กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะ เรื่องราวในอดีต และสรรพวิชา > กระทู้ธรรม > ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น รวบรวมโดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-04-2010, 10:44
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,911 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default เรื่องจิตไม่สงบ เพราะเกาะติดทุกข์-สุข

เรื่องจิตไม่สงบ เพราะเกาะติดทุกข์-สุข

จากนั้นสมเด็จองค์ปฐม ได้ทรงพระเมตตามาสอนเพื่อนที่ร่วมปฏิบัติธรรมของผมต่อ ในวันที่ ๒๕ กพ. ๒๕๓๖ ขณะไปปฏิบัติพระกรรมฐานที่วิหาร ๑๐๐ เมตร “เรื่องจิตไม่สงบ เพราะเกาะติดทุกข์-สุข” มีความสำคัญดังนี้

๑. “เจ้าไม่ต้องห่วงว่าอิทธิพลคุณไสย จะมีอำนาจเข้ามาก่อกวนในวิหาร ๑๐๐ เมตร ตถาคตคุมอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา คือ พุทโธอัปปมาโณ”

๒. “ต่อไปนี้ขอให้เจ้า หมั่นดูอารมณ์ของตนเอง อย่าไปมองดู ไม่พอใจ ก็ต้องสังเกตที่จุดนี้ กำหนดสติสัมปชัญญะ รู้ให้ได้ว่าขณะนี้กำลังเสวยอารมณ์อะไรอยู่ เมื่อเรียนรู้อารมณ์ที่เสวยแล้ว ก็ต้องหมั่นเอาพระกรรมฐานเข้ามาแก้อารมณ์ที่เป็นพิษนั้น ๆ

จิตไร้ความสงบ เพราะอารมณ์ของจิตดิ้นรนเกาะติดทุกข์-สุข ถ้าหากศึกษาไม่ถ่องแท้แล้ว ก็จักแก้ไขจุดนี้ได้ยาก ต้องรู้จริงกระทบจริงด้วยสติสัมปชัญญะที่ว่องไว อันตามรู้ว่ากิเลสใดได้เกิดขึ้นแล้วในขณะจิตนั้น ถ้าไม่รู้ก็แก้ไขไม่ได้ ต้องหลงปล่อยให้จิตเป็นทาสของอารมณ์อยู่ร่ำไป อย่าท้อแท้ พลั้งบ้างเผลอบ้างเป็นธรรมดา หมั่นเพียรดูจิตเสวยอารมณ์อยู่เสมอ ๆ เริ่มปฏิบัติแรก ๆ มันก็ยุ่งยากหนักใจบ้างเป็นธรรมดา แต่กำหนดรู้ไปนาน ๆ ก็จักเกิดความเคยชินเอง”

๓. “ความทุกข์ใด ๆ จักยิ่งไปกว่าอารมณ์จิตของตนเองทำร้ายตนเองนั่นไม่มี การไปพรหมโลก เทวโลก ติดสุขด้วยอารมณ์นี้ การไปอบายภูมิ ๔ อันมีสัตว์นรกเป็นต้น ติดทุกข์ก็ด้วยอารมณ์จิตนี้ เพราะฉะนั้นเจ้าต้องการจะพ้นทุกข์ก็ต้องหมั่นศึกษาอารมณ์ระงับสุข ระงับทุกข์ ให้เห็นเป็นตัวธรรมดา อันหาสาระแก่นสารไม่ได้ หมั่นคิดพิจารณา หมั่นปลด หมั่นละอารมณ์จิตที่สร้างทุกข์ สร้างสุขลม ๆ แล้ง ๆ อยู่นี้ให้คลายไปจากจิต และหมั่นสร้างอารมณ์สังขารุเบกขาญาณให้เกิด เห็นการเสวยอารมณ์สุข-ทุกข์ ว่าไม่เป็นเรื่อง เพราะเป็นอารมณ์แสวงหาความเกิด เราจักไม่ต้องการ เราต้องการจุดเดียวคือแดนนิพพาน อันดวงจิตไม่ต้องเคลื่อนและไม่ต้องจุติยังแดนต่าง ๆ อีก นิพพานัง ปรมัง สุขัง นะลูก”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 23-04-2010, 15:47
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,911 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๔. “ขณะบันทึก น้ำตาก็ไหลไปด้วยความปีติในธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงพระกรุณามาสั่งสอนให้ ทรงตรัสว่า “เจ้าต้องช่วยตนเองเร่งรัดความเพียร การมานิพพานได้ ต้องพึ่งตนเองเท่านั้น ตถาคตเป็นเพียงผู้บอกนะเจ้า แต่ไม่สามารถบันดาลให้ใครเข้าพระนิพพานได้ การจบกิจในพระพุทธศาสนา ต้องปฏิบัติความเพียรด้วยตนเองทั้งสิ้น การชี้ การแนะ การนำให้เห็นพระนิพพาน ตถาคตย่อมทำได้ด้วยพุทธบารมี แต่การมาได้หรือไม่ได้นั้น เป็นหน้าที่ของเหล่าพุทธสาวกจักพึงทำได้เอง หวังว่าเจ้าคงจักเข้าใจ”

ตอบว่า เข้าใจพระพุทธเจ้าค่ะ

“เมื่อเข้าใจ ก็จงหมั่นตั้งใจปฏิบัติธรรมเพื่อยังมรรคผลนิพพานให้เกิดเถิด”


๕. “อย่าลืมเตือนสติของตนเองไว้เสมอ ๆ มรณานุสติรุกเจ้าอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก ในขณะจิตนั้นชีวิตของการเป็นมนุษย์มีสิทธิ์ที่จะพลัดพรากจากเราไป”


๖. “การเกิดมาพบพระพุทธศาสนา พบพระธรรมคำสอนโดยอริยสาวกเยี่ยงท่านฤๅษีนั้น นับเป็นอุดมมงคลอย่างหาได้ยากยิ่งนัก เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจักมิพึงประมาท ปล่อยปละละเลยให้จิตว่างจากความดี หากปล่อยให้จิตตกอยู่ในความเลว อารมณ์เลวเข้ามาสิงจิต มีความคิดในอารมณ์ทุกข์-สุข ตายไปก็ไปค้างอยู่พรหมโลก-เทวโลก-อบายภูมิ ๔ กลับมาเป็นมนุษย์ใหม่ ก็ต้องกลับมาเสวยทุกข์ เกิดดับอยู่ต่อไปอีกนับกาลนาน มันดีนักหรือ”


๗. “เพราะฉะนั้น จงอย่าประมาท การปฏิบัติธรรมมาถึงจุดนี้แล้ว ต้องทำกำลังใจในบารมี ๑๐ ให้เข้มแข็ง อย่าแชเชือน ต้องหมั่นสอบอารมณ์จิตให้จริงจัง ปฏิบัติธรรมโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตายเป็นตาย เพื่อมรรคผลนิพพาน”


๘. “แต่พวกเจ้านั้นยังมีทุกข์ของกายอยู่ ต่างกับพรหม เทวดา นางฟ้า ที่ท่านเป็นพระอริยะ ทุกข์ของกายยังฉุดพวกเจ้าอยู่ บีบบังคับให้เสวยเวทนาทุกข์-สุข ไม่ทุกข์-ไม่สุขกับมันอยู่อย่างนั้น อารมณ์เวทนายังฉุดจิตพวกเจ้าให้ขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในภพชาติต่าง ๆ อยู่ เพราะฉะนั้น พวกเจ้าจงอย่าประมาทเป็นอันขาด โอกาสได้มีน้อยกว่าพรหม เทวดา นางฟ้า แต่ถ้าเร่งความเพียรให้ถูกหลัก พวกเจ้าที่ยังเป็นมนุษย์นี่แหละ สามารถกอบกิจให้รวดเดียว มิต้องมาต่อระลอกสองบนเทวโลก พรหมโลกอีก หมั่นเตือนสติของตนไว้เสมอ ๆ ระวังชีวิตจะปิดฉากก่อนจบกิจแล้วจักเสียใจ จงอย่าประมาทเป็นอันขาด"
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 26-04-2010, 15:19
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,911 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

วิจารณ์

ขออนุญาตอธิบายเพิ่มเติมสำหรับบางท่าน ที่อ่านแล้วยังสงสัยหรือยังไม่เข้าใจในธรรมที่พระองค์สอน เพราะธรรมเหล่านี้ทรงเน้นสอนให้เพื่อนของผมและผมเท่านั้น

๑. ให้หมั่นดูอารมณ์ของตนเองอย่าให้เกิดอารมณ์ ๒ คือพอใจกับไม่พอใจ หรือราคะกับปฏิฆะ ต้นเหตุเพราะจิตไม่สงบ ทำให้เกิดอารมณ์เกาะทุกขเวทนา กับสุขเวทนา จึงต้องรู้ตลอดเวลาว่า เมื่อถูกกระทบโดยกิเลสผ่านทวารทั้ง ๖ แล้ว อารมณ์ใดเกิด หมายถึงจริตทั้ง ๖ ถ้าไม่รู้ก็แก้ไขไม่ได้ เพราะต้องใช้กรรมฐานแก้จริตให้ตรงถึงจะมีผล จุดนี้คือหลักสูตรของพระอนาคามีผล ซึ่งผ่านยาก เพราะอดเผลอไม่ได้

๒. ความทุกข์ใด ๆ จักยิ่งไปกว่า อารมณ์จิตของตนเองทำร้ายตนเองนั้นไม่มี ดังนั้น บุคคลใดไม่คอยจับผิดตนเอง และคอยแก้ไขตนเองตลอดเวลา จึงไม่มีทางพ้นภัยตนเองได้ ผู้มีปัญญาจึงไม่ส่งจิตออกนอกตัว ไม่หาธรรมะนอกตัว ไม่จับผิดผู้อื่น ไม่ยุ่งกับกรรมของผู้อื่น จุดนี้ต้องใช้ปัญญาอันเกิดจากพรหมวิหาร ๔ จึงหนักเรื่องการใช้สมถะและวิปัสสนา แยกสิ่งที่เป็นสาระออกจากสิ่งไร้สาระ

การพิจารณาหากยังไม่ถึงตัวธรรมดา ไม่เห็นธรรมดา ถือว่ายังไม่จบ มิฉะนั้นอารมณ์ช่างมันหรือสังขารุเบกขาญาณไม่มีทางเกิด จุดนี้คือหลักสูตรอรหัตผล เมื่อข้อแรกยังเผลออยู่เป็นปกติ ข้อ ๒ จึงห่างไกลความจริงมากขึ้น แต่พระองค์ก็ทรงให้กำลังใจ โดยเน้นเรื่องบารมี ๑๐ อย่างทิ้ง และให้เร่งความเพียรให้ถูกหลัก ก็สามารถจะจบกิจได้ในชาตินี้ ถ้าไม่ประมาทในความตาย พร้อมตาย และซ้อมตายให้จิตชินด้วยความไม่ประมาท ใช้ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน พระองค์เป็นเพียงผู้บอก ผู้ชี้แนะทางปฏิบัติให้เท่านั้น

๓. ความเพียรที่ถูกหลักคือ เพียรอยู่ในโพธิปักขิยธรรม ๗ หมวด หรือ ๓๗ ทางเท่านั้น คือ มหาสติปัฏฐาน ๔, อิทธิบาท ๔, สัมมัปปธาน ๔, อินทรีย์ ๕, พละ ๕, โพชฌงค์ ๗, และอริยมรรค ๘ เท่านั้น

ที่สุดนี้ผมขอบารมีของพระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง ขอความเมตตาจากท่านให้ช่วยดลจิตให้ผู้อ่านธรรมะที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์บทนี้แล้ว นำไปปฏิบัติจริงจัง จงประสบความสำเร็จ มีดวงตาเห็นธรรมได้ตามลำดับจนเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ทุกคนเทอญ
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 26-04-2010, 15:21
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,911 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๕
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน

ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่ www.tangnipparn.com
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 06:09



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว