กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 22-12-2024, 17:10
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 22-12-2024, 22:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ อากาศตอนเช้าที่ทองผาภูมิอยู่ที่ ๑๖ องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิยอดหญ้าอยู่ที่ ๑๔ องศาเซลเซียสโดยประมาณ ถ้าหากว่าใครร่างกายไม่แข็งแรงก็ต้องทำอย่างกระผม/อาตมภาพ ก็คือใส่เสื้อกันหนาวไปก่อน ๒ ตัว แล้วค่อยห่มจีวรทับอีกชั้นหนึ่ง

เรื่องของดินฟ้าอากาศถือว่าเป็นเรื่องของธรรมชาติ จัดว่าเป็นความทุกข์อย่างหนึ่งของร่างกายนี้ ก็คือสภาวทุกข์ เมื่อเกิดมาแล้วต้องหนาว ร้อน หิว กระหาย เจ็บไข้ได้ป่วย เหล่านี้เป็นต้น ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าสามารถบรรเทาได้ ก็หาสิ่งของมาบรรเทาให้ ถ้าหากว่าไม่สามารถที่จะหามาได้ ก็ต้องทำใจยอมรับไป

เมื่อเจริญพระกรรมฐานและทำวัตรเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ออกเดินทาง เนื่องเพราะว่าวันนี้มีนัดหลายแห่ง โดยเฉพาะการนำวัตถุมงคลไปส่งให้ไอ้ตัวเล็ก จะได้รีบทำการบรรจุก่อนที่จะส่งให้กับผู้ที่จับจองมา เหตุที่ต้องรีบก็เพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วเป็นการทำงานคนเดียว ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ถ้าหากว่ารีบ ๆ ร้อน ๆ ก็มีโอกาสผิดพลาดอยู่เสมอ

ส่วนที่น่ายินดีที่สุดก็คือ เมื่อมีความผิดพลาด บรรดาญาติโยมทั้งหลายที่จองวัตถุมงคลมาก็ได้ทำการส่งคืน แล้วก็เปลี่ยนเอาที่ถูกต้องไป แสดงว่าท่านทั้งหลายก็เข้าใจในระบบการทำงานประมาณ "ข้ามาคนเดียว" หรือว่าระดมพรรคพวกเพื่อนฝูงช่วงนั้นได้กี่คนก็มาช่วยกันบรรจุของ ช่วยกันติดรายชื่อ ซึ่งโอกาสพลาดนั้นต้องมีอยู่แล้ว

ในส่วนนี้ก็ต้องขออนุโมทนาทั้งผู้ให้และผู้รับ ก็คือท่านผู้บูชาวัตถุมงคลมาถือว่าเป็นผู้ที่ให้ในพระพุทธศาสนา ปัจจัยของท่านจะได้นำไปทำตามวัตถุประสงค์ที่ได้ระบุเอาไว้ ส่วนผู้รับคือตัวกระผม/อาตมภาพและหมู่ศิษยานุศิษย์ ตลอดจนกระทั่งบุคคลที่ได้รับการนำสิ่งของหรือว่าเงินทองไปดำเนินการตามวัตถุประสงค์นั้น ทุกฝ่ายต่างถือว่าช่วยกันทำนุบำรุงและค้ำจุนพระพุทธศาสนา

ครั้นเมื่อจัดการกับงานยุ่ง ๆ รอบด้านและฉันเพลเสร็จแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ต้องวิ่งตรงไปยังวัดสามจุ่น หมู่ที่ ๑ ตำบลดอนปรู อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพพระครูปัญญาศาสนธำรง (ปัญญา ฐิตปญฺโญ - ฉางทรัพย์) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามจุ่น อดีตเจ้าคณะตำบลดอนปรู ซึ่งได้มรณภาพลงด้วยอายุ ๕๘ ปี แล้วจะมีการพระราชทานเพลิงศพในวันนี้
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 01:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 22-12-2024, 22:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระครูปัญญาศาสนธำรงนั้นได้เรียนร่วมรุ่นมากับกระผม/อาตมภาพมา ในสมัยประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ แล้วหลังจากนั้นก็คงจะท้อด้วยการเดินทาง เนื่องเพราะว่าต้องเดินทางไปเรียนถึงวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี ซึ่งตอนนั้นยังเป็นหน่วยวิทยบริการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) ท่านก็หายไปหลายปีจนกระผม/อาตมภาพเรียนจบปริญญาเอกแล้ว กลับมาเป็นครูบาอาจารย์สอนอยู่ที่วิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี ไม่ทราบว่าท่านไปเรียนต่อปริญญาตรีตอนไหน ? แต่ว่ามาต่อปริญญาโท กลายเป็นลูกศิษย์ของกระผม/อาตมภาพไปเสียนี่..!

อีกท่านหนึ่งที่ได้เจอในงานนี้ก็คือพระครูสุขุมปัญญากร (สำเนียง มหาปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดทุ่งกฐิน เจ้าคณะตำบลหนองกระทุ่ม จังหวัดสุพรรณบุรี ท่านเป็นลูกศิษย์เรียนปริญญาโทของกระผม/อาตมภาพ พร้อมกับพระครูปัญญาศาสนธำรง แต่มาภายหลังได้รับการแต่งตั้งและเข้าสอบพระอุปัชฌาย์รุ่นเดียวกัน จึงกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างจะสลับซับซ้อน

จนถึงขนาดที่ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. (ประยูร ธมฺมจิตฺโต ป.ธ.๙, Ph.D.) ราชบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม ประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่สอนพวกกระผม/อาตมภาพมา และวันนี้ท่านเจ้าคุณอาจารย์ก็มาเป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนาหน้าไฟ ได้ปรารภว่า "นี่พวกท่านมีสายสัมพันธ์กันหมดเลยหรือนี่ ?" จึงกราบเรียนท่านไปว่า "บางทีก็เป็นเรื่องแปลกครับ ท่านที่เป็นเพื่อนก็กลายมาเป็นลูกศิษย์ ท่านที่เป็นลูกศิษย์ก็กลายมาเป็นเพื่อน..!" จึงกลายเป็นอะไรที่ได้หัวเราะกันทั้ง ๆ ที่อยู่ในงานศพนั่นเอง..!

แล้วอีกส่วนหนึ่งก็คือท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี นายพิริยะ ฉันทดิลก ได้มากราบ "หลวงน้า" กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็ยังดีใจ เพราะว่าเป็นลูกของพี่สาวจริง ๆ แล้ว เมื่อไปตรวจประเมินโครงการหมู่บ้านรักษาศีล ๕ ที่วัดสระแก้ว จังหวัดอ่างทอง ท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองอยู่ที่นั่น มาปีนี้กลับมาอยู่สุพรรณบุรี บ้านเกิดของท่านเองแล้ว จึงได้กล่าวฝากไว้กับท่านเจ้าคุณประไพ - พระสุพรรณวชิราภรณ์, ดร. (ประไพ ปุญฺญกาโม ป.ธ. ๓) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีว่า "ถ้าผู้ว่าฯ เขาต้องการอะไรก็ช่วยสงเคราะห์ให้ด้วยนะครับ" แล้วหันไปบอกกับผู้ว่าฯ ว่า "นี่คือเพื่อนกัน เรียนร่วมกันมาตั้งแต่ ป.บส. ปริญญาตรี ปริญญาโท รู้จักสนิทสนมกันมาเกิน ๒๐ ปีแล้ว"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 01:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 22-12-2024, 22:33
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลังจากที่ได้พิจารณาผ้าไตรบังสุกุลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็กราบลาท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมบัณฑิต, ศ., ดร. ตลอดจนกระทั่งท่านเจ้าคุณประไพและพรรคพวกเพื่อนฝูง โดยที่ปรารภกับทุกท่านว่า เพื่อนฝูงก็ทยอยกันไปทีละคนสองคน ในจังหวัดสุพรรณบุรี พี่ชลอ - พระครูสุตาภรณ์พิสุทธิ์ (ชลอ เตชพโล ป.ธ. ๔) ก็ไปเสียก่อนแล้ว ยังไม่ทราบว่าคิวต่อไปจะเป็นใคร ? ทุกคนมองซ้ายมองขวาแล้วก็บอกว่า "ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะว่าบางคนอายุมากก็ดูแข็งแรง บางคนอายุน้อยก็มีโรคประจำตัว"

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าเป็นไปตามวาระบุญวาระกรรมของแต่ละคน เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าใครสร้างกรรมปาณาติบาตไว้มาก ก็จะเจ็บไข้ได้ป่วยหรืออายุสั้นพลันตาย

ใครที่สร้างกรรมอทินนาทานไว้มาก ทรัพย์สินก็จะเสียหาย โดนบุคคลหลอกลวงจนเสียทรัพย์หมดตัวไปเลยก็มี

ท่านใดสร้างกรรมด้านกาเมสุมิจฉาจารเอาไว้มาก เกิดมาชาติใหม่ก็กลายเป็นบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ เรื่องเดียวกันเราพูดไปไม่มีใครฟัง แต่คนอื่นพูดเรื่องเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีลักษณะน่าเชื่อถือเหมือนกับเรา แต่คนกลับรับฟังและเชื่อถือเขาเสียนี่..!

ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายสร้างกรรมด้านมุสาวาทมา ก็จะโดนคนเขาโกหกหลอกลวงปลิ้นปล้อนอยู่เรื่อย ๆ จนกระทั่งบางทีเราก็ต้องลำบากเดือดร้อนด้วยคำพูดโกหกเหล่านั้น

ส่วนท่านที่สร้างกรรมในด้านสุราเมรยมัชชปมาฯ ท่านทั้งหลายก็จะมีโรคประจำตัว ไม่ว่าจะเป็นปวดหัวเป็นประจำ เป็นโรคประสาท หรือถ้าหากว่าประเภทดื่มเช้า กลางวัน เย็น กลางคืน ไม่ยอมเลิก อาจจะต้องถึงขนาดเป็นบ้าไปเลยก็มี..! เพราะว่าดื่มแล้วขาดสติสัมปชัญญะ


ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า ในเรื่องของการรักษาศีลนั้น องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เราทำในเรื่องง่าย ก็คือแค่ไม่กระทำในเรื่องทั้งหลายเหล่านั้น แต่ถ้าหากว่าเราไปกระทำซึ่งเป็นเรื่องยาก โทษก็จะเกิดขึ้นกับตนเอง อย่างเช่นว่าการฆ่าสัตว์หรือว่าฆ่าคน ก็ต้องเสียเวลาไปวางแผน ไปลงไม้ลงมือ หรือถ้าอย่างเช่นเป็นพรานล่าสัตว์ ก็ต้องเข้าป่า ลำบากลำบนกว่าที่จะเสาะหาสัตว์ได้สักตัวหนึ่ง แล้วก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะฆ่าเขา หรือว่าเขาจะฆ่าเรา..! แปลว่าท่านทั้งหลายถ้าจะฆ่าสัตว์ก็เป็นเรื่องยาก แต่เว้นจากการฆ่าสัตว์ซึ่งเป็นเรื่องง่าย ควรที่จะทำหรือไม่ก็อยู่ที่การพิจารณาของทุกท่าน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 01:28
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 22-12-2024, 22:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรามีโอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์ ต้นทุนของเราก็คือศีล ๕ ถ้าหากว่ามีโอกาสได้ฟังธรรม น้อมนำมาปฏิบัติ เกิดความเลื่อมใสจนอุปสมบทในพระพุทธศาสนาได้ เช่นเดียวกับพระครูปัญญาศาสนธำรงผู้ล่วงลับไป ก็แปลว่าต้องสั่งสมบุญกุศลมาอย่างมหาศาล ถึงได้เป็นผู้ละอายชั่วกลัวบาป แล้วยังเข้ามาค้ำจุนพระพุทธศาสนาได้

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่ากว่าจะสบสมัยได้โอกาสที่เหมาะสม ก็คือมีชาติกำเนิดเกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นบุรุษ มีอาการครบ ๓๒ อยู่ในครอบครัวที่เป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ถึงขนาดออกบวชอุทิศชีวิตเอาไว้ ได้ดำรงสมณเพศจนมรณภาพไปในผ้าเหลือง เป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญเหลือเกิน โดยเฉพาะภาระหนักที่ท่านทั้งหลายต้องแบกรับเอาไว้ก็คือ การค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเราให้ยั่งยืนมั่นคงจนกว่าจะครบ ๕,๐๐๐ ปี

เรื่องทั้งหลายเหล่านี้เป็นเรื่องที่พระครูปัญญาศาสนธำรงท่านได้สร้างสมเอาไว้อย่างเต็มที่ และต้องเป็นบุญกุศลมหาศาล ที่จะส่งผลให้ท่านไปสู่สุคติในเบื้องหน้า จึงกลายเป็นว่าท่านทั้งหลายที่ได้อาศัยใบบุญ ก็คือสิ่งที่ท่านพระครูปัญญาศาสนธำรงได้ทำเอาไว้ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้เห็นดีเห็นงาม เห็นในส่วนคุณงามความดีนี้แล้ว ยังแสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวที ด้วยการมาร่วมงานศพในวันนี้เป็นครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นก็เหลือเพียงคุณงามความดีให้รำลึกถึงต่อไปเบื้องหน้าเท่านั้น

ท่านทั้งหลายจึงควรที่จะตระหนักเอาไว้ว่า ในเรื่องของคนหรือว่าสัตว์ก็ตาม เมื่อตกตายลงไปแล้ว ก็เหลือเพียงแต่วัตถุหรือคุณงามความดีเอาไว้เป็นที่ระลึกถึง ตัวเราเองนั้นสร้างคุณงามความดีเอาไว้เท่าไร? มั่นใจในคติคือที่ไปเบื้องหน้าของเราแล้วหรือยัง ? ถ้าหากว่ามั่นใจแล้ว ก็ทำคติของเราให้มั่นคงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้ายังไม่มั่นใจก็ให้เร่งขวนขวายใน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ประกันว่าเมื่อเราสิ้นชีวิตลงไป เราจะได้ไปในภพภูมิที่ดีอย่างแน่นอน

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 23-12-2024 เมื่อ 01:30
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:52



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว