#1
|
||||
|
||||
![]() เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๗
|
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#2
|
||||
|
||||
![]()
วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ ช่วงสองวันที่ผ่านมามีข่าวในวงการสงฆ์เรื่องหนึ่ง ที่มาเร็วแล้วจบเร็ว ก็คือการที่ท่าอากาศนานาชาติสุวรรณภูมิ ปิดห้องรับรองพระภิกษุสามเณร โดยที่ไม่มีกำหนดว่าจะเปิดให้เมื่อไร แต่เกิดอาการ "ทัวร์ลง" อย่างหนัก เนื่องเพราะว่าภาพพระภิกษุสามเณร ที่ต้องไปนั่งไปนอนอยู่บริเวณข้างทางเดินนั้น ไม่ใช่ของที่งดงามเลย..!
ในเมื่อเกิดเหตุลักษณะอย่างนั้นขึ้นมา ทางผู้บริหารจึงต้องรีบแก้ไข เนื่องเพราะเห็นแล้วว่ากระแสสังคมไม่เอาด้วย ทั้ง ๆ ที่ตั้งใจจะฉวยโอกาสที่กระแสสังคมกำลังโหมกระหน่ำวงการพระพุทธศาสนา ด้วยการ "โยนหินถามทาง" ปิดห้องพักพระภิกษุสงฆ์ไปเลย แต่ในเมื่อกระแสสังคมไม่เอาด้วย ก็ต้องรีบกลับตัว ๓๖๐ องศา ประมาณว่า "ดริฟท์" กันชนิดตัวโก่ง เพื่อที่จะได้ดึงกระแสกลับมาในด้านที่ดี จนทำให้สามารถแก้ตัวได้ว่า ข้ออ้างที่ว่าจะหาสถานที่ใหม่ให้นั้นเป็นการหาให้จริง ๆ แต่ถ้ากระแสสังคมไม่อำนวยแล้ว คาดว่าเรื่องนี้ก็คงไปแล้วไปลับเหมือนกับทุกที..! เป็นเรื่องที่น่าแปลกว่าในสังคมบ้านเรา ชนกลุ่มน้อยกลับมีอำนาจอิทธิพลมากกว่า ถึงเวลาก็อ้างเรื่องของศาสนา อ้างเรื่องของกฎหมาย แต่ชนส่วนใหญ่กลับต้องทน "กล้ำกลืนฝืนทน" ไปด้วย โดยที่มีแนวร่วมจำพวกหนึ่ง ที่ไปหลงคารมประมาณว่า "พหุวัฒนธรรม" ก็ดี "การอยู่ร่วมกันอย่างสันติ" ก็ตาม แต่กลายเป็นเรื่องของบุคคลที่ "ปากอย่างใจอย่าง" มาโดยตลอด แล้วทำให้ชาวพุทธโดยเฉพาะพระภิกษุสามเณร ตกเป็นฝ่ายโดนกระทำมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน บรรดาชาวพุทธส่วนใหญ่ก็คงเอ้อระเหยลอยชาย เพราะว่าถ้าหากว่าเป็นเรื่องที่ไปแตะแล้วตัวเองเดือดร้อนก็จะไม่ยุ่งด้วย แต่ถ้าหากว่าช่วยกันกระทืบพระภิกษุสามเณรซ้ำเติม รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มันในอารมณ์มาก..! เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าสังคมของเราวิปริตผิดเพี้ยนไปมาก จะว่าไปแล้วก็เป็นความผิดของพวกกระผม/อาตมภาพเอง ที่ไม่สามารถจะอบรมบ่มนิสัยทุกคนให้เป็นคนดีได้ แต่ว่าการที่จะอบรมบ่มนิสัยนั้น เราท่านทั้งหลายก็ต้องเข้าวัด ก็ต้องเข้าหาพระ ไม่ใช่หันหลังให้วัด เดินแต่ห้าง หรือก้มหน้าก้มตาอยู่กับสื่อโซเชียลอย่างในปัจจุบันนี้ แล้วมาเรียกร้องความรับผิดชอบสังคมที่ตัวเองทำเละเทะจากพระภิกษุสามเณร..! เรื่องพวกนี้จะเป็นวิกฤตที่บรรดาผู้มีอำนาจในพระพุทธศาสนาของเราจะต้องหาทางแก้ไข กระผม/อาตมภาพที่เป็นเพียงจุดเล็ก ๆ อยู่ภายในพระพุทธศาสนาแห่งนี้ ก็ได้แต่กระทำในสิ่งที่รักษาที่มั่น ตลอดจนกระทั่งชำระสะสางบ้านตนเองให้สะอาดเรียบร้อย จะได้ไม่ไปซ้ำเติมสถานการณ์ใหญ่ให้ลำบากมากนัก
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2024 เมื่อ 03:02 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#3
|
||||
|
||||
![]()
แต่อยากจะบอกว่า ถ้ามองในแง่ของผู้บริหารแล้ว การที่อยู่ ๆ ท่านทั้งหลายก็อาศัยอำนาจของตน ไปปิดสถานที่พักผ่อนหรือว่าห้องรับรองของพระภิกษุสงฆ์ลงนั้น เป็นการที่ใช้สมองคิดน้อยไปหน่อย เนื่องเพราะว่าพระภิกษุสามเณรที่สามารถเดินทางโดยเครื่องบินนั้น อย่างน้อย ๆ ก็ต้องมีญาติโยมให้การสนับสนุน ๕ คน ๑๐ คน หรือว่าถ้าอย่างกระผม/อาตมภาพ ก็มีโยมให้การสนับสนุนเป็นร้อยเป็นพัน..!
ถ้าหากไปกล่าวแค่คำเดียวว่า ท่านทั้งหลายไม่ให้ความสะดวกกับพระภิกษุสงฆ์ คิดว่าบรรดาผู้ติดตามนั้นยังจะไปใช้บริการของท่านหรือไม่ ? นี่แค่พูดให้แง่คิดในลักษณะของผู้บริหาร ไม่ได้กล่าวถึงการเอาศาสนามาชนกัน เนื่องเพราะว่าถึงกล่าวไปว่าเป็นเรื่องของศาสนา ท่านทั้งหลายก็หาข้อแก้ตัวมาอยู่ดี กระผม/อาตมภาพเห็นว่าถ้าเป็นคนดีควรที่จะแก้ไขมากกว่าที่จะไปแก้ตัว จึงขอให้คำแนะนำว่า ถ้าท่านทั้งหลายอยากจะบริหารงานให้เจริญรุ่งเรือง สิ่งใดที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ให้ความเคารพนับถือ ให้ความเชื่อฟัง ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายบริการให้ท่านเหล่านั้นด้วยความดี ด้วยความงามแล้ว ท่านทั้งหลายเหล่านั้นนั่นแหละ จะเป็นผู้ที่ไปโฆษณาความดีความงามของหน่วยงานท่าน หรือว่าสายการบินของท่านให้กับบรรดาลูกศิษย์ลูกหาเอง โดยที่ท่านทั้งหลายไม่จำเป็นที่จะต้องเสียสตางค์แม้แต่บาทเดียว..! ส่วนการที่ต้องเสียหน้า รีบแก้ไข หาห้องพักรับรองใหม่ แล้วยังแถมเป็นห้องสวดมนต์แคบ ๆ เหมือนอย่างกับห้องนอนในลักษณะ "ห้องกรง" ของทางด้านเมืองฮ่องกงก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่ได้อะไรเลย เพียงแต่อยากจะบอกกับท่านว่า ถ้าเป็นกระผม/อาตมภาพจะไม่ปล่อยเรื่องทั้งหลายเหล่านี้ให้ผ่านไปเฉย ๆ แต่ลูกน้องคนไหนที่โง่แล้วขยัน กระผม/อาตมภาพจะฟันทิ้งไปทันที..! เพื่อไม่ให้บุคคลประเภทนี้มาอยู่สร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานของตัวเองอีก เนื่องเพราะว่ามองแต่มุมแคบของตนเอง โดยที่ไม่ได้มองว่าสังคมส่วนรวมนั้นเป็นอย่างไร
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2024 เมื่อ 03:04 |
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#4
|
||||
|
||||
![]()
อีกส่วนหนึ่งที่อยากจะกล่าวถึงก็คือ วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมอำเภอทองผาภูมิ พวกเราปรารภกันถึง ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมประจำปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ก็คือชุมชนคุณธรรมต้นแบบบ้านบางน้ำผึ้ง ซึ่งท่านเดินทางมาดูงานด้านชุมชนคุณธรรมที่ชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุนของเรา ทางชุมชนของท่านนั้นได้รางวัล ๑๐ สุดยอดชุมชนคุณธรรมประจำปี ๒๕๖๕ ได้ก่อนวัดท่าขนุนเสียอีก วัดท่าขนุนของเรานั้นไม่มีอะไรพอที่จะอวดอ้างกับท่านได้เลย เนื่องเพราะว่าสิ่งต่าง ๆ ที่มีอยู่นั้น ไม่ได้แม้แต่ครึ่งหนึ่งของชุมชนคุณธรรมต้นแบบของท่าน..!
แต่ที่มากล่าวถึงตรงนี้ก็เพราะว่า แม้ท่านจะยืนอยู่ในจุดสูงสุดแล้วก็ตาม ก็ยังพยายามที่จะพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง ได้เดินทางมาเพื่อที่จะศึกษาดูงานทางด้านชุมชนคุณธรรมต้นแบบวัดท่าขนุน ว่ามีอะไรที่ท่านพอจะนำไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลงชุมชนของท่านบ้าง ก็ต้องขอเจริญพรขอบคุณที่ท่านทั้งหลายให้เกียรติและเดินทางมาดูงานของเรา ในขณะที่พวกเราเองนั้นอยากจะเลียนแบบชุมชนคุณธรรมของท่าน แต่ว่ากำลังและความพร้อมเพรียงก็ยังไม่ถึงระดับนั้น ได้แต่ตั้งใจว่าจะพัฒนาตนเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพื่อที่เราท่านทั้งหลายจะได้จับมือกันเดินไปข้างหน้า สร้างสรรค์สังคมสันติสุขที่พึ่งพาตนเอง พึ่งพากันเอง อยู่ในลักษณะของเศรษฐกิจพอเพียงตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ทรงประทานแนวทางเอาไว้ สร้างความมั่นคงให้กับชุมชนของตนเองไปเรื่อย ๆ หลาย ๆ ชุมชน ถ้าหากว่ามีความมั่นคงในจุดนั้นก็จะกลายเป็นจุดใหญ่ ที่เป็นตัวอย่างซึ่งสถานที่อื่น ๆ จะต้องเลียนแบบและทำตาม พูดง่าย ๆ ว่าถ้าหลาย ๆ ชุมชนดี ตำบลนั้นก็จะดี หลาย ๆ ตำบลดี อำเภอนั้นก็จะดี หลาย ๆ อำเภอดี จังหวัดนั้นก็จะดี หลาย ๆ จังหวัดดี ประเทศชาติก็จะดี โดยเฉพาะในส่วนของบ้านเราเมืองเรานั้น ในปัจจุบันเห็นอย่างชัดเจนว่าขับเคลื่อนด้วยการท่องเที่ยว ในเมื่อเรามีของดีในท้องถิ่น ก็ต้องพยายามที่จะสรรหาออกมาอวดคนที่มาท่องเที่ยวในพื้นที่ของเรา ซึ่งจะช่วยให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้จับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น สร้างรายได้ครัวเรือนให้กับชุมชนของเรามากขึ้น ในเมื่อมีรายได้แล้วลดรายจ่าย ตลอดจนกระทั่งปลดหนี้ของตนเองลงไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดก็เป็นไทแก่ตนเอง สามารถที่จะยืนหยัดได้อย่างมั่นคงต่อไป..!
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2024 เมื่อ 03:07 |
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
#5
|
||||
|
||||
![]()
เนื่องเพราะว่าการพึ่งพาตนเองตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงนั้น เป็นการพึ่งตนเองแบบยั่งยืน ไม่ใช่ชั่วครั้งชั่วคราว ฉาบฉวย เหมือนอย่างกับที่คนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ทำกัน เนื่องเพราะว่าคนในปัจจุบันนี้ใจร้อนใจเร็ว ทำอะไรก็ต้องการความร่ำรวยชนิดที่พลิกหลังมือเป็นหน้ามือ ทำวันนี้รวยพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี..! ไม่มีความที่จะอดทนรอ จึงกลายเป็นเหยื่อของบรรดามิจฉาชีพต่าง ๆ ถึงขนาดรวมความเสียหายกันแล้วเป็นพัน ๆ ล้านบาทก็มีให้เห็นอยู่บ่อย ๆ
อีกส่วนหนึ่งที่อยากกล่าวถึงเพราะว่าเกี่ยวเนื่องด้วยจังหวัดกาญจนบุรี ก็คือวันนี้ศาลจังหวัดกาญจนบุรีมีคำพิพากษาจำคุกครูปรีชา ตลอดจนกระทั่งคณะของตน ที่ได้ให้การเท็จในเรื่องของล็อตเตอรี่ ซึ่งเป็นสิทธิของหมวดจรูญมากกว่า โดยที่ให้จำคุกไม่รอลงอาญา ยังดีที่ศาลเมตตาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงเหลือจำคุกแค่ปีเดียว..! ทำให้เราท่านได้เห็นอย่างชัดเจนว่า ในส่วนของสถาบันตุลาการของเรานั้น ยังพอที่จะเป็นที่พึ่งในสังคมอยู่ได้ เนื่องเพราะว่าเรื่องนี้นั้น บุคคลที่ก่อให้เกิดเรื่องเป็นบุคคลที่ในสังคมของเรา โดยปกติแล้วให้ความเคารพนับถือ เพราะว่าเป็นครูบาอาจารย์ เป็นต้นแบบ เป็นแม่พิมพ์ที่จะถ่ายทอดสิ่งดีสิ่งงามต่าง ๆ ไปสู่ลูกศิษย์ ถ้าหากว่าครูบาอาจารย์มาประพฤติปฏิบัติในลักษณะเสียหายแบบนี้ แล้วไม่ได้รับการลงโทษ สังคมของเราก็คงจะมองครูบาอาจารย์ไปในแง่ร้าย คล้าย ๆ กับการมองพระภิกษุสามเณรในปัจจุบันนี้ กลายเป็นว่า "ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เหม็นไปทั้งข้อง" ซึ่งเรื่องพวกนี้นั้น ไม่ว่าเกิดขึ้นในวงการใด ๆ ก็ตาม ควรที่จะได้รับการจัดการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว เพื่อที่จะไม่ให้สังคมของเราบอบช้ำยิ่งไปกว่านี้ สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้ พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๒ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................ เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-12-2024 เมื่อ 03:08 |
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน | ||
![]() |
ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน ) | |
คำสั่งเพิ่มเติม | |
|
|