#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอังคารที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๘
|
สมาชิก 18 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันอังคารที่ ๑๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปถึงวัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร ถนนทรงวาด แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ ๖ โมงเช้า ปรากฏว่าไปถึงแล้ว เจอพระเถรานุเถระที่รู้จักมักคุ้นกันอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธพจนวชิรมุนี (มนตรี คณิสฺสโร ป.ธ.๕) วัดเครือวัลย์วรวิหาร หรือหลวงปู่มนตรีของกระผม/อาตมภาพ ท่านไปนั่งรออยู่ก่อนแล้ว
ครั้นกราบรายงานตัวกับท่านได้ครู่หนึ่ง ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สมชาย วรชาโย ป.ธ. ๘) วัดเทพศิรินทราวาสก็มาถึง พระเดชพระคุณรูปนี้ กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยกับท่านตั้งแต่สมัยท่านเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระอมราภิรักขิต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส เพราะว่ากระผม/อาตมภาพได้ไปช่วยดูแลพระเดชพระคุณหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ซึ่งท่านเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่ แล้วก็คุ้นเคยกันมาจนยาวมาถึงปัจจุบันนี้ เมื่อกราบรายงานตัว ทักทายกันเรียบร้อยแล้ว พระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ ป.ธ.๙) วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออกก็มาถึง จึงต้องกราบรายงานตัวกับท่านอีกรูปหนึ่ง จะว่าไปแล้ว ในจำนวนสมเด็จฯ ทั้ง ๓ รูปในวันนี้ หลวงปู่มนตรีของกระผม/อาตมภาพอายุมากที่สุด แต่ว่าได้รับสมณศักดิ์ ก็คือได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะทีหลังสุด โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี อาวุโสพรรษามากที่สุด ต่อด้วยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
#3
|
||||
|
||||
![]()
ในเรื่องของคณะสงฆ์เรานั้น ถ้าว่ากันตามพระธรรมวินัย เราก็เคารพกราบไหว้กันด้วยอายุพรรษา แต่ว่าถ้าเป็นงานหลวง งานพระราชพิธีต่าง ๆ ก็ต้องว่ากันตามลำดับสมณศักดิ์ ก็คือไม่ได้คิดถึงอายุพรรษา หากแต่ว่าท่านใดได้รับการสถานปนาก่อน หรือว่าพระราชทานตั้ง พระราชทานเลื่อนก่อน ท่านนั้นก็จะต้องนั่งหน้า
ทำเอาพระเถระบางรูปเคยบ่นกับกระผม/อาตมภาพว่า ต้องไปนั่งอยู่ด้านหน้าครูบาอาจารย์ของตนเอง รู้สึกไม่สบายใจเลย กระผม/อาตมภาพก็ต้องปลอบใจท่านไปตามเพลง ประมาณว่าในเมื่อเป็นพระราชประสงค์ เห็นคุณงามความดีของหลวงพ่อแล้วตั้งสมณศักดิ์ให้ก่อน ถึงเวลาค่อยตั้งให้ครูบาอาจารย์ทีหลัง ถ้าไม่สบายใจ ลงจากอาสนะแล้ว เราก็ไปกราบขอขมาท่านก็แล้วกัน เมื่อรออยู่จนกระทั่งเกือบ ๗ โมงเช้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมเสนาบดี (พิมพ์ ญาณวีโร ป.ธ. ๗) เจ้าของงานอายุวัฒนมงคล ๘๐ ปีก็มาถึง พระเดชพระคุณรูปนี้ กระผม/อาตมภาพคุ้นเคยกับท่านมานานที่สุด ตั้งแต่สมัยท่านเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่พระสุธีปริยัตยาภรณ์ ก็ได้ติดตามพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระธีรญาณมุนี (สนิธ เขมจารี ป.ธ.๙) วัดปทุมคงคา ราชวรวิหาร ซึ่งสนิทสนมกับหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ไปวัดท่าซุงในงานประจำปีอยู่บ่อย ๆ แล้วก็คุ้นเคยมาจนถึงปัจจุบัน พูดง่าย ๆ ว่าเจอหน้ากันเมื่อไร ท่านก็ทักทายอย่างชนิดที่คนอื่น บางทียังตีหน้างง ๆ ว่าคู่นี้เขาไปรู้จักมักคุ้นกันมาตั้งแต่เมื่อไร เมื่อหลวงพ่อพระพรหมเสนาบดี เจ้าของงานวันเกิด ๘๐ ปี ถวายสักการะหลวงพ่อสมเด็จฯ ทั้ง ๓ รูป และถวายปัจจัยไทยธรรมแล้ว ก็ขออนุญาตลงไปใส่บาตรวันเกิดพระสงฆ์ ๘๑ รูป กระผม/อาตมภาพขออนุญาตตัดหน้าท่านในช่วงจะใส่บาตร เพราะว่าบรรดาพระสงฆ์ยังไม่ทันจะตั้งแถวรอรับบาตร ด้วยการถวายมุทิตาสักการะ ไม่ว่าจะเป็นไทยธรรมหรือซองปัจจัย ท่านก็ไม่ได้สนใจ หากแต่สนใจกล่องใบน้อยที่กระผม/อาตมภาพส่งให้ ท่านถามว่า "นี่อะไรครับ ?" จึงได้กราบเรียนท่านไปว่า "เสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ขอรับ ปีที่แล้วที่บอกว่าจะถวายให้หลวงพ่อ แล้วก็หยิบผิด องค์นั้นถวายไปเลย แต่ว่าองค์นี้เพิ่งมีโอกาสถวายในปีนี้" ท่านรีบเอาใส่กระเป๋าอังสะ ทั้งที่กระผม/อาตมภาพยืนยันว่า "เดี๋ยวอาจจะหล่นนะครับ" ท่านบอกว่า "ไม่หล่นแน่นอน"
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
#4
|
||||
|
||||
![]()
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเมื่อหลายปีก่อน หลวงพ่อท่านปรารภกับกระผม/อาตมภาพว่า "อยู่มาจนป่านนี้ จะหาพระเครื่องที่เป็นเกียรติเป็นศรี เป็นหน้าเป็นตาแก่ตนเองสักองค์หนึ่ง อย่างประเภทเบญจภาคีก็หาของแท้ไม่ได้เลย ที่คนอื่นหามาถวายเป็นสิบ ๆ องค์ เอาไปให้เซียนเขาเช็คแล้ว บอกว่าของทำเลียนแบบทั้งนั้น"
กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายท่านว่า "เดี๋ยวงานวันเกิดหลวงพ่อ กระผม/อาตมภาพจะนำมาถวาย ๑ องค์" แล้วก็ได้ปลดสมเด็จวัดระฆัง องค์ที่ติดประคำของตนเอง ถวายท่านไปในงานวันเกิดปีนั้น หลังจากนั้นเดือนกว่า มาเจอท่านที่งานวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านตบหน้าอกตนเอง ทางด้านกระเป๋าอังสะ บอกว่า "ใช้อยู่นะครับ ให้เซียนเขาเช็คแล้ว บอกว่าของแท้" กระผม/อาตมภาพจึงถามท่านว่า "อยากได้อะไรอีก ?" ท่านบอกว่า "ถ้าท่านเป็นคนหามา ผมรับทั้งนั้น" จึงได้เรียนท่านไปว่า "จะถวายเสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย ให้สักองค์หนึ่ง เพราะว่าหลวงพ่อใจดีจนเกินไป ต้องเอาเสือไปช่วยเพิ่มอานุภาพของมหาอำนาจเอาไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นแล้ว บางทีคนเขาก็ไม่ค่อยจะเกรงใจ" ท่านเองก็ตอบรับด้วยความยินดี แต่ว่าปีนั้นกระผม/อาตมภาพได้นำเอาเสือใส่กล่องแบบเดียวกันกับวัตถุมงคลชิ้นอื่น แล้วนำไปถวายท่าน ปรากฏว่าเปิดออกมาแล้วไม่ใช่เสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย กลายเป็นว่าผิดหวังไป จนกระทั่งปีนี้จึงได้นำมาถวายท่าน เชื่อมั่นได้เลยว่าท่านจะติดตัวไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพนั้น กว่าที่จะได้มาแต่ละองค์ บางทีก็ต้องรอโอกาสหลายต่อหลายปี แต่ว่าบางปีก็ประเดประดังกันมา ๓ องค์ ๔ องค์ โดยเฉพาะเสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยนั้น พี่ณพ (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) ลูกศิษย์หลวงพ่อฤๅษีฯ รุ่นพ่อ ซึ่งกระผมเรียกว่า "พี่" จนชินมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ท่านมีประสบการณ์มากที่สุด เพราะว่าเคยยิงผู้ร้ายเต็ม ๆ จนกระทั่งตกน้ำหายไป นึกว่าจะตายแล้ว ปรากฏว่าอีกไม่กี่วัน มันมาเยาะเย้ยอีกแล้ว สอบถามแล้วถึงได้รู้ว่า ผู้ร้ายคนนั้นซึ่งอาละวาดอยู่แถวบ้านจระเข้น้อย มีเสือหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยติดตัวอยู่
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
#5
|
||||
|
||||
![]()
ต้องบอกว่าหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ยนั้น เกียรติคุณของท่านเข้าไปถึงในรั้วในวัง ถึงขนาดในหลวงรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสต้นไปแล้วได้มีโอกาสกราบพบ ยังมีบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจน ว่าท่านมีรูปร่างลักษณะอย่างไร มีปฏิปทาอย่างไร
โดยเฉพาะวัตุถมงคลของท่าน ซึ่งใช้คำว่าแกะด้วยเขี้ยวเป็นรูปเสือ ฝีมือค่อนข้างหยาบ แต่ว่าราคาสูงมากถึง ๑ บาท บางปีราคาสูงเพราะของหายาก ก็สูงถึง ๖ บาท กระผม/อาตมภาพเห็นพระราชหัตถเลขาตรงนี้แล้วยังตกใจ ว่าในสมัยที่ข้าวเกวียนหนึ่งราคาไม่ถึง ๑ บาท แต่เสือหลวงปู่ปานองค์ละ ๑ บาท และเมื่อคนต้องการ สูงสุดเคยขึ้นไปถึงตำลึงครึ่ง ก็คือ ๖ บาท ถ้าเป็นราคาสมัยนี้ก็คงจะนับล้านบาทเลยทีเดียว แล้วขณะเดียวกัน ราคาเสือหลวงปู่ปานในปัจจุบันนี้ก็ไปถึงระดับนั้นจริง ๆ เสียด้วย แสดงว่าค่านิยมนี้ไม่ได้ตกต่ำหายไปเลย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ใน ๙ เครื่องรางสะท้านแผ่นดินก็ตาม แต่ถ้าให้กระผม/อาตมภาพจัดลำดับเอง เครื่องรางที่กระผม/อาตมภาพจัดเอาไว้ รับรองได้ว่า ๑๐ อันดับแรกต้องมีเขี้ยวเสือ หลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย จังหวัดสมุทรปราการ ต้องมีหนุมาน หลวงปู่สุ่น วัดศาลากุน จังหวัดนนทบุรี ต้องมีตะกรุดไมยราพณ์สะกดทัพ หลวงพ่อกุน วัดพระนอน จังหวัดเพชรบุรี เหล่านี้อยู่ด้วยแน่นอน เมื่อกราบลาท่านออกมา ปรากฏว่ารถของกระผม/อาตมภาพนั้น จอดอยู่ทางซุ้มประตูทางเข้าวัด ซึ่งจะต้องวิ่งสวนเข้าไป เพื่อไปออกทางประตูทางออกอีกด้านหนึ่ง แต่พอดีพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็จะออกด้วย ทำให้ตำรวจรีบไล่กระผม/อาตมภาพให้ออกจากประตูทางเข้านี้แหละ ช่วยกันเป่านกหวีด ช่วยกันกั้นรถเป็นการใหญ่ ปล่อยให้ถอยหลังยาว ๆ ขึ้นมาบนถนน แล้วก็วิ่งออกไปแบบสบายใจเฉิบ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม |
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 5 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) | |
ยอดไผ่, เล็กเจษฎา |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|