กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 09-06-2025, 17:12
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 521
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 25,791 ครั้ง ใน 1,009 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-06-2025, 21:06
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,285 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ เป็นวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๗ หรือที่เรียกกันภาษาชาวบ้านว่า "วันโกน" กระผม/อาตมภาพจึงทำการโกนหัวแต่เช้ามืด เนื่องเพราะว่าวันนี้ต้องเดินทาง ในระหว่างนั้นไม่มีเวลามาโกนหัวของตนเอง

เมื่อโกนหัวแล้วก็ต้องโกนคิ้วไปด้วยตามความนิยมของคณะสงฆ์ไทย แต่ว่ามีพระสงฆ์นักวิชาการบ้าง พวกหัวรั้นไม่ดูบริบทของสังคมบ้าง พยายามที่จะไว้คิ้ว โดยอ้างว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้สั่งให้โกนคิ้ว ซึ่งถ้าว่ากันตามพระธรรมวินัยก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เนื่องเพราะ
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากำหนดให้ปลงผม โกนหนวด ตัดเล็บตามเวลา

โดยเฉพาะในยุคนั้นสมัยนั้น มีการไว้ผม ไว้หนวดเครา ไว้เล็บ เป็นการแสดงออกซึ่งตบะของตน เป็นการปฏิบัติที่ไปเน้นร่างกายที่ทำให้ไม่สามารถหลุดพ้นได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงสั่งให้ภิกษุทำสิ่งที่ตรงกันข้ามกับเขา โดยเฉพาะในยุคนั้นสมัยนั้น การโกนหัวหรือว่าผมสั้นไม่ถึง ๒ องคุลี เขาถือว่าเป็นกาลกิณี ไม่มีใครอยากคบค้าสมาคมด้วย

คาดว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ประพฤติเช่นนี้ ก็เพื่อเป็นการปิดทางถอยของตนเอง ให้ต้องมุ่งหน้าไปเพื่อไขว่คว้าหาอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณอย่างเดียว ก็คือไม่เหลือทางถอยไว้สำหรับตนเอง เพราะว่ากลายเป็นคนกาลกิณีในสายตาของสังคมไปแล้ว องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจะได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจอยู่กับการประพฤติปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานประการหนึ่งเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของพระไทยที่โกนคิ้ว ไม่เหมือนกับพระประเทศอื่น ๆ นั้น มีตำนานมาสองสายด้วยกัน สายหนึ่งว่ามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าบรมโกศในยุคกรุงศรีอยุธยา ซึ่งพระองค์ท่านมีศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา นิมนต์พระสงฆ์เข้าไปแสดงพระธรรมเทศนาในพระบรมมหาราชวังทุกวันพระ

คราวนี้บรรดาสาวสรรค์กำนัลในต่าง ๆ นั้น ส่วนใหญ่นอกจากพวกผู้หญิงด้วยกันแล้ว ก็ได้เห็นแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่เป็นผู้ชายเพียงพระองค์เดียว ครั้นมีพระภิกษุซึ่งเป็นผู้ชายเข้ามาด้วย ไม่ว่าจะอายุมากอายุน้อยขนาดไหนก็ตาม ย่อมเป็นที่สนใจของบรรดาสาว ๆ ทั้งหลายอยู่แล้ว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2025 เมื่อ 02:38
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-06-2025, 21:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,285 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แม้ว่าเราจะมีธรรมเนียมปฏิบัติคือการถือตาลปัตรบังหน้า เพื่อป้องกันการเก้อเขินอย่างหนึ่ง เพื่อป้องกันการสบสายตากับเพศตรงข้าม ทำให้เสียสมาธิอีกอย่างหนึ่ง แต่ตาลปัตรนั้นก็ไม่ได้ถือบังหน้าอยู่ตลอดเวลา จึงมีบรรดาพระภิกษุซึ่งได้รับอาราธนาเข้าไปแสดงธรรมวันพระ ที่อายุยังไม่มาก หรือว่าอายุมากแต่หัวใจยังหนุ่มอยู่ เมื่อสบตากับบรรดาสาวสรรค์กำนัลในก็มีการยักคิ้วให้ แสดงออกว่าสนใจ ทำให้บรรดาสาวสรรค์กำนัลในคิกคักรื่นเริงกัน จนพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงสังเกตเห็น จึงสั่งให้พระภิกษุสามเณรทั่วสังฆมณฑลโกนคิ้วเสียให้หมดเรื่องหมดราวไป..!

ส่วนตำนานที่สองมาในยุครัตนโกสินทร์นี่เอง เนื่องจากว่ายุคนั้น เรายังรบทัพจับศึกกับทางประเทศพม่า ซึ่งการรบทัพจับศึกนั้นย่อมต้องมีการส่งนักสืบสายลับเข้าไปแฝงตัวเพื่อหาข่าวต่าง ๆ วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือปลอมเป็นพระภิกษุสงฆ์เข้ามา เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสงฆ์ก็คือผู้ไม่มีเวรภัยกับใคร ไปไหนพุทธศาสนิกชนก็ให้การต้อนรับด้วยดี ทำให้สามารถหาข่าวคราวต่าง ๆ ได้โดยง่าย

ในเรื่องกล่าวว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ในหลวงรัชกาลที่ ๑ ทรงเล็งเห็นตรงนี้ จึงได้มีกระแสรับสั่ง ให้พระภิกษุสามเณรทั่วราชอาณาจักรไทยโกนคิ้วเสีย ในเมื่อพระภิกษุสามเณรของไทยโกนคิ้ว แต่ข่าวคราวนี้ไปไม่ถึงทางฝ่ายพม่า จึงทำให้เวลาสายลับพม่าปลอมเป็นพระภิกษุเข้ามา ไม่ได้โกนคิ้ว ทำให้โดนจับได้เป็นจำนวนมาก

คราวนี้
ในยุคสมบูรณาญาสิทธิราชย์ รับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็คือกฎหมาย เมื่อพระองค์ท่านสั่งแล้วไม่ได้ยกเลิก ก็ต้องยึดถือและปฏิบัติตาม ๆ กันมาจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ต่อให้ไม่มีสองตำนานนี้ก็จริง แต่ในเมื่อจารีตประเพณีของบ้านเรา ให้พระภิกษุโกนคิ้ว เราก็ควรที่จะประพฤติปฏิบัติให้เหมือน ๆ กัน ไม่ใช่ไปแหกคอกเพื่อเอาเด่นเอาหล่ออยู่คนเดียว ประมาณว่า "กูรู้จริงในพระธรรมวินัย" บ้าง "กูอยากจะหล่อบ้าง" เหล่านี้เป็นต้น

แม้แต่ในสิ่งที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าห้าม ก็ยังมีการ "แหกคอก" กันอยู่เสมอ อย่างเช่นว่าในเรื่องของการโกนหนวด เมื่อไม่นานนี้เอง ในการประชุมคณะสงฆ์ ซึ่งเป็นการประชุมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส รองเจ้าอาวาส และผู้ช่วยเจ้าอาวาส ปรากฏว่ากระผม/อาตมภาพเจอพระภิกษุรูปหนึ่ง ผมบนศีรษะขาวหมดแล้ว แต่ดูท่าทางท่านยังแข็งแรงมาก จุดที่สะดุดตาก็คือท่านไว้หนวดไว้เคราเต็มหน้า เป็นตอสั้น ๆ อยู่ประมาณครึ่งเซ็นติเมตร..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2025 เมื่อ 02:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-06-2025, 21:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,285 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงเข้าไปตบไหล่ ถามว่า "หลวงพ่อเจ้าอาวาสให้มาแทนหรือ ?" เนื่องเพราะว่าป้ายชื่อที่ติดอยู่นั้นเป็นเจ้าอาวาสที่กระผม/อาตมภาพรู้จัก ท่านตอบว่า "ครับ..ผมมาแทนเพราะว่าหลวงพ่อติดศาสนกิจ"

กระผม/อาตมภาพจึงบอกว่า "ไปโกนหนวดโกนเคราให้เรียบร้อยก่อน เราฮอร์โมนดี หนวดเครางอกเร็วก็ให้โกนทุกวัน อย่าไปปล่อยเว้นเอาไว้ เพราะว่าผิดพระวินัย..!" ท่านเองไม่ทราบว่าไว้เพราะอยากหล่อหรืออย่างไร ? เนื่องเพราะว่าดูหน้าตาท่าทางก็แข็งแรงสมชายชาตรี ทั้งที่ผมเผ้าหงอกหนวดเคราหงอกหมดแล้ว แต่เมื่อเจอพระเถระเตือนตรง ๆ ก็ต้องวิ่งไปร้านค้า ซึ่งมาตั้งอยู่ในงานทุกครั้ง จัดแจงซื้อมีดโกนแล้วไปทำการโกนหนวดให้เรียบร้อย

ถ้าหากว่าญาติโยมหลายท่านสังเกตจะเห็นว่ารูปพระเกจิอาจารย์รุ่นเก่า ๆ มักจะมีหนวดมีเคราอยู่เสมอ แม้แต่รูปหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ก็มีหนวดมีเคราเช่นกัน กระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามเรื่องนี้ต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่า "ตั้งแต่ท่านรู้จักหลวงปู่ปาน วัดบางนมโคมา ไม่เคยเห็นท่านไว้หนวดไว้เคราแม้แต่ครั้งเดียว"

แต่ว่ารูปถ่ายที่มีหนวดเครานั้น เกิดจากการถ่ายรูปสมัยก่อนที่ต้องมีการแต่งฟิล์มในห้องมืด ช่างก็คิดว่าพระเกจิอาจารย์ควรจะมีหนวดมีเครา เพื่อที่จะให้เห็นถึงความเคร่งครัดในการปฏิบัติจนไม่มีเวลาโกนหนวดโกนเครา ก็เลยจัดแจงเติมหนวดเคราเข้าไปให้ และก็ไม่ได้เติมแค่รูปเดียว หากแต่ว่าเติมไปหลายต่อหลายรูป จนกระทั่งทำให้บรรดาพระรุ่นหลัง ๆ หลายท่านเห็นขลังว่า ถ้ามีหนวดมีเคราก็คือการเป็นพระเกจิอาจารย์ขลังนั่นเอง..!

เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพถือว่า
ไม่ใช่ข้ออ้างในการละเมิดพระวินัย นอกจากเป็นการเข้าใจผิดแล้ว ต่อให้ไม่เข้าใจผิด ถ้าคุณไว้หนวดไว้เคราก็เป็นการละเมิดพระวินัย คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าห้ามอยู่ดี เนื่องเพราะว่าบรรดาท่านทั้งหลายเหล่านั้นเมื่อทำตัวขลัง ก็ไปไว้หนวดไว้เครา บางรูปก็เลี้ยงจอนเสียยาวเฟื้อยไปด้วย ลงมาต่อกับหนวดเคราของตนเองอย่างเท่ไปเลย..! ถ้าอยากหล่อแบบนั้น กรุณาสึกหาลาเพศไปเถิด อย่าอยู่แล้วทำให้พระวินัยของเราเสื่อมทรามลงไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2025 เมื่อ 02:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-06-2025, 21:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,285 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนที่ควรจะระมัดระวังเพราะพระพุทธเจ้าห้าม ท่านกลับไปละเมิด อย่างเช่นว่าพระพุทธเจ้า "ห้ามพระภิกษุนำขนในที่แคบออก" เนื่องเพราะว่าในยุคนั้นสมัยนั้น พระภิกษุยังต้องไปสรงน้ำตามท่าน้ำ แล้วก็ไปช่วยกันถอนขนรักแร้ ทำให้บรรดาชาวบ้านโพนทะนาว่า "พระภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อบวชสละเรือนออกไปแล้ว เหตุใดจึงยังทำตนเหมือนฆราวาสผู้เสพกามอยู่อีกเล่า ?" จึงทำให้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บัญญัติไม่ให้ภิกษุสามเณรถอนขนในที่แคบ

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านทั้งหลายแทนที่จะดูแลตนเองโดยการไม่ไปละเมิดพระวินัย ก็เห็นส่วนใหญ่ไปจัดการถอนเสียเกลี้ยงเกลา หรือว่าโกนก็ไม่ทราบได้ ?

ดังนั้น..
การปฏิบัติตามพระธรรมวินัยปัจจุบันนี้ สิ่งที่ควรทำกลับไม่ทำ ไปทำในสิ่งที่ไม่ควร กลายเป็นสัทธรรมปฏิรูปขึ้นมาในพระพุทธศาสนาของเรา จนกระทั่งพอนาน ๆ ไป รุ่นหลัง ๆ ปฏิบัติตามก็จะเกิดการผิดเพี้ยนไปเรื่อย แถมยังไปถกเถียงกันอีกว่าของใครถูกกันแน่ ?!

ในเมื่อเราเป็นพระภิกษุสงฆ์ สิ่งที่ต้องถืออย่างสำคัญที่สุดก็คือพระธรรมวินัย รองลงไปก็คือพระประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือว่ากฎหมายบ้านเมืองนั่นเอง ต่อไปก็คือต้องคล้อยตามจารีตประเพณี แต่ว่าจารีตประเพณีนั้นก็ต้องไม่ขัดกับพระธรรมวินัยด้วย เป็นต้น ดังนี้..เราจึงจะเป็นพระภิกษุสามเณรที่ดี สามารถดำรงพระพุทธศาสนาอยู่ได้จนกระทั่งครบถ้วน ๕,๐๐๐ ปีสมดังเจตนาปรารภของพุทธศาสนิกชนโดยถ้วนหน้ากัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2025 เมื่อ 02:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 23:08



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว