กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมิถุนายน ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 04-06-2025, 17:30
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 11,012
ได้ให้อนุโมทนา: 225,550
ได้รับอนุโมทนา 804,398 ครั้ง ใน 39,560 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 04-06-2025, 21:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,262 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเกือบจะไข้จับตาย เนื่องเพราะว่าอยู่ ๆ ฝนก็หยุดตก อากาศกลายเป็นฤดูหนาว แดดเปรี้ยงเลย..!

อำเภอทองผาภูมินั้นอากาศร้อนจัด หนาวจัดสุดขั้วอยู่เสมอ ฝนหยุดเมื่อไรก็จะออกอาการหนาวทันที โดยเฉพาะระยะหลังประมาณ ๗ - ๘ ปีมานี้ เมื่อฝนหยุด อากาศก็เหมือนกับฤดูหนาว ทำให้ต้นไม้ภายในวัดหลายต้นที่ไวต่ออากาศก็รีบทิ้งใบ เพราะเข้าใจว่าเข้าฤดูหนาวแล้วจริง ๆ แต่ปรากฏว่าจากที่เคยทิ้งใบเฉพาะฤดูหนาว ก็กลายเป็นทิ้งใบปีละ ๗ - ๘ ครั้ง ไม่ทราบเหมือนกันว่าต้นไม้ป่วยได้เหมือนคนหรือเปล่า ? แต่คนอย่างกระผม/อาตมภาพจะป่วยตาย เพราะอากาศแบบนี้นี่เอง..!

เมื่อนำพระภิกษุสามเณรออกบิณฑบาตและฉันเช้าเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี หมู่ที่ ๕ ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อทำการบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย และบอกกล่าวถึงการรับตำแหน่งเจ้าสำนักของพระมหาชลธี ธมฺมวโร ป.ธ. ๓ ซึ่งมาเป็นเจ้าสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีรูปล่าสุด

เรื่องของเกาะพระฤๅษีนั้นเกิดจากการที่กระผม/อาตมภาพ ออกจากวัดท่าซุงมา หลังจากที่จัดงานถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ตลอด ๑๐๐ วันแล้ว เมื่ออัญเชิญสังขารของท่านขึ้นสู่มณฑปในวิหารแก้ว ๑๐๐ เมตร กระผม/อาตมภาพก็ขอลากับหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ (พระราชภาวนาโกศล วิ.) หรือว่า พระครูปลัดอนันต์ พทฺธญาโณในสมัยนั้นว่า "ขออนุญาตออกจากวัด เนื่องเพราะว่าถ้าอยู่ต่อ ก็จะเป็นสาเหตุให้เขากระทบกระทั่งกันไม่รู้จบ"

เนื่องเพราะว่ามีบุคคลที่ต้องการจะเป็นเจ้าอาวาส พยายามไปขุดคุ้ย ประมาณว่า "ฟื้นฝอยหาตะเข็บ" ว่า เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันนี้มีข้อผิดพลาดอะไรที่ไม่สมควรบ้าง โดยที่พยายามดึงกระผม/อาตมภาพเข้าไปเป็นพวก

เนื่องเพราะว่าในยุคนั้น กระผม/อาตมภาพเองถวายการรับใช้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ด้วยชีวิต อะไรที่คนอื่นไม่กล้าทำ กระผม/อาตมภาพก็กล้าทำ ไม่ว่าจะการลงไปตีกับชาวบ้านที่มาหาปลาจนถึงแพหน้าวัด หรือว่าการล้างทุจริตภายในวัดหลายต่อหลายแห่ง จนกระทั่ง ๔ พรรษาสุดท้าย พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านคงเห็นว่า ทำงานได้เด็ดขาดเหมือนอย่างใจของท่าน จึงเรียกใช้อยู่คนเดียว ทำให้เกิด "เครดิต" ขึ้นมาในสายตาพระพี่พระน้องทั้งหลาย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2025 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 04-06-2025, 21:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,262 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในช่วงนั้นพระวัดท่าซุงมีอยู่ประมาณ ๔๐ รูปเศษ ถ้ากระผม/อาตมภาพบอกว่า "ซ้ายหัน..ขวาหัน" ก็น่าจะหันตามมาประมาณ ๓๐ รูป..! จึงมีการตั้งใจดึงกระผม/อาตมภาพเข้าไปเป็นพวก เพราะหวังกำลังหนุนตรงนี้ กระผม/อาตมภาพเห็นว่า "ถ้าอยู่ต่อเขาก็ทะเลาะกันไม่เลิก แต่ถ้าออกมาเสียก็หมดเรื่องไป เพราะว่าบุคคลที่เขาหวังให้ช่วยไม่อยู่แล้ว..!"

แม้ว่าหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ในขณะนั้นจะบอกว่า "ให้อยู่ช่วยกันก่อน" กระผม/อาตมภาพก็รับปากแค่ว่าจะมาช่วยประคับประคองให้ไม่เกิน ๓ ปี ที่เหลืออย่างไรท่านก็ต้องเดินด้วยตนเอง แล้วกระผม/อาตมภาพก็ออกจากวัดไป โดยที่เรียนกับท่านว่า "ให้ตั้งข้อหาว่ากระผมผิดระเบียบวัดอะไรก็ได้ และโดนขับไล่ออกจากวัดไปแล้ว" อีกฝ่ายจะได้หมดหวังที่กระผม/อาตมภาพไม่อยู่แล้ว เมื่อหมดหวังก็จะได้เลิกตอแยเจ้าอาวาสเสียที..!

เมื่อออกจากวัดไปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้ไปอาศัยอยู่ที่บริเวณที่แห่งนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีชื่อว่าสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษี เป็นสถานที่ซึ่งอยู่ข้างเคียงกับหน่วยจัดการต้นน้ำผาตาด ซึ่งภายหลังพัฒนาขึ้นมาเป็นศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ เมื่อไปถึงก็ได้ผูกมิตรกับบรรดาเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย

และท้ายที่สุดก็ทราบว่าพื้นที่นี้ติดอยู่กับเขตป่าสงวนเขาพระฤๅษี - เขาบ่อแร่ แปลงที่ ๒ จึงได้ตั้งชื่อว่าที่พักสงฆ์เกาะพระฤๅษี เนื่องเพราะว่ามีพื้นที่ประมาณ ๒ ไร่เศษ มีลำห้วยไหลล้อมรอบอยู่ มาภายหลังเมื่อไปขอตั้งเป็นสำนักสงฆ์ ผู้ใหญ่บ้านได้ยินแล้วก็ยังงงอยู่ บอกว่า "ถ้ารู้ว่าเป็นพื้นที่ไม่มีเจ้าของ ผมก็เอาเองไปตั้งนานแล้ว..!"

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า เมื่อกระผม/อาตมภาพไปติดต่อกับทางป่าสงวนเขาพระฤๅษี - เขาบ่อแร่ แปลงที่ ๒ เขาบอกว่าพื้นที่ของเขาแค่ลำห้วยด้านหลังเท่านั้น ส่วนนี้น่าจะเป็นของอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์

เมื่อกระผม/อาตมภาพไปติดต่อกับอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อีกฝ่ายก็บอกว่า พื้นที่ของตนอยู่แค่ลำห้วยด้านหน้าเท่านั้น และเมื่อมีถนนสายเหมืองสองท่อ - สหกรณ์นิคมทองผาภูมิตัดผ่าน ก็ไปยึดแนวถนนเป็นเขตอุทยานแทน ที่ตรงนี้จึงกลายเป็นที่หลงสำรวจ ไม่มีเจ้าของ แม้กระทั่งพื้นที่ก็มีไม่ถึงตามที่กำหนดเอาไว้ในการจัดตั้งสำนักสงฆ์หรือว่าวัด เนื่องเพราะว่าต้องมีพื้นที่อย่างน้อย ๖ ไร่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2025 เมื่อ 01:57
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 04-06-2025, 21:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,262 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพจึงได้จัดตั้งขึ้นมาเป็นที่พักสงฆ์เกาะพระฤๅษีก่อน โดยการทำการก่อสร้างสิ่งต่าง ๆ ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านสั่ง ซึ่งมีทั้งศาลา ทั้งอาคารแทนโบสถ์ ทั้งหอฉันและกุฏิที่พัก เหล่านั้นเป็นต้น ตั้งแต่วันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๖ ใช้เวลาในการก่อสร้างประมาณปีเดียวก็เสร็จสรรพเรียบร้อย

ในช่วงนั้นเรียกว่าทำงานกันจน "ตัวดำเป็นเหนี่ยง" เมื่อกลับไปเยี่ยมพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคุณอนันต์ เพื่อปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ ที่ท่านสอบถามว่าควรจัดการอย่างไร ? พอเอาจีวรออกนั่งคุยกัน ท่านยังตกใจ ถามว่า "คุณไปทำอะไรมา ถึงได้ไหม้จนหลังดำขนาดนั้น..!" กระผม/อาตมภาพก็เรียนถวายว่า "แค่ก่อสร้างวัดไปทั้งวัดเท่านั้น..!"

หลังจากนั้นแล้ว เมื่อพระเดชพระคุณพระราชธรรมโสภณ ซึ่งภายหลังได้เลื่อนขึ้นมาเป็นพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทโธ ป.ธ. ๔) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ท่านได้ส่งกระผม/อาตมภาพไปอยู่วัดโน้นบ้าง วัดนี้บ้าง ที่เห็นว่า "ไปไม่ไหว" เพื่อให้ช่วยในการพัฒนาวัดทั้งหลายเหล่านั้น กระผม/อาตมภาพก็ได้สามเณรกิตติวงษ์ ปิ่นประดับ คอยดูแลสถานที่ให้แทน จนกระทั่งมาภายหลัง เมื่อมาอยู่ที่วัดท่าขนุนอย่างเป็นทางการ และสามเณรกิตติวงษ์ ปิ่นประดับ ไปบวชเป็นพระธรรมยุต ซึ่งได้ข่าวว่าภายหลังท่านสึกมาและมีวัตรปฏิบัติแบบโยคีแทน

กระผม/อาตมภาพก็มอบหมายให้พระครูธรรมธร แสงชัย กนฺตสีโล อดีตประธานสงฆ์สำนักสงฆ์ถ้ำทะลุช่วยดูแลเกาะพระฤๅษีแทน แต่ว่าท่านมีนิสัยอยู่ไม่ติดที่ ดูแลได้ไม่นานก็ออกธุดงค์แบบสนุกสนาน จึงได้ส่งพระสมุห์กำพร สุชาโต ไปดูแลแทน แล้วภายหลังเมื่อพระสมุห์กำพรได้สึกหาลาเพศไป ก็มอบหมายให้พระปลัดอาทิตย์ ชุตินฺธโร ไปเป็นเจ้าสำนักอยู่ระยะหนึ่ง

เมื่อพระปลัดอาทิตย์ ท่านออกมาเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน และปัจจุบันนี้ก็คือเจ้าสำนักสงฆ์ห้วยน้ำริน จังหวัดเชียงใหม่ กระผม/อาตมภาพก็มอบหมายให้พระมหากวีศิลป์ วิสุทฺธิกุโล ไปเป็นประธานสงฆ์ในการบริหารจัดการสำนักสงฆ์เกาะพระฤๅษีแทน ซึ่งในยุคที่พระมหากวีศิลป์เป็นเจ้าสำนักนี้ ท่านได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงและพัฒนาเกาะพระฤๅษีไปมาก จากที่กระผม/อาตมภาพรื้ออาคารไม้ ไม่ว่าจะเป็นเรือนสุมาลี เรือนสโรชา เรือนกนกวลี ไปตั้งอยู่ที่หมู่กุฏิไม้ประยุกต์วัดท่าขนุน ท่านก็มาบริหารจัดการปรับโน่น ปรุงนี่ จนกระทั่งเปลี่ยนแปลงไปแทบที่จะจำไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2025 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 04-06-2025, 21:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,629
ได้ให้อนุโมทนา: 158,513
ได้รับอนุโมทนา 4,488,262 ครั้ง ใน 36,238 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

มาภายหลังท่านต้องไปอยู่ที่เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อดูแลวัดของที่นั่น กระผม/อาตมภาพก็มอบหมายให้พระวินัยธรจิตศิลป์ เหมรํสี, ดร. มาทำหน้าที่เจ้าสำนักสงฆ์อยู่ระยะหนึ่ง

เมื่อท่านไปเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศ จึงได้มอบหมายให้พระมหาชลธี ธมฺมวโร ป.ธ.๓ มาดูแลสถานที่แทน ซึ่งพระมหาชลธีท่านก็ปฏิบัติตามแนวของครูบาอาจารย์ ก็คือไปอยู่ที่ไหนก็ให้ทำการบวงสรวงบอกกล่าวขอความอนุเคราะห์จากเจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย เพื่อความอยู่สุขอยู่เย็น ตลอดจนกระทั่งการปลอดภัยจากอันตรายต่าง ๆ โดยเฉพาะเจ้าที่บริเวณเกาะพระฤๅษีนั้น เป็นอากาสเทวดา ไม่ใช่ภุมมเทวดา ชาวบ้านเขาเรียกกันว่า "พ่อปู่ดำ" มีศาลอยู่ที่ก่อนจะถึงบริเวณที่ทำการสหกรณ์นิคมทองผาภูมิ

ครั้งแรกที่ไปถึงและกระผม/อาตมภาพส่งจิตไปเพื่อที่จะติดต่อกับท่าน ท่านก็มาปรากฏตัวและบอกกล่าว ตลอดจนกระทั่งให้ไปพิสูจน์ทราบว่าศาลของท่านอยู่ตรงไหน ? กระผม/อาตมภาพจึงให้หัวหน้าประเดิมชัย แสงคู่วงษ์ ซึ่งตอนนั้นทำหน้าที่หัวหน้าหน่วยจัดการต้นน้ำผาตาด และหัวหน้าศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ขับรถพาไปพิสูจน์ทราบดู ปรากฏว่ามีศาลตั้งอยู่และมีป้ายติดว่า "ศาลเจ้าพ่อปู่ดำ" จริง ๆ..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงได้สอบถามท่านว่า "จะให้ตั้งศาลแบบไหน ?" ท่านบอกว่า "เอาศาล ๔ เสา หรือ ๖ เสาก็ได้ หลังคาออกสีเขียวทอง" กระผม/อาตมภาพนึกภาพไม่ออก จึงได้บอกกับท่านว่า "ถ้าผ่านสถานที่ไหนซึ่งมีศาลแบบนี้ ขอให้ช่วยสะกิดบอกหน่อยก็แล้วกัน"

ปรากฏว่าผ่านไปหลายเดือน เมื่อวิ่งไปทางอำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านบอกว่า "ตรงนี้แหละ..มีศาลที่กระผมต้องการ" ครั้นแวะเข้าไปก็เห็นว่าเป็นศาล ๖ เสา ทำด้วยปูน หลังใหญ่มาก หลังคาเป็นสีเขียว แต่ว่ามีเหลือบสีบรอนซ์ทองจริง ๆ ถามราคาแล้วอยู่ที่หมื่นกว่าบาท แต่เมื่อเล่าเรื่องให้ฟังแล้ว ทางเจ้าของโรงงานเกิดศรัทธา จึงลดราคาให้เหลือ ๙,๐๐๐ บาท และขนไปส่งให้จนถึงเกาะพระฤๅษีเอง..!

ดังนั้น..สถานที่แห่งนั้น ถ้านับวัดจัดตั้งก็คือวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๓๖ และอยู่ยั้งยืนยง ผ่านผู้ดูแลมาหลายต่อหลายรายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว จนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน ผู้ที่รับเป็นเจ้าสำนักสงฆ์ดูแลอยู่ก็คือ พระมหาชลธี ธมฺมวโร ป.ธ. ๓ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าขนุนนั่นเอง

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๔ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 05-06-2025 เมื่อ 02:03
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 20:38



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว