย ๆ คือยกให้เขาไปจนหมดตัว ถ้าไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร จะทำผ้าห่มก็ได้..ผืนใหญ่ดีมาก..!
เนื่องจากว่าไม่ได้อยู่หลายวัน ก็เลยมีหลายเรื่องสับสนปนเปกันไปหมด อย่าลืมว่าถึงจะลำบากแค่ไหนก็ตาม ต้องไม่ทิ้งการภาวนา โดยเฉพาะการภาวนาพระคาถาเงินล้าน เนื่องจากว่าในตัวพระคาถา นอกจากมีคาถาช่วยให้ร่ำรวยแล้ว ยังมีคาถาในการตัดเคราะห์ ปัดอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตด้วย ทำเอาไว้ให้ชิน จะได้รู้ว่าลูกศิษย์สายวัดท่าซุงหรือสายวัดท่าขนุน เกิดมาเพื่อรวยเท่านั้น..! จึงขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวให้แก่ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๒๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๔ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 28-09-2021 เมื่อ 20:24 |
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|