กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 03-11-2025, 19:28
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,259
ได้ให้อนุโมทนา: 226,713
ได้รับอนุโมทนา 817,524 ครั้ง ใน 40,369 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 00:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,405
ได้ให้อนุโมทนา: 159,989
ได้รับอนุโมทนา 4,515,550 ครั้ง ใน 37,017 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ พรุ่งนี้ยังมีการอบรมก่อนสอบนักธรรมชั้นโท - ชั้นเอกอีก ๑ วัน ส่วนผลสอบนักธรรมชั้นตรีออกมาแล้ว ของวัดท่าขนุนหลุดหายไป ๑ ราย ไม่แน่ใจว่าได้ไปสอบหรือเปล่า เพราะว่าถ้าสามเณรอันลัส พฤทธิ์ปริญณรัฐ สอบผ่านนี่ พระไม่ผ่านก็สมควรตาย..!

แต่บางทีในเรื่องของการสอบ ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับดวงเหมือนกัน อย่าง ดร.พระครูปรีชา (พระครูสุตกาญจนวัฒน์, ดร.) เจ้าอาวาสวัดวังปะโท่ สอบประโยค ๔ อ่านหนังสือไปตรงข้อสอบออกพอดี แต่อ่านได้ครึ่งเดียว ก็เป็นอันว่าตกนั่นแหละ..! จึงเป็นเรื่องที่บางทีเราก็ต้องเชื่อเหมือนกันว่า การสอบบางส่วนนั้นก็ขึ้นอยู่กับบุญเก่ากรรมเก่าด้วย แต่ถ้าหากเรามีความสามารถสุดยอดจริง ๆ ในเรื่องของบุญเก่ากรรมเก่าก็คงต้องหลีกทางให้ไปก่อน

สำหรับช่วงนี้ญาติโยมก็แห่มาวัดท่าขนุน เพื่อ "ปล้น" น้ำมนต์ของแม่ชีชื่น (อุบาสิกาชื่น ศรีสองแคว) หัวหน้าแม่ชีวัดท่าขนุน จากการที่คุณสมชาย กล้าหาญ เล่าเรื่องน้ำมนต์เสาร์ ๕ ให้ฟัง แล้วกระผม/อาตมภาพก็เล่าต่อ ไม่นึกว่าจะทำให้เกิดกระแสอยากได้น้ำมนต์กันขนาดนั้น ยังดีที่แม่ชีชื่นมีตุนเอาไว้บ้าง แต่ว่าในส่วนนี้ถ้าญาติโยมมามากกว่านี้ก็น่าจะหมดเหมือนกัน ในเรื่องของวัตถุมงคลส่วนใหญ่แล้วก็คือถ้ามีประสบการณ์ คนก็จะฮือฮาขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

คราวนี้ช่วงนี้ยังเกี่ยวข้องอยู่กับการทอดกฐินสามัคคี ปีนี้ทางวัดที่แจ้งยอดมา อย่างเช่นว่าวัดโฆสิตาราม (หลวงพ่อกวย) จังหวัดชัยนาท ได้ ๒๐ ล้านบาทเศษ ทางวัดพุทธพรหมยาน (พิชญ์ชาราม) จังหวัดฉะเชิงเทราได้ ๑๐๒ ล้านบาทเศษ ฟังดูแล้วรู้สึกทั้งดีใจ แล้วในขณะเดียวกันก็รู้สึกสังเวชใจอยู่เหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 00:43
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,405
ได้ให้อนุโมทนา: 159,989
ได้รับอนุโมทนา 4,515,550 ครั้ง ใน 37,017 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คำว่า ดีใจ ก็คือญาติโยมยังคงมั่นคงอยู่ในเรื่องของบุญของทานเป็นปกติ เราต้องไม่ลืมว่าผลของทานนั้นจะส่งให้มีโภคสมบัติที่สมบูรณ์ในโอกาสข้างหน้า

ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดก็คือพี่น้องมอญพม่าของเรา สถานการณ์ของพระพุทธศาสนาจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินย่ำแย่ขนาดไหน พี่น้องมอญพม่าไม่สนใจ เนื่องเพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล แต่ว่า
คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นของจริง ของแท้ ใครปฏิบัติตามย่อมได้ผลแน่นอน พี่น้องมอญพม่าจึงยังคงตั้งหน้าตั้งตาสร้างบุญกุศลส่วนตัว โดยไม่ได้สนใจกระแสโซเชียลแต่ประการใด เป็นเรื่องที่คนไทยเราควรที่จะละอายใจมากที่สุด

เนื่องเพราะว่าเราถือว่าเราเป็นประเทศพระพุทธศาสนา มีความเจริญมากกว่า พี่น้องมอญพม่าเป็นแสนเป็นล้านต้องมาพึ่งพาอาศัย แต่ในด้านการมีศาสนาอยู่ในหัวใจ เทียบไม่ติดฝุ่นของพี่น้องมอญพม่าเขาเลย..! พวกท่านที่บิณฑบาตก็จะเห็นอยู่ว่าเขาใส่บาตรกันสม่ำเสมอทุกวัน ลูกเล็กเด็กแดงพามาใส่บาตรกันหมด แต่คนไทยใส่บาตรวันเกิดปีละครั้ง แล้วก็เป็นเรื่องอัศจรรย์ว่าปีหนึ่งทำครั้งเดียว ดันจำได้อีกต่างหาก ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพปีหนึ่งทำครั้งเดียว กูลืมแน่นอน..!

ที่พูดถึงตรงนี้ก็เนื่องจากว่าบุญกฐินของวัดโฆสิตาราม
คนแห่กันไปทำบุญเพราะหลวงพ่อกวยท่านช่วยลูกศิษย์ในทุกด้าน ไม่ว่าคนดี คนชั่ว ถ้าเคารพนับถือท่าน ท่านช่วยเขาหมด นั่นคือรูปแบบของพระโพธิสัตว์อย่างชัดเจน

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ผู้คนก็เลยแห่กันไปบนบานศาลกล่าวหลวงพ่อท่าน จนกระทั่งถึงเวลาได้รับผลแล้ว ก็มาตอบแทนด้วยการสร้างบุญสร้างกุศลให้กับวัดวาอารามของหลวงพ่อท่าน ทำให้ยอดกฐินสามัคคีพุ่งไปที่ ๒๐ ล้านบาทเศษ

ส่วนของวัดพุทธพรหมยาน (พิชญ์ชาราม) เพราะว่าจุดสำคัญเลย
ท่านอาจารย์เอกลักษณ์ (พระปลัดเอกลักษณ์ ปญฺญาคโม) ท่านเป็นหมอดู ในเมื่อดูแม่น ถึงเวลาแล้วทำประโยชน์ให้ญาติโยมได้ เขาก็แห่กันไปร่วมบุญด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 26 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,405
ได้ให้อนุโมทนา: 159,989
ได้รับอนุโมทนา 4,515,550 ครั้ง ใน 37,017 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ทุกท่านเห็นหรือยังว่ากระผม/อาตมภาพสลดใจในเรื่องอะไร ? ก็คือกำลังใจของพุทธศาสนิกชนของเราต่ำเตี้ยเรี่ยดินสุด ๆ เข้าวัดวาอาราม ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายสูงสุดในการหลุดพ้น ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายปานกลางในการระงับกิเลส แต่มีจุดมุ่งหมายก็คืออะไรที่ร้องขอหรือได้ประโยชน์..กูจะเอา..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น บุคคลที่สามารถตอบสนองตรงส่วนนี้ได้ จึงกลายเป็นสถานที่เหมือน "ตำบลกระสุนตก" ก็คือคนแห่กันไปทำบุญด้วย

คราวนี้ก็อยู่ในจุดที่ว่า ถึงเวลาแล้วจะพาให้วัดนั้น ๆ กลายเป็นเป้าของทางการตรวจสอบด้วย จึงเป็นเรื่องที่พระภิกษุสงฆ์ของเรา ต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างสูง
ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ที่เกิดขึ้น ถ้าถึงเวลาเสื่อมยศ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ตามมา เราจะต้องตั้งท่ารับให้ทันด้วย..!

เนื่องเพราะว่ากระแสสังคมในปัจจุบันนี้ สามารถพลิกดินเป็นฟ้าก็ได้ พลิกจากฟ้ากลายเป็นเหวก็ได้..!
เพราะว่าพุทธศาสนิกชนหรือคนไทยของเรา ไม่คำนึงถึงสถานการณ์ใหญ่ ไม่สนใจว่าประเทศชาติจะพังบรรลัยลงไปเพราะการกระทำของเรา ไม่สนใจว่าพระพุทธศาสนาจะวอดวายลงไปเพราะการกระทำของเรา กูเอาสะใจอย่างเดียว..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าพลาดขึ้นมาก็โดนกระทืบจมดินเมื่อนั้น

พวกเราจึงต้องระมัดระวัง แล้วในขณะเดียวกันก็ต้องสร้างเสริมกำลังใจของตนให้มั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ไม่อย่างนั้นพอส่วนของ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้ามาถึง เราก็จะหวั่นไหว พอส่วนของการเสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ เข้ามา บางคนก็ซึมเศร้า บางคนถึงขนาดฆ่าตัวตาย เหตุก็แค่ว่าไม่เห็นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นธรรมดาของโลก บาลีท่านใช้คำว่า "โลกธรรม" ธรรมดาของโลกเป็นเช่นนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 00:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,405
ได้ให้อนุโมทนา: 159,989
ได้รับอนุโมทนา 4,515,550 ครั้ง ใน 37,017 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คนเราไม่ได้สร้างความดีมาโดยตลอด และไม่ได้สร้างความชั่วมาโดยตลอด โดยเฉพาะพวกเรา "ดีก็ไม่ทั่ว ชั่วก็ไม่สุด" ถึงเวลาผลดีตอบแทนเราไปรื่นเริงบันเทิงใจ พอผลชั่วเข้ามาเมื่อไรก็กลายเป็นซึมเศร้า เครียด ทุกข์ จมอยู่กับมัน..!

ถ้าลักษณะอย่างนั้น กำลังใจของเราที่ขึ้นง่าย ลงง่าย นอกจากสร้างความทุกข์ให้แก่ตนเองแล้ว ยังพาให้คนรอบข้างพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย

กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวมาหลายครั้งแล้วว่า สถานการณ์ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือเรารักษากำลังใจไว้ได้หรือไม่ ? การรักษากำลังใจของเราเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับบารมีที่แต่ละท่านสั่งสมมาด้วย คนที่สร้างสมบารมีไว้เร็วก็รู้จักเข็ด รู้จักกลัว รู้จักหลีกหนี สลัดทิ้งเอาตัวรอดให้ได้ คนที่ยังไม่รู้จักเข็ด ไม่รู้จักกลัว ไม่รู้จักหนี ก็ทนทุกข์ทรมานกันต่อไป..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๓ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : เมื่อวานนี้ เมื่อ 02:21
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 00:36



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว