#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๘
|
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ พรุ่งนี้จะเป็นวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๑๑ ซึ่งจะเป็นวันบวงสรวงไหว้ครูประจำปี และเป่ายันต์เกราะเพชร ตามสายครูบาอาจารย์ตั้งแต่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคลงมา
ในเรื่องของยันต์เกราะเพชรนั้น สืบทอดมาตามตำราพระร่วง ถึงสมัยหลวงปู่ปานท่านได้กำหนดวันไหว้ครูซึ่งมาจากตำรา ระบุไว้ว่าถ้าปีใดมีวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำ ให้จัดงานไหว้ครูในวันนั้น ซึ่งเรียกกันง่าย ๆ ว่า "วันเสาร์ ๕" ถ้าไม่มีวันเสาร์ ๕ หรือว่าวันเสาร์ ๕ ติดภารกิจสำคัญจริง ๆ ให้จัดไหว้ครูในวันวิสาขบูชา ถ้าเสาร์ ๕ หรือวันวิสาขบูชาติดภารกิจสำคัญจริง ๆ ให้จัดงานไหว้ครูในวันมาฆบูชา ถ้าตามสายกรรมฐานนี้แล้ว ให้ไหว้ครูได้ใน ๓ วันนี้เท่านั้น ในเรื่องของพระ ของพรหม ของเทวดา หรือว่าครูบาอาจารย์นั้น ถ้าเรามีการบวงสรวงบอกกล่าวได้ถูกต้อง ท่านก็จะอนุเคราะห์สงเคราะห์ให้งานการทุกอย่างเป็นไปด้วยดี หรือมีอุปสรรคน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะในส่วนของพรหมเทวดา ท่านยอมรับกฎของกรรมมากกว่าเราหลายเท่า ถ้าหากว่าไม่ทำพิธีบวงสรวง ไม่เอ่ยปากขอ ท่านก็จะนั่งมองอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ เท่านั้น..! พูดง่าย ๆ ว่าพยายามที่จะยุ่งกับกรรมของมนุษย์ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยกเว้นบางท่านที่ต้องการจะสร้างบารมี แล้วลงมาอาศัยร่างกายของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ซึ่งบางคนเรียกว่าร่างทรงบ้าง ม้าทรงบ้าง คนมีองค์บ้าง เรื่องพวกนั้น ทุกท่านต้องเข้าใจว่ามีทั้งจริงและปลอม..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2025 เมื่อ 15:39 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
คราวนี้ถ้ามีทั้งจริงและปลอม ตลอดจนกระทั่งจริงในตอนต้นและปลอมในตอนท้าย แล้วเราจะสังเกตได้อย่างไร ?
อันดับแรกเลย ท่านที่เป็นของจริงจะมาตามเวลาเฉพาะเท่านั้น บางท่านมาเฉพาะวันพระ บางท่านมาเฉพาะวันพฤหัสบดี บางท่านปีหนึ่งมาครั้งเดียว เนื่องเพราะว่าต่อให้เป็นพรหม เป็นเทวดา ท่านก็มีภาระหน้าที่ของตนอยู่ ไม่ใช่นึกอยากจะมาเมื่อไรก็มาได้ ไม่ใช่ยกขันครู ๒๙๙ บาทแล้วสามารถลงทรงได้ทันที..! ประการที่ ๒ ท่านที่เป็นของจริงจะไม่เรียกรับผลประโยชน์จากเราทั้งหลาย นอกจากต้องการความเคารพ ส่วนมากก็แค่ดอกไม้ ธูป เทียน บูชาครู หรืออาจจะมีเงิน ๑ บาท ๙ บาท เหล่านี้เป็นต้น กระผม/อาตมภาพเคยเจอสูงสุดที่ ๑๐๘ บาท แต่ว่าเงินทั้งหลายเหล่านั้นท่านเอาไปทำบุญทั้งหมด แล้วถ้าเราไม่ได้เตรียมไป ท่านก็จัดให้เราเองด้วย..! ประการที่ ๓ เรื่องที่ท่านรับปากว่าสำเร็จจะเป็นไปตามนั้นทั้งหมด เนื่องเพราะว่าถ้าเป็นพรหม เป็นเทวดาจริง ท่านจะมีความเป็นทิพย์ สามารถที่จะรู้ได้ว่าเรื่องเหล่านั้นเกินกฎของกรรมหรือไม่ ? ถ้าไม่เกินกฎของกรรมแล้วเราเองรับปากว่าจะทำความดี หรือที่เรียกกันว่าจะ "แก้บน" โดยการสร้างบุญสร้างกุศลอย่างใดอย่างหนึ่ง ท่านเห็นว่ากุศลนั้นเมื่อชดเชยกับสิ่งที่เราขาดแล้วพอเหมาะพอสมกัน ท่านก็จะรับปากให้เรื่องนั้นสำเร็จ และเป็นไปตามนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็ให้เราไปสร้างคุณงามความดี อย่างเช่นว่าถวายสังฆทาน ปล่อยชีวิตสัตว์ เหล่านี้เป็นต้น ไม่ใช่ให้บูชาเทวรูปนั้น เทวรูปนี้ จนหมดกันเป็นแสนเป็นล้าน..! ก็แปลว่าถ้าเป็นเรื่องของพรหมเทวดาที่มาสงเคราะห์เพื่อสร้างบารมีจริง ๆ อันดับแรก มาได้เฉพาะเวลา ไม่ใช่มาได้ตลอดเวลา อันดับที่ ๒ ท่านต้องการความเคารพ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์จากเรา อันดับที่ ๓ เรื่องที่ท่านรับปากจะสำเร็จตามนั้น ถ้าท่านไม่รับปากก็ไม่ต้องเสียเวลาไปดิ้นรน ก็แปลว่าบุญเก่าของเราสร้างเอาไว้น้อยมาก ไม่สามารถที่จะเติมเต็มได้ง่าย ๆ หลายต่อหลายแห่งให้เราสมาทานศีล ๕ หรือศีล ๘ ไปเลย การสร้างคุณงามความดีส่วนใหญ่ก็เป็นการสร้างบุญกุศลใส่ตัวเราเอง ก็คือให้ใส่บาตรบ้าง ให้ถวายสังฆทานบ้าง ให้ปล่อยชีวิตสัตว์บ้าง เหล่านี้เป็นต้น ส่วนอื่น ๆ นั้น ต่อให้ร้องขออย่างไร ท่านก็ไม่เข้าไปยุ่งด้วย เพราะว่าอาจะเป็นการละเมิดกฎของกรรมได้..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2025 เมื่อ 01:35 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
ดังนั้น..ท่านที่รู้จริงจึงมีการบวงสรวงบอกกล่าวครูบาอาจารย์ หรือพรหม เทวดา เพื่อให้สิ่งที่ตนจะทำนั้นสำเร็จลุล่วงไปได้โดยง่าย แต่ว่าในแต่ละสายของครูบาอาจารย์ก็จะมีเคล็ดลับ ที่ทำอย่างไรถึงจะสำเร็จตามนั้นได้ง่าย แล้วในขณะเดียวกัน ถ้าครูบาอาจารย์เป็นพระสงฆ์ ท่านก็จะปรับมาเป็นการบูชาพระรัตนตรัย แล้วค่อยระลึกถึงพรหม เทวดา ครูบาอาจารย์ต่อท้ายไปด้วย ก็คือไหน ๆ จะทำแล้วก็ให้ได้ประโยชน์สูงสุดไปเลย
คราวนี้ในส่วนของวัดท่าขนุนเรา ก็ถือว่าสืบสายวิชาการต่าง ๆ มาทางสายหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคเช่นกัน โดยที่หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคนั้น ท่านถ่ายทอดให้ลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ถ้าถามว่ามากแค่ไหน ? สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ แค่พระภิกษุสามเณรที่ไปอาศัยเรียนบาลีกับท่าน ก็ประมาณ ๓๐๐ รูปแล้ว..! หรือแม้แต่สมัยหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงก็ตาม ถึงเวลาท่านจัดงานก็จะมีพระภิกษุสามเณรไปร่วมงาน ๓๐๐ - ๔๐๐ รูปเป็นประจำ ท่านเคยปรารภกับพวกกระผม/อาตมภาพว่า ..!""ท่านทั้งหลายเหล่านี้ ต่อไปภายหน้า ถ้าอ้างว่าเป็นลูกศิษย์ ข้าก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่พวกแกต้องพิจารณาด้วยว่า ท่านทั้งหลายเหล่านี้ปฏิบัติตามปฏิปทาของข้าหรือเปล่า ? ถ้าปฏิบัติตามปฏิปทาของข้า ต่อให้ท่านไม่บอกว่าเป็นลูกศิษย์ ข้าก็ถือว่าเป็นลูกศิษย์ แต่ถ้าออกปากว่าเป็นลูกศิษย์ แล้วออกนอกทุ่งนอกท่าไปไกล ต่อให้พูดจนปากฉีกถึงหู ข้าก็ไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์ ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ พวกเราต้องรู้จักพินิจพิจารณา ไม่ใช่ใครเขาบอกก็เชื่อเขาไปหมด ถ้าลักษณะแบบนั้น เดี๋ยวก็โดนหลอกจนหมดเนื้อหมดตัวอีก..! โดยเฉพาะในเรื่องของการเป่ายันต์เกราะเพชร กระผม/อาตมภาพเจอบุคคลที่อ้างว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ปาน ท่านทั้งหลายต้องไม่ลืมว่าหลวงปู่ปานมรณภาพปี ๒๔๘๑ นับมาถึงปัจจุบันนี้ เป็นเวลาประมาณ ๘๐ กว่าปี จะ ๙๐ ปีแล้ว บุคคลผู้นั้นดูอย่างไรก็อายุไม่ถึง แต่อ้างว่าศึกษามาจากหลวงปู่ปานโดยตรง ใครไปถึง จัดขันบูชาครู มีเงิน ๒๙๙ บาท ก็เป่ายันต์เกราะเพชรให้ได้ทันที..! ทั้ง ๆ ที่ตามสายครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ให้เป่ายันต์ได้เฉพาะวันเสาร์ขึ้น ๕ ค่ำเท่านั้น และถ้าพระหรือครูบาอาจารย์ไม่ได้สั่งก็ทำไม่ได้
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2025 เมื่อ 01:38 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
หรือบางท่านจัดงานเป่ายันต์เกราะเพชร ทั้งวันเสาร์ - วันอาทิตย์ เพราะถือว่าเป็นวันหยุด คนมาได้มาก ลักษณะอย่างนั้นก็คือการตั้งใจหาผลประโยชน์ ต่อให้ศึกษาวิชาการมาโดยตรง ครูบาอาจารย์ท่านก็ไม่สงเคราะห์ให้ จึงเป็นเรื่องที่เราต้องระมัดระวัง รู้จักพินิจพิจารณาด้วย
สำหรับพวกเรา ตอนนี้ก็ถือว่าเตรียมการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ญาติโยมก็เดินทางมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมากแล้ว คืนนี้อาจจะแออัดยัดเยียดสักหน่อย อะไรหนักนิดเบาหน่อย ก็ถือว่าให้อภัยแก่กัน ส่วนเครื่องบูชาครู คือบายศรีชุดใหญ่นั้น ได้รับการอนุเคราะห์สงเคราะห์ จากคณะบายศรีของท่านพระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖ วัดปากน้ำภาษีเจริญ ซึ่งนำคณะมาทำให้ตั้งแต่หลายวันก่อน เครื่องบวงสรวงชุดใหญ่ขนาดนี้ ตามท้องตลาดเขาคิดกันราคาเป็นแสนบาท..! แต่ท่านก็ทำถวายให้ฟรีทุกครั้ง ต้องขอเจริญพร ขอบคุณขอบใจญาติโยมคณะบายศรี และขอขอบคุณท่านอาจารย์พระมหานันทวัฒน์ เขมธมฺโม ป.ธ. ๖ มา ณ ที่นี้ด้วย พรุ่งนี้พวกเราหลังจากทำวัตรเช้าแล้ว ให้ไปรับประทานอาหารที่โรงทานให้เรียบร้อย แล้วมารอการบวงสรวงไหว้ครูตอน ๗ โมงครึ่ง เสร็จแล้วก็รอการเป่ายันต์เกราะเพชรรอบแรกตอน ๑๐ โมงตรง รอบที่ ๒ ตอนบ่ายโมงตรง ได้แต่หวังว่าฝนฟ้าจะอำนวยให้ ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ "พายุไต้ฝุ่นบัวลอย" ถล่มประเทศเวียดนามเละเทะไปแล้ว..! สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-09-2025 เมื่อ 01:40 |
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|