กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 23-01-2025, 17:40
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๘


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 24-01-2025, 00:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพพร้อมด้วยคณะออกจากวัดอุทยาน ตำบลบางขุนกอง อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่ตี ๓ วิ่งมาฉันเช้าแถวอำเภอเก้าเลี้ยว จังหวัดนครสวรรค์

จากนั้นก็ตรงไปยังพิษณุโลก เข้ากราบหลวงพ่อพระพุทธชินราช ประจำพรรษา ๒๕๖๗ ตามที่ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง ก็คือหลวงปู่มหาอำพัน - พระเดชพระคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส ท่านได้สั่งเอาไว้ว่า "ถ้าตราบใดที่คุณยังบวชอยู่ เมื่อออกพรรษาแล้ว ให้หาเวลาไปสักการะสถานที่สำคัญและพระพุทธรูปสำคัญ ประกอบไปด้วยพระแก้วมรกต พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และพระปฐมเจดีย์ให้ได้ทุกปี" ซึ่งบางปี กระผม/อาตมภาพก็มาได้ตั้งแต่ต้น ๆ ปี บางปีก็ล่าไปจนกระทั่งเกือบเข้าพรรษาถึงจะมาได้

พอดีปีนี้ได้รับนิมนต์จากท่านพันแสน (ธรรมชัย อคฺคธมฺโม) มาทำบวงสรวงพุทธาภิเษกที่วัดศิลาวาส บ้านปางโม่ จึงได้เดินทางขึ้นเหนือมาทางจังหวัดพิษณุโลก เพื่อเข้ากราบสักการะหลวงพ่อพระพุทธชินราชตามแผนงานของตน เมื่อไปถึงก็ได้บูชาบายศรี ๑ คู่ นำไปถวายหลวงพ่อพระพุทธชินราช กราบสักการะ สวดมนต์อุทิศส่วนกุศลแล้ว ก็ได้ไปกราบหลวงพ่อเหลือ (พระเสสันตปฏิมากร)

เห็นรอบบริเวณได้รับการจัดการจนกระทั่งสะอาดเรียบร้อย ยังรู้สึกชื่นชมที่หลวงพ่อเจ้าคุณสุรชัย - พระเทพรัตนมุนี (สุรชัย สุรชโย ป.ธ. ๗) อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งท่านได้ย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร หรือว่าวัดพระพุทธชินราชแห่งนี้

เนื่องจากว่าท่านบวชเป็นสามเณรที่วัดแห่งนี้ เมื่อมาถึงท่านก็ได้ปรับปรุงวัดขนานใหญ่ โดยเฉพาะบรรดาร้านค้าต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งร้านจำหน่ายวัตถุมงคล ร้านจำหน่ายล็อตเตอรี่ โดนโยกย้ายออกจากบริเวณหน้าวิหารทั้งหมด จนกระทั่งโล่งโถงดูสะอาดตา บรรดานักท่องเที่ยวสามารถที่จะเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย บริเวณอื่น ๆ ก็ได้รับการจัดการจนเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นกัน ยังรู้สึกว่าท่านสามารถในการบริหารจัดการจริง ๆ

จากนั้นกระผม/อาตมภาพก็ได้วิ่งขึ้นเหนือมาตามเส้นทางพิษณุโลก สุโขทัย แพร่ แล้วแวะฉันเพลที่ลำปาง บริเวณร้านกาแฟสดชมดอย ปรากฏว่ามีของดี ก็คือข้าวไข่ข้น โดยเฉพาะเมนูพิเศษนี้ ถ้ากระผม/อาตมภาพเข้าร้านสะดวกซื้อเมื่อไร ก็จะสั่งข้าวไข่ข้นกะเพราเบคอน แต่ว่าที่ร้านนี้มีข้าวไข่ข้นกุ้งสดจึงสั่งมาลองฉันดู ปรากฏว่ารสชาติอยู่ในระดับออกงานได้ ไม่อายใครเลย ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจทำเป็นร้านกาแฟแท้ ๆ แต่ว่าฝีมือทำอาหารใช้ได้ทีเดียว
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2025 เมื่อ 01:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 24-01-2025, 00:05
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้ว ก็ได้เดินทางขึ้นมาเชียงใหม่ ทะลุออกมาทางแม่ริม แม่แตง แวะกราบสังขารหลวงปู่ครูบาธรรมชัย (พระครูวรเวทย์วิสิฐ) ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือมากรูปหนึ่ง เมื่อเข้าไปกราบ ปรากฏว่าบรรดาคุณสุนัขทั้งหลายก็ส่งข่าวต่อกันทั้งวัด ทำเอาหลวงพี่สมศักดิ์ของกระผม/อาตมภาพ (พระสมศักดิ์ ปญฺญาวโร) รองเจ้าอาวาสวัดทุ่งหลวงแห่งนี้ ต้องออกมาดูว่าแขกไปใครมาเป็นอย่างไร ?

ปรากฏว่าเจอหน้าแล้วท่านจำไม่ได้ กระผม/อาตมภาพต้องคลายกำลังใจลง เนื่องเพราะว่าในช่วงที่อยู่ในรถนั้น น้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) ได้ปรารภว่า "ถ้ามีคนจำได้ก็จะเอิกเกริกอีก" ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพจึงได้ภาวนาคาถานารายณ์แปลงรูปก่อนที่จะลงจากรถ เล่นเอา "พี่สมศักดิ์" ของกระผม/อาตมภาพจำไม่ได้จริง ๆ..!

เมื่อคลายกำลังใจออกมา ท่านจำได้ จึงได้นั่งสนทนากัน แล้วก็เห็นใจท่านอยู่ทีเดียว เนื่องเพราะว่าวัดทุ่งหลวงนั้น หลวงปู่ครูบาธรรมชัยท่านสร้างเอาไว้ใหญ่โตเจริญรุ่งเรืองมาก นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงในเขตส่วนของเมืองพระนิพพานเลย แค่ในวัดอย่างเดียวก็ดูแลให้ดียากมากแล้ว

ที่กระผม/อาตมภาพได้ปรารภแก่บรรดาพระภิกษุ แม่ชี ฆราวาสวัดท่าขนุนไว้เสมอว่า ถ้าพิพิธภัณฑ์วัดท่าขนุนเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพจะไม่สร้างอะไรเพิ่มเติมอีก นอกจากดูแลของเก่าให้ดี และหาเงินกองทุนเข้าบัญชีวัดเอาไว้ เพื่อที่ใครมาเป็นเจ้าอาวาสก็จะได้มีเงินบำรุงวัด ไม่ต้องเสียเวลาไปหาเองด้วยความยากลำบาก

เนื่องเพราะว่าศรัทธาของประชาชนนั้นเป็นของเฉพาะตน คนที่เคยทำบุญกับกระผม/อาตมภาพ ไม่ได้แปลว่าจะไปทำบุญกับเจ้าอาวาสใหม่ จึงเป็นเรื่องที่เราจะต้องรู้จักพอเพียง อะไรที่พอสมควรแก่การใช้งานแล้ว ก็ไม่ต้องไปสร้างเพิ่มเติมอีก ดูแลของเก่าเอาไว้ให้ดี ใช้งานได้สะดวกก็เพียงพอแล้ว

ในส่วนของที่ควรจะทำก็คือบรรดากองทุนต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนี้ วัดท่าขนุนมีกองทุนพระครูสุวรรณเสลาภรณ์ ซึ่งเป็นกองทุนสำหรับบูรณปฏิสังขรณ์วัดท่าขนุน มีกองทุนรักษาพยาบาลพระภิกษุสามเณร มีกองทุนการศึกษาพระภิกษุสามเณร แล้วยังมีทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนชั้นอุดมศึกษา แผนการต่อไปก็คือตั้งกองทุนภัตตาหารสำหรับพระภิกษุสามเณร เพื่อที่จะเก็บเอาไว้สำหรับเป็นค่าภัตตาหาร ค่าน้ำค่าไฟภายในวัด ถ้ามีกองทุนทั้งหลายเหล่านี้อยู่ คาดว่าผู้มาทำหน้าที่เจ้าอาวาสใหม่ก็จะได้ไม่หนักใจมากนัก

กระผม/อาตมภาพคาดว่าช่วงสุดท้ายของชีวิต นอกจากช่วยเหลือพรรคพวกเพื่อนฝูง ตลอดจนกระทั่งงานคณะสงฆ์แล้ว ปัจจัยส่วนที่เหลือก็จะส่งเข้ากองทุนทั้งหลายเหล่านี้ ถ้ามีจำนวนที่เพียงพอแล้วก็ว่าจะหยุดเอาไว้แค่นั้น เพื่อที่ให้เจ้าอาวาสใหม่ได้แสดงฝีมือของตนเองบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2025 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 24-01-2025, 00:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อคุยกันจนหายคิดถึงแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ลาหลวงพี่สมศักดิ์ เดินทางต่อมายังอำเภอเชียงดาว เข้าไปยังวัดศิลาวาส ซึ่งชื่อเดิมก็คือวัดปิงโค้ง แต่เนื่องจากว่าบ้านปิงโค้งนั้น อยู่ถึงก่อนวัดศิลาวาสหลายกิโลเมตร และสถานที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับบ้านปางโม่ด้วย ท่านพันแสนซึ่งเป็นลูกศิษย์ครูบาเหนือชัย โฆสิโต สำนักสงฆ์ถ้ำป่าอาชาทอง เมื่อได้รับคำสั่งให้มาพัฒนาวัดแห่งนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็นวัดศิลาวาส (ปางโม่)

สำหรับวันนี้ที่นิมนต์กระผม/อาตมภาพมา ก็เพื่อที่จะให้ทำการบวงสรวงพุทธาภิเษก และถ้าหากว่าจำไม่ผิดพลาดก็น่าจะมีการหล่อพระด้วย อีกส่วนหนึ่งก็คือในเรื่องของการบริหารจัดการวัดนั้น ท่านพันแสนมีความรู้ความสามารถในการตีหอก ตีดาบ สร้างศาสตราวุธแบบโบราณ แล้วท่านก็ได้นำมาถ่ายทอดให้กับบุคคลทั้งหลายในบริเวณนี้ ผู้ใดที่ทำงานฝีมือเหล่านี้ไว้ ก็จะมาออกร้านจำหน่ายในงานวัด

ส่วนศิลปกรรมต่าง ๆ ที่ท่านได้สร้างเอาไว้ ก็จะเป็นศิลปกรรมออกแนวไทยใหญ่ ประมาณว่ามีช่อมีชั้นลวดลายในลักษณะที่เรียกว่า "ปานต่อ ปานซอย" ซึ่งเป็นการฉลุโลหะประดับตัวอาคาร ท่านบอกว่าเป็นฝีมือสามเณรล้วน ๆ มีสถานที่ซึ่งฝึกหัดให้สามเณรศึกษาเรื่องทั้งหลายเหล่านี้เอาไว้ แล้ว
ถ้าสึกหาลาเพศไปจะได้ทำเป็นอาชีพ หรือถ้าหากว่ายังอยู่ในเพศบรรพชิต ก็จะได้เป็นครูช่างสืบสานวิชาการกันต่อไป

ท่านได้จัดให้กระผม/อาตมภาพพักอยู่บนเนิน ซึ่งเป็นกุฏิเล็ก ๆ ดูท่าแล้วบรรยากาศค่อนข้างจะดีมาก ญาติโยมที่ตามมาประกอบไปด้วยพลขับ ก็คือคุณแดง (มงคล ม่วงน้อยเจริญ) และน้องเล็ก (นางสาวจิราพร ซื่อตรงต่อการ) นั้น ก็ให้กางเต็นท์อยู่บริเวณข้าง ๆ กุฏินี่เอง แต่ได้ยินว่าอากาศช่วงเช้าอยู่ที่ ๑๔ - ๑๕ องศาเซลเซียส ก็น่าจะต้องไปขนผ้าห่มภายในรถ ซึ่งกระผม/อาตมภาพตุนเอาไว้ ๓ - ๔ ผืนลงมาใช้งานเพิ่มได้

แม้ว่าทางนี้จะจัดเตรียมทุกอย่างเอาไว้แล้ว แต่ว่าเป็นเรื่องของบุคคลที่คุ้นชินกับสถานที่ ท่านอาจจะรู้สึกว่าเพียงพอแล้ว แต่บุคคลที่ไม่คุ้นชิน ถ้าไม่เพียงพอเราก็มีของตนเองเพิ่มเติมได้ ในส่วนอื่นนั้น กระผม/อาตมภาพไม่ได้หนักใจ เพราะว่ากุฏิที่พักนั้น น้ำไหลไฟสว่าง ห้องน้ำสะดวกสบาย แถมยังมีนอกชานที่ให้ตั้งเตาสำหรับต้มน้ำ หรือว่าสนทนาธรรมรอบกองไฟกันได้อีกด้วย ถือว่าเป็นการจัดสถานที่ออกมาได้ดีทีเดียว

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-01-2025 เมื่อ 01:51
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว