กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-12-2024, 16:48
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 18-12-2024, 23:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพกำลังจะเดินทางไปยังจังหวัดสกลนคร เพื่อทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตบูรณะพระบรมธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร ให้กับหลวงพ่อนิล (พระครูวินัยธรธวัชชัย ชาครธมฺโม) ประธานที่พักสงฆ์อาศรมศรีชัยรัตนโคตร จังหวัดสกลนคร ซึ่งท่านอาสาเป็นประธานในการบูรณะส่วนที่ ๔ ของยอดพระบรมธาตุเชิงชุมในครั้งนี้ โดยที่กระผม/อาตมภาพได้รับการถวายตั๋วเครื่องบิน ๒ ที่นั่งจากโยมแอ๊ว (นางพิชญ์สินี ชาญปรีชญา) ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะเอารถของวัดไปเอง

หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมกระผม/อาตมภาพถึงได้ชอบเอารถวัดเดินทางไกล ๆ ? ซึ่งนอกจากจะทำให้ตนเองเหนื่อยแล้ว ยังเสี่ยงกับอุบัติเหตุต่าง ๆ ตลอดเส้นทางอีกด้วย ก็อยากจะเรียนถวายพระภิกษุสามเณรทุกท่าน ตลอดจนกระทั่งบอกกล่าวให้ญาติโยมทั้งหลายได้ทราบว่า

การเดินทางโดยเครื่องบินนั้น ถ้าหากว่าในสายตาชาวบ้านทั่วไปแล้ว จะมองว่าเป็นเรื่องของพระภิกษุสามเณรที่มีฐานะร่ำรวย พูดง่าย ๆ ก็คืออยู่ในระดับ "ไฮโซ" โดยที่ไม่ได้นึกว่าพระสังฆาธิการระดับต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณรนั้น มีส่วนลดในการโดยสารพาหนะต่าง ๆ ตลอดจนกระทั่งหลายตำแหน่งก็ได้ตั๋วพาหนะต่าง ๆ ฟรี ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถไฟ หรือว่าเครื่องบิน แต่ถ้าหากว่าไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ระบุเอาไว้แล้ว ก็ต้องจ่ายกันในราคาที่ค่อนข้างจะสูง

กระผม/อาตมภาพเองนั้น พยายามที่จะไม่ให้คนมองไปในภาพของพระภิกษุสามเณรผู้มีฐานะร่ำรวย เนื่องเพราะสำนึกอยู่เสมอว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางตัวพวกเราเอาไว้ในลักษณะของขอทาน ก็คือปัจจัย ๔ ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยจากญาติโยมทั้งสิ้น ถ้าหากว่าญาติโยมไม่มีความเมตตาแล้ว เราเองก็ไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ ซึ่งการที่ญาติโยมจะเมตตาเรา ก็แปลว่าเราต้องอยู่ในฐานะที่ต่ำต้อย ไม่ใช่อยู่ในฐานะที่ร่ำรวย สูงส่งกว่าญาติโยมทั้งหลาย

แม้กระทั่งในการเดินทางในกรุงเทพฯ กระผม/อาตมภาพก็มักจะไปโดยรถแท็กซี่เสมอ ยกเว้นว่าทางเจ้าภาพนำรถส่วนตัวมารับ พรรคพวกเพื่อนฝูงก็เคยถามว่า "ทำไมไม่เอารถวัดมา ?" กระผม/อาตมภาพบอกว่า การใช้รถวัดเดินทางในกรุงเทพฯนั้น มีความยากลำบากหลายประการ
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2024 เมื่อ 19:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 33 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-12-2024, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ประการที่ ๑ ก็คือ หาที่จอดรถได้ยากมาก โดยเฉพาะไปงานตามวัดวาอารามต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเมื่อเข้าไป บางทีก็ออกไม่ได้ จนกว่าบรรดาท่านที่ไปทีหลังจะออกมาก่อน

ประการที่ ๒ เราต้องคอยห่วงใยคนขับอีก ๑ คน ว่าจะกินจะอยู่อย่างไร ? เนื่องเพราะว่าเคยมีตัวอย่างมาแล้ว ในสมัยที่ยังเรียนหนังสืออยู่ ปรากฏว่าเจอคนขับรถของเพื่อนฝูงตีหน้าแปลก ๆ ในตอน ๕ โมงกว่า เกือบ ๖ โมงเย็น พอถามว่า "เป็นอะไรไป ?" เขาบอกว่า "หิวข้าวครับ" ทำเอากระผม/อาตมภาพถึงขนาดลืมตัวไป อุทานออกมาว่า "ตายห่...ตูบวชนานเกินไป ลืมนึกไปว่าคนอื่นเขาต้องกินข้าวเย็นกัน..!" ในเมื่อต้องรับผิดชอบอีกชีวิตหนึ่ง จึงกลายเป็นภาระโดยใช่เหตุ

ประการต่อไปก็คือ การเดินทางทุกอย่างมีความเสี่ยงเสมอ ถ้าหากว่ามีการเฉี่ยวการชนกัน ต่อให้ท่านมีประกัน ก็ต้องเสียเวลาไปนานกว่าที่เรื่องจะจบลง กว่าที่เราจะเอารถมาใช้งานได้อีก ไม่เหมือนกับใช้รถขนส่งสาธารณะ ที่เราลงแล้วก็จบกันไปเลย ทำเอาพรรคพวกเพื่อนฝูงถึงขนาดบ่นว่า "คิดอย่างนี้ก็มีด้วย..!"

อีกประการหนึ่งก็คือการที่เราเดินทางในลักษณะแบบนี้นั้นมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง ถ้าหากว่านำรถของทางวัดไป ถึงเวลาเราจะแวะที่ไหนก็สะดวกสบายด้วยประการทั้งปวง แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยในการเดินทางอยู่สักหน่อย แต่ก็เป็นความเหน็ดเหนื่อยของคนขับรถมากกว่า กระผม/อาตมภาพขึ้นรถได้ก็แผ่เมตตาภาวนาไปเรื่อยเปื่อย บางทีไม่มีอะไรก็กราบเรียนถามเรื่องนั้นเรื่องนี้กับครูบาอาจารย์ หรือท่านที่มาสงเคราะห์ ทำให้ไม่รู้สึกว่าหนทางนั้นไกล

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การที่เดินทางด้วยเครื่องบิน บางทีกระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ชอบใจ แต่เมื่อเป็นความประสงค์ของทางเจ้าภาพ ก็จำเป็นที่จะต้องไปเพราะว่าเขาถวายตั๋วมาให้ ไม่ใช่เราไปซื้อหาด้วยตนเอง นี่ก็เป็นเหตุผลเดียวกับการที่
กระผม/อาตมภาพจะไม่เดินทางไปต่างประเทศอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่มีเจ้าภาพออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมดให้

เนื่องเพราะว่าการเดินทางไปต่างประเทศนั้น บางคนก็ถือว่าเป็นเรื่องโก้ ถึงเวลาก็เอามาคุยทับเพื่อนฝูงว่าไปประเทศนั้นมาแล้ว ไปประเทศนี้มาแล้ว มีบางท่านถึงขนาดจำพรรษาปีละ ๑ ประเทศก็มี ถ้าท่านต้องการจะสร้างเกียรติประวัติแบบนั้นโดยที่เอาเงินสงฆ์ไปใช้ กระผม/อาตมภาพก็ไม่เห็นด้วย เนื่องเพราะว่า
เงินสงฆ์ก็ควรที่จะใช้ในกิจการงานของคณะสงฆ์ ไม่ใช่ถึงเวลารับกฐินเสร็จ ก็เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกัน บางท่านหนักข้อไปยิ่งกว่านั้น รับกฐินเสร็จก็ออกรถป้ายแดงคันใหม่ ทั้ง ๆ ที่คันเก่า อายุใช้งานก็เพิ่งจะปีเดียวเท่านั้น..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2024 เมื่อ 19:44
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-12-2024, 00:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

โดยที่บางครั้งถ้าเป็นผู้ที่ใกล้ชิดสนิทสนมกัน ก็โดนกระผม/อาตมภาพด่าเอาสาดเสียเทเสียไปเหมือนกัน..! เพราะว่าถ้าไม่ด่ากันเองในลักษณะอย่างนั้น ครูบาอาจารย์ของท่านก็คงไม่กล้าบอกกล่าวตักเตือน ขณะเดียวกันคนอื่น ๆ ก็ไม่กล้าบอกกล่าว ดีไม่ดีก็อาจจะเห็นด้วย เห็นว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวย มีเงินมีทองออกรถป้ายแดงใหม่ได้อย่างสม่ำเสมอ..!

กระผม/อาตมภาพย้ำอยู่เสมอว่า
"ถ้าจะทำในลักษณะนั้นโดยสันดาน ก็คือจะเอาไว้อวดคนอื่นเขา ก็ให้รอหลังกฐินไปแล้วสัก ๖ เดือน ๘ เดือน หรือปีหนึ่ง แล้วค่อยออกรถใหม่จะได้หรือไม่ ? ไม่ใช่รับกฐินมาปุ๊บก็ออกรถป้ายแดงปั๊บ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเอาเงินทำบุญไปออกรถเพื่อความโก้เก๋ของตนเอง ภาพพจน์ของคณะสงฆ์ก็พังบรรลัยหมด..!"

บางท่านก็พกโทรศัพท์ทีหนึ่ง ๔ เครื่อง ๕ เครื่อง..! เครื่องนี้สำหรับงานคณะสงฆ์ เครื่องนี้สำหรับพรรคพวกเพื่อนฝูง เครื่องนี้สำหรับญาติโยมที่สนิทสนมกันโดยเฉพาะ แถมยังมีเครื่องลับสำหรับเอาไว้เรื่องที่ไม่สมควรบอกกล่าวกับผู้คนอีกด้วย..! พอโทรศัพท์รุ่นใหม่ออกก็เปลี่ยนทันที ทั้ง ๆ ที่กระผม/อาตมภาพไม่เห็นว่ามีความจำเป็นอะไรเลย

แม้กระทั่งตนเองที่ใช้โทรศัพท์มือถือ ญาติโยมก็ยัดเยียดมาให้ จำได้ว่าเครื่องแรกใช้ไป ๘ ปี จนกระทั่งผู้คนทนดูไม่ไหว จึงเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ ปัจจุบันนี้ก็มีพี่วิไล (นางสาวจีรภา ภูมิธเนศ) ซึ่งเป็นพี่สาวที่เคารพนับถือกันมาตั้งแต่สมัยก่อนบวช พี่เขาคงจะสงสารว่าพระน้องชายใช้โทรศัพท์อะไรเก่า ๆ เพราะฉะนั้น..อย่าได้เจอหน้า เจอหน้าเมื่อไรพี่เขาก็จะเปลี่ยนเครื่องใหม่ให้ทันที จึงต้องใช้วิธีหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ให้พี่เขาเห็นว่าตนเองใช้โทรศัพท์อะไรอยู่..!?

เรื่องพวกนี้บางทีลูกศิษย์ก็ถามว่า "พระอาจารย์สร้างภาพหรือเปล่าครับ ?" กระผม/อาตมภาพถามคืนไปว่า "ถ้าหากว่าพระภิกษุสงฆ์ในประเทศไทยของเราช่วยกันสร้างภาพแบบนี้ คุณคิดว่าพระพุทธศาสนาของเราจะเจริญขึ้นหรือไม่ ?" เนื่องเพราะว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้วลืมคิดไปว่า การสร้างภาพนั้นเป็นการแสดงออกให้คนอื่นเห็น ถ้าในลักษณะนี้ก็จะมีการ "หลุด" อยู่เสมอ หรือไม่ก็ทำไม่ทน ทำไม่นาน พอถึงเวลาต่อหน้าอย่างหนึ่ง ลับหลังอย่างหนึ่ง ท้ายที่สุดก็โดน "จับโป๊ะ" ได้อย่างภาษาวัยรุ่นสมัยนี้..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2024 เมื่อ 19:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-12-2024, 00:20
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเรื่องพวกนี้นั้นก็ขึ้นอยู่กับเหตุ ๒ ประการด้วยกัน ประการแรกก็คือ พระอุปัชฌาย์อาจารย์ของท่านเข้มงวดกวดขันหรือไม่ ? ถ้าพระอุปัชฌาย์อาจารย์ท่านเข้มงวดกวดขัน เป็นตัวอย่างที่ดี ให้การสั่งสอนอบรมอย่าง "หัวไม่ว่างหางไม่เว้น" ต่อให้ท่านเองอยากจะชั่วขนาดไหนก็ต้องเกรงใจครูบาอาจารย์บ้าง..!

ประการที่ ๒ ก็คือ ท่านทั้งหลายมีจิตสำนึกในความเป็นนักบวชอยู่สักเท่าไร ?
ถ้าเรามีสมณสัญญา สำนึกได้อยู่เสมอว่าเราเป็นนักบวช อยู่ในฐานะของบุคคลที่พระพุทธเจ้าตั้งไว้ในตำแหน่งของขอทาน ถ้าเราทำตัวร่ำรวย คนไม่สงสาร ไม่ช่วยเหลือสงเคราะห์ ไม่เพียงแต่เราที่จะเดือดร้อน หากแต่ว่าเพื่อนพระภิกษุสงฆ์สามเณรทั่วทั้งสังฆมณฑลก็จะเดือดร้อนไปด้วย..!

ถ้าเรารู้จักรักษาสมณสัญญา - สมณสารูป ตลอดจนกระทั่งรักศีลของตนเอง มีความละอายชั่วกลัวบาป ปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์อย่างเคร่งครัด ถ้าลักษณะอย่างนี้ก็ย่อมยังความเลื่อมใสให้กับญาติโยมทั้งหลายเป็นจำนวนมาก ซึ่งเขาทั้งหลายเหล่านั้นนั่นแหละ จะช่วยกันค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเราให้ยั่งยืนไปจนครบ ๕,๐๐๐ ปี

จึงเป็นเรื่องที่กระผม/อาตมภาพคิดว่าแม้ว่าไม่สมควรที่จะมาพูดก็ต้องมาพูด ไม่สมควรที่จะต้องมาบอกกล่าวก็ต้องมาบอกกล่าว เผื่อว่าพระภิกษุสามเณรของเราท่านใด ฟังแล้วเห็นดีเห็นงามด้วยแล้วไปปฏิบัติตาม ก็ชื่อว่าจะทำให้เป็นส่วนหนึ่งในการค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเราให้ยั่งยืนสืบไป

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-12-2024 เมื่อ 19:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:48



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว