กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมีนาคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-03-2025, 17:46
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๘ มีนาคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-03-2025, 01:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปร่วมทำวัตรเช้ากับบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนกลาง ที่วัดสามพระยา วรวิหาร ตามปกติ แต่ว่าหลังจากฉันเช้าแล้ว ก็ต้องบอกลาบรรดาว่าที่พระอุปัชฌาย์ทุกรูปของคณะสงฆ์ภาค ๑๔ เนื่องเพราะว่าต้องไปหาหมอตามที่นัดเอาไว้ แล้วพรุ่งนี้ยังมีการนำภาวนาพระคาถาเงินล้าน ๑๐๘ จบ ที่วัดอุทยาน อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี จึงต้องว่างเว้นไป ๑ วัน

โดยเฉพาะผู้คุ้นเคยอีกท่านหนึ่งก็คือท่านพระครูศรีธรรมฐิติ เจ้าคณะตำบลปล้อง เขต ๒ เจ้าอาวาสวัดดอนมูล ตำบลหนองแรด อำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ซึ่งก็คือพระมหาทรงธรรมญาณ ฐิตธมฺโม ป.ธ. ๖ อดีตมหาเปรียญจากสำนักเรียนวัดปากน้ำภาษีเจริญนั่นเอง บัดนี้กลับไปเจริญเติบโตทางบ้านเกิดของตนเอง จนกระทั่งได้รับความไว้วางใจจากพระเดชพระคุณพระธรรมวชิโรดม, รศ.ดร. (พล อาภากโร ป.ธ. ๙) เจ้าคณะภาค ๖ ส่งมาอบรมพระอุปัชฌาย์ในรุ่นนี้

เมื่อเดินทางไปหาหมอแล้วก็ได้ยาเพิ่มขึ้นมาอีก เนื่องเพราะว่ามีอาการติดเชื้อ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่ารู้สึกว่าปัสสาวะขัด แต่ไม่ใช่อาการของต่อมลูกหมากโต เป็นอาการที่เชื้อมาลาเรียกำเริบแล้วพาให้ส่วนอื่น ๆ อักเสบขึ้นมาด้วย แต่ในเมื่อคุณหมอวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อ ก็ต้องรับยามาฉันตามปกติ

ถ้าหากว่าดูในคิลาโนวาทของพระเดชพระคุณท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ญาณวรมหาเถร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ราชวรวิหาร อดีตสังฆนายกของวงการคณะสงฆ์ไทยแล้ว ก็ให้รู้สึกว่าสิ่งที่ท่านได้บอกกล่าวเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สมควรอย่างยิ่ง

คำว่า คิลาโนวาท ก็คือโอวาทสำหรับผู้ป่วย ก็คือต้องไม่ดื้อกับหมอ ถ้าหากว่าหมอลงความเห็นอะไรก็ให้เชื่อตามนั้น จ่ายยาอะไรก็ฉันไปตามนั้น ไม่ใช่ดื้อ คิดว่าเรารู้มากกว่า แต่ถ้าหากว่าบางอย่าง ท่านรู้มากกว่าจริง ๆ ก็คงต้องอาศัยความรู้ของท่านเอง ในการที่จะจัดสรรยา หรือว่าจัดสรรบุญกุศลส่วนหนึ่งประการใดมาบรรเทากรรมตรงนี้ นั่นต้องเป็นเรื่องพิเศษจริง ๆ เท่านั้น ไม่เช่นนั้นแล้วคงไม่สามารถที่จะทำแบบนี้ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2025 เมื่อ 03:20
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-03-2025, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในระยะนี้ ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายติดตามข่าวคราวในวงการสงฆ์ ก็จะเห็นว่ามีการสร้างกุฏิชีวาภิบาลบ้าง สถานชีวาภิบาลบ้าง เพื่อที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลสงฆ์ ตลอดจนกระทั่งภาระของเจ้าอาวาส ซึ่งมีพระผู้แก่ชรา หรือว่าเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคประจำตัว จะได้เข้าพักรักษา โดยมีที่อยู่อาศัย มีหยูกมียาที่เหมาะสมกับสมณสารูป

แต่ถ้าหากว่าอย่างที่เป็นข่าวแล้วโดนจับสึกไปเมื่อวันก่อน ก็คือหลวงตาท่านหนึ่ง ไปอยู่ประจำที่ตึกสงฆ์อาพาธ แล้วก็ไปออกอาการโวยวายกับหมอ กับพยาบาล จนเขาทนไม่ไหว ต้องแจ้งให้ญาติพี่น้องของท่านมารับไป แต่ว่าญาติทุกคนก็ปฏิเสธ เพราะรู้เช่นเห็นชาติความแสบของท่านดี..!

เมื่อติดต่อไปทางต้นสังกัด ต้นสังกัดของท่านบอกว่าท่านไม่ได้สังกัดอยู่วัดนี้ หากแต่บวชมาจากที่อื่น ในเมื่อต่างคนต่างเกี่ยงกันไปเกี่ยงกันมา จึงต้องเข้าหาเจ้าคณะปกครอง ก็คือท่านเจ้าคณะอำเภอ หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอติดต่อไปทางพระอุปัชฌาย์แล้ว ทางพระอุปัชฌาย์และวัดต้นสังกัดเดิมก็ไม่มีใครยินดีรับเอาไว้ เพราะว่าหลวงตาท่านนั้น มีสมณสารูปที่ไม่เหมาะกับความเป็นพระ ท่านเจ้าคณะอำเภอจึงตัดสินใจให้สึกหาลาเพศไปเลย..!

นี่คือลักษณะหนึ่งที่ทางองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสเอาไว้ว่า "พระหลวงตานั้นหาดีได้ยาก" คำว่าพระหลวงตาในที่นี้ก็คือผู้ที่บวชเมื่อแก่ จนกระทั่งทางมหาเถรสมาคมต้องมีมติว่า
ในเรื่องของการอุปสมบทนั้น ถ้าหากว่าอายุเกิน ๖๐ ไปแล้ว ก็ไม่ให้พระอุปัชฌาย์รับเข้ามาบวช

เพียงแต่ว่ากระผม/อาตมภาพนั้นอยู่ในลักษณะที่ว่า ในเมื่อพระอุปัชฌาย์แปลตามรากศัพท์ว่าผู้เพ่งดูโดยตระหนัก ก็คือ ต้องกำหนดดู กำหนดรู้ พินิจพิจารณาโดยรอบด้านแล้วว่า บุคคลนี้สมควรที่จะทำการอุปสมบทให้หรือไม่ ? เมื่อเห็นว่าสมควร และมั่นใจว่าสามารถจัดการได้ถ้ามีปัญหาขึ้นมา ถึงได้ให้การอุปสมบทแก่ผู้ที่อายุเกิน ๖๐ ปีไปหลายราย

แล้วก็เป็นที่น่าชื่นใจ อย่างเช่นว่าหลวงตาดำ (พระดำริ สนฺติกโร) ซึ่งปัจจุบันขอไปสังกัดอยู่ที่วัดวังปะโท่ก็ดี หลวงตาอ่อง (พระอ่อง ทีฆายุโก) ซึ่งปัจจุบันนี้อายุ ๘๐ กว่าปีแล้วก็ตาม ต่างเป็นพระหลวงตาที่ว่านอนสอนง่าย รู้ผิดรู้ถูก ตั้งใจปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2025 เมื่อ 03:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-03-2025, 01:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าหากว่าโชคดีแบบกระผม/อาตมภาพ เราก็สามารถที่จะให้การบรรพชาอุปสมบทได้ เนื่องเพราะว่าการบรรพชาอุปสมบทนั้น เป็นสิทธิของพระอุปัชฌาย์เป็นผู้ตัดสินใจ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่าพระอุปัชฌาย์ตัดสินใจไปแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบได้ด้วยว่า จะสามารถควบคุมสัทธิวิหาริกของท่านนั้น ให้อยู่ภายใต้โอวาทของพระอุปัชฌาย์ ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับวัดวาอาราม ตลอดจนกระทั่งคณะสงฆ์ขึ้นมาได้

กระผม/อาตมภาพยังชื่นชมไปจนกระทั่งถึงหลวงปู่พระราธเถระ ซึ่งท่านเป็นพราหมณ์ บวชเมื่อแก่ โดยมีพระสารีบุตรเป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้ หลวงปู่พระราธเถระได้รับการตั้งเป็นเอตทัคคะ คือ ผู้เลิศในทางว่านอนสอนง่าย เพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงขนาดออกปากว่า พระหลวงตาหาดีได้ยาก เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าอายุมาก ความรู้มาก ก็เลยทำให้ติดมานะทิฏฐิเยอะมากไปด้วย แล้วก็ไม่ค่อยที่จะฟังใคร

ตัวอย่างที่ชัดเจนก็อย่างเช่น หลวงตาฉันนเถระ เป็นต้น แต่ว่าหลวงตาฉันนเถระ เมื่อโดนพรหมทัณฑ์ ในช่วงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว ก็เกิดความรู้สำนึกขึ้นมา ตั้งใจปฏิบัติจนกระทั่งกลายเป็นพระอรหันต์

ในเมื่อเรามีหลวงปู่พระราธเถระให้เป็นแบบอย่างอยู่ ทำไมบรรดาพระหลวงปู่หลวงตาของเราถึงไม่ปฏิบัติตามแบบนั้น หากแต่ว่าไปหัวรั้น ดื้อดึง เอาแต่ใจตนเอง อยู่ในลักษณะสร้างปัญหาให้กับพระอุปัชฌาย์อาจารย์ ตลอดจนกระทั่งคณะสงฆ์อยู่เสมอ

กระผม/อาตมภาพยังอนุโมทนากับหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอรูปนั้น ที่ท่านกล้าตัดสินใจสึกหาลาเพศให้กับหลวงตาเจ้าปัญหารูปนั้นไป เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเคยเจอมาแล้ว สมัยที่ท่านอาจารย์สมพงษ์ (อดีตพระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) อดีตเจ้าคณะตำบลท่าขนุนเขต ๒ อดีตเจ้าวาสวัดท่าขนุน ได้จับสึกสามเณรที่ทำผิดระเบียบวัดเป็นอาจิณไป แต่ปรากฏว่าผู้ที่เป็นพระอุปัชฌาย์บวชให้สามเณรรูปนั้น เป็นเจ้าคณะตำบลอีกตำบลหนึ่ง มีการโวยวายทะเลาะกันไปใหญ่โต กระผม/อาตมภาพเข้าไปไกล่เกลี่ยก็ยังถามว่า "อาจารย์เล็กจะเอาเรื่องกับผมหรือ !?"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2025 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 09-03-2025, 01:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพก็ได้แต่ปลอบท่านว่าให้ใจเย็น ๆ "ท่านก็ได้ชื่อว่าเป็นพระกรรมฐาน แล้วทำไมถึงได้สติหลุดมาจนขนาดนี้ ซึ่งเสียเชิงพระกรรมฐาน เสียเชิงพระเถระระดับเจ้าคณะตำบล และเสียไปถึงครูบาอาจารย์ด้วย" ท่านได้สติขึ้นมา ยังพูดสะบัด ๆ ประมาณว่า "ตอนนี้ผมกรรมถอนแล้ว..!"

แต่ว่าคนอื่นก็เห็นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาว่า กระผม/อาตมภาพนั้น เมื่อถึงเวลาที่ฉุกเฉินขึ้นมาแล้ว สามารถที่จะเป็นที่พึ่งให้กับท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้จริง สามารถที่จะหย่าศึกที่กำลังเดือดคลั่กลงไปได้ ก็เลยกลายเป็นความน่าเชื่อถือส่วนตัว พอถึงเวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นในคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ท่านเจ้าคณะอำเภอในแต่ละยุค ก็มักจะส่งกระผม/อาตมภาพเข้าไปแก้ไขปัญหาได้

จนกระทั่งบางที หลายท่านที่สังเกตการณ์อยู่ก็ถึงกับหัวเราะ เนื่องเพราะว่าพอปัญหาทุกอย่างจบลง บรรดาเจ้าคณะปกครองก็แห่กันเข้ามา ในลักษณะแถลงข่าวต่อมวลชน กลายเป็นว่าคนทำงานแทบตายอย่างกระผม/อาตมภาพ แทบจะไม่มีบทบาทอะไรเลย บทบาทการหย่าศึก หรือว่าทำให้เรื่องที่สงบลงต่าง ๆ กลายเป็นเจ้าของพื้นที่บ้าง เจ้าคณะปกครองระดับสูงไปบ้าง

พวกเราก็มาคุยกันเฮฮาอยู่ข้างนอก เพราะว่ากระผม/อาตมภาพเองนั้นทำงานเพื่องาน ไม่ได้คิดจะทำงานเอาหน้า ใครที่จะเอาหน้ากับสื่อมวลชน หรือว่าอยากจะออกโซเชียลก็ปล่อยท่านไปเถอะ ในเมื่อทำตัวในลักษณะอย่างนี้ เจ้าคณะปกครองท่านหนึ่งถึงขนาดออกปากว่า "ผมดูหลวงพ่อเล็กผิดไป นึกว่าท่านเองเป็นเหมือนกับรูปอื่น ๆ บอกว่าไม่เอา แต่ความจริงก็คือให้ง้อเอาเชิงเสียหน่อยแล้วก็จะเอา แต่นี่นอกจากท่านจะไม่เอาอะไรเลยแล้ว ยังมีแต่ช่วยคณะสงฆ์ตลอดมา" กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้ม ๆ เท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าจะรับสมอ้างไปทำไม ในเมื่อเราเองเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว

ดังนั้น..เรื่องทั้งหลายเหล่านี้จึงเป็นเรื่องที่อยากจะกล่าวต่อเนื่องจากเมื่อวานที่ว่า ทางด้านประเทศอินเดียเขามีแนวทางประพฤติปฏิบัติ ในการดำเนินชีวิตที่เรียกว่าอาศรม ๔ ประการ ก็คือไปบวชเอาช่วงท้ายของชีวิต นั่นเป็นลักษณะของบุคคลที่ตั้งใจเอาดีในทางพ้นโลกจริง ๆ ไม่เหมือนกับประเทศของเรา ที่บวชเข้าไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็หวังที่จะหาเลี้ยงชีพตนเอง ถ้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ไม่เข้มงวดกวดขันจริง ๆ ก็จะมีแต่บรรดาพระแก่หัวดื้อ ไม่ยอมฟังใคร เพราะถือว่าอายุมาก ประสบการณ์มาก ทำให้พระลูกพระหลานที่เป็นเจ้าอาวาสก็ดี เจ้าคณะปกครองก็ตาม ต้องปวดหัวกันไม่เว้นแต่ละวัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๘ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-03-2025 เมื่อ 03:29
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:57



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว