|
พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) รวมธรรมะจากพระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) |
![]() |
|
คำสั่งเพิ่มเติม |
#1
|
||||
|
||||
![]()
ถาม : เวลาเรากำหนดดูสิ่งที่เราได้มา พอได้มาเราก็กำหนดดู เรารู้เลยว่าสิ่งที่เราได้มาต้องทำอย่างไร อันนี้เป็นปัญญาอะไรคะ ?
ตอบ : เขาเรียกว่า ญาณ คือความเป็นทิพย์ของจิต จัดเป็นปัญญาในทางธรรม ความเป็นทิพย์ของจิต ไม่ว่าทางโลกหรือทางธรรม จะอยู่ในลักษณะที่สมบูรณ์พร้อม คือ พอรู้ขึ้นมา ความรู้สึกที่เกิดอาจจะไม่ถึงนาที แต่ถ้าให้อธิบายนี่หลายหน้ากระดาษ จะรู้พร้อมสมบูรณ์หมด เห็นภาพขึ้นมาจะรู้เลยว่า ต้องจัดการอย่างไรตั้งแต่ต้นยันปลาย ความเป็นทิพย์นี้ใช้ได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ถ้าหากว่าทางโลกเกิดเหตุการณ์อย่างนี้จะทำอย่างไร ทางธรรมเกิดเหตุนี้จะจัดการอย่างไร จะบอกเอาไว้หมด ตัวนี้ภาษาพระเรียกว่า ญาณ คือ มีเครื่องรู้เกิดขึ้น ในเมื่อเครื่องรู้เกิดขึ้น ถ้าหากว่าเรายึดติดอยู่ตรงนั้น ก็จะเป็นอุปกิเลส แต่ถ้าเราไม่ยึดติด ก็จะได้อาศัยเครื่องรู้เสริมความก้าวหน้าในการปฏิบัติให้ยิ่งขึ้นไปอีก จำได้ไหม..อุปกิเลส ๑๐ อย่างมีอะไรบ้าง ? โอภาส เห็นแสงสว่าง ถ้าเป็นกลางคืนบางทีสว่างเหมือนกลางวันเลย แต่สว่างแบบเย็นสบาย ปีติ ความอิ่มใจ ไม่เบื่อไม่หน่ายที่จะปฏิบัติ ปัสสัทธิ เกิดความสงบ กิเลสทุกอย่างเหมือนกับไม่มีเหลือแล้ว จึงคิดว่าบรรลุแล้ว สุข เกิดความสุขละเอียด ลึกซึ้งอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน ทำให้หลงคิดว่าบรรลุมรรคผลแล้ว ญาณ มีเครื่องรู้เกิดขึ้น อยากรู้อะไรก็รู้ทุกเรื่อง แต่กลับเผลอ ลืมที่จะรู้ในเรื่องการละกิเลส อธิโมกข์ น้อมใจเชื่อโดยไม่มีปัญญาประกอบ เมื่อรู้เห็นเองก็เชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา ปัคคาหะ มีความเพียรกล้า ทุ่มเทกับการปฏิบัติแบบไม่ยอมพักผ่อนหลับนอนกับใครเลย นิกกันติ ความใคร่น้อยลง อารมณ์ทางเพศเหมือนกับไม่มี คิดว่าบรรลุแล้ว ความจริงยังมีอยู่เต็ม ๆ เลย เพียงแต่โดนกดไว้ชั่วคราวด้วยอำนาจของฌานสมาบัติ อุปัฏฐาน จิตตั้งมั่นเหมือนกับเสาที่ไม่เคลื่อน เหมือนก้อนหินใหญ่กลางน้ำ น้ำซัดมาอย่างไรก็ไม่หวั่นไหว คิดว่าตัวเองบรรลุแล้ว อุเบกขา มีความวางเฉยในทุกเรื่อง จะดีก็เฉย จะร้ายก็เฉย จนคิดว่าบรรลุแล้ว ถึงจุดที่ไม่หวั่นไหวกับโลกธรรมใด ๆ แล้ว แต่ความจริงแค่เฉยด้วยอำนาจของฌาน ไม่ใช่เฉยเพราะเกิดปัญญาปล่อยวางได้ ถาม : ปัญญาจริง ๆ เมื่อสำเร็จแล้วจะเข้าใจทุกอย่าง ? ตอบ : ทุกอย่างที่เข้าใจนั่นให้ถือเอาเฉพาะที่ช่วยให้หมดกิเลสอย่างเดียว อย่างอื่นถือเป็นข้อรุงรังที่จะต้องตัดทิ้งหมด จะเหลือเฉพาะหน้า เหลือแค่ตอนนี้เดี๋ยวนี้เท่านั้น เอาแค่งานเฉพาะหน้าที่เท่านั้น อย่างอื่นจะไม่เอาเลย ต้องการรู้อะไรก็รู้ แต่ว่าความต้องการไม่มีอีกแล้ว สนใจขึ้นมาก็แวบไปหน่อยหนึ่ง แต่ก็แวบไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างสูง เหมือนกับนักมวยที่กลัวว่า เปิดช่องเมื่อไรจะถูกคู่ต่อสู้ชกร่วง ต้องตั้้งท่าปิดให้แน่นก่อน แล้วค่อยไปสนใจเรื่องอื่น สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-06-2015 เมื่อ 07:35 |
สมาชิก 108 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ โอรส ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|