กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 30-07-2014, 14:54
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,624 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗

ขอให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออกของเรา หายใจเข้า..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจเข้าไป หายใจออก..ให้ความรู้สึกทั้งหมดไหลตามลมหายใจออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็ได้ตามใจเราถนัด ถ้าเผลอสติไปคิดเรื่องอื่นเมื่อไร เมื่อรู้ตัวก็ให้ดึงสติของเรากลับมาที่ลมหายใจเข้าออกเสียใหม่

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๗ เมื่อครู่นี้มีผู้ถามว่า การจะพิจารณาโครงกระดูกเป็นวิปัสสนาญาณทำอย่างไร ซึ่งความจริงถ้าจะพิจารณาตามแบบที่อาตมาทำอยู่ ก็จะมีการสืบเนื่องมาก่อนหน้านั้นยาวนาน คือตั้งแต่ดูร่างกายของเราเป็นธาตุ ๔ ประกอบไปด้วยเครื่องจักรกล ถึงเวลาก็ตายก็พัง ก็อืดก็พอง มีแต่ความเน่าเหม็นเป็นปกติ จนกระทั่งเนื้อหนังมังสาทั้งหลายสลายไปหมดสิ้น เหลือแต่โครงกระดูกที่ยังมีเส้นเอ็นยึดโยงอยู่

เมื่อถึงเวลาผ่านการชะของฝน ผ่านการแผดเผาของแดด ผ่านการพัดโกรกของลม เส้นเอ็นก็เปื่อยสลายไปหมด กระดูกก็หลุดเรี่ยราดกระจายไป กะโหลกศีรษะกลิ้งไปทางหนึ่ง กระดูกกรามกลิ้งไปทางหนึ่ง กระดูกฟันกระจัดกระจายไปด้านหนึ่ง กระดูกต้นคอหลุดกระจายไป กระดูกไหปลาร้า กระดูกหัวไหล่ กระดูกต้นแขน กระดูกข้อศอก กระดูกปลายแขน กระดูกข้อมือ กระดูกฝ่ามือ กระดูกนิ้วมือเป็นข้อ ๆ แล้วก็เล็บมือ กระดูกสันหลังที่มีซี่โครงยึดโยงกับกระดูกหน้าอก แล้วก็มีกระดูกที่เป็นหมอนรองซ้อนอยู่เป็นชั้น ๆ หลุดสลายเกลือกกลิ้งเป็นวง ๆ ไป

กระดูกบั้นเอวที่เป็นข้อ ๆ ให้เรางอพับตัวเองได้ กระดูกก้นกบที่ติดกันค่อนข้างจะแน่นหนา มีปลายแหลม ๆ อยู่ กระดูกเชิงกรานที่เป็นเบ้ากลวง ๆ สองข้างสำหรับเป็นที่ให้เราให้นั่ง กระดูกต้นขา กระดูกหัวเข่า กระดูกหน้าแข้ง กระดูกข้อเท้า กระดูกส้นเท้า กระดูกฝ่าเท้า กระดูกนิ้วเท้า แล้วก็เล็บเท้า หลุดกระจัดกระจายไป โดนแดดเผา โดนฝนชะ โดนลมโกรกก็ค่อย ๆ เก่าลง ๆ เปื่อย ผุพังจมดิน ไม่มีอะไรเหลืออยู่แม้แต่น้อยหนึ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-07-2014 เมื่อ 15:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 54 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 01-08-2014, 14:28
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,395
ได้ให้อนุโมทนา: 157,983
ได้รับอนุโมทนา 4,479,624 ครั้ง ใน 36,004 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

นี่คือสภาพร่างกายของเรา ซึ่งไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร มีกระดูกเป็นโครง มีเนื้อพอกอยู่ มีอวัยวะเป็นเครื่องจักรกล ให้เราอาศัยอยู่ชั่วครั้งชั่วคราว มีความไม่เที่ยงเป็นปกติ ระหว่างที่ทรงชีวิตอยู่ก็มีแต่ความทุกข์ ท้ายสุดก็เสื่อมสลายตายพังไป ไม่สามารถที่จะยึดถือเป็นตัวตนเราเขาได้

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ขึ้นชื่อว่าการเกิดมามีร่างกายที่หาแก่นสารไม่ได้เช่นนี้เราไม่ต้องการอีก การเกิดมาในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากเร่าร้อนเช่นนี้เราไม่ต้องการอีก เราปรารถนาที่เดียวคือพระนิพพาน

ถ้าพิจารณามาถึงตรงจุดนี้ เราก็น้อมจิตน้อมใจของเรา นึกถึงภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่ง ที่เรารักเราชอบมากที่สุดก็ได้ ตั้งใจว่าพระองค์ท่านอยู่บนพระนิพพาน ถ้าเราหมดอายุขัยตายไปก็ดี หรือเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ตายลงไปก็ดี เราขอไปอยู่กับองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระนิพพานแห่งเดียวเท่านั้น

หลังจากนั้นก็มาดูลมหายใจเข้าออกของเรา ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ให้กำหนดรู้ลมหายใจ ถ้ายังมีคำภาวนาอยู่ ให้กำหนดคำภาวนา ถ้าคำภาวนาเบาลงหรือว่าหายไป ลมหายใจเบาลงหรือว่าหายไป เราก็กำหนดดูกำหนดรู้เอาไว้เท่านั้น ประคับประคองรักษาอารมณ์เช่นนี้เอาไว้ จนกว่าจะได้ระยะเวลาที่เราพอใจ

ลำดับต่อไปก็ให้ทุกท่านตั้งใจภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้รับสัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูวิลาศกาญจนธรรม
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านวิริยบารมี
วันอาทิตย์ที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๗

(ถอดจากเสียงเป็นอักษรโดยรัตนาวุธ)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 01-08-2014 เมื่อ 16:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:50



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว