กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนธันวาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-12-2024, 17:03
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 37 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-12-2024, 01:02
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ถ้าหากว่าเป็นฝรั่งก็คงไม่คิดที่จะทำงานทำการอะไรกันเลย เพราะถือว่าเป็นวันโชคร้ายสุด ๆ เนื่องเพราะว่าพระเยซูคริสต์ หรือถ้าออกเสียงแบบภาษาอังกฤษก็คือ "จีซัสไครสต์" ได้สิ้นพระชนม์ลงในวันศุกร์ที่ ๑๓ แต่ว่าคนไทยของเรานั้นเลข ๑๓ กลับรู้สึกว่ามีแต่ความเป็นมงคล อย่างเช่นว่าเทศน์มหาชาติคาถาพันก็มี ๑๓ กัณฑ์ ธุดงควัตรเอาไว้ขัดเกลากิเลสของพระภิกษุสามเณรก็มี ๑๓ ข้อ เหล่านี้เป็นต้น

ดังนั้น..ในเรื่องของมงคลหรืออวมงคลซึ่งเป็นของภายนอกนั้น ไม่ถือว่าเป็นสาระแก่นสารอะไร มงคลที่แท้จริงก็คือ มงคลทั้ง ๓๘ ประการในมงคลสูตร พระสุตตันตปิฎก ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งไล่ตั้งแต่ต่ำสุดไปจนถึงสูงสุด ก็คือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานไปเลย

สำหรับวันนี้หลังจากบิณฑบาตและฉันภัตตาหารเช้าแล้ว กระผม/อาตมภาพได้เดินทางลงมายังจังหวัดกาญจนบุรี ผ่านอำเภอบ้านโป่งของจังหวัดราชบุรี ตรงเข้านครปฐม ระหว่างทางก็เจอฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมสองวันที่ผ่านมา กระผม/อาตมภาพถึงได้ป่วยแทบตาย..!? เนื่องเพราะว่าบุคคลที่มีเชื้อมาลาเรียอยู่ในร่างกายนั้น จะไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอากาศเป็นอย่างมาก

เมื่อตรงเข้าสู่วัดพระปฐมเจดีย์ ราชวรมหาวิหาร ถนนเทศา ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม เพื่อกราบสักการะหลวงพ่อพระร่วงโรจนฤทธิ์ และองค์พระปฐมเจดีย์ ประจำปี ๒๕๖๗ เหตุที่ต้องมีการระบุปีอย่างชัดเจน ก็เนื่องเพราะว่าครูบาอาจารย์รูปหนึ่งก็คือ หลวงปู่มหาอำพัน - ท่านเจ้าคุณพระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) แห่งวัดเทพศิรินทราวาส ท่านได้เมตตาบอกกล่าวไว้ว่า "ถ้าคุณยังบวชอยู่ เมื่อออกพรรษาแล้วให้ไปสักการะพระและสถานที่สำคัญก็คือ
พระแก้วมรกต พระพุทธชินราช พระพุทธชินสีห์ และองค์พระปฐมเจดีย์ให้ได้ทุกปี" ซึ่งหลวงปู่มหาอำพันท่านทำเป็นตัวอย่างจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต แต่กระผม/อาตมภาพนั้นต้องอาศัยว่า ภายในปีนั้นผ่านไปใกล้ที่ใดก็แวะกราบสักการะที่นั่น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2024 เมื่อ 01:37
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-12-2024, 01:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อถวายกราบสักการะ เจริญพระพุทธมนต์ถวายเป็นพุทธบูชา และอุทิศส่วนกุศลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ตรงไปยังโรงเรียนนาคประสิทธิ์ (มูลนิธิวัดบางช้างเหนือ) แผนกอนุบาล อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ซึ่งหลวงพ่อเจ้าคุณแก้ว (พระราชวชิรสุตาภรณ์ - พนม รตนาโภ) เจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม เพื่อนร่วมรุ่นเรียนมาตั้งแต่สมัยประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต สาขาพระพุทธศาสนา ปริญญาโทพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการจัดการเชิงพุทธ ท่านได้มาสร้างโรงเรียนแผนกอนุบาลเอาไว้ที่นี่ โดยวันนี้เป็นพิธีเปิดป้ายและฉลองอาคารใหม่ ซึ่งท่านได้นิมนต์พรรคพวกเพื่อนฝูงมากันมากมาย จำนวนเกือบ ๓๐๐ รูป..!

กระผม/อาตมภาพนั้นความจริงเมื่อไปถึง กะว่ารับไทยธรรมในการทักษิณานุปทานแล้วจะลากลับเลย แต่ว่าหลวงพ่อแก้วท่านบอกว่า "อยู่ช่วยรับสมเด็จฯ หนกลางกันก่อน" กระผม/อาตมภาพจึงได้อยู่ในห้องพักพระเถระ ทำให้ได้กราบพระเถระที่เดินทางมาหลายรูป อย่างเช่นพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ.๙, Ph.D.) วัดสามพระยาวรวิหาร กรรมการมหาเถรสมาคม

หลวงพ่อโม่ง - พระราชวชิรมงคลวิสิฐ (อาทิตย์ สิริวฑฺฒโน) เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี

หลวงพ่อดิเรก - พระราชวัชรสาครคณี (ดิเรก ปิติทานนฺโท) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร

ท่านเจ้าคุณอาจารย์ชัยวัฒน์ - พระเทพวชิรวาที (ชัยวัฒน์ ธมฺมวฑฺฒโน) วัดประยุรวงศาวาส เป็นต้น

จนกระทั่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อสมเด็จฯ หนกลาง - ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี (ธงชัย ธมฺมธโช) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะใหญ่หนกลางเดินทางมาถึง โดยหลวงพ่อสมเด็จฯ ท่านเดินดูงานต่าง ๆ ภายในโรงเรียนนาคประสิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นโรงเรียนการกุศลที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย แต่ละปีมีนักเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ ได้นับเป็นร้อย ๆ คน ซึ่งสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยหลวงปู่สงัด -พระเดชพระคุณพระพิศาลศึกษากร (สงัด อุคฺคเสโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ แล้วหลวงพ่อเจ้าคุณแก้วจึงมารับช่วงต่อ

จากพระครูพินิจสุนทร พระครูรองคู่สวด ท่านก็เลื่อนขึ้นมาพระครูปลัดคุณวัฒน์ พระครูปลัดของพระราชาคณะชั้นธรรม แล้วหลังจากนั้นก็ขอพระครูสัญญาบัตรเทียบเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นเอก ปรากฏว่าผลงานที่ล้นความต้องการของทางคณะสงฆ์ มหาเถรสมาคมจึงยกท่านขึ้นเป็นพระราชาคณะที่พระพิพัฒน์ศึกษากร และปัจจุบันนี้ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราชที่พระราชวชิรสุตาภรณ์
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2024 เมื่อ 01:41
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-12-2024, 01:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อหลวงพ่อสมเด็จฯ ทำการเจิมและพรมน้ำมนต์เสร็จเรียบร้อยแล้ว กระผม/อาตมภาพก็ได้กราบขอตัวเดินทางออกมา ชื่นชมความกว้างใหญ่ไพศาลของโรงเรียนโรงเรียนนาคประสิทธิ์ และวัดบางช้างเหนือ ซึ่งในอดีตกาลนับร้อยปีที่ผ่านมานั้น มีหลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือเป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีคนเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง เนื่องเพราะว่าท่านมีวาจาสิทธิ์ อย่างเช่นว่าบอกเรือกลไฟให้หยุดก็ต้องหยุด ไม่สามารถจะไปได้ ทั้ง ๆ ที่เดินเครื่องอย่างเต็มที่ บอกให้เดินหน้าก็เดินหน้าได้อย่างที่ท่านสั่ง..!

วัตถุมงคลของหลวงปู่ที่โด่งดังก็ประกอบไปด้วยตะกรุดไม้ไผ่ และลิงที่แกะจากหินสบู่ เนื่องเพราะว่าหลวงปู่จ้อยท่านเกิดปีวอก ลิงหรือหนุมานของท่านนั้นมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจนว่าแกะจากหินสบู่เท่านั้น ในเรื่องความขลังของหลวงปู่จ้อยนั้นมีมากเหลือเกิน ขนาดที่มีพรานมายิงนกภายในวัด ท่านบอกว่า "ยิงกอไผ่ของข้าให้ออกเสียก่อน" บรรดาพรานทั้งหลายยิงปืนเท่าไรก็ "สับไม่แตก" ตามภาษาโบราณ ภายหลังชาวบ้านก็เลยช่วยกันตัดกอไผ่กอนั้นไปแบ่งปันกันเป็นวัตถุมงคลเสียหมด..!

ยังโชคดีว่าวิชาการของหลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือนั้น ยังถ่ายทอดมายังหลวงปู่รุ่ง วัดดอนยายหอม และพ่อพรหม ซึ่งเป็นโยมบิดาของหลวงปู่เงิน วัดดอนยายหอม ซึ่งพ่อพรหมนั้นเคยทำให้ลูกศิษย์ได้ดู ด้วยการกลั้นหายใจแล้วเอาหัวแม่เท้ากดพื้น สามารถบังคับเรือให้หยุดนิ่งกลางแม่น้ำได้เช่นกัน

ส่วนหลวงปู่รุ่ง วัดดอนยายหอมนั้นก็ได้สร้างตะกรุดไม้ไผ่ตามแบบของครูบาอาจารย์ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าหลวงปู่รุ่งท่านสึกหาลาเพศเสียในวัยชรา ทำให้หลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมต้องขึ้นเป็นเจ้าอาวาสแทน แล้วปู่รุ่งท่านก็อยู่ในลักษณะของฆราวาสจอมขมังเวทย์จนกระทั่งสิ้นชีวิต

วีรกรรมของหลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หรือที่ชาวบ้านบางคนเรียกว่า "หลวงปู่เจ๊ก" นั้น มีมากเหลือเกิน โดยเฉพาะการที่ท่านแบกไหน้ำตาลเมาฉันได้ทั้งวัน แต่พอพระสังฆการีจากกรุงเทพมาสอบสวน ปรากฏว่าเป็นน้ำเปล่า..! พอถึงเวลาท่านรินน้ำเปล่าหรือว่าน้ำชาให้ก็กลายเป็นเหล้า สังฆการีเหล่านั้นถึงได้รู้ว่าโดนหลวงปู่จ้อยท่านหลอกเสียแล้ว เนื่องเพราะว่าถ้าท่านไม่ทำตัวสำมะเลเทเมา ก็จะมีแต่ชาวบ้านมากวนไม่เว้นแต่ละวัน ท่านจึงอาศัยอำนาจของอภิญญาสมาบัติ แสดงให้คนเขาเห็นเป็นหลวงตาแก่ขี้เมา คนจึงไม่ค่อยที่จะมารบกวนมากนัก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2024 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-12-2024, 01:21
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คล้าย ๆ กับหลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ด ซึ่งบางคนก็เรียกว่าหลวงปู่จีนบ้าง หลวงปู่เจ๊กบ้าง ที่ท่านปัสสาวะใส่กระโถนแล้วสาดเอาไว้เลอะเทอะไปทั้งนอกชานกุฏิ ส่งกลิ่นเหม็นตลบไปไกล ๆ แต่ขนาดนั้นก็ยังกั้นบุคคลที่ศรัทธาไม่ได้ ถึงเวลาเขาก็มากราบ ทั้ง ๆ ที่กลิ่นปัสสาวะเหม็นคลุ้งนั่นแหละ..! แต่ถ้าหากว่าหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ตอนนั้นท่านยังอยู่วัดบางนมโคไปกราบ หลวงปู่ยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดท่านก็จะสั่งลูกศิษย์ต้มน้ำร้อนมาราด มาขัดชานกุฏิเสียก่อน เรียกง่าย ๆ ว่าพอบรรเทากลิ่นปัสสาวะลงไปได้ แล้วค่อยนั่งคุยกัน

เราจะเห็นว่าครูบาอาจารย์สมัยก่อนนั้น บางทีท่านก็มีปฏิปทาแปลก ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวเคราะห์กรรมของญาติโยมมากนัก ไม่เช่นนั้นถ้าเอาแต่สงเคราะห์ญาติโยม เคราะห์กรรมทั้งหลายที่ญาติโยมจะพึงรับ ก็จะกลายเป็นว่าครูบาอาจารย์ท่านต้องรับแทนไป แต่ละท่านจึงมีวิธีในการ "ไล่แขก" ที่แปลก ๆ ต่างกันไป ส่วนตัวกระผม/อาตมภาพนั้นไม่ไล่แขกให้เสียน้ำใจ หากแต่ว่าออกไปวิ่งงานอยู่ข้างนอก แขกมาไม่พบก็ท้อจนกระทั่งกลับไปเอง หมดเรื่องหมดราวไป..!

เมื่อออกจากวัดบางช้างเหนือมาแล้ว เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมเขาเรียกหลวงปู่จ้อยว่าหลวงปู่เจ๊ก ? คาดว่าในบริเวณตำบลคลองใหม่นั้น น่าจะมีคนจีนอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะว่าแม้แต่หลวงพ่อเจ้าคุณแก้วท่านก็เป็นลูกจีน คำว่าแก้วในที่นี้เป็นภาษาจีนแคะที่แปลว่าหมา ลักษณะที่เหมือนอย่างกับคนโบราณเรียกลูกตัวเองว่าไอ้หมา อีหมา เหล่านั้นเป็นต้น แต่พอมาเป็นภาษาไทยแล้วกลับรู้สึกว่าไพเราะมาก

กระผม/อาตมภาพยังปรารภกับหลวงพ่อแก้วท่านว่า "ถ้าคนเขาไม่รู้ก็คิดว่าชื่อหลวงพ่อเพราะขนาดเลย..!" แล้วก็นั่งหัวเราะกัน แต่น่าเสียดายว่าหลวงพ่อแก้วท่านไม่สามารถจะพูดภาษาจีนได้แล้ว ไม่เช่นนั้นกระผม/อาตมภาพก็คงจะได้ใช้ภาษาพ่อภาษาแม่ ในการที่คุยปรับสารทุกข์สุกดิบกันได้อีกหลายยก

สำหรับวันนี้คาดว่าจะเป็นเรื่องของฝนตกทั่วฟ้าก่อนที่จะหนาวกะทันหัน พระภิกษุสามเณรและญาติโยมทั้งหลายต้องระมัดระวังเอาไว้ รู้สึกเห็นท่าไม่ดีก็ฉันยากันเอาไว้ก่อน ช่วงปลายฝนต้นหนาวนั้น คนแก่หรือคนป่วย ร่างกายมักจะไม่ค่อยดี ถ้าดูแลไม่ดีก็ "ไป" เสียเอาง่าย ๆ..!

กระผม/อาตมภาพเรียกฤดูนี้ว่า "ฤดูใบไม้ร่วง" ก็คือนอกจากใบไม้ร่วงด้วยความหนาวแล้ว คนแก่คนป่วยยังพากันร่วงเหมือนกับใบไม้ไปด้วย ใครที่มีคนแก่มีคนป่วยอยู่ในบ้าน หรือว่าเป็นคนแก่คนป่วยเสียเอง พึงระมัดระวังฤดูกาลนี้เอาไว้ให้มาก อย่าได้ห่างหมอห่างยา ไม่เช่นนั้นท่านก็จะพ้นทุกข์จากกายสังขารนี้ไปแบบไม่รู้ตัว..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-12-2024 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 36 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:45



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว