#1
|
||||
|
||||
![]()
ญาติโยมพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ ระยะนี้อยู่ในช่วงปลายฝนต้นหนาว เดือนหน้ามีเหตุการณ์สำคัญ คือการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา บวกกับเดือนนี้ที่บ้านเรามีการนัดหมายชุมนุมเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยจากรัฐบาลประชาธิปไตย ก็เป็นเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในโลก
เพียงแต่ว่าถ้าท่านทั้งหลายรู้จักสังเกต ก็จะเห็นความไม่ปกติหลายประการ ที่เราไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะไปข้องเกี่ยวด้วย โดยเฉพาะการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าประธานาธิบดีทรัมป์ในปัจจุบัน หรือว่าโจเซฟ ไบเดน เป็นผู้ได้รับเลือกตั้งก็ตาม สงครามระหว่างอเมริกากับจีนก็จะต้องมีขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ถ้าหากว่าประธานาธิบดีทรัมป์เป็นฝ่ายชนะ สงครามก็เกิดขึ้นเร็ว ถ้าหากว่าโจ ไบเดน เป็นฝ่ายชนะ สงครามก็เกิดขึ้นช้าหน่อย เนื่องเพราะว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องการที่จะให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม ก็ไม่มีอะไรดีกว่าการปลุกเร้าความเกลียดชังที่มีต่อประเทศจีนให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะใช้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-๑๙ เป็นตัวปลุกระดมเพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำสงคราม ซึ่งส่วนนี้เขาจะมีวิธีการอย่างไร ท่านทั้งหลายก็จะได้เห็นเอง แต่ส่วนที่อยากจะตักเตือนท่านทั้งหลายก็คือว่า ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน อยู่นอกบ้าน หรือว่าไปไหนก็ตาม อย่าลืมพกวัตถุมงคลติดตัว โดยเฉพาะที่พระท่านบอกกล่าวเอาไว้เป็นปีมาแล้ว ก็คือสมเด็จองค์ปฐมเนื้อเขียวเหล็กไหล ให้ภาวนา อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบทุกวัน อธิษฐานขอบารมีพระให้ท่านช่วยสงเคราะห์ ขอให้ตัวเราและครอบครัวของเราอยู่รอดปลอดภัย โดยเฉพาะถ้ามีการใช้นิวเคลียร์ ซึ่งถ้าหากว่านิวเคลียร์ตกที่ประเทศจีน อย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็ว กัมมันตภาพรังสีก็ต้องมาถึงบ้านเรา ซึ่งในส่วนนี้นั้น ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสร้างกำลังใจไว้ล่วงหน้า ด้วยการกำหนดภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมที่เราพกพาติดตัวอยู่ พร้อมกับภาวนาจนกระทั่งภาพของพระองค์ท่านปรากฏชัดเจนแจ่มใส แล้วก็น้อมลงมาครอบคลุมตัวเรา หรือว่าครอบที่อยู่ของเราเอาไว้ อย่างน้อยบารมีพระก็จะสงเคราะห์ ให้เรามีความปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง แล้วแต่ความศรัทธามากน้อยของเราเอง แต่ถ้าหากว่าถึงเวลาภาวะสงครามเกิดขึ้นจริง ๆ ท่านทั้งหลายเมื่อไม่มีที่พึ่ง ก็ต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจอยู่กับคุณพระรัตนตรัยอยู่แล้ว ด้วยความกลัวตายที่เป็นปกติของมนุษย์และสัตว์ทุกรูปทุกนาม
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-11-2020 เมื่อ 15:53 |
สมาชิก 47 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ดังนั้น..ท่านทั้งหลายมีเวลาไม่มาก ถ้านับตามเวลาข้างบน เนื่องจากว่าเวลาข้างบนแม้เพียงเล็กน้อย ข้างล่างก็ผ่านไปเป็นเดือนเป็นปี เวลาของท่านทั้งหลายจึงมีน้อยในการที่จะจับภาพพระให้ชัดเจนแจ่มใส ยิ่งถ้าสามารถทรงเป็นกสิณเต็มระดับ คือภาพพระนั้นสว่างเจิดจ้า เหมือนอย่างกับมองแสงตะวันยามเที่ยง สามารถขยายให้ใหญ่ได้ ให้เล็กได้ แล้วอธิษฐานภาพพระนั้นครอบตัวเราหรือคนที่เรารักเอาไว้
หรือถ้าใครมีกำลังใจที่จะทำต่อ ก็เพิกภาพพระนั้นเสีย พิจารณาความว่างของอากาศแทน จนอารมณ์ใจมั่นคงเสมอกับตอนที่จับภาพพระอยู่ ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๕ คือ อากาสานัญจายตนฌาน ถ้าหากว่ายังรู้สึกว่ายังไม่พอ ไม่เต็มกับกำลังใจของเรา ก็กำหนดภาพพระให้ชัดเจนแจ่มใสใหม่ แล้วเพิกภาพพระนั้นเสีย กำหนดพินิจพิจารณาว่า แม้ว่าอากาศนี้จะกว้างขวางไร้ขอบเขต แต่ก็ยังกำหนดได้ด้วยความรู้สึกของเรา ดังนั้น...ก็ให้กำหนดความกว้างขวางยิ่งกว่าอากาศในความรู้สึกของเราก็คือวิญญาณ จนกระทั่งอารมณ์เสมอกับตอนที่เราจับภาพพระ ก็จะกลายเป็นสมาบัติที่ ๖ ที่เรียกว่า วิญญาณัญจายตนฌาน ถ้ายังรู้สึกว่าอยากไปต่ออีก ก็กำหนดภาพพระขึ้นมาให้ชัดเจนแจ่มใส สว่างไสวเต็มที่ แล้วเพิกภาพพระนั้นเสีย กำหนดเอาความไม่มีอะไรเลยแม้แต่น้อยหนึ่ง ก็คือไม่ยึดไม่เกาะอะไรเลยเป็นประมาณ จนกระทั่งอารมณ์ใจเสมอกับตอนที่เรากำหนดภาพพระอย่างเต็มที่นั้นแล้ว ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๗ ที่เรียกว่า อากิญจัญญายตนฌาน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2020 เมื่อ 10:49 |
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ถ้ายังคิดว่าจะไปต่ออีก เราก็กำหนดภาพพระขึ้นมาใหม่ เมื่อชัดเจนแจ่มใสเต็มที่แล้ว ก็เพิกภาพพระนั้นเสีย คราวนี้ก็กำหนดเอาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราและรอบข้าง ไม่ว่าจะร้อน จะหนาว จะหิว จะกระหาย กระทบกระทั่งกับอารมณ์ใด ๆ รู้สึกก็ทำเป็นเหมือนไม่รู้สึก มีก็ทำเป็นเหมือนไม่มี ไม่เอาอะไรทั้งสิ้น ท่านก็จะเข้าถึงสมาบัติที่ ๘ ที่เรียกว่า เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน
ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ กำลังของท่านก็จะมั่นคงยิ่งขึ้น สามารถที่จะอธิษฐานบารมีพระ ช่วยอนุเคราะห์สงเคราะห์ตัวเราและคนที่เรารักได้มากยิ่งขึ้น เพราะว่ากำลังของสมาธิสมาบัติทรงตัวมากกว่าปกติที่เคยทำได้ แต่ว่าท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมกำหนดตอนท้ายว่า เราจะต้องตายแน่นอน ถ้าหากว่าตายลงไปเมื่อไร เราขอมีพระนิพพานเป็นที่ไปแห่งเดียว แล้วก็กำหนดใจแน่วนิ่งอยู่กับอารมณ์พระนิพพาน หรืออยู่กับภาพพระในช่วงท้าย ตั้งใจว่าถ้าเราหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ โดยเฉพาะภาวะสงครามที่เกิดขึ้นจนถึงแก่ชีวิตก็ตาม เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระนิพพานแห่งเดียว พยายามประคับประคอง ซักซ้อม รักษาอารมณ์ใจลักษณะนี้เอาไว้ทุกวัน ๆ ท่านทั้งหลายก็จะได้มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มีความปลอดภัยในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อ ลำดับต่อไปก็ขอให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านเติมบุญ วันอาทิตย์ที่ ๑๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย น้องผักชี)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-11-2020 เมื่อ 10:50 |
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|