กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 14-02-2025, 17:50
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 15-02-2025, 00:42
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ ความจริงแล้ววัดท่าขนุนมีงาน ซึ่งทางที่ว่าการอำเภอทองผาภูมิ โดยท่านนายอำเภอชาคริต ตันพิรุฬห์ จัดให้มีงาน "วันวาเลนไทน์ รักได้ไม่จำกัด" ตามนโยบายที่ทางรัฐบาลออกเป็นกฎหมายให้มีการสมรสข้ามเพศได้ โดยที่จัดให้มีการจดทะเบียนสมรสที่ตลาดชุมชนวัดท่าขนุน ตลอดจนกระทั่งให้บรรดาคู่รักไปร่วมใส่บาตรและฟังการเจริญชัยมงคลคาถาจากพระภิกษุสงฆ์

กระผม/อาตมภาพต้องมอบภาระให้พระภิกษุวัดท่าขนุนไปดำเนินการแทน เนื่องเพราะว่าวันนี้ต้องเดินทางไปให้ถึงสนามบินนานาชาติดอนเมืองตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง ตามที่เติมเต็มทราเวลของลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) นัดหมายให้พวกเราทั้ง ๖๐ รูปคน ไปพบกันที่ประตู ๑ อาคาร ๓ ในเวลาดังกล่าว

กระผม/อาตมภาพและน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้รับความเมตตาจากพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.,ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน พระครูสมุห์กรณ์พัฒน์ กนฺตวณฺโณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดอุทยาน และคุณปิง (นายณัฐภาคย์ องค์วรวิทย์) นำรถตู้ไปส่งจนถึงสนามบินนานาชาติดอนเมือง

ไปถึงก็ได้รับการบริการที่รวดเร็วทันใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกสารหรือการเช็คอิน จึงไปนั่งรอที่ประตูขึ้นเครื่องแต่เนิ่น ๆ ครั้นเมื่อถึงเวลา ปรากฏว่าทางด้านสายการบินให้ขึ้นรถบัสไปขึ้นเครื่องบินกลางสนามบิน กระผม/อาตมภาพไม่ทราบเหมือนกันว่ารถบัสขับช้า หรือว่าตัวเองภาวนาเร็ว เพราะว่าได้อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบพอดีไปขึ้นเครื่อง..!

ทางเครื่องบินขึ้นตรงเวลา ลงตรงเวลา ประมาณ ๗ โมงครึ่งก็ลงสู่สนามบินนานาชาติวัดไต แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ กระผม/อาตมภาพได้รับสิทธิพิเศษเข้าสู่ช่องพิเศษ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ ๒ คน ทำการตรวจสอบเอกสารและประทับตราหนังสือเดินทางให้ แล้วก็ไปรออยู่ที่บริเวณสายพานส่งกระเป๋า ปรากฏว่าแทบจะยังไม่มีใครผ่านเข้ามาเลย จึงต้องช่วยยกกระเป๋าของคณะลงมาตามลำดับ จนกระทั่งมีผู้คนทยอยกันมา ถึงได้ช่วยกันยกลงมาจนหมด

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า นอกจากคณะของเราจะเป็นคณะใหญ่แล้ว ยังมีผู้โดยสารอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมาก แต่ว่าทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งไม่ใช่ช่องพิเศษนั้น เปิดให้ทำงานแค่ช่องเดียว จึงเกิดความล่าช้าเป็นอย่างยิ่ง ถ้าสนามบินสุวรรณภูมิของเราเป็นเช่นนี้ รับรองได้ว่ารอจนวันรุ่งขึ้นก็อาจจะยังไม่ได้ผ่านกองตรวจคนเข้าเมือง..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 15-02-2025, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อออกมาทางด้านนอก ปรากฏว่าครูบาแก้ว สนฺติโก เจ้าอธิการ (เจ้าอาวาส) วัดท่าช้าง เจ้าของงาน นำเอาพานดอกไม้มาถวายการต้อนรับ จึงนัดแนะกับท่านว่าพรุ่งนี้จะไปให้ถึงวัดท่าช้างไม่เกิน ๙ โมงเช้า ให้ท่านเตรียมเครื่องบวงสรวงไว้ให้พร้อม ไปถึงจะได้เริ่มงานบวงสรวงก่อนเลย แล้วพวกเราก็มาขึ้นรถบัส ๒ คันที่ทางเติมเต็มทราเวลได้นำมารอรับ โดยมี "บิ๊กก๊อด ช่องเม็ก" ผู้ที่คุ้นเคยกันตั้งแต่ครั้งที่ไปลาวใต้ อุตส่าห์เดินทางมารับด้วย มัคคุเทศก์ท้องถิ่นของเรารายงานตัวว่าชื่อ "นางไก่" ผู้หญิงลาวเกิดมา โดยใช้คำว่า "ตั้งแต่ประสูติ" ก็ใช้คำว่า "นาง" มาโดยตลอด ไม่มีเด็กหญิง ไม่มีนางสาว

พวกเราขึ้นรถแล้ว ทางโชเฟอร์ก็นำออกเดินทาง ฝ่าการจราจรที่ค่อนข้างจะติดขัดทีเดียว ตอนแรกกระผม/อาตมภาพคิดว่าจะไปกราบสักการะพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ แต่ปรากฏว่าทางมัคคุเทศก์พามาที่หอพิพิธภัณฑ์วัดพระแก้ว ซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตสมัยที่อยู่ประเทศลาว จอดรถลงบริเวณข้างถนน ซึ่งมี "ต้นหำงัว" โตเป็นโอบ เรียงรายอยู่ตลอดแนวรั้วดูน่าชื่นใจเป็นอย่างยิ่ง เจ้าต้นหำงัวนี่บ้านเราเรียกว่า "มะฮอกกานี"

ครั้นเจ้าหน้าที่เขาจัดการเรื่อง "ปี้" จนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เข้าไปภายใน นางไก่นำไปที่อนุสาวรีย์ ซึ่งมีหญิงชายชาวลาวกำลังประคองพานที่มีดอกจำปา ซึ่งเป็นตัวแทนหรือเครื่องหมายของประเทศลาว ยกสูงขึ้นเหมือนกำลังจะให้แก่อะไรบางอย่างหรือใครบางคน

นางไก่บอกว่าความจริงจะมีรูปปั้นของฝรั่งเจ้าอาณานิคมในยุคนั้น กำลังยื่นมือมารอรับดอกจำปา ซึ่งหมายถึงแผ่นดินลาวที่คนลาวมอบให้ฝรั่งเศสดูแล แต่เมื่อได้รับอิสรภาพแล้วก็เลยทำการ "ปาด" หรือว่าตัด ในส่วนของรูปปั้นฝรั่งไปโยนทิ้ง "แม่น้ำของ" หรือแม่น้ำโขง พวกเราก็เลยให้นางไก่ไปยืนทำท่าเป็นเจ้าอาณานิคมแทน ทำเอาหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง..!

แล้วถัดไปก็เป็นศาลาที่ตั้งของไหหิน ซึ่งนำมาจากทุ่งไหหิน แขวงเชียงขวางโน่น ปรากฏว่าตอนแรกทุกคนก็ฮือกันล้อมเข้าไป กระผม/อาตมภาพบอกว่าให้เข้ามาใกล้ ๆ หน่อย เพราะว่านี่เป็นไหบรรจุศพคนโบราณ ทำเอาหลายคนแตกฮือออกไปอยู่ทางด้านหลังทันที..! นางไก่บอกว่านักโบราณคดีสันนิษฐานไว้ ๒ อย่าง อย่างแรกก็คือเป็นไหบรรจุศพอย่างที่กระผม/อาตมภาพว่ามา อีกอย่างหนึ่งก็อาจจะเป็นไหหมักเหล้าก็ได้ แต่กระผม/อาตมภาพขอแย้งว่า ถ้าเป็นไหหมักเหล้าควรที่จะทำขนาดเดียวกัน ไม่ใช่ใหญ่ ๆ เล็ก ๆ อย่างที่เห็นอยู่ ถ้าหากว่าใหญ่ ๆ เล็ก ๆ แบบนี้ไม่น่าจะใช่มาตรฐานไหเหล้าอย่างแน่นอน

แล้วพวกเราก็มาถ่ายรูปหมู่รวมกันที่บริเวณบันไดขึ้นสู่หอพระแก้ว จากนั้นก็ปล่อยให้เดินชมพระพุทธรูปงาม ๆ รอบพิพิธภัณฑ์และภายใน กระผม/อาตมภาพยังแปลกใจว่า มีการห้ามถ่ายรูปภายในหอพระแก้ว แต่ว่าพระเนื้อสำริดงามสุด ๆ รอบบริเวณนั้น ราคามหาศาลจนประมาณไม่ได้ เขากลับไม่ห้ามถ่ายรูปเสียนี่..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 15-02-2025, 00:55
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อชมและถ่ายรูปจนครบแล้ว พวกเราก็ออกจากพิพิธภัณฑ์วัดพระแก้ว ข้ามถนนไปยังวัดศรีสะเกษ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าในสมัยก่อนนั้น วังเจ้ามหาชีวิตก็อยู่ในบริเวณเดียวกับหอพระแก้วนั่นเอง ทางด้านศีรษะหรือว่า "หัวนอน" จะหันมาทางวัดศรีสะเกษ และเป็นสถานที่ซึ่งมาสรงสนานสระเกศากันที่นี่

บริเวณนี้ก็เช่นกัน ก็คือห้ามถ่ายรูปภายในวิหาร แต่รอบข้างที่มีพระเก่า ๆ ประดิษฐานอยู่เป็นร้อย ๆ องค์เขากลับไม่ห้าม..! ในโบสถ์นั้นจะมีช่องเล็ก ๆ ที่บรรจุพระพุทธรูปเอาไว้มากมาย ถ้าหากว่าจะตั้งใจนับกันจริง ๆ ก็คงจะหลายพันองค์

พวกเราเดินชมจนชื่นใจแล้ว ไปถึงทางด้านหลังก็เห็นของดี คือฮางฮด คำว่า "ฮางฮด" ในที่นี้ก็คือรางสำหรับสรงน้ำพระ แกะเป็นรูปพญานาค สวยงามมาก ๆ และเก่าแก่สุด ๆ ผู้ร่วมคณะของเราบอกว่า ทางด้านหลังอุโบสถวัดศรีสะเกษมีอีกรางหนึ่ง กระผม/อาตมภาพแค่เหลือบตามองก็บอกว่า "ของใหม่" ที่เก่าจริง ๆ ก็คือที่กำลังชมอยู่นี่ เนื่องเพราะว่าไม้นั้นเปื่อยผุจนกระทั่งแทบจะกร่อนร่วงเป็นฝุ่นไปอยู่แล้ว..!

ครั้นพวกเราออกจากวัดศรีสะเกษแล้ว ก็ตรงไปยังสถานที่ต่อไป ก็คือวัดศรีเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหลักเมืองนครเวียงจันทน์ แล้วยังมีอนุสาวรีย์นางศรีเมือง ซึ่งสละชีพสำหรับก่อตั้งหลักเมืองเวียงจันทน์ตามความเชื่อของคนโบราณอีกด้วย พวกเรากราบพระ สักการะศาลหลักเมือง ตลอดจนกระทั่งหลายท่านก็ไปไหว้ขอบคุณนางศรีเมือง ที่สละชีพเพื่อนครเวียงจันทน์แห่งนี้ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับมาขึ้นรถ บางคนก็ทำท่าเหมือนจะหมดสภาพ เพราะว่าง่วงนอนมาก..!

ทางคณะทัวร์จึงพาพวกเราไปยังภัตตาคารภัตตาคาร "แคมของ" ก็คือริมแม่น้ำโขง เพื่อให้พระฉันเพล และพวกเราทั้งหลายได้กินอาหารกลางวัน จากนั้นจะได้เดินทางไปตามตารางที่กำหนด แล้วเข้าสู่ที่พักแต่โดยเร็ว เพราะเห็นทำท่าไร้แรงบินกันแล้ว

อาหารที่ภัตตาคารแห่งนี้ถือว่าอร่อยทีเดียว แต่เนื่องจากว่าทำแบบเอาใจคนไทยสุด ๆ ก็คือแกงป่าก็ออกมาแบบไทย ไข่เจียวก็ออกมาแบบไทย แม้แต่ต้มยำปลาแม่น้ำโขงก็ออกมาแบบไทย ทำให้กระผม/อาตมภาพบอกกับนางไก่ว่า "บ่แซ่บ..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 15-02-2025, 00:58
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออิ่มแล้ว เขาก็พาพวกเราฝ่ารถติดไปยังร้านจินตนาหัตถกรรม เพื่อซื้อเครื่องกันบูด คำว่า "เครื่อง" ก็คือสิ่งของนั่นเอง แต่เนื่องจากว่าคำว่า "ของ" ของคนลาวนั้น ก็คือสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด อย่างเช่น หู ตา มือ เท้า เป็นต้น แต่ถ้าหากว่าเครื่องก็คือสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่นอกกาย ดังนั้น..ร้านขายเครื่องก็คือร้านขายของของบ้านเรานั่นเอง ในสถานที่นี้มีสารพัดข้าวของ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเงิน เสื้อผ้า ตลอดจนกระทั่งงานหัตถกรรมต่าง ๆ แต่ว่าดูท่าจะเอาใจคนจีนมากทีเดียว

กระผม/อาตมภาพดูไม้แกะสลักหลายชิ้นว่างดงามอยู่ แต่พอเห็นเนื้อไม้แล้วก็ไม่ต้องถามราคา รีบถอยมาแต่โดยไว เพราะว่ามีทั้งไม้สารคาม มีทั้งไม้พะยูง ถามราคาไปอาจจะมีสะดุ้ง..! รอจนกระทั่งพวกเราจับจ่ายใช้สอยซื้อ "เครื่องกันบูด" เพราะว่าถ้าไม่ซื้อกลับไป คนทางบ้านจะทำหน้าบูด..! ได้ของมาจนครบทุกคนแล้ว ก็กลับขึ้นรถเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป ก็คือสถานที่สำคัญสุดของทริปนี้ ได้แก่ พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ หรือพระเจดีย์โลกะจุฬามณี

ถ่ายรูหมู่กันแล้ว กระผม/อาตมภาพขึ้นไปสวด อิติปิ โสฯ ๓ ห้อง ๓ จบ อุทิศส่วนกุศลให้เทพเจ้าที่รักษาองค์พระธาตุหลวงในทิศทั้ง ๔ เทพเจ้าที่รักษาราชอาณาจักรลาวในอดีต และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในปัจจุบัน ตลอดจนกระทั่งท่านที่ต้องคำสาปถูกคุมขัง ไม่สามารถที่จะออกมาได้ ขอให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นอนุโมทนา ท่านที่มีความสุข ขอให้มีความสุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป ท่านที่มีความทุกข์ ก็ให้พ้นจากความทุกข์โดยไว

แล้วพวกเราก็ออกมาหาทางละลายทรัพย์กัน เนื่องจากว่ามีร้านค้าเป็นจำนวนมากอยู่รอบพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ กระผม/อาตมภาพก็ยังเผลอทำเงิน ๑๘๐,๐๐๐ กีบหล่นอยู่บริเวณนี้ เนื่องเพราะว่าไปเจอกระเป๋าหวายสานหน้าตาเข้าที จะเอาไปเป็นตัวอย่างให้กับงานหัตถกรรมทางด้านทองผาภูมิของเราดูบ้าง

ทางเจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานติดต่อไปทางโรงแรมแล้ว ปรากฏว่าเขายังทำความสะอาดห้องไม่เสร็จ โดยใช้คำว่า "อนามัยยังบ่แล้ว" พวกเราก็เลยต้องรับของแถมจากเติมเต็มทราเวล ก็คือตรงไปวัดพระเจ้าองค์ตื้อมหาวิหาร เพื่อที่จะกราบหลวงพ่อองค์ตื้อ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 15-02-2025, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อเข้าไปแล้วยังแทบจะอุทานออกมา เนื่องเพราะว่าเป็นพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่มหึมา นอกจากเนื้อหาจะอยู่ในลักษณะงดงามตาสุด ๆ แล้ว ฝีมือการหล่อยังจัดอยู่ในระดับชั้นเลิศอีกด้วย ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขารักษาพระพุทธรูปองค์ใหญ่ขนาดนี้ไว้ได้อย่างไร ถึงสมบูรณ์แบบมาจนถึงปัจจุบัน

แต่เมื่อเห็นว่าเป็นวัดของหลวงปู่มหาผ่อง สะมะเลิก อดีตประธานองค์การพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งประเทศลาว หรือว่าตำแหน่งพระสังฆราชแล้ว กระผม/อาตมภาพก็หายสงสัย เนื่องเพราะว่าหลวงปู่ท่านก็คือพระมหาเปรียญ ๖ ประโยค จากสำนักวัดชนะสงคราม กรุงเทพมหานครนั่นเอง กราบพระด้วยความชื่นใจและถ่ายรูปหมู่แล้ว คราวนี้ก็สามารถที่จะเดินทางกลับไปโรงแรมได้

ครั้นไปถึงแล้ว ก็ยังทึ่งว่าเป็นโรงแรมใหม่ แต่สร้างได้หรูหราอลังการมาก เพียงแต่ว่าห้องที่กระผม/อาตมภาพพักอยู่คนเดียวนั้นมีถึง ๓ เตียง ถ้าไม่ใช่คนที่เคยชินกับการนอนคนเดียวจริง ๆ สามารถพักได้อย่างน้อย ๖ คน จึงรู้สึกว่าเราควรที่จะใช้สถานที่ให้ครบ ด้วยการนอนสักที่ละ ๓ ชั่วโมง ก็น่าจะเข้าท่าอยู่มาก..!

หลังจากที่สรงน้ำ แต่งตัวใหม่ ส่งงานทางไลน์เสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็มาบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน โดยที่ในกลุ่มไลน์ครั้งนี้ได้บอกว่า พรุ่งนี้ตื่นตี ๕ รับประทานอาหารเช้ากันตอนตี ๕ ครึ่ง ออกเดินทางไปยังวัดท่าช้าง เมืองปากงึม แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ซึ่งห่างไป ๕๐ กว่ากิโลเมตร ภายในไม่เกิน ๗ โมงเช้า เพราะว่านัดทางด้านนั้นเอาไว้ตอน ๙ โมงเช้าว่าจะเริ่มทำบวงสรวง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ถนนหนทางไปสู่วัดท่าช้างนั้นค่อนข้างที่จะชำรุดทรุดโทรม ไม่สามารถที่จะทำความเร็วได้ จึงต้องเผื่อเวลาเอาไว้ก่อน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-02-2025 เมื่อ 18:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว