กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๘ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนมกราคม ๒๕๖๘

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 05-01-2025, 17:49
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๘

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๘



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 05-01-2025 เมื่อ 18:23
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 38 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 06-01-2025, 00:08
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังวัดเขาขลุง หมู่ที่ ๕ ตำบลเขาขลุง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี เพื่อเอาปัจจัยไทยธรรมไปร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรมศพพระครูวิธานอรัญวัตร (คำรณ ฉนฺทกาโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาขลุง แต่พรรคพวกเพื่อนฝูงมักจะเรียกชื่อเดิมกัน จึงเรียกกันติดปากว่า"อาจารย์นนท์"

ท่านอาจารย์นนท์กับกระผม/อาตมภาพนั้นมีการคบหาสมาคมมานานมาก ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นพระใหม่อยู่ด้วยกัน เพียงแต่ว่าในเริ่มต้นนั้น ท่านอาจารย์นนท์จะสนิทสนมกับพระครูธรรมธรแสงชัย กนฺตสีโล พระน้องชายของกระผม/อาตมภาพมากกว่า เมื่อได้ยินพระน้องชายบอกว่ากระผม/อาตมภาพมีวัตรปฏิบัติอย่างไร ท่านอาจารย์นนท์ก็มาขอเข้าพบ และขอศึกษาหลักการปฏิบัติธรรมต่าง ๆ ด้วย

จากที่ธุดงค์ร่อนเร่อย่างชนิดค่ำไหนนอนนั่น ท้ายที่สุดท่านก็ไปปักหลักอยู่ที่วัดเขาขลุง กลายเป็นเจ้าอาวาส มีภาระงานรัดตัว จะได้พบกันแต่ละทีก็ต่อเมื่อในงานวันแม่ ซึ่งกระผม/อาตมภาพได้ทำบุญอุทิศให้กับโยมพ่อและโยมแม่ที่เสียชีวิตลงห่างกันแค่ช่วงเดือน เพียงแต่ว่าถ้านับเป็นปีก็ห่างกันนานมาก

เนื่องเพราะว่าโยมแม่เสียชีวิตหลังจากโยมพ่อถึง ๓๓ ปี โยมพ่อเสียชีวิตวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๑๘ ส่วนโยมแม่ไปเสียชีวิตวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๑ พี่น้องก็เลยตกลงกันว่าจะทำบุญรวมกันไปครั้งเดียวในแต่ละปี กระผม/อาตมภาพจึงกลายเป็นหัวเรือใหญ่ ทำบุญให้กับโยมพ่อโยมแม่ทุกวันแม่แห่งชาติ เรียกง่าย ๆ ว่านอกจากได้ ๒ งานรวมกันแล้ว ยังได้งานวันแม่แห่งชาติอีกด้วย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2025 เมื่อ 02:36
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 06-01-2025, 00:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อทำบุญให้กับโยมพ่อโยมแม่ ก็ต้องนิมนต์เพื่อนพระที่มั่นใจในวัตรปฏิบัติของท่านว่า เป็นบุคคลที่เคร่งครัดต่อหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เพื่อให้ญาติโยมทั้งหลายได้มีเนื้อนาบุญในการร่วมบุญร่วมกุศลในครั้งนี้ด้วยกัน

เพียงแต่ว่าตั้งแต่เชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาด ทางราชการก็กดดัน ไม่ยอมให้มีการจัดงานซึ่งรวมคนเป็นจำนวนมาก ซึ่งในตอนนั้นคำสั่งที่ออกมานั้น เรียกง่าย ๆ ว่า "เป็นการตัดตอนพระพุทธศาสนาของเรา" ก็ว่าได้ เนื่องเพราะว่างานรื่นเริงของชาวบ้าน อนุญาตให้มีคนร่วมงานไม่เกิน ๒๐๐ คน แต่งานทำบุญในวัด อนุญาตให้มีคนร่วมงานไม่เกิน ๒๐ คน ซึ่งต่างกันเป็น ๑๐ เท่า..!

ในเมื่ออนุญาตและสามารถที่จะดูแลคนจำนวน ๒๐๐ คนได้ แล้วทำไมไม่อนุญาตให้วัดซึ่งเป็นศูนย์รวมชาวบ้านจัดงานที่มีคนไม่มากเกิน ๒๐๐ คนไปด้วย ? กระผม/อาตมภาพตอนนั้นก็ยังบ่นว่า "สงสัยว่าผู้ออกคำสั่งไม่ได้ใช้หัวแม่เท้าข้างซ้ายคิด ก็เลยออกคำสั่ง
มาในลักษณะอย่างนี้..!"

เมื่อเว้นจากการจัดงานเพราะเชื้อไวรัสโควิด ๑๙ แพร่ระบาดไป ๓ ปี บวกกับ ๒ ปีให้หลังที่กระผม/อาตมภาพกลายเป็นคณะกรรมการในการตรวจประเมินเพื่อยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบของหนกลาง ในแต่ละปีต้องวิ่งถึง ๒๓ จังหวัด และอยู่ในช่วงเดือนสิงหาคมต่อกันยายนของทุกปีเสียด้วย ในเมื่อเป็นเช่นนั้น งานวันแม่ก็จัดไม่ได้ อย่างในปี ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา กำหนดการตรวจประเมินเพื่อยกหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ต้นแบบก็คือ ก็คือวันที่ ๑๐ - ๑๑ - ๑๒ - ๑๓ กันยายน แล้วกระผม/อาตมภาพจะจัดงานวันบูรพาจารย์ในวันที่ ๑๔ กันยายนได้อย่างไร ? เหล่านี้เป็นต้น

ในเมื่องานวันแม่ก็จัดไม่ได้ งานวันบูรพาจารย์ก็จัดไม่ได้ จึงได้ห่างเหินจากเพื่อนฝูงกันไปพักใหญ่ จนกระทั่งได้เจอหน้ากันตามงานประชุม หรือว่างานคณะสงฆ์ต่าง ๆ ก็ได้แต่ถามกันว่า "เมื่อไรจะตาย ?" ซึ่งท่านอาจารย์นนท์ก็หัวเราะให้ทุกครั้งไป เนื่องเพราะว่าท่านเองมีโรคมะเร็งกินมาเป็น ๑๐ ปีแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2025 เมื่อ 02:39
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 06-01-2025, 00:12
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พวกเราที่รู้กันอยู่ว่าบุคคลที่เป็นนักปฏิบัติ โรคภัยไข้เจ็บแค่นี้ไม่มีอะไรสร้างความกังวลให้ได้ จึงได้ใช้คำพูดประเภทนักปฏิบัติธรรมด้วยกันก็คือ "ว่ากันตรง ๆ" ซึ่งลักษณะของการว่ากันตรง ๆ ปราศจากการปรุงแต่งก็คือลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ไปด่าใครสาดเสียเทเสีย แล้วก็บอกว่าเป็นคนพูดตรง ถ้าลักษณะอย่างนั้นก็ดูท่าจะไม่ใช่การปฏิบัติธรรมตามหลักของพระพุทธศาสนาแล้ว..!

จนกระทั่งมาวันขึ้นปีใหม่ ขณะที่พวกเรากำลังสวดมนต์ข้ามปีอยู่ ท่านอาจารย์นนท์ก็ตัดสินใจเลิกหายใจเสียดื้อ ๆ..! แต่กระผม/อาตมภาพก็ติดงานต่อเนื่องกันอยู่หลายวัน ไม่มีโอกาสที่จะมาร่วมรดน้ำศพขอขมาพรรคพวกเพื่อนฝูงเลย เพิ่งจะมีวันนี้ที่มีโอกาสเดินทางไปร่วมงาน ญาติโยมที่เจอก็ยังบอกว่า "ไม่ได้จัดงานเสียหลายปี ห่างเหินกันไป ตอนแรกเห็นหน้าก็ว่าคุ้นเคย แต่นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหลวงพ่อเล็ก" กระผม/อาตมภาพเองก็รู้สึก "หัวเราะไม่ได้ ร่ำไห้ไม่ออก" ตามสำนวนกำลังภายในเขาทุกครั้ง

เนื่องเพราะแม้แต่ท่านเจ้าคุณพระอุดมสิทธินายก (กำพล คุณงฺกโร ป.ธ. ๙), รศ.ดร. หรือที่กระผม/อาตมภาพเรียกสั้น ๆ ว่า "ท่านเจ้าคุณอุดม" รองเจ้าคณะจังหวัดนนทบุรี เจ้าอาวาสวัดบางอ้อยช้าง อีกตำแหน่งหนึ่งของท่านก็คือคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย บางทีท่านมาเห็นหน้าทีหลังก็ยังตกอกตกใจ เข้ามากราบถวายคารวะกันทีหลัง บอกว่า "ตอนเดินมาไม่ได้คิดว่าเป็นหลวงพ่อเล็ก เพราะว่าท่านเดินไม่เหมือนคนแก่เลย" กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าคนแก่นั้นเดินแบบไหน ? แต่ตนเองก็เดินลักษณะนี้มาตลอดชีวิต

เมื่อได้ถวายปัจจัยไทยธรรมและผ้าไตรช่วยงานให้แก่รักษาการเจ้าอาวาสแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางกลับ เพื่อที่จะมาเตรียมข้าวของต่าง ๆ ในการเดินทางไปยังเมืองฮาร์บิน หรือที่เรียกกันตามภาษาจีนว่า "ฮาร์เอ่อปิ้น" มณฑลเฮยหลงเจียง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่สุดโหดแห่งหนึ่งในประเทศจีน เนื่องเพราะว่าอุณหภูมิติดลบหลาย ๑๐ องศาเซลเซียสทุกปี โดยเฉพาะช่วงนี้ ความกดอากาศสูงกำลังแผลงฤทธิ์อย่างเต็มที่ คาดว่าอีก ๒ วันที่เดินทางไปน่าจะอยู่ที่ประมาณ -๒๐ องศาเซลเซียสเศษ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2025 เมื่อ 02:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 06-01-2025, 00:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพเองก็ได้รับการทักท้วงจากบุคคลที่รักและห่วงใยหลายต่อหลายคนว่า "สถานที่โหดร้ายขนาดนั้น หลวงพ่อจะเดินทางไปทำไม ?" กระผม/อาตมภาพเองไม่อยากจะบอกว่า "ถ้าหากว่าตอนนี้ไม่ไป ให้แก่กว่านี้ก็ไม่น่าจะไปไหวอีกแล้ว"

ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีใครชวนไปที่ไหนที่เรียกว่าโหดสุดขั้ว ขอให้เข้าใจว่าถ้ายังมีเรี่ยวมีแรงอยู่ กระผม/อาตมภาพยินดีไปด้วยทันที แบบปีก่อนโน้นที่คุณนวลจันทร์ เพียรธรรม ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัทเอ็นซีทัวร์ ได้ชักชวนให้เดินทางไปยังแคชเมียร์ แล้วใช้ทางรถยนต์วิ่งไปยังเมืองเลห์ - ลาดัก ซึ่งเป็นหนทางที่โหดสุด ๆ พูดง่าย ๆ ว่าถ้าไปแล้วมีโอกาสตายมากกว่ารอด..!

คุณนวลจันทร์อยากจะลองเดินทางลักษณะนั้นสักที ในฐานะที่ทำบริษัททัวร์จะได้บอกกับลูกทัวร์อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเส้นทางถนนนั้นเป็นอย่างไร ? แล้วก็ได้พบกับความโหดของเส้นทางจริง ๆ ก็คือถึงเวลาหิมะถล่มลงมายาว ๓ - ๔ กิโลเมตร ปิดเส้นทางไปหมด ต้องรอให้รถตัดน้ำแข็ง รถโกยหิมะ มาทำการเจาะช่องให้ ซึ่งการทำงานแบบเร่งด่วน เขาก็ไม่สามารถที่จะเจาะช่องจนรถวิ่งสวนทางกันได้ เนื่องเพราะว่าพื้นที่ในการที่จะโกยหิมะทิ้งไปนั้นจำกัดมาก ก็ได้แต่เจาะช่องให้รถวิ่งได้คันเดียว แล้วก็สลับกันว่าช่วงเช้าทางด้านโน้นวิ่งมา ช่วงบ่ายทางด้านนี้วิ่งไป เหล่านี้เป็นต้น

เมื่อเห็นกำแพงหิมะที่สูงท่วมหัวไป ๓ - ๔ เมตร บางระยะก็ยังเห็นซากรถที่โดนหิมะคลุมอยู่ทั้งคันโผล่มาแต่ล้อนิดเดียว เพราะว่าโดนหิมะดันจนหงายท้องไป สอบถามบรรดาโชเฟอร์แล้วว่า "จะจัดการอย่างไรกับผู้ที่เสียชีวิตอยู่ในนั้น ?" โชเฟอร์บอกว่า "ต้องรอหน้าร้อนให้หิมะละลายแล้วค่อยมาเก็บศพไปทำพิธีทางศาสนา..!"

พวกเราผ่านพื้นที่ในลักษณะนั้นมาก็ถือว่าเป็นเกียรติประวัติในชีวิตอย่างหนึ่ง แล้วก็ขึ้นไปติดอยู่ที่ Gardung La Pass ซึ่งเป็นเส้นทางที่สูงที่สุด คือสูงถึง ๕,๖๐๐ เมตร ถ้าหากว่าตามที่ทางราชการเขากำหนดไว้ก็คือ "ห้ามอยู่ข้างบนนานเกิน ๒๐ นาที" แต่คณะของกระผม/อาตมภาพนั้นติดอยู่ ๒ ชั่วโมงเศษ..! เนื่องเพราะว่าหิมะตกหนัก ทางด้านล่างสั่งปิดทางไม่ให้รถวิ่งขึ้นลง เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าลื่นหิมะ อาจจะไถลลงเหวไปเลย..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2025 เมื่อ 02:45
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #6  
เก่า 06-01-2025, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แล้วก็มีการบริหารจัดการที่กระผม/อาตมภาพเห็นว่า "บ้ามาก" ก็คือให้คนข้างล่างวิ่งขึ้นมาจนหมดก่อน แล้วค่อยให้คนข้างบนลงไป..! โดนที่ลืมไปว่าคนข้างบนติดอยู่ในที่สูง ๕,๖๐๐ เมตร ซึ่งแทบไม่มีอากาศหายใจนั้น ถ้าอยู่นานเกิน ๒๐ นาที อาจจะมีปัญหาโรคแพ้ความสูงจนสมองบวมถึงตายได้..!

แต่ในเมื่อเขาบริหารจัดการแบบนั้น พวกเราก็ต้องอาศัยบารมีพระบ้าง อาศัยบุญเฉพาะตัวตนบ้าง ทำให้สามารถเอาชีวิตรอดลงมาได้ ถึงเวลาบอกเล่าให้ผู้อื่นฟัง หรือว่าเปิดคลิปให้ดูกำแพงน้ำแข็งสูงลิบโลก เลยหัวไปหลายต่อหลายเท่าแล้ว ผู้คนล้วนแล้วแต่สั่นหัวทั้งสิ้น..! แล้วกระผม/อาตมภาพก็ไม่แนะนำให้ใครเดินทางลักษณะนั้นอีกด้วย

การไปยังเมืองฮาร์บินครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างเกียรติประวัติให้กับตนเอง แต่ว่าญาติโยมก็เป็นห่วงเป็นใยกันนักหนา คนโน้นให้คำแนะนำอย่างโน้น คนนี้ซื้อของสิ่งนี้ให้ กระผม/อาตมภาพที่เป็นคนขี้เกียจขนของ เนื่องเพราะว่าไม่ชอบอะไรรกรุงรัง ก็คิดว่าเอาไปแค่กระเป๋าใบเดียวหิ้วขึ้นเครื่องได้ ถ้าหากว่าไม่เพียงพอต่อสู้กับความหนาว เราก็จะได้ดังก็คือตายแล้วไม่เน่า มีสภาพเดียวกับหมูหมาต่างประเทศที่มีผู้ยกตัวอย่างว่าตายแล้วไม่เน่าเหมือนกัน..!

เรื่องนั้นกระผม/อาตมภาพไม่ขอกล่าวถึง และญาติโยมก็ไม่ควรสอบถามอีก เนื่องเพราะว่าในเมื่อ "สวรรค์มีทาง ท่านไม่ยอมไป นรกไร้ประตู ท่านกลับพยายามตะเกียกตะกายมุดเข้าไปหา" เราก็อย่า "เอาไม้สั้นไปรันขี้" ให้เหม็นตัวเองเลย แล้วแต่หนทางของใครของมันในกาลข้างหน้า ถ้ามีโอกาสก็จะไปเยี่ยมยามกันตามอัธยาศัย ถ้าไม่ได้พบปะกันก็ถือว่าทางใครทางมัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๘
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-01-2025 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:55



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว