#1
|
||||
|
||||
![]()
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ ตรงกับวันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีชวด การปฏิบัติธรรมของเราภายในวันนี้ สิ่งที่อยากจะบอกกล่าวหรือว่าตักเตือนก็คือว่า ระยะนี้นั้น..มีบรรดาพลังมวลชนต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลก็ดี ฝ่ายรัฐบาลก็ตาม พยายามทำบทบาทหน้าที่ซึ่งคิดว่าใช่สำหรับตนเอง แต่ว่าถ้าพินิจพิจารณาแล้ว จะเห็นอย่างชัดเจนว่าใช่จริงหรือเปล่า
อย่างเช่นว่าในเรื่องของการประท้วงรัฐบาล ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษา นักเรียนนักศึกษาของเรามีหน้าที่อย่างไร ? ก็คือมีหน้าที่ในการเล่าเรียน เพื่อที่จะไขว่คว้าหาความรู้มาสู่ตัวให้มากที่สุด แล้วแปรความรู้นั้นไปสู่ภาคปฏิบัติ จนเกิดทักษะที่คล่องแคล่วชำนาญ เมื่อถึงเวลาแล้วจะได้นำเอาความรู้นั้นไปประกอบอาชีพเพื่อเลี้ยงตนเอง เพื่อเลี้ยงครอบครัว ถ้าพิจารณาจากจุดนี้เราจะเห็นว่า การออกมาประท้วงนั้น เหล่านิสิตนักศึกษานักเรียนได้ทำหน้าที่ของตนถูกต้องแล้วหรือไม่ ? ในส่วนของรัฐบาลนั้น หน้าที่ก็คือบริหารประเทศชาติ โดยการใช้พระราชอำนาจที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ว่าจะผ่านรัฐสภาหรือว่าในส่วนของตุลาการก็ตาม ซึ่งก็ต้องทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด ก็คือสร้างความอยู่ดีกินดีให้กับประชาชนทุกหมู่เหล่า ประกอบไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการดำเนินตามกฎหมาย โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีการสองมาตรฐานสามมาตรฐาน เป็นต้น เมื่อพิจารณาจากมุมนี้เราก็จะเห็นว่า รัฐบาลหรือข้าราชการนั้น ปฏิบัติหน้าที่ของตนได้ถูกต้องหรือเปล่า ? เรื่องนี้ที่กล่าวมาก็เพื่อที่จะโยงเข้าหาตัวของญาติโยมทั้งหลายเองว่า พวกเรานั้นเป็นนักปฏิบัติธรรม เราได้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ดังในพระบาลีที่ว่า ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ หรือเปล่า ? ในแต่ละวันเราได้ทบทวนหรือไม่ว่า ศีลทุกสิกขาบทของเราสมบูรณ์บริบูรณ์หรือไม่ ? เราได้ละเมิดศีลด้วยตนเองหรือเปล่า ? เรายุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นละเมิดศีลหรือเปล่า ? เรายินดีเมื่อเห็นผู้อื่นละเมิดศีลหรือเปล่า ? เรามีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อย่างแน่นแฟ้นจริงจังเท่าไร ? เราถึงขนาดสามารถสละชีวิต เพื่อที่จะปกป้องพระพุทธศาสนาได้หรือไม่ ? และท้ายที่สุดเรารู้ตัวหรือไม่ว่าเราจะต้องตาย ถ้าหากว่าตายลงไปเรามีอะไรเป็นเป้าหมายของเรา ? ดังนั้น...ในส่วนหน้าที่ของนักปฏิบัติธรรม หน้าที่ของผู้ที่ปวารณาตนเป็นพุทธมามกะ หรือปฏิญาณตนเป็นพุทธมามกะ หน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกาที่ต้องอุปถัมภ์ค้ำจุนพระพุทธศาสนา เรากระทำหน้าที่ทั้งหลายนั้นโดยสมบูรณ์แล้วหรือไม่ ? เราเป็นผู้ที่มีทานเป็นปกติ เพื่อที่จะสร้างบุญสร้างกุศลให้กับตนเอง เพื่อที่จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อเพื่อนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เรามีหน้าที่รักษาศีล โดยการไม่เบียดเบียนผู้อื่น ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ เรามีหน้าที่ชำระใจของเราให้ปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง เราได้ทำหน้าที่ตรงต่อการเป็นอุบาสกอุบาสิกา ตรงต่อการเป็นนักปฏิบัติธรรมแล้วหรือยัง ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 15-11-2020 เมื่อ 03:02 |
สมาชิก 63 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เมื่อท่านฟังก็จะได้รับคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้น..ขอให้ทุกคนสำนึกในหน้าที่ของตนเอง หน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกา หน้าที่ของพระภิกษุ สามเณร แม่ชี เราจะต้องปฏิบัติตนให้เข้าถึงมรรคผลให้มากที่สุด ให้สูงที่สุดเท่าที่เราสามารถกระทำได้ เพื่อที่เอาตัวของเรานี่แหละเป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งหลวงปู่หลวงพ่อได้ถ่ายทอดมานั้นเป็นของจริง เป็นของแท้ เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นในทุกเมื่อ ถ้าเราสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเองแบบนี้ ก็เท่ากับเราเป็นผู้ยืนยันว่า พระพุทธศาสนาของเรานั้นดีจริง ยิ่งสามารถกระทำได้มากเท่าไร ก็แปลว่าเราสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้มากเท่านั้น
หน้าที่ของเราที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ก็คือเคารพเทิดทูนในสถาบัน พร้อมที่จะพลีชีพเพื่อที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่คู่แผ่นดินไทย หน้าที่ของเราที่มีต่อประเทศชาติ ก็คือการประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี ประกอบสัมมาอาชีวะที่ถูกต้องทั้งกฎหมายและศีลธรรม เสียภาษีเพื่อให้รัฐบาลมีงบประมาณไปใช้ในการบริหารประเทศชาติ หน้าที่ของตัวเราที่มีต่อครอบครัวเป็นอย่างไร เราเป็นพ่อเป็นแม่ ต้องดูแลอบรมลูกหลานของเราให้ดี ให้รู้จักละอายชั่วกลัวบาป ให้รู้จักรักษาศีล ปฏิบัติธรรม เรามีหน้าที่ของความเป็นลูก ก็คือปฏิบัติตามสิ่งที่พ่อแม่สั่งสอน ทำตัวให้ควรแก่การรับมรดก แบ่งเบาภาระของท่าน ชักจูงนำพาท่านก้าวเข้าไปหา ศีล สมาธิ ปัญญา ที่สูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ ถ้าหากว่าท่านพิจารณาแล้ว ก็ขอให้นำไปประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง โดยเฉพาะในส่วนของหน้าที่ของนักปฏิบัติธรรม เราต้องพิสูจน์ให้ชัดเจน ให้คนอื่นเห็นได้ ด้วยตัวของเราเองว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นสิ่งที่กระทำแล้วเกิดผลจริง สามารถช่วยลดละใน รัก โลภ โกรธ หลง ได้จริง และท้ายที่สุด..ช่วยขัดเกลากำลังใจของเราให้ผ่องใสปราศจากกิเลส ล่วงพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน ถ้าเป็นดังนี้ก็แปลว่า ท่านทั้งหลายสามารถกระทำหน้าที่ของอุบาสกอุบาสิกา ทำหน้าที่ของนักปฏิบัติธรรมได้อย่างสมบูรณ์บริบูรณ์แล้ว ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันอาทิตย์ที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๓ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 17-11-2020 เมื่อ 18:09 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|