กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-02-2025, 17:08
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,938
ได้ให้อนุโมทนา: 225,208
ได้รับอนุโมทนา 800,447 ครั้ง ใน 39,357 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-02-2025, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพไปถึงวัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ตอน ๖ โมงเช้า ทันเวลาเริ่มทำวัตรเช้าของบรรดาผู้เข้าอบรมบาลีก่อนสอบพอดี แต่ว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นทำให้นึกถึงวัดท่าขนุนขึ้นมาในทันทีทันใด ก็เพราะว่าเก้าอี้ของบรรดาผู้เข้ารับการฝึกอบรมนั้นว่างไปเกือบครึ่งหนึ่ง..!

แม้แต่ที่วัดท่าขนุนก็เช่นกัน การทำวัตรเช้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราจะต้องไปนั่งเจริญพระกรรมฐานกันตั้งแต่ตี ๓ ครึ่ง บางวันก็มีแต่เวรเปิดศาลาและเปิดเสียงตามสายกับกระผม/อาตมภาพ นั่งโด่เด่กันอยู่แค่นั้น..! กว่าที่ทุกคนจะมาถึงก็มักจะเป็นช่วงท้าย ๆ หลังจากเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าไปแล้ว บางท่านมาไม่ทันการอุทิศส่วนกุศลเสียด้วยซ้ำไป..!

นี่คือสิ่งที่น่าหนักใจสำหรับทุกท่าน เพราะว่าแม้แต่พระภิกษุสามเณรก็ไม่เห็นคุณค่าของการเจริญพระกรรมฐานและสวดมนต์ทำวัตร แล้วเราจะไปสอนให้ญาติโยมเห็นคุณค่าของพระพุทธศาสนาได้อย่างไร ?

หลายท่านคงเคยได้ยินที่กระผม/อาตมภาพเล่าประวัติของตนเองว่า อายุประมาณ ๒ ขวบ พ่อก็อุ้มคอพับคออ่อนสวดมนต์อยู่ทุกคืน แม้ว่าจะหลับบ้างตื่นบ้าง แต่ว่าจิตมีสภาพจำ เมื่อถึงเวลาก็จำบทสวดมนต์ได้หมด ครั้นไปโรงเรียน คุณครูเห็นว่าสวดมนต์ได้หมดก็ตั้งให้เป็นหัวหน้าชั้น แล้วด้วยความที่สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เกิดสมาธิไม่รู้ตัว จึงทำให้การเรียนนั้นเก่งมาก ชนิดที่เพื่อนร่วมห้องไม่มีใครไล่ทัน ได้ที่ ๑ ของห้องทุกปี

พออยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ ในโรงเรียนซึ่งมีแค่ชั้นประถมปีที่ ๔ แล้วรุ่นเพื่อนรุ่นพี่ก็โตเป็นหนุ่มเป็นสาวกันมาก เนื่องเพราะว่าสมัยนั้น ถ้าสอบได้ไม่ถึง ๕๐ เปอร์เซ็นต์ เขาก็ปรับตกให้เรียนอีก ๑ ปี เพื่อนบางคนตกชั้นมาเป็น ๑๐ ปี แล้วลองคิดดูว่า ในช่วงที่เขาอนุญาตให้เข้าเรียนตอน ๗ หรือว่า ๘ ขวบ ถ้าหากว่าเรียนตกชั้นอยู่ ๑๐ ปีก็คือเป็นหนุ่มเป็นสาวกันหมดแล้ว..!

แต่กระผม/อาตมภาพซึ่งอยู่ชั้นประถมปีที่ ๓ เพิ่งจะ ๑๐ ขวบ ต้องไปเป็นประธานนักเรียน คุมเพื่อนฝูงที่มีแต่ผู้ใหญ่เสียครึ่งโรงเรียน..! แต่ก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เนื่องเพราะว่าทุกคนต้องพึ่งพาอาศัยความเก่งของเรา ถ้าหากว่าไม่ทำตามคำสั่ง ก็จะไม่อนุญาตให้ลอกการบ้าน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงสามารถดูแลโรงเรียนได้เรียบร้อย โดยเกิดจากประโยชน์ของการสวดมนต์ไหว้พระแต่เล็ก ๆ ที่ทำมาเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2025 เมื่อ 02:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-02-2025, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในข้อนี้พระภิกษุสงฆ์สามเณรของเรา ไม่ว่าจะเรียนปริยัติธรรมหรือว่าปฏิบัติธรรมก็ตาม ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายไม่เอาพื้นฐานของการสวดมนต์ไหว้พระ และเจริญสมาธิภาวนาแล้ว โอกาสที่ท่านจะเอาตัวรอดจากสังคม หรือว่าวัฏสงสารนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก อย่างที่หลายท่านก็เห็นว่าเรียนจนจบเปรียญธรรม ๙ ประโยคแล้ว ก็ยังต้องสึกหาลาเพศออกไปเลย..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงหนักใจแทนท่านทั้งหลายที่ไม่เอาเรื่องสวดมนต์ไหว้พระ ไม่เอาเรื่องการเจริญพระกรรมฐาน เพราะว่าเท่ากับท่านผลักดันตัวเองให้ออกห่างจากความดีไปเรื่อย จนกระทั่งไม่เข้าใจกันแล้วว่าความดีที่แท้จริงเป็นอย่างไร ?!

โดยไปเชื่อพวกอินฟลูเอ็นเซอร์ใน TikTok หรือว่าเฟซบุ๊ก ตลอดจนกระทั่งยูทูบ ที่อ้างประโยคเด็ดว่า "ไม่ได้บวชมาเพื่อสวดมนต์" นั่นเป็นการทำลาย
ภูมิปัญญาที่ตกผลึกแล้วของบรรพบุรุษเรา ที่สร้างเสริมวิธีการเข้าถึง ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างง่ายที่สุดให้กับพวกเราทั้งหลาย

ในเมื่อปัญญาไม่ถึง สติไม่มี ก็ยังไปอวดโง่ด้วยการประกาศบอกคนอื่นเขา แล้วก็ทำให้บุคคลผู้ไร้ปัญญาจำนวนหนึ่งเชื่อตามไปด้วย เราก็ยิ่งออกห่างจากความดี กลายเป็นทาสของพญามารไปเรื่อย ไม่รู้ว่าอะไรคือความดีที่แท้จริง ? อะไรคือความสะใจเพียงชั่วคราว ?

ความดีที่แท้จริงไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทาน ของศีล ของภาวนา เราก็แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นปิยวาจาที่พระพุทธเจ้าสรรเสริญ อะไรเป็นผรุสวาจาที่พระพุทธเจ้าทรงติเตียน แล้วเราก็ไปชื่นชมว่าเขามา "กระตุกสติ" ให้เรา ความจริงเขากำลังจูงเชือกที่สนตะพาย พาให้ท่านทั้งหลายลงเหวลงห้วยไปต่างหาก..!

แต่ด้วยความที่ขาดศีล สมาธิ จึงทำให้ไม่มีปัญญา ไม่สามารถที่จะมองเห็นทุกข์เห็นโทษที่เกิดขึ้นในระยะยาว ขาด "ภยทัสสาวี" ก็คือไม่เห็นภัยในวัฏสงสาร เอาแต่ความสะดวกสบายตามที่กิเลสบังคับตนเองให้เป็นไป แล้วก็ยังคิดเสียอีกว่าตนเองนั้นทำดีแล้ว ทำถูกแล้ว

กระผม/อาตมภาพจึงคิดว่า
พระภิกษุสามเณรรุ่นหลัง ๆ ของเรา โดยเฉพาะผู้ที่จะรอดเงื้อมมือมารไปเป็นครูบาอาจารย์เขา คงจะต้องเหนื่อยยากอีกนาน เนื่องเพราะว่าสังคมของเราหลงเดินผิดทาง แล้วก็หลงตามกันไปมากขึ้นทุกที ๆ เพราะคิดว่าเป็นทางที่ถูกบ้าง เป็นความโก้เก๋บ้าง เป็นความสะใจบ้าง โดยที่ไม่รู้ว่าธรรมะที่แท้จริงคืออะไร ? ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจะไม่ให้สงสารท่านทั้งหลายก็คงจะเป็นไปไม่ได้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2025 เมื่อ 02:19
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-02-2025, 00:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อทำหน้าที่ของตนในวันนี้ คือเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเช้าและภัตตาหารเพลแก่ผู้เข้าอบรมก่อนสอบและพระวิทยากร รวมทั้งพระเถระที่มาเยี่ยมสนามอบรมจำนวน ๔๐๐ กว่าเกือบ ๕๐๐ รูปแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ขอตัวลากลับที่พัก เพื่อที่จะมาร่วมเข้าเสวนากับทางมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ที่ตั้งกิจกรรมเสวนาเนื่องในวันมาฆบูชาขึ้นมา หัวข้อก็คือพระพุทธศาสนา : ความท้าทายและโอกาสในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ภาษาอังกฤษก็คือ Buddhism : Challengers and Opportunities in an Era of Transformation

กระผม/อาตมภาพเองเข้าร่วมเสวนาแล้ว เห็นว่าบรรดาผู้เสวนาทั้งหลายนั้นเครียดกับการที่ AI หรือว่าปัญญาประดิษฐ์มีความสามารถเลิศล้ำขึ้นไปทุกที จึงทำให้เป็นห่วงเป็นใยว่าต่อไปพระภิกษุสามเณร ของเราจะมีที่ยืนอยู่ในสังคมอย่างไร ? แต่กระผม/อาตมภาพเองนั้นไม่รู้สึกหนักใจอะไรเลย เนื่องเพราะมั่นใจว่าธรรมะของพระพุทธเจ้านั้นเป็น "อกาลิโก" เหมาะสมกับทุกยุคทุกสมัย สามารถทนต่อการพิสูจน์ หรือ "เอหิปัสสิโก" ได้

ไม่ว่าท่านจะเข้าสู่ยุค AI ขนาดไหนก็ตาม ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า
นั่นไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่โลกแห่งความเป็นจริง ต่อให้ท่านใช้ AI ตอบปัญหาทุกอย่างในโลกได้ นั่นเป็นปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่ปัญญาของท่าน ท่านใช้ AI สนับสนุนทุกอย่างแก่ท่านได้ แต่ท่านเคยคิดบ้างหรือไม่ว่า ถ้าระบบล่มขึ้นมาแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ?

เมื่อไม่นานมานี้ พายุไต้ฝุ่นถล่มตอนใต้ของประเทศจีนที่เกาะไห่หนาน โดยเฉพาะบริเวณ "อ่าวซานย่า" ที่กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "อ่าวสัญญา" บรรดาคนจีนที่นิยมกระเป๋าเงินใน WeChat มีเงินอยู่เต็มกระเป๋า แต่ซื้อข้าวซื้อน้ำที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ เนื่องเพราะว่าระบบล่ม ไม่สามารถที่จะสแกนคิวอาร์โค้ดได้..!

ยังโชคดีที่อีกไม่นานต่อมา กระผม/อาตมภาพไปเยือนความหนาวสุดขั้วที่เมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียง ยังสามารถใช้เงินสดได้ตามปกติ ไม่เช่นนั้นแล้วลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) เจ้าของเติมเต็มทราเวล ก็คงจะโดนกระผม/อาตมภาพควักกระเป๋าจนหมดตัว เนื่องเพราะว่าจะเอาเงินสดยัดให้คุณเธอ แล้วก็ขอใช้เงินในกระเป๋า WeChat ของเธอแทน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2025 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-02-2025, 00:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ท่านทั้งหลายถ้าเห็นแล้วว่าในเรื่องของ AI หรือว่าปัญญาประดิษฐ์นั้น สามารถช่วยให้ความคล่องตัวและสะดวกในการดำเนินชีวิตแก่เราเท่านั้น แต่ไม่สามารถที่จะเป็นสรณะ คือที่พึ่งในชีวิตของเราได้ เพราะว่าหมดอายุพังเองบ้าง ระบบล่มบ้าง หรือว่าระบบให้ข้อแนะนำที่ผิดพลาดบ้าง

หลายท่านที่ใช้ AI ในการนำทาง โดยเฉพาะ "กูเกิ้ลแม็พ" ท่านก็คงจะเจอปัญหาที่กูเกิ้ลแม็พพาเข้าป่าเข้าดงไปเรื่อย โดยไม่สนใจว่าหนทางเป็นอย่างไร เอาเฉพาะเส้นที่สั้นที่สุด ถึงเป้าหมายได้เร็วที่สุดเท่านั้น แต่จะปลอดภัยที่สุดหรือไม่นั้น ไม่คำนึงถึง..!

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มาตัดสินใจแทนเรา แล้วเราก็ทำตามไปทุกอย่างนั้น ย่อมอันตรายมาก โดยเฉพาะบรรดาโลกเสมือนจริง ไม่ว่าจะเป็นเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ตลอดจนกระทั่งเมตาเวิร์สใด ๆ ก็ตาม สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ หลายท่านก็ได้ยินแล้ว ที่เพื่อนรักเพื่อนเกลอของกระผม/อาตมภาพคือพญามาร เคยมานั่งปลงสังเวชว่า สงสารกระผม/อาตมภาพมาก
สอนไปคนก็ไม่ทำตาม แล้วเขายังครอบซ้ำไปอีกหลายชั้น ก็คือเอาโลกสมมติเข้ามา ให้พวกเรายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นตัวเป็นตนเพิ่มเข้าไปอีก..!

๑ ยูสเซอร์เนมก็คือ ๑ ตัวตนของเรา อัพสเตตัสไป คนไม่สนใจเราก็เฉา ถ้าหากว่าเขามากดไลค์เราก็ดีใจ เขามาอันไลค์หรืออันฟอลโลว์ เราก็โกรธ แสดงว่าโลกสมมติเหล่านี้สร้าง รัก โลภ โกรธ หลง ซ้อนทับความเป็นจริงไปชั้นแล้วชั้นเล่า..!

พญามารเขาถึงได้บอกว่าสงสารกระผม/อาตมภาพมาก สอนไปแค่เดิมเขาก็ยังไม่เข้าใจ จะมาสอนใหม่ก็โดนอีกฝ่ายครอบไปแล้วอีกหลายชั้นหลายตัวตน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น
แม้แต่ตัวตนในโลกสมมติก็ยังแยกไม่ออก ไปยึดมั่นว่าเป็นตัวกูของกู ใครคอมเม้นท์ไม่ดีกูก็โกรธ แล้วจะไปละตัวตน ก็คือกายสังขารนี้ได้อย่างไร ?

ดังนั้น..ในเรื่องเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพถึงได้ตอกย้ำหนักหนาว่า พวกเราต้องอยู่กับโลกอย่างมีสติ เมื่อมีสติแล้ว เราถึงจะเกิดปัญญา อย่าให้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเรา ให้เป็นแค่ส่วนหนุนเสริมการดำเนินชีวิตของเราแค่นั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2025 เมื่อ 02:27
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 08-02-2025, 00:26
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยเฉพาะในเรื่องของการปฏิบัติธรรม AI ต่อให้สอนเก่งแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงสภาวธรรมที่แท้จริงได้ ได้แต่เพียงลอกสำนวนลอกคำพูดไป แต่สภาพจิตที่มาตีแผ่กันต่อหน้า จนกระทั่งสามารถทำให้ศิษย์เลื่อมใส กลมกลืน สามารถที่จะดึงตนเองให้พ้นหล่มแห่งกิเลสนั้น AI ไม่สามารถที่จะทำได้

ขณะเดียวกัน ถ้าหากว่าลูกศิษย์ไม่เปิดใจ เลื่อมใส น้อมใจตามไป โอกาสที่จะได้ดีเพราะ AI ก็น้อยมาก เราจึงควรที่จะใช้ในการส่งเสริมพระพุทธศาสนาของเราให้สูงเด่นยิ่ง ๆ ขึ้นไป ว่าองค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าโลกจะมีสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ แต่ความรู้ของพระองค์นั้นพ้นโลกไปนานเหลือเกิน มากเหลือเกินแล้ว..!

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น องค์สมเด็จพระประทีปแก้วจึงได้เลือกเอาความรู้แค่ใบไม้กำมือเดียวมาสั่งสอนพวกเรา ซึ่งแค่กำมือเดียวนี้ เราเองก็กินไม่ไหว ใช้ไม่หมด ทำตามมาหลายชาติหลายภพยังไม่จบเสียที แล้วท่านทั้งหลายจะไปกังวลอะไรกับ AI ทั้งหลายเหล่านั้น ?

ก็แปลว่า
ท่านต้องปรับสมดุลด้วยสติ ก็คือรู้ตัวอยู่เสมอว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นแค่สมมติซ้อนสมมติ ทำให้เราอยู่ด้วยความสะดวกสบายขึ้นมา แต่อย่าไปไว้ใจวางใจจนฝากชีวิตเอาไว้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่นว่า ถ้าอยู่ ๆ เราเป็นหวัดกลางทาง แล้วสั่งให้ AI ทำงานตามระบบเสียงที่เคยตั้งไว้ เมื่อ AI ไม่ทำให้เพราะเสียงเปลี่ยน แล้วท่านทั้งหลายทำเองไม่เป็น ชีวิตก็ลำเค็ญเท่านั้นเอง..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๗ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-02-2025 เมื่อ 02:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว