|
ฝากคำถามถึงหลวงพ่อ คุณสามารถตั้งคำถาม และทีมงานจะรวบรวม และคัดกรองเพื่อนำไปถามหลวงพ่อในตอนเย็นวันอาทิตย์ที่หลวงพ่อมารับสังฆทาน |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
|||
|
|||
![]()
๑. อัตตาหิ อัตตโน นาโถ แปลว่า ตนเป็นที่เพิ่งแห่งตน และ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แปลว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน ผมอยากทราบว่า ทำไมประโยคแรกมีอัตตาที่แปลว่าตัวตน แต่ประโยคที่สองบอกว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา ซึ่งมีความย้อนแย้งกันและทำให้ผมสับสน หลวงพ่อช่วยอธิบายทีครับ
๒. ผมสงสัยว่านักปฎิบัติเจริญวิปัสสนาจำเป็นต้องพิจารณาปฏิจจสมุปบาทไหมครับ เพื่อจะได้รู้เหตุรู้ผล เพื่อที่จะได้ตัดเหตุของความทุกข์ได้ พอตัดเหตุของความทุกข์ได้ ความทุกข์ก็ไม่เกิด ๒.๑ การที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนให้เห็นทุกข์ของการเกิดเป็นมนุษย์ และทุกข์ของการเกิดเป็นพรหม เทวดา เพราะยังไม่เที่ยง หมดบุญเมื่อไร ก็อาจจะตกนรกก็ได้ ถ้าไม่มีความดีรองรับไว้ และให้ตั้งใจว่าชาตินี้เราจะไปแดนพระนิพพานอย่างเดียว เป็นการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทหรือเปล่าครับ เพราะเราตัดตัณหาในการเกิด พอตัณหาไม่มีการเกิดก็ไม่มี เพราะเราตัดเหตุของการเกิดคือตัณหาไปแล้ว ที่ ๆ เราจะไปก็คือแดนพระนิพพานที่เดียว ๓. อยากทราบว่าเวลาเรารู้ตัวว่ากำลังคิดชั่ว และหยุดความคิดได้ด้วยมรณานุสติ จัดว่าเป็นสังขารุเปกขาญาณหรือเปล่าครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย นักเดินทางสังสารวัฏ : 11-01-2019 เมื่อ 22:37 |
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ นักเดินทางสังสารวัฏ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : อัตตาหิ อัตตโน นาโถ แปลว่า ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน และ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แปลว่า ทุกอย่างไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่ใช่ตัวตน ผมอยากทราบว่า ทำไมประโยคแรกมีอัตตาที่แปลว่าตัวตน แต่ประโยคที่สองบอกว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา ซึ่งมีความย้อนแย้งกันและทำให้ผมสับสน ขอหลวงพ่อเมตตาอธิบายทีครับ ?
ตอบ : ก็เพราะว่ามึงโง่..! อัตตาหิ อัตตโน นาโถ ท่านให้พึ่งตนเองก็พึ่งแค่ชาตินี้ พอหมดจากชาตินี้แล้วเหลืออะไรให้พึ่งเล่า ? และสำคัญที่สุดก็คือ ถ้าไม่พึ่งตัวเองตะเกียกตะกายให้เต็มที่ แล้วจะหลุดพ้นไปได้อย่างไร ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 14 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : ผมสงสัยว่านักปฏิบัติเจริญวิปัสสนา จำเป็นต้องพิจารณาปฏิจจสมุปบาทไหมครับ ? เพื่อจะได้รู้เหตุรู้ผล และตัดเหตุของความทุกข์ได้ครับ ?
ตอบ : ก็รู้อยู่ว่าร่างกายนี้เป็นสาเหตุ ตัดร่างกายก็จบแล้ว จะไปพิจารณาอะไรให้มากมาย ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 15 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : การที่หลวงพ่อวัดท่าซุงสอนให้เห็นทุกข์ของการเกิดเป็นมนุษย์ และทุกข์ของการเกิดเป็นพรหม เทวดา เพราะยังไม่เที่ยง หมดบุญเมื่อไรก็อาจจะตกนรกก็ได้ ถ้าไม่มีความดีรองรับไว้ และให้ตั้งใจว่าชาตินี้เราจะไปแดนพระนิพพานอย่างเดียว เป็นการพิจารณาปฏิจจสมุปบาทหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ก็ให้ดูว่ามีเหตุมีผลเนื่องกันไหม ? ในเมื่อรู้ว่าเหตุคือความทุกข์ เราพยายามจะหนีทุกข์ ก็ต้องใช่อยู่แล้ว
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 13 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : อยากทราบว่าเวลาเรารู้ตัวว่ากำลังคิดชั่ว และหยุดความคิดได้ด้วยมรณานุสติ จัดว่าเป็นสังขารุเปกขาญาณหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : จัดเป็นมรณานุสติ สังขารุเปกขาญาณนั้นปล่อยวางการปรุงแต่ง คือความนึกคิดต่าง ๆ ของใจ ไม่ใช่หยุดความคิด
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
สมาชิก 16 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|