กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนสิงหาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า เมื่อวานนี้, 19:45
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,124
ได้ให้อนุโมทนา: 225,996
ได้รับอนุโมทนา 809,465 ครั้ง ใน 39,832 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า วันนี้, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,119
ได้รับอนุโมทนา 4,497,584 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ ช่วงเช้าพวกเราบิณฑบาตกันตามโครงการ "วันเสาร์ใส่บาตรตลาดริมแคว ยลวิถีเมืองท่าขนุน" แต่คราวนี้กำลังใจของหลายท่านอยู่ในลักษณะที่ "ตก" เพราะเห็นว่ามีนักท่องเที่ยวมาน้อย ซึ่งเรื่องพวกนี้ต้องบอกว่า "หาเรื่องคิดให้ตัวเองลำบากเอง" เนื่องเพราะถ้าคิดกันตามปกติ ช่วงนี้เป็นฤดูฝน ที่เรียกกันว่า "โลว์ซีซั่น" นักท่องเที่ยวน้อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เพียงแต่ว่านักท่องเที่ยวจะน้อยหรือจะมาก เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ใช่ไปรู้สึกไม่ดีว่าคนมากันน้อย ต้องเอาอย่างที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า พระองค์ท่านแสดงธรรมเหมือนกับราชสีห์จับเหยื่อ ไม่ว่าจะเหยื่อจะตัวใหญ่หรือว่าตัวเล็ก ก็ทุ่มเทกำลังเต็มที่เหมือนกัน ดังนั้น..โอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการล่าเหยื่อจึงมีมาก พวกเราก็ต้องทำแบบเดียวกัน ก็คือทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ต่อให้มีบุคคลมาเพียงคนเดียวก็ต้องทำเต็มที่..!

ในเรื่องของการประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมก็ดี การปฏิบัติคันถธุระ ตลอดจนกระทั่งหน้าที่การงานต่าง ๆ ของพวกเราก็ตาม จึงเป็นเครื่องวัดกำลังใจของเราอย่างดีที่สุดว่า ในแต่ละวัน กำลังใจของเราอยู่ในด้านดี หรือว่าด้านไม่ดี หรือว่าสามารถวางกำลังใจเป็นกลาง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งหนึ่งประการใดเลย

เพียงแต่ว่าพวกท่านค่อนข้างจะดูใจตัวเองไม่เป็น แม้กระทั่งตัวเองหงุดหงิดกลัดกลุ้มอยู่ บางทีก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร ถ้าลักษณะอย่างนั้น โอกาสที่เราจะปรับกำลังใจให้มาด้านดีก็เป็นไปโดยยาก เนื่องเพราะว่า "ทุกข์เกิด" แต่เราหา "เหตุของทุกข์" ไม่ได้ แล้วอย่างนั้นจะไปดับทุกข์ได้อย่างไร ?


ดังนั้น..ในส่วนของการปฏิบัติหน้าที่การงานก็ดี การเรียนก็ตาม เราต้องคอยดูกำลังใจของตนเองอยู่เสมอว่า เรามีความยินดียินร้ายต่อสภาพตรงหน้าของเรามากน้อยเท่าไร ต้องพยายามปรับกำลังใจเป็นกลางให้ได้ ถ้ายังไม่สามารถวางกำลังใจเป็นกลางได้ อย่างน้อย ๆ ก็ต้องไม่ยินดียินร้ายมากจนเกินไป

เนื่องเพราะว่าถ้ายินดียินร้ายมากจนเกินไป กำลังใจของเราฟูมาก แฟบมาก ถ้าอยู่ในลักษณะอย่างนั้น โอกาสพลาดจะมีสูง ก็แปลว่าหน้าที่การงานทุกอย่างนั้น ความจริงก็คือให้เราฝึกหัดขัดเกลาตนเอง ไม่ใช่สักแต่ว่าทำให้ผ่านไปแต่ละวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า วันนี้, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,119
ได้รับอนุโมทนา 4,497,584 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ต่อให้สิ่งที่เราทำซ้ำ ๆ ซาก ๆ ขนาดไหนก็ตาม อย่างน้อยเราต้องรู้ว่า "เราทำวันนี้ได้ดีกว่าเมื่อวานหรือเปล่า ?" ถ้ายังทำได้ดีไม่เท่าเมื่อวาน หรือว่าทำได้ไม่ดีกว่าเมื่อวาน พรุ่งนี้เราต้องทำให้ดีกว่าวันนี้..! นี่คือการตั้งเป้าหมายเอาไว้ให้ชัดเจน แล้วเราจะได้ปฏิบัติไปตามเป้าที่วางไว้ ความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมถึงจะมีขึ้นได้

โดยเฉพาะเรื่องพวกนี้เป็นการวัดในการปฏิบัติจริง หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า "ศึกษาหลักธรรมแล้วเอาไปใช้ในชีวิตจริง" ซึ่งเป็นการแสดงผลอย่างชัดเจนที่สุดว่า "ธรรมะที่เราประพฤติปฏิบัติมานั้น สามารถที่จะทนการเสียดสีได้ระดับเท่าไร ?" ถ้ารู้สึกว่าไปจนสุดปลาย เรารับไม่ได้ เกิดความหวั่นไหว ยินดียินร้ายมาก ก็ต้องรีบแก้ไขกำลังใจตนเองโดยด่วน ก็คือเราจะรู้ว่าจุดพอดีหรือว่าจุดรับเต็มที่ของเราอยู่ตรงไหน ? แล้วพยายามที่จะปรับให้ดีขึ้น สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งไม่หวั่นไหว ไม่ยินดี ไม่ยินร้ายกับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ถึงจะนับว่าใช้ได้

หลังจากที่พวกเราฉันเช้าเสร็จแล้ว หลายท่านก็เห็นว่ามีคณะพระธรรมทูตสายอินเดีย - เนปาล นำโดยท่านเจ้าคุณเฉลิมชาติ - พระวิเทศวัชราจารย์ (เฉลิมชาติ ชาติวโร) เจ้าอาวาสวัดสิทธารถราชมณเฑียร ประเทศอินเดีย มาถวายสักการะเนื่องในโอกาสเข้าพรรษา เพราะท่านถือว่ากระผม/อาตมภาพเป็นครูบาอาจารย์ของท่านรูปหนึ่ง

เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ระยะหลังนี้ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูงหรือว่าลูกศิษย์ ท่านเจริญก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงาน เป็นใหญ่เป็นโตกันจนกระทั่งบางท่านขึ้นไปจนถึงระดับรองเจ้าคณะภาคแล้ว..! แต่กระผม/อาตมภาพก็ยังคงทำตัวเป็นปกติเหมือนเดิม ก็คือยินดีกับความดีที่ท่านได้รับ เพราะว่าสร้างผลงานเอาไว้ ก็สมควรแก่ตำแหน่งหรือว่ายศศักดิ์

ถ้าถามว่ากระผม/อาตมภาพรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจหรือไม่ ? ว่าเพื่อนฝูงลูกศิษย์เขาก้าวหน้ากันไปขนาดนั้นแล้ว เรายังอยู่แค่นี้เอง..! ขอบอกว่าเรื่องอย่างนี้ กระผม/อาตมภาพ
ไม่เสียเวลาไปคิด เพราะเท่ากับว่าหาทุกข์ใส่ตัว โดยเฉพาะในเรื่องของยศของตำแหน่ง ไม่ใช่ได้มาเฉย ๆ แต่มาพร้อมกับหน้าที่รับผิดชอบที่ใหญ่ขึ้น หนักขึ้น บางทีกระผม/อาตมภาพมองดูท่านที่ดิ้นรนไขว่คว้า ก็ยังคิดอยู่ว่า "ท่านไม่ได้คิดเลยหรือว่าจะต้องรับภาระหนัก จะต้องเหนื่อยยากยิ่งกว่าเดิม?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:33
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า วันนี้, 01:07
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,119
ได้รับอนุโมทนา 4,497,584 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงเฉย ๆ กับเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ อยู่ในลักษณะที่ว่า ถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรให้มาก็รับไว้ ไม่ให้มาก็แล้วไป ไม่เสียเวลาไปคิด ไม่เสียเวลาไปน้อยใจ เพราะว่าแค่ภาระหน้าที่ในแต่ละวันก็ท่วมหัวแล้ว ถ้าพูดกันแบบง่าย ๆ ก็คือ "ไม่มีเวลาไปคิด" เรื่องพวกนี้เป็นการวัดกำลังใจของตัวเราได้เช่นกันว่า เราไปยินดียินร้ายกับโลกธรรมหรือไม่ ? ถ้าหากว่าวางใจเป็นกลาง ไม่ยินดียินร้ายได้ โอกาสที่เราจะทุกข์มากขึ้นก็ไม่มี

อย่างที่กระผม/อาตมภาพเคยกล่าวไปหลายวาระแล้วว่า คนเราในปัจจุบันนี้ มักจะทุกข์เพราะความคิดตัวเอง ก็คือเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เอามาคิดไปหมด แล้วก็เครียด นอนไม่หลับ หน้าเหี่ยว หัวหงอกไปเรื่อย ตามแต่ตนเองที่เครียดมากเครียดน้อย ท้ายสุดหลายรายก็มะเร็งรับประทาน..! กลายเป็นว่าหาเรื่องใส่ตัว สร้างทุกข์ให้กับตนเอง

ดังนั้น..ในส่วนหนึ่งที่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า "พระสินทรัพย์" ท่านสามารถที่จะตั้งฉายาให้ตนเองได้ถูก ก็คือเป็น "หลวงตาสิ้นคิด" เพียงแต่ว่าท่านทำได้จริงอย่างนั้นหรือเปล่า ? เนื่องเพราะว่าถ้าหาก ศีล สมาธิ ปัญญา ของเราทรงตัวมั่นคงไปได้ถึงระดับหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา สภาพจิตของเรารับเข้ามาแล้ว จะสามารถกลั่นกรองได้เร็วมากว่า ถ้าเราคิดแบบนี้ จะก่อให้เกิดทุกข์เกิดโทษอย่างนี้ แล้วก็วางทิ้งไปเลย แต่ถ้าเราคิดแบบนี้ จะทำให้คุณงามความดีเจริญขึ้น ก็จะเลือกคิดในด้านนั้น แล้วท้ายสุดก็คือไม่คิดอะไร เพราะว่ามีแต่จะสร้างโทษให้กับตนเองมากกว่า..!

ดังนั้น..ญาติโยมส่วนใหญ่ ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรของเราในปัจจุบันนี้ มักจะคิดฟุ้งซ่านไปต่าง ๆ นานา ก็คือถ้าไม่ไปหวนหาอาลัยในอดีต ก็จะไปฟุ้งซ่านถึงอนาคต ถ้ากำลังใจของเราหลุดไปจากปัจจุบัน ไม่ว่าจะส่งไปในอดีต หรือไปในอนาคต ก็แปลว่าเรากำลังสร้างทุกข์สร้างโทษให้กับตนเอง กำลังซ้ำเติมตนเอง ที่ความทุกข์มีสาหัสอยู่แล้ว ยังมาทำให้ทุกข์นั้นหนักยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 19 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า วันนี้, 01:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,891
ได้ให้อนุโมทนา: 159,119
ได้รับอนุโมทนา 4,497,584 ครั้ง ใน 36,502 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าถามว่าทำไมกระผม/อาตมภาพใช้คำว่า "ทุกข์สาหัส ?" ก็เพราะว่าบุคคลที่จิตยิ่งละเอียด ก็ยิ่งเห็นความทุกข์ชัดเจน แม้กระทั่งการหายใจก็ยังเหนื่อย ไม่ต้องคิดอะไรมาก แค่ท่านตักอาหารเข้าปาก เรายกมือขึ้น วางมือลง ท่านลองไปยกขึ้น ๆ ลง ๆ สัก ๒๐๐ - ๓๐๐ ครั้งติดต่อกันดูว่าจะทุกข์แค่ไหน ?

ถ้าเรารู้จักใช้ปัญญาคิด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราล้วนแล้วแต่เป็นความทุกข์ทั้งสิ้น เป็นเรื่องที่เราต้องทน ยิ่งเห็นชัดเจนมากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าเหลือที่จะทน ถ้าหากว่าอยู่ในลักษณะแบบนี้ ท่านทั้งหลายก็จะเข้าสู่ในส่วนวิปัสสนาญาณ ๙ ก็คือเริ่มหาทางหนี

เมื่อเห็นทุกข์ชัดเจน พยายามจะหาทางหนี หนทางก็ไม่มีอะไรเหนือไปกว่ามรรค ๘ ก็คือ ศีล สมาธิ ปัญญา จนกระทั่งท้ายสุด สังขารุเปกขาญาณเกิด เห็นว่า
เจ้าอยากจะทุกข์ก็ทุกข์ไปเถิด เพราะว่าข้าอยู่กับเจ้าแค่วันนี้เท่านั้น หรือถ้าจิตละเอียดมาก ๆ ก็คืออยู่แค่ชั่วลมหายใจนี้เท่านั้น

ในเมื่ออยู่กับมันแค่ชั่วลมหายใจเดียว ทำไมเราจะอยู่ให้ดีไม่ได้ ? ท่านทั้งหลายก็จะปล่อยวางการยึดมั่นถือมั่น เลิกการปรุงการแต่งทั้งหมด ชีวิตเราอยู่กับปัจจุบันเฉพาะหน้าเท่านั้น อดีตผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ อนาคตก็ไม่รู้ว่าจะมาถึงหรือเปล่า ? เพราะถ้าลมหายใจของเราหมดไป ชีวิตก็สิ้นสุดลง จึงปล่อยวางจากภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม อยู่กับปัจจุบันธรรมตรงหน้า พูดง่าย ๆ ว่าหายใจไปวัน ๆ รอวันตายเท่านั้น ไม่ใช่ดิ้นรนแสวงหาความตาย แต่พร้อมที่จะตายอยู่เสมอ เพราะเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า การพ้นไปจากร่างกายนี้เท่านั้น ที่จะทำให้เราพ้นจากกองทุกข์ได้

จึงขอฝากไว้เป็นการบ้านสำหรับท่านทั้งหลายไปพิจารณาดูบ่อย ๆ ว่า สิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนั้น สามารถทำได้ดังที่กระผม/อาตมภาพกล่าวมาแล้วหรือไม่ ? สามารถขัดเกลาตนเองไปถึงระดับไหน ? แล้วเราท่านทั้งหลายจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่ละวันของเรา ถ้าสามารถรักษากำลังใจอยู่ในด้านดีได้มากกว่า ก็ถือว่าไม่เสียทีที่ได้ปฏิบัติธรรมแล้ว..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : วันนี้ เมื่อ 01:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 22 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 6 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 5 คน )
ทายก
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 17:17



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว