กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 24-01-2025, 18:17
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๖๘


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-01-2025, 23:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ อากาศที่วัดศิลาวาส (ปางโม่) ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ อยู่ที่ ๑๓ องศาเซลเซียส ซึ่งต่างจากทองผาภูมิประมาณ ๑ - ๒ องศาเซลเซียส แล้วแต่ว่าวันนั้นสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร ตอนแรกกระผม/อาตมภาพก็เตรียมอังสะกันหนาวไว้ถึง ๓ ตัว แต่ปรากฏว่าถึงเวลาได้ใช้งานจริงเพียงตัวเดียว ด้วยสิ่งที่บอกกับหลายท่านไปแล้วว่า อากาศจะหนาวมากหนาวน้อย กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกว่าหนาวเท่ากัน..!

เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริษัทเอ็นซีทัวร์กล่าวว่า "หลวงพ่อมีผู้ดูแลพิเศษ" ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ไม่แน่ใจว่าพิเศษขนาดไหน แต่ว่าตามที่ตนเองพบเห็นมา ไม่ว่าจะหนาวมากหนาวน้อย ในความรู้สึกของตนเองก็เหมือนกับหนาวเท่ากัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะว่าถ้าขืนหนาวมากตามอากาศ ก็อาจจะเกิดอาการมาลาเรียกำเริบขึ้นมาได้..!

สถานที่พักของทางวัดศิลาวาส ที่ท่านอาจารย์พันแสน (ธรรมชัย อคฺคธมฺโม) ได้จัดเอาไว้ให้เป็นที่พักของกระผม/อาตมภาพนั้น ต้องบอกว่าเป็นสัปปายะมาก นอกจากน้ำไหลไฟสว่างแล้ว ยังอุตส่าห์มี WIFI ให้อีกด้วย สามารถที่จะทำงานต่าง ๆ ได้ด้วยความสะดวกเป็นอย่างยิ่ง ห้องน้ำห้องท่าก็อยู่ใกล้กับที่พัก สามารถที่จะเดินไปเข้าด้วยความสะดวกสบาย ส่งรูปไปให้ใครดูก็มีแต่คนบอกว่าอยากจะมาพักบ้าง

แต่ขออภัยเถอะ..ถ้าพูดถึงเชียงดาวแล้ว ในสมัยก่อนเมื่อกระผม/อาตมภาพมาเชียงใหม่ เป้าหมายหลักเลยก็คืออำเภอแม่แตง เพื่อกราบหลวงปู่ครูบาธรรมชัย (พระครูวรเวทย์วิสิฐ) หลังจากนั้นแล้วก็จะเลาะคลองชลประทาน ฝั่งถนนตรงกันข้ามกับวัดทุ่งหลวง ไปกราบหลวงปู่เปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก ถัดจากนั้นก็ไปกราบหลวงปู่น้อย วัดบ้านปง

ภายหลังเมื่อครูบาเทือง วัดบ้านเด่นโด่งดังขึ้นมา มีโอกาสกระผม/อาตมภาพก็ไปเยี่ยมไปเยือนท่านด้วย ก็ยังขำ ๆ ว่า ที่รอบวัดของท่านติดป้ายเอาไว้อย่างชัดเจนว่า "ใครนิมนต์ ครูบารับทุกราย แต่ไม่ไป ใครขอเงิน ครูบาให้ทุกราย แต่ไม่จ่าย" เนื่องเพราะว่าบุคคลที่พอมีชื่อเสียง ก็จะมีแต่คนมาขอความช่วยเหลือ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นไม่รู้จักมักจี่อะไรกันเลยก็ยังเพียรพยายามมา แบบเดียวกับที่กระผม/อาตมภาพโดนมาอยู่ทุกวันนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2025 เมื่อ 02:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-01-2025, 23:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อไปกราบครูบาอาจารย์ที่แม่แตงแล้ว ก็เลยขึ้นเชียงดาวไป โดยเป้าหมายอยู่ที่วัดถ้ำผาปล่อง เพื่อกราบหลวงปู่สิม (พระญาณสิทธาจารย์)หรือไม่ก็เลยไปอำเภอพร้าว ขึ้นดอยแม่ปั๋ง เพื่อกราบหลวงปู่แหวน มาระยะหลังนี้ทางด้านเชียงดาวหรือว่าพร้าวนั้น แทบจะหลุดจากวงโคจรไปเลย เนื่องเพราะว่าพอสิ้นหลวงปู่สิมกับหลวงปู่แหวนแล้ว อย่างดีกระผม/อาตมภาพก็มาถึงแค่วัดทุ่งหลวง เพื่อกราบสังขารหลวงปู่ครูบาธรรมชัยเท่านั้น ในส่วนอื่น ๆ ของอำเภออื่น ก็ว่ากันไปตามลำดับความสำคัญมากน้อย

สำหรับวันนี้ เมื่อมาถึงเชียงดาวและได้ที่พักถูกใจ จึงนอนหลับสบายมาก ตื่นขึ้นมาสภาพร่างกายก็รู้สึกว่าค่อนข้างที่จะแข็งแรง ท่านพันแสนให้ญาติโยมนำเอาภัตตาหารเช้ามาถวายอย่างอุดมสมบูรณ์ แถมยังมีข้าวต้มปลาส้มของจ่าบี (จ.ส.ต.นิวัฒน์ จำรัส) จากโฮงปลาส้มเงินล้าน แม่ทองปอน จังหวัดลำปางมาร่วมในงานนี้ด้วย

เมื่อฉันเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าที่ภาวนา จนกระทั่ง ๗ โมงเศษ ถึงได้ลงไปเก็บข้าวของที่รถ แล้วทำการบวงสรวงขออนุญาตปลุกเสกวัตถุมงคล และการจัดงานต่าง ๆ ให้กับท่านพันแสน โดยที่มีผู้คุ้นเคยก็คือท่านอาจารย์ติงลี่ (พระอธิการสมมาศ คุณาธิโก) เจ้าอาวาสวัดประตูด่าน อดีตศิษย์เก่าวัดท่าซุง และอดีตที่เก่ากว่านั้นคือวัดโพธิ์เมืองปัก ก็มาร่วมพิธีด้วย

เมื่อทำการบวงสรวงบอกกล่าวเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพจึงเข้าที่เตรียมปลุกเสกวัตถุมงคล ท่านพันแสนกับพรรคพวกก็มารายงานกันเป็นการใหญ่ว่าสร้างพระอะไรไว้บ้าง สร้างวัตถุมงคลอะไรไว้บ้าง กระผม/อาตมภาพดูรายการแล้วก็ถอนหายใจ เหตุเพราะว่าแทบจะสูงสุดต่ำสุดอยู่ในครั้งเดียวกัน..!

โดยปกติแล้ว
ถ้าเป็นพระรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กระผม/อาตมภาพก็จะกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าช่วยสงเคราะห์ ส่วนพระองค์ท่านจะมอบหมายให้ผู้ใดมานั้นก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งส่วนนี้ก็ไม่เป็นที่หนักใจอะไร โดยเฉพาะพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิแบบพม่านั้น ท่านพันแสนสร้างออกมาได้สวยงามน่าบูชาเป็นอย่างยิ่ง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2025 เมื่อ 02:26
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-01-2025, 23:39
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ลำดับต่อไปก็คือพระปิดตา ซึ่งเป็นงานหลักของหลวงปู่พระควัมปติ ซึ่งจับพลัดจับผลูท่าไหนก็ไม่ทราบ ทำให้ท่านต้องมารับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของพระปิดตา ที่พวกมนุษย์กิเลสมากอย่างกระผม/อาตมภาพพากันสร้างขึ้น ด้วยถือเคล็ดลับตรงที่ว่า ท่านขยันในการเข้านิโรธสมาบัติ มีการปิดทวารทั้ง ๙ ไม่ให้กิเลส รัก โลภ โกรธ หลง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ธรรมารมณ์ เข้าไปกล้ำกรายท่านได้ ด้วยเหตุที่ท่านเข้านิโรธสมาบัติเป็นปกติ จึงกลายเป็นพระมหาลาภไปด้วย

ทำให้พระปิดตาในบ้านเราเมืองเรานั้นแยกออกเป็นสองสายด้วยกัน สายแรกคือสายมหาอุด ซึ่งเชื่อว่าอยู่ยงคงกระพัน เพราะว่าท่านปิดทวารจนหมด สายที่สองเป็นสายมหาลาภ เชื่อว่าลาภผลนั้นเกิดจากการเข้านิโรธสมาบัติของท่าน ซึ่งงานนี้เมื่อกราบขอบารมีท่านสงเคราะห์ ท่านก็รับปากโดยไม่อิดออดแต่ประการใด

ส่วนต่อไป กระผม/อาตมภาพแทบจะนั่งเกาศีรษะตนเอง ก็คือรูปพระสุระสะตี่ตามสายของทางด้านพม่า ซึ่งความจริงก็คือพระสุรัสวดีตามสายฮินดูนั่นเอง แต่เมื่อมาถึงพม่าแล้ว ท่านกลายเป็นส่วนหนึ่งของทางสายวิชาการของพม่า เรียกว่าพระสุระสะตี่ โดยที่กำหนดคุณสมบัติเอาไว้ว่าเป็นผู้มีปัญญามาก

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงต้องกราบเรียนถามท่านปู่พระอินทร์ว่า "ผู้ใดรับหน้าที่นี้ ?" เนื่องเพราะตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็น "ท่านย่าอินทิราณี" แต่ท่านย่าบอกว่า "ไม่ใช่ฉันหรอก" แล้วก็ชี้มือไปที่เทวีนางหนึ่ง ซึ่งรัศมีกายสว่างรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง มองดูแล้วก็คุ้นเคยมาก ท่านยิ้มขึ้นมาจึงจำได้ว่านี่คือ "พระสุนทรีวาณี เทวีผู้พิทักษ์พระไตรปิฎก" ท่านย่าบอกว่า "คุณสมบัติปัญญามาก เป็นครูของอักขระเลขยันต์เวทมนตร์คาถาทั้งปวง ก็ต้องยกให้กับท่านสุนทรีวาณีนี้แหละ"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็โล่งใจขึ้นมางานหนึ่ง เพราะว่าวัตถุมงคลที่สร้างไปคนละทิศคนละทางแบบนี้ มีสิทธิ์ที่กระผม/อาตมภาพจะประสาทรับประทานเอาง่าย ๆ เนื่องเพราะว่าวิชาการที่เรียนมานั้นไม่ครบถ้วน อาศัยที่มีครูดี ถึงเวลาให้ขอบารมีพระพุทธเจ้า บารมีพระปัจเจกพุทธเจ้า บารมีของพรหมเทวดา บารมีของครูบาอาจารย์ อาศัย "วิธีลัด" แบบนี้หากินมาบ่อย ๆ ยัง "ไม่จนแต้ม" เสียที ถ้าไปเจอสายวิชาที่ไม่รู้จักขึ้นมาอีก กลับเป็นเรื่องดี เพราะได้รู้จักเจ้าของวิชาการนั้น ๆ ด้วย

เมื่อมาถึงอีกสองสิ่งก็คือปรอทสำเร็จและปรอทกรอ ซึ่งทางด้านท่านพันแสนและคณะอุตส่าห์ไปศึกษาและทำมา แถมยังทำได้ค่อนข้างดีเสียด้วย แม้ว่าคุณภาพจะยังไม่ถึงระดับ A+ แต่ถ้าหากว่า B+ หรือ A- ก็ยังพอที่จะพูดได้เต็มปากเต็มคำอยู่ ถ้ามีเวลาในการฝึกซ้อม สร้างเสริม โดยเฉพาะเพิ่มในส่วนของสมาธิภาวนาเข้าไป ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้มาก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2025 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 24-01-2025, 23:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังไม่ทันที่จะขยับไปไหน ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมก็มาพร้อมกับท้าวมหาพรหมรูปหนึ่ง ท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมบอกว่า "ส่วนนี้เป็นหน้าที่ของพ่อเจ้าประคุณนี่แหละ ตอนสมัยที่เป็นมนุษย์ท่านอยู่ที่เขาบุปผา (โป๊ปป้า) เจ้าคงพอจะรู้จักอยู่บ้าง" พอพูดอย่างนั้น กระผม/อาตมภาพก็สว่างกระจ่างใจขึ้นมาทันที รู้ว่าท้าวมหาพรหมท่านนี้ก็คือ "บรมครูโบโบอ่อง" เจ้าแห่งวิชาการต่าง ๆ ทางสายพม่า ที่ทางพม่าให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง

ความจริงแล้วท่านบวชเป็นพระ แต่ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่ชอบศึกษาเล่าเรียนนั้น ในความเป็นพระถ้าเสียเวลาไปทำอยู่ ก็อาจจะโดนตำหนิติเตียน โดยเฉพาะบางอย่างก็เป็นสิ่งที่ฝืนต่อพระธรรมวินัย ท่านจึงได้สึกหาลาเพศมานุ่งขาวห่มขาว ปฏิบัติตนในลักษณะของฤๅษี แต่เป็นฤๅษีที่เชี่ยวชาญในอภิญญาสมาบัติ สามารถที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ได้เข้มขลังเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนของปรอทสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นปรอทเงินปรอททอง ตลอดจนกระทั่งแมลงภู่คำบรรจุปรอท ท่านล้วนแล้วแต่มีความชำนาญเป็นอย่างมาก

ใน "มุขปาฐะ" ที่เล่ากันปากต่อปากกล่าวว่า "บรมครูโบโบอ่อง" หรือที่บางท่านเรียกว่า "บูบูอ่อง"บ้าง "โป๊ะโป๊ะอ่อง" บ้าง แล้วแต่จะอ่านตามภาษาอังกฤษที่เขาเขียนเอาไว้ แต่กระผม/อาตมภาพฟังจากชาวพม่าพูดเอง จึงได้เรียกท่านว่า "โบโบอ่อง" มาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตามที่เล่ากันมาบอกว่าท่านได้สร้างแมลงภู่คำ ๑๖ ตัวถวายให้พระเจ้าบุเรงนองใช้งาน ในตลอดรัชสมัยนั้น ไม่ว่าจะไปรบราที่ใด ก็ชนะไม่เคยพ่ายแพ้ใคร จนได้ฉายาว่า "ผู้ชนะสิบทิศ" ถ้าเป็นไปตามเรื่องเล่านี้ก็แปลว่าของท่านดีจริง ขลังจริงทีเดียว

แล้วโดยเฉพาะในส่วนของครูบาอาจารย์ ตอนแรกกระผม/อาตมภาพคิดว่าทางสายนี้ก็จะไปกราบนิมนต์หลวงพ่อวินะยะ วัดเขาตามะยะ ซึ่งมีความคุ้นเคยกันมาก เพราะว่าเมื่อไปพม่าเมื่อไรก็จะไปค้างอยู่กับท่าน ๓ คืนทุกครั้ง เพื่อที่จะได้อยู่ศึกษาวิชาการ และขอรับบารมีของท่านที่แผ่ไพศาลสงเคราะห์ญาติโยมเป็นหมื่นเป็นแสนอยู่ทุกวัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2025 เมื่อ 02:35
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 24-01-2025, 23:48
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หรือไม่ก็จะไปกราบขอหลวงปู่นารทะ วัดโพธิ์พันต้น (โบดิ๊ตะเทา) เมืองหม่งยัว มณฑลสะกาย ซึ่งคุ้นเคยกันในตอนที่ไปกราบท่าน แล้วท่านยังมอบปรอททองคำมาให้เป็นกำมือ โดยที่ในแต่ละวันท่านจะแจกแก่ญาติโยมเป็นหมื่น ๆ คนที่ไปขอรับ คนละ ๒ เม็ด ให้เอาไปจำหน่ายเพื่อเป็นเครื่องเลี้ยงชีพตนเอง เพราะว่าปรอทที่ท่านทำนั้นกลายเป็นทองคำจริง ๆ

กระผม/อาตมภาพเรียนหลวงปู่ว่า "ขอรับตามโควต้าทั่วไปแค่ ๒ เม็ด ส่วนที่เหลือถวายคืนหลวงปู่เอาไว้แจกญาติโยม จะได้ไม่ต้องไปเหนื่อยทำอีกครับ" ท่านก็ยังยิ้มชอบใจ แต่ว่ากลับไม่ใช่หน้าที่ของครูบาอาจารย์สองท่านนี้ กลายเป็นท่านปู่ท้าวสหัมบดีพรหมไปเอาต้นตำรับ ก็คือบรมครูปู่พระฤๅษีโบโบอ่องมาแทน

อีกส่วนหนึ่งก็คือกระผม/อาตมภาพนำเอาพระขรรค์ที่เซียนไก่บ้านฆ้อง (คุณปริญญา นัทธี) ถวายมา เข้าพิธีอีก ๒ เล่ม และน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ก็ยังอุตส่าห์ไปผาติกรรม "มีดผ่าฟืน" ของท่านพันแสนมา ๑ เล่ม เข้าพิธีด้วย

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ท่านพันแสนนอกจากมีความรู้ในเรื่องของ มีด ดาบ หอก แหลน หลาว เหล่าอาวุธโบราณแล้ว ยังสร้างสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ขึ้นมาใช้งานเอง ตลอดจนกระทั่งสั่งสอนให้กับบรรดาญาติโยมที่สนใจวิชาการทางด้านนี้ เพื่อที่จะได้มีอาชีพในการทำมาหากินต่อไปได้

เพียงแต่ว่ามีดผ่าฟืนที่ท่านทำมานั้น นอกจากจะคมกริบประหนึ่งใบมีดโกนแล้ว การเข้าฝักเข้าด้าม ไม่ว่าจะเป็นแหม หรือว่าโลหะรัดด้าม ปลอกรัดกั่น ล้วนแล้วแต่ทำอย่างประณีต จนน้องเล็กเห็นแล้วเสียดาย จึงขอผาติกรรมไว้ใช้งานเอง ในเมื่อได้มาแล้วจึงพลอยเอามาเข้าพิธีไปด้วย

ส่วนนี้ท่านปู่พระอินทร์มอบหมายให้ท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณรับภาระไป เนื่องเพราะว่า
๑ ใน ๕ เทพศาสตราวุธที่โดนอ้างถึงอยู่เสมอ ในการใช้อาวุธประเภทมีดหมอหรือว่าไม้เท้า ก็คือกระบองของท่านปู่ท้าวเวสสุวรรณนี่เอง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2025 เมื่อ 07:34
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #7  
เก่า 24-01-2025, 23:50
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ด้วยความที่มัวแต่ไปขออนุญาตท่านโน้นบ้าง ทำความรู้จักท่านนี้บ้าง ไม่ทราบว่าตนเองเข้าสมาธิไปนานเท่าไร เมื่อลืมตาขึ้นมาปรากฏว่านานเป็นชั่วโมง..! ทำเอาท่านอื่นที่เข้ากรรมฐานตามอยู่ ไม่ทราบว่าหนาวหนักไปเท่าไรแล้ว เนื่องเพราะว่ากระผม/อาตมภาพเมื่อเข้ากรรมฐานแล้ว ก็ไม่รู้สึกรู้สากับเรื่องภายนอก ถอนจิตออกมาแล้วจึงพรมน้ำมนต์ให้กับวัสดุทุกอย่างที่เข้าพิธีในครั้งนี้

เสร็จสรรพรับไทยธรรมแล้ว ก็ขออนุญาตเดินทาง ขึ้นไปกราบสักการะพระบรมธาตุดอยสุเทพ ยังรู้สึกว่าตนเองจะยิ่งแก่ก็ยิ่งขึ้นบันไดเก่ง เพราะว่าเดินรวดเดียวถึงข้างบนโดยไม่ต้องพัก ไปนั่งรออยู่พักใหญ่ กว่าที่คุณแดง (มงคล ม่วงน้อยเจริญ) กับน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) จะตามมาถึง

กราบสักการะอุทิศส่วนกุศลถวายแก่เทพเจ้าที่รักษาองค์พระบรมธาตุในทิศทั้ง ๔ ตลอดจนกระทั่งสารพัดท่านที่มีบุญสัมพันธ์กรรมสัมพันธ์กันมาแล้ว ก็ลงมาฉันเพลที่บริเวณลานหน้าวังบัวบาน ด้วยปิ่นโตที่ทางวัดศิลาวาสถวายมาถึง ๓ เถา..!

กระผม/อาตมภาพฉันไปได้ไม่ถึงครึ่งชั้นปิ่นโตก็หมดสภาพ แล้วเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านกุลพันธ์วิลล์โครงการ ๙ ตำบลบ้านแหวน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อที่จะทำการยกศาลใหม่ให้กับคุณรสสุคนธ์ ซึ่งได้เคารพนับถือกันมานาน และต้อนรับคณะญาติโยมที่จะเดินทางมาสักการะหรือว่าร่วมทำบุญด้วย

ก็เป็นอันว่างานวันนี้ยังไม่จบลง แต่ต้องรีบชิงในการบันทึกเสียงเสียก่อน ไม่เช่นนั้นถ้ารับแขกจนเลยเวลามาก ญาติโยมอาจจะต้องรอช้ากว่าที่จะได้ฟังกัน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๔ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-01-2025 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:54



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว