#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘
__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด (-/\-) (-/\-) (-/\-) |
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่อำเภอทองผาภูมิอยู่ที่ ๑๗ องศาเซลเซียส ลดลงมาจากวันก่อนรวดเดียว ๖ องศาเซลเซียส..! ทำให้รู้สึกค่อนข้างจะหนาวทีเดียว
เมื่อเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพไม่ได้ออกบิณฑบาต เพราะว่าต้องไปทำบวงสรวงบูชาพระรัตนตรัย เพื่อขออนุญาตในการจัดงานปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศอดีต ๗ เจ้าเมืองหน้าด่าน จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งปกติแล้วก็จะทำการบวงสรวงเต็มรูปแบบ โดยมีท่านพระครูสุทธิสารโสภิต รองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค เจ้าอาวาสวัดพุตะเคียนเป็นแม่งานให้ เพราะว่าท่านถนัดในการจัดงานบวงสรวงแบบพิธีมอญ แต่เนื่องจากว่าปีนี้ ท่านต้องจัดงานบรรพชนมอญปีที่ ๗๘ ที่วัดพุตะเคียนเอง แล้วก็ตรงกับวันนี้เสียด้วย กระผม/อาตมภาพจึงต้องทำบวงสรวงแบบไทย ก็คือใช้เครื่องบวงสรวงตามแบบของวัดท่าซุง แต่เป็นเครื่องบวงสรวงย่อส่วน ไม่เหมือนกับปีก่อนที่บวงสรวงไทยแล้วต่อด้วยบวงสรวงแบบมอญ เมื่อบอกกล่าวเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องรีบหนีเข้าห้องใต้ฐานสมเด็จองค์ปฐม ๒๑ ศอก หน้าวัดท่าขนุน ซึ่งฐานพระนั้นกระผม/อาตมภาพทำเป็นห้องขนาด ๓๐ คูณ ๓๐ ตารางเมตร ก็คือมีพื้นที่ใช้สอย ๙๐๐ ตารางเมตร ปิดประตูหน้าต่างแล้วรู้สึกว่าอบอุ่นดีมาก ไม่เช่นนั้นอยู่ด้านนอกแล้วก็จะหนาวมาก ดูการจัดเตรียมสถานที่ต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กลับเข้าไปภายในวัด นำเอาข้าวของสำหรับฝากคนป่วย แล้วเดินทางไปยังโรงพยาบาลทองผาภูมิ โดยติดต่อผ่านทางหมอนุ้ย (แพทย์หญิงนวลจันทร์ เวชสุวรรณมณี) ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทองผาภูมิ แจ้งว่าจะเข้าไปดูพระภิกษุวัดท่าขนุน ซึ่งได้รับอุบัติเหตุจากรถขนขยะภายในวัดแหกโค้ง ถึงขนาดกระดูกต้นขาหักทีเดียว..! จะไม่บอกกล่าว ผอ.นุ้ยก็ไม่ได้ เนื่องเพราะว่ามาถึงวันนี้ พระท่านก็ลงไปนอนวัดพื้นมา ๓ วันแล้ว..! กระผม/อาตมภาพเกรงว่าถ้านานไป กระดูกเริ่มเกาะตัวเข้าหากัน แล้วไปทำการผ่าตัดจัดกระดูกใหม่ ก็คงต้องมีการ "ทุบ" กันใหม่ ทำให้เจ็บตัวอีกรอบหนึ่งเปล่า ๆ แต่พอแจ้งหมอนุ้ยก็เดือดร้อนตรงที่ว่า แพทย์พยาบาลมักจะมาตั้งแถวต้อนรับ แล้วก็เดินตามคอยให้บริการ ซึ่งกระผม/อาตมภาพไม่ค่อยจะชอบ เพราะว่าพอหลายคนเข้าก็ไม่สะดวกคล่องตัวอย่างที่ต้องการ
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2025 เมื่อ 02:43 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อไปเยี่ยมเยือนมอบของเป็นกำลังใจแก่ผู้ป่วย ซึ่งเป็นเวรในการเก็บขยะวันนั้น แต่ว่ารถขยะกลับไปแหกโค้งภายในวัดเสียเอง จนกระทั่งบาดเจ็บสาหัส เห็นว่าท่านยังมีสติดีมาก ติดต่อประสานไปทางโรงพยาบาลที่ท่านมีบัตรทองอยู่ด้วยตนเอง เมื่อทราบว่าทางด้านโน้นมีหมออุบัติเหตุด้านกระดูกโดยเฉพาะ ก็แจ้งกับหมอนุ้ยว่า ให้ทำประวัติของท่านที่เข้ารักษาที่โรงพยาบาลนี้ แล้วท่านจะส่งออนไลน์ไปทางโรงพยาบาลของท่าน
เมื่อทางด้านโน้นรับเข้าเป็นคนไข้แล้ว จึงจะรบกวนทางโรงพยาบาลทองผาภูมิทำเรื่องส่งตัวไปให้ กระผม/อาตมภาพเห็นอย่างนั้นแล้วก็ยังรู้สึกเบาใจ ว่าไม่เสียทีที่ท่านเป็นผู้ปฏิบัติธรรมมา มีสติเผชิญกับเคราะห์กรรมของตนเองอย่างกล้าหาญและมั่นคง แล้วขณะเดียวกัน ก็ต้องชื่นชมน้ำใจของเพื่อนพระ ก็คือท่านปู (พระพงษ์สิทธิ์ สนฺตจิตฺโต) ที่ตนเองแม้ว่าจะติดเรียนปริญญาโทอยู่ ก็ยังสละเวลาไปเฝ้าไข้ให้เพื่อนพระด้วยกัน เป็นเรื่องที่ทุกคนควรที่จะดูเป็นเยี่ยงอย่าง เพราะว่าไม่ใช่เอาตัวรอดอยู่คนเดียวว่า "เรามีหน้าที่เรียน เรามีหน้าที่ปฏิบัติกรรมฐาน เรามีหน้าที่อยู่เวรยาม" หากทำลักษณะอย่างนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับหุ่นยนต์ ก็คือทำตามหน้าที่อย่างเดียว..! การเป็นมนุษย์นั้นเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีน้ำใจ โดยเฉพาะการดูแลภิกษุไข้ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า "ดูก่อน..ภิกษุทั้งหลาย เธอเป็นบุคคลอันปราศจากเรือนแล้ว ไม่มีพ่อแม่ญาติพี่น้องคอยดูแล เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยแล้ว ถ้าพวกเธอไม่ดูแลกันเอง แล้วใครเล่าจะมาดูแล ผู้ใดปรารถนาที่จะอุปัฏฐากตถาคต จงอุปัฏฐากแก่ภิกษุไข้เถิด การอุปัฏฐากแก่ภิกษุไข้นั้น ได้อานิสงส์เช่นเดียวกับการอุปัฏฐากตถาคต" แม้ว่าท่านปูอาจจะไม่ทราบข้อความนี้ แต่ว่าน้ำใจที่ท่านแสดงออกต่อเพื่อนพระนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ควรแก่การชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง กระผม/อาตมภาพกลับจากการเยี่ยมไข้แล้ว ก็ต้องมาเป็นประธานในการทำบุญอุทิศแก่อดีตเจ้าเมืองหน้าด่านจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง ๗ หัวเมือง ในระหว่างที่ฟังการเจริญพระพุทธมนต์บทธรรมนิยามอยู่นั้น ก็เห็นอุบาสกท่านหนึ่งแต่งชุดมอญเต็มยศ ก็คือใส่ผ้าโสร่งลายมอญ ใส่เสื้อขาวลายขาวแดงแขนยาวแบบมอญ มาถึงก็คุกเข่าลง ปลดผ้าโพกศีรษะ กราบลงอย่างงาม ๓ ครั้ง
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2025 เมื่อ 02:45 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
กระผม/อาตมภาพตอนแรกคิดว่า ญาติโยมท่านนี้ไม่เคยเห็นหน้า จึงถามว่า "โยมมาจากไหน ?" ปรากฏว่าอีกฝ่ายหนึ่งตอบเสียงดังฟังชัดว่า "กระผมคือเจ้าเมืองลุ่มสุ่มในอดีตครับ" ทำเอาอาตมภาพแทบจะต้องเพ่งดูอีกรอบ เพราะว่าท่านมาปรากฏชัด ๆ เหมือนอย่างกับคนเป็น ๆ หนึ่งเดินเข้ามาเลยทีเดียว ไม่ใช่ลักษณะการปรากฏตัวแบบบางท่าน ที่เดินมาแล้วเราสามารถมองผ่านไปเห็นสิ่งของข้างหลังได้..!
ท่านมากราบขอบพระคุณในฐานะตัวแทนเจ้าเมืองทั้ง ๗ หัวเมือง บอกว่า "พรรคพวกเพื่อนฝูงยังติดงานอยู่ที่วัดพุตะเคียน ท่านมีอะไรต้องการให้พวกกระผมช่วยเหลือ ก็บอกกล่าวได้อย่างเต็มที่" อาตมภาพจึงขอความปลอดภัยตลอดการจัดงาน ๓ วันนี้ ท่านเจ้าเมืองลุ่มสุ่ม คือ พระนินภูมิบดี ก็บอกว่าถ้าอย่างนั้นเมื่อเสร็จงานตรงนี้แล้ว ไม่ต้องเก็บโต๊ะหมู่บูชาและป้ายรายชื่อของท่าน แต่ว่าให้จุดธูปบอกกันทุกวัน ท่านจะช่วยดูแลตรงนี้ให้ เมื่อเสร็จจากการทำบุญแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงแจ้งทางพระเจ้าหน้าที่ให้ทราบว่าต้องปฏิบัติตามเช่นนี้ ท่านถึงจะรับรองความปลอดภัยให้ จากนั้นก็กล่าวคำถวายทาน กรวดน้ำ อุทิศส่วนกุศล แก่เจ้าเมืองหน้าด่านทั้ง ๗ หัวเมืองของจังหวัดกาญจนบุรีในอดีต ตลอดจนกระทั่งบริวารของท่านทั้งหลาย แล้วก็ไปฉันเพลร่วมกับพระภิกษุวัดท่าขนุน ตลอดจนกระทั่งแม่ชี และญาติโยมที่มาร่วมงาน เสร็จแล้วก็ต้องรีบเดินทางลงไปจังหวัดกาญจนบุรีโดยด่วน เพราะว่าเป็นคณะกรรมการในการพิจารณาคัดเลือกผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา เพื่อรับรางวัลเสาเสมาธรรมจักรพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๗ ซึ่งไปถึงห้องประชุมสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีแบบหวุดหวิด ก็คือไปถึงก่อนเวลาแค่ ๓๐ นาที เห็นเล่มประวัติผู้ที่ขอรับรางวัลปีนี้ ๔ รายด้วยกัน จึงต้องรีบอ่านและดูอย่างเร่งด่วนว่า สาขาที่ท่านขอรับพระราชทานรางวัลเสาเสมาธรรมจักร กับข้อมูลที่ท่านทำประวัติมานั้น มีอะไรตรงหรือว่าไม่ตรงอย่างไร ? มีข้อมูลส่วนไหนที่ต้องเพิ่มเติมบ้าง ?
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2025 เมื่อ 02:48 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
เมื่อพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี องค์ประธานในงานครั้งนี้ และท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดหญิง ก็คือ นางพรรณวิภา ปิยัมปุตระ ซึ่งมาแทนท่านอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี มาถึงแล้ว พวกเราก็เริ่มถก และวิพากษ์วิจารณ์ผลงานที่ส่งมา ซึ่งบางท่านนั้นน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่างานตรงประเด็นตรงหัวข้อนั้นชนิดที่ล้นฟ้าล้นแผ่นดิน แต่ว่ากลับส่งข้อมูลมาแค่ ๔ หน้ากระดาษ..! พิจารณาอย่างไรก็ไปไม่รอดแน่นอน เนื่องเพราะว่าไม่ใช่แบบรายงานผลงาน หากแต่ว่าเป็นประวัติย่อต่างหาก..!
กระผม/อาตมภาพให้ความคิดไป คณะกรรมการก็ยังหัวเราะกันเฮฮาในลักษณะสนุกสนานไปเสียนี่ โดยที่บอกว่าขอให้เอารูปแบบที่ถูกต้อง แล้วก็ไปให้ลูกน้องทำมาใหม่ ปีหน้ารับรองว่าต้องผ่านแน่นอน..! เพราะว่าไม่ใช่ผลงานไม่มี หรือว่าผลงานไม่ตรงสาขา หากแต่ว่าผลงานมีจนล้น แต่คนทำไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมถึงทำออกมาลักษณะอย่างนั้น เมื่อสามารถที่จะประกาศผลโดยท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดหญิงว่า ท่านใดได้รับคัดเลือกเป็นลำดับที่ ๑ ท่านใดได้รับการคัดเลือกเป็นลำดับที่ ๒ แล้ว ก็ปิดการประชุม กระผม/อาตมภาพออกมาทางด้านนอก ก็พบกับท่านอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติ และน้องขวัญ (นางสาวขวัญข้าว ธิดารินทร์) ซึ่งวันนี้ตรงกับวันเกิดของน้องขวัญ อุตส่าห์ตะเกียกตะกายมาทำบุญถึงที่นี่ ถ้าหากว่าไม่ได้ติดต่อมาทางไลน์ ก็คงไม่สามารถจะหาตัวกระผม/อาตมภาพเจออย่างแน่นอน รับการทำบุญแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องรีบเดินทางกลับวัดท่าขนุนโดยด่วน
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2025 เมื่อ 02:50 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#6
|
||||
|
||||
![]()
เนื่องเพราะว่าขบวนแห่เทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี และอดีตเจ้าเมืองหน้าด่านจังหวัดกาญจนบุรีทั้ง ๗ หัวเมืองนั้น จะเริ่มเดินออกจากหน้าสำนักงานเทศบาลตำบลทองผาภูมิ ในเวลาประมาณ ๑๖.๓๐ น. ซึ่งอย่างไร กระผม/อาตมภาพก็ไปไม่ทันแน่นอน มีอยู่อย่างเดียวก็คือว่าไปถึงให้ทันพิธีเปิดงาน ก็คืองานประจำปีปิดทองรอยพระพุทธบาทวัดท่าขนุน และทำบุญอุทิศอดีตเจ้าเมืองหน้าด่าน ๗ หัวเมือง ซึ่งจะมีการแสดงของบรรดานักเรียนนักแสดงต่าง ๆ เพิ่มในส่วนของลานบ้านลานวัฒนธรรมขึ้นมา
ผู้ร่วมประชุมในวันนี้ก็คือนางพรพรรณ กลิ่นเกษร หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า ผอ.จอย วัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีก็ดี ท่านดร.ธีรชัย ชุติมันต์ ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดกาญจนบุรีก็ดี ดร.เศกสิทธิ์ ปักษี ผู้แทนอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรีก็ตาม ทุกคนต่างก็บอกว่า "อีกสักครู่จะตามไป" เพราะว่าได้รับหนังสือเชิญให้ไปร่วมงานทั้งสิ้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องรีบเดินทางกลับเพื่อไปรอต้อนรับ ทั้งต้อนรับขบวนแห่เทิดพระเกียรติ และต้อนรับบรรดาแขกผู้ใหญ่ที่จะมาถึง จึงต้องอาศัยโอกาสในระหว่างเดินทาง บันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนบนรถยนต์เอาไว้ก่อน จะได้มีให้ท่านทั้งหลายได้ฟังต่อเนื่อง ไม่ขาดช่วงลงไป สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-02-2025 เมื่อ 16:22 |
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|