กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:58
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 576
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 27,734 ครั้ง ใน 1,064 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:34
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,113
ได้ให้อนุโมทนา: 159,964
ได้รับอนุโมทนา 4,506,123 ครั้ง ใน 36,724 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงวัดประยุรวงศาวาส วรวิหาร ถนนประชาธิปก แขวงวัดกัลยาณ์ เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า เนื่องเพราะว่าบริเวณนั้นมีการก่อสร้างและปิดการจราจรเป็นช่วง ๆ ถ้าไปสายรถจะติดมาก และอาจจะไม่ทันนัดท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ที่ท่านนัดเอาไว้ให้เข้าถวายสักการะเนื่องในวันเกิด ๗๐ ปีของท่านตอน ๗ โมงครึ่ง

แต่ว่าไปถึงได้พักเดียว คนขับรถของท่านก็มาตาม บอกว่าหมอนัดท่านเจ้าคุณอาจารย์ตอน ๐๖.๔๕ น. ให้เข้าสักการะได้ตอนนี้เลย..! จึงเป็นเรื่องที่สมประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ก็คือกระผม/อาตมภาพไม่ต้องรอนาน ท่านเจ้าคุณอาจารย์ก็จะได้ไปหาหมอ แล้วก็กลับมาสู้กับงานวันเกิดตนเองต่อไป

เราท่านทั้งหลายจะเห็นว่าเมื่อวานนี้เป็นงานอายุวัฒนมงคล ๘๐ ปี พระเดชพระคุณพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) เจ้าอาวาสวัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร ที่ปรึกษากรรมการมหาเถรสมาคม วันนี้เป็นงานอายุวัฒนมงคล ๗๐ ปี ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. ราชบัณฑิต บรรดาพระเถระที่เป็นหลักให้กับคณะสงฆ์ไทยของเรา เฒ่าชะแรแก่ชรากันหมดแล้ว ต่อให้สมองยังดี ร่างกายก็ไม่ค่อยจะไหว แต่ละท่านล้วนแล้วแต่ต้องหาหมอกันเป็นระยะ ๆ รวมแม้กระทั่งกระผม/อาตมภาพเองด้วย สถานการณ์ในวงการสงฆ์ของเราก็ยังไม่ดีนัก อยู่ในระยะที่ "คลื่นซัดซากศพขึ้นสู่ฝั่ง" แต่ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาห่วงใย เพราะว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

แต่เรื่องที่เราจำเป็นต้องห่วงใยเลยก็คือเรื่องน้ำท่วม กับเรื่องปัญหาชายแดน เนื่องเพราะว่าน้ำท่วมเมื่อไร ความเดือดร้อนปรากฏ หน่วยงานแรก ๆ เลยที่ออกไปช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชน ก็คือบรรดาหน่วยกู้ภัยต่าง ๆ และพระภิกษุสามเณรของเรานี่เอง เราจะเห็นได้ว่าแม้ว่าพระสงฆ์ของเราจะออกไปทำหน้าที่ของตน ก็ยังมีบรรดาพวก "ปากตำแย" มาคอยจิกกัดว่า "เป็นกิจของสงฆ์หรือเปล่า ?" โดยที่ไม่ได้ดูว่าทางคณะสงฆ์ของเรานั้นกำหนดภารกิจไว้สำหรับพระสังฆาธิการถึง ๖ ด้าน ก็คือ

ด้านการปกครอง ที่จะต้องดูแลพระภิกษุสามเณรของเรา ให้อยู่ในกรอบของระเบียบวินัยและกฎหมายบ้านเมือง แต่ก็ยังมีพวก "นอกคอก" ที่ "แหกคอก" ออกไปเป็นระยะ ๆ แล้วท้ายที่สุด สถานการณ์ก็วุ่นวายอย่างในปัจจุบันนี้ เพราะว่าพระสังฆาธิการซึ่งมีหน้าที่คุมกฎทำผิดเสียเอง แล้วเป็นการทำผิดในลักษณะ "ปลาใหญ่" เสียด้วย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 00:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,113
ได้ให้อนุโมทนา: 159,964
ได้รับอนุโมทนา 4,506,123 ครั้ง ใน 36,724 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ภารกิจต่อไปก็คือเรื่องของการศึกษา ซึ่งทางคณะสงฆ์ของเราช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสได้มีการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรม แล้วออกไปสร้างความเจริญให้ประเทศชาติมานับไม่ถ้วน

แต่ก็เหมือนกับการ "ปิดทองหลังพระ" เพราะว่าไม่มีการ "ตีปีบ" โฆษณาใด ๆ ทั้งสิ้น ทำไปเท่าไรคนก็ไม่รู้ เขาไม่รู้ว่า ศ., ดร.อุทิส ศิริวรรณก็คืออดีตสามเณร เปรียญธรรม ๙ ประโยค เขาไม่รู้ว่าคุณบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คืออดีตเปรียญธรรม ๙ ประโยค และบรรดาผู้ที่กำลังสร้างประโยชน์ สร้างคุณงามความดีให้กับประเทศชาติจำนวนมากก็คือ "อดีตนักบิณฑ์" ซึ่งในความหมายของพวกเราก็คือ "เคยบิณฑบาต" มาก่อน..!

ด้านที่สามของภารกิจคือการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างสูง เนื่องเพราะว่าปัจจุบันนี้ พุทธศาสนิกชนของเรานั้นส่วนใหญ่เหลือแค่ระดับเนยยะ ต้องจ้ำจี้จ้ำไช ปากเปียกปากแฉะกันทุกวัน เผลอเมื่อไรก็ไหลตามกระแสโลกไปทันที..! แค่ให้ ทาน รักษาศีล ก็เป็นเรื่องยากของเขาทั้งหลายเหล่านั้นแล้ว จะไปให้ถึงระดับภาวนา เพื่อก่อให้เกิดผลในหลักธรรมต่าง ๆ แล้วนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ยากหนักเข้าไปอีก..!

เพราะว่าการเผยแผ่ในปัจจุบันของเรานั้น ส่วนหนึ่งเข้าใจว่าใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาไปเผยแผ่ แต่กลายเป็นว่าเอาเรื่องทางโลกไปเผยแผ่แทน เพราะว่าถ้ากล่าวถึงหลักธรรมเนื้อ ๆ ล้วน ๆ คนก็ไม่สนใจ เนื่องเพราะว่าเกินกำลังที่จะรับไหว

แล้วข้อเรียกร้องของประชาชนในปัจจุบันก็สูงมาก ประมาณว่าการเผยแผ่แบบเก่านั้นคือ "ไดโนเสาร์ เต่าล้านปี" ที่รอเวลาสูญพันธุ์ หลักธรรมในพระพุทธศาสนาจำเป็นที่จะต้องทันสมัย จนกระทั่งมีคนนำเอาไปดัดแปลงเป็นเพลงบ้าง เอาไปดัดแปลงเป็นสินค้าที่อยู่ในลักษณะปรามาสพระรัตนตรัยบ้าง จนพวกเราเหมือนอย่างกับเดินบนน้ำแข็งที่เปราะบาง พลาดเมื่อไร นอกจากไม่มีคนเห็นใจแล้ว ยังมีแต่คนคอยกระทืบซ้ำอีกด้วย..!

หน้าที่ต่อไปคือด้านสาธารณูปการ เกี่ยวกับการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ซ่อมของเก่า สร้างของใหม่ ซึ่งก็จะมีพวกที่ชอบตั้งคำถามแต่ว่าไม่ทำบุญ ประมาณว่า "สร้างวัดวาอารามใหญ่โตไปทำอะไร ?" โดยที่ไม่เข้าใจศาสนาพุทธคืออะไร ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:40
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,113
ได้ให้อนุโมทนา: 159,964
ได้รับอนุโมทนา 4,506,123 ครั้ง ใน 36,724 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ศาสนาของเราต้องประกอบด้วยศาสดา คือ ผู้ก่อเกิดศาสนา ได้แก่ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ศาสนธรรม ก็คือ พระไตรปิฎก ซึ่งหลัก ๆ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา

ศาสนาสถาน ก็คือ บรรดาโบสถ์ วิหาร เจดีย์ มณฑป ที่เราท่านทั้งหลายต้องบูรณปฏิสังขรณ์ ขาดส่วนนี้ไปก็ไม่มีศาสนสถาน ให้ญาติโยมเข้าไปเพื่อปฏิบัติกิจทางศาสนา แต่พวก "ปากหอยปากปู" ก็ไม่ได้คิดถึงตรงนี้ เพราะว่า "ไอคิวเตี้ย ไอเดียต่ำ ปัญญานิ่ม" เมื่อไม่เห็นความจริง แต่เอาไปวิพากษ์วิจารณ์ไป แล้วสร้างความเสียหายให้พระพุทธศาสนาอีกต่างหาก..!

สิ่งสุดท้ายที่ประกอบขึ้นเป็นศาสนาพุทธก็คือศาสนบุคคล ได้แก่พระภิกษุสามเณรของเรา ซึ่งต่อให้ไม่ทำอะไรเลย ก็ยังเป็นสัญลักษณ์ว่านี่ก็คือศาสนบุคคลของเรา บุคคลที่จิตใจอ่อนโยน ควรแก่ข้อธรรมคำสอน แค่เห็นก็เป็นอนุสติ อยู่ในลักษณะของการยึดเกาะความดี ในลักษณะของสะมะณานัญจะ ทัสสะนัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ก็คือ การเห็นสมณะถือว่าเป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง

แต่ในปัจจุบันนี้ บรรดาผู้สื่อข่าวต่าง ๆ ช่วยกันกระหน่ำตี เรื่องดีไม่ลง เรื่องร้ายรีบขายข่าว จนคนเห็นพระภิกษุสามเณรเหมือนอย่างกับเสนียดจัญไร..! แทนที่จะได้คุณงามความดี แบบสุปติฏฐิตเทพบุตร ที่ทำชั่วมาทุกประเภท แต่ก่อนตายได้เห็นพระพุทธเจ้าได้แวบเดียว คุณงามความดีในจิตสุดท้ายของตน ส่งให้ไปเกิดในสวรรค์..!

ถ้าถามว่ายุติธรรมหรือไม่ ? ขอบอกว่ายุติธรรมมาก เพราะว่าอยู่ได้แค่ ๗ วันมนุษย์เท่านั้น แต่ด้วย "อดีตเหตุ" ที่ท่านสร้างกรรมดีเอาไว้ ทำให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาพอดี เมื่อได้ฟังเทศน์อุณหิสวิชยสูตร ท่านบรรลุโสดาบัน ทำให้ทิพยสมบัติของท่านยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบันนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:02
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 23 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า เมื่อวานนี้, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 33,113
ได้ให้อนุโมทนา: 159,964
ได้รับอนุโมทนา 4,506,123 ครั้ง ใน 36,724 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการต่อไปก็คือการสาธารณสงเคราะห์ ที่เราท่านทั้งหลายต้องออกไปช่วยน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วยเดือดร้อนต่าง ๆ พระสงฆ์ส่วนใหญ่ของเรา ต้องอนุเคราะห์สงเคราะห์ต่อประชาชนรอบวัด เติมในสิ่งที่เขาขาด เพราะว่ารัฐบาลดูแลไม่ทั่วถึง ส่วนใหญ่ก็ควักย่ามตนเองเพื่อที่จะสงเคราะห์ประชาชน

แต่ก็ยังมีคนบอกว่า "ไม่ควรทำบุญก็พระ ให้ไปสร้างโรงเรียน โรงพยาบาลดีกว่า" กระผม/อาตมภาพอยากจะให้พวกนี้ถึงเวลาตายแล้ว ให้โรงเรียนเขาส่งนักเรียนมาสวดศพ ให้โรงพยาบาลมาช่วยจัดการเผาศพให้ ดูสิว่าจะทำได้ไหม ? คือ
พวกไร้ปัญญา มักจะพูดในสิ่งที่ไม่คำนึงถึงความเป็นจริง แต่คิดว่าเท่..!

ประการต่อไปก็คือการศึกษาสงเคราะห์ เอาแค่วัดท่าขนุนแห่งเดียว ก็ให้ทุนการศึกษา ๓๐ กว่าโรงเรียนในอำเภอทองผาภูมิ พระภิกษุสามเณรรูปใดต้องการเรียน ส่งเรียนโดยไม่มีข้อแม้ หลายต่อหลายท่านเรียนจบปุ๊บ สึกหาลาเพศปั๊บ..! ก็ไม่ได้ว่าอะไร หลายท่านระหว่างเรียน ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับวัดวาอาราม เรียนจบแล้วขอย้ายไปอยู่ที่อื่นทันที ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะว่าเรื่องของกตัญญูกตเวทิตา เป็นจิตสำนึกของแต่ละคนที่มีไม่เท่ากัน..!

ทุกท่านจะเห็นได้ว่าเรื่องของ
คณะสงฆ์ไทยของเรานั้น แบกภาระของประเทศชาติเอาไว้ครึ่งค่อนประเทศ แต่เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนิตยภัตก็ดี สมณศักดิ์ก็ตาม เพื่อถวายความสะดวกหรือเป็นกำลังใจในการทำงาน เจ้าพวก "เกรียนคีย์บอร์ด" หรือ "ปากหอยปากปู" ก็ยังมาตำหนิติเตียนว่า "เป็นพระทำไมถึงมีเงินเดือน ?" อยากจะรู้ว่าถ้าเป็นมัน มีเงินเดือน เดือนละ ๑,๘๐๐ บาท แถมต้องช่วยชาวบ้านรอบวัดทุกทิศ มันจะทำได้ไหม !?

บุคคลพวกนี้ ความจริงเราไม่ต้องไปใส่ใจ อย่างไรเขามีทุคติเป็นที่ไปแน่นอน..! แต่อาจจะบั่นทอนกำลังใจของเราท่านทั้งหลาย ที่ยังอินทรีย์ไม่แก่กล้าพอ จึงขอให้ทุกท่านรำลึกถึงตรงจุดที่ว่า ถ้าเราทำความดีเพราะอยากทำ เราก็จะทำได้ทนทำได้นาน แต่ถ้าเราทำความเพราะอยากดี ถึงเวลาไม่ได้ดีตอบ เราก็จะหมดกำลังใจ

จึงขอให้ทุกท่านพิจารณาตนเองให้ถ่องแท้ว่า "เราทำความดีเพราะอะไร ?" เพราะเห็นประโยชน์ในหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ก่อเกิดให้เห็นประโยชน์สุขทั้งในปัจจุบัน ประโยชน์สุขในอนาคต และประโยชน์สูงสุด คือพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

หรือว่าเราประพฤติปฏิบัติ เพราะอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นคนดี อยากมี ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เหมือนกับครูบาอาจารย์ท่านนั้นท่านนี้ ก็เป็นเรื่องที่ท่านทั้งหลายจะวินิจฉัยวิเคราะห์ตนเอง แล้วก็ดูว่ามีปัญญาเพียงพอที่จะปรับแก้ให้ถูกทางหรือไม่ ?


สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๗ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 24 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
อมลณัฐ
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 12:56



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว