กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 28-11-2024, 19:48
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,996 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 28-11-2024, 22:44
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ เมื่อเช้ามืดท่านทั้งหลายก็เห็นแล้วว่า มีบุคคลเมายาบ้าแล้วก็เดินเข้ามาภายในวัด เพียงแต่ว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้วมีอะไรผิดปกติ หมาเห่าขนาดนั้นก็ไม่คิดที่จะออกไปดู กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องออกไปเอง..!

แต่คราวนี้ออกไปแล้วก็จัดการอะไรไม่ได้ เพราะบุคคลที่เมายาบ้าบอกว่า "จะมาไหว้พระอาจารย์เล็ก..!" แถมยังหอบดอกไม้มาหอบหนึ่งด้วย ในเมื่อรับดอกไม้จากเขา ก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรกับเขาต่อไป เห็นท่านศักดิ์ (พระจิรายุ ชุติปญฺโญ) เดินตามอยู่ ก็เลยกระซิบบอกว่า "ช่วยหาที่นอนให้มันหน่อย..!" ท่านศักดิ์ก็ดันไม่กล้าเสียอีก ถ้ากระผม/อาตมภาพไม่ได้เป็นคนรับดอกไม้จากมือ ก็คงจะหลับอยู่ตรงนั้นแหละ..! รับของจากเขาแล้วยังจะไปซ้ำเติมเขาก็คงจะไม่ใช่

คราวนี้พอไปบิณฑบาต ปรากฏว่าเจ้านี่ไปเดินเกะกะอยู่ในตลาด มีโยมเล่าให้ฟังว่าเมายาบ้ามาตั้งแต่เมื่อวาน ตีลูกตีเมีย จะเผาบ้านด้วย จนตำรวจต้องเอาลูกไปพักอยู่ที่หอพักโรงเรียนทองผาภูมิวิทยา ที่กระผม/อาตมภาพสร้างให้ทางโรงเรียน ได้ยินแล้วก็งง ๆ ว่าข่าวนี้ถูกต้องหรือเปล่า ? เนื่องเพราะว่าถ้าเมายาบ้าอาละวาดขนาดนั้น ทำไมตำรวจไม่เอาไปสงบสติอารมณ์ในกรงเสียเลย..!

ก็เลยทำให้มาคิดว่า ในเรื่องของยาเสพติดต่าง ๆ มีแต่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ตนเอง ครอบครัว และสังคมอย่างประมาณไม่ได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้มีศีล ๕ ให้เว้นจากการดื่มสุราเมรัย ซึ่งในสมัยนั้นมีเพียงเท่านั้น ก็เลยมีบรรดาบุคคลที่ใช้ความฉลาดในทางที่ผิด อ้างว่าพระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามยาเสพติดชนิดอื่นแล้วก็ไปเสพ โดยที่ลืมคิดถึงมหาปเทส ๔ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไว้ในการตัดสินพระธรรมวินัยว่า "สิ่งใดไม่สมควร พิจารณาแล้วไม่สมควร สิ่งนั้นย่อมไม่สมควร"

เรื่องของยาเสพติดนั้นเป็นตัวทำลายประเทศชาติที่ร้ายกาจมาก เพราะว่าทำให้ผู้คนไม่มีโอกาสจะได้ใช้ความรู้ความสามารถของตนไปทำมาหากิน พัฒนาประเทศชาติ หากแต่ว่าติดอยู่กับยาเสพติดแล้วก็วนเวียนอยู่แค่นั้น ไม่ได้ไปไหน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2024 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 28-11-2024, 22:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แบบเดียวกับตอนที่ท่านอาจารย์สมพงษ์ (พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต) เป็นเจ้าอาวาสท่าขนุนอยู่ กระผม/อาตมภาพเองมาช่วยสร้างวัด ดันมีผู้หวังดีปรารถนาดี หรือว่าตำรวจเขาแจ้งข้อสังเกตเองก็ไม่รู้ ? ว่ากระผม/อาตมภาพมีเงินทองมากมาย บูรณะวัดไป ๔ - ๕ วัดแล้ว น่าจะขายยาบ้าถึงมีเงินขนาดนี้..! กระผม/อาตมภาพเองก็ไม่รู้ ช่วงนั้นก็เป็นแค่รองเจ้าอาวาสที่วัดท่าขนุน บทบาทหน้าที่ทุกอย่างก็ต้องยกให้ท่านอาจารย์สมพงษ์ไป ตนเองก็มีหน้าที่แค่พัฒนาวัดเท่านั้น

ปรากฏว่ามีตำรวจสันติบาลมากราบ แล้วก็สารภาพว่า "ผมติดตามหลวงพ่ออยู่เป็นปี เพราะมีคนแจ้งว่าหลวงพ่อขายยาบ้าถึงได้มีเงินมาสร้างวัด ขอยืนยันว่าหลวงพ่อไม่ได้มีความประพฤติทางด้านนี้ เพราะว่าตลอดระยะเวลาที่ติดตามมา ไม่เคยมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาข้องเกี่ยวเสวนาด้วยเลย แต่ว่าพระรูปนั้น สามเณรรูปนั้น มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ขอให้จัดการให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้นแล้วกระผมคงจะต้องจับกุม แล้วจะทำให้เสียหายถึงวัด"

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพก็เลยต้องไปเจรจากับพระและเณรรูปนั้น ว่าถ้าต้องการจะสึกก็จะช่วยสึกให้ ถ้าไม่ต้องการสึกจะย้ายก็ให้รีบบอก จะได้ให้เจ้าอาวาสท่านทำเรื่องย้าย ปัญหาถึงได้จบลงไป

ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ในระยะนี้ก็มีข่าวคราวที่พระภิกษุเกี่ยวข้องกับยาเสพติดเป็นปกติ ส่วนหนึ่งก็คือด้วยความที่พระภิกษุสามเณรเป็นวัยรุ่น อยากรู้อยากลอง อีกส่วนหนึ่งก็คือเคยเสพมาก่อนในสมัยเป็นฆราวาส พอบวชเข้ามาก็ยังอยู่ในพื้นที่ ก็คือบ้านตนเองอยู่ใกล้วัด บรรดาคอเดิม ๆ ก็คงไปมาหาสู่เป็นปกติ แล้วท้ายที่สุดก็พาเอาพระเณรกลับไปเสพยาเสพติดเหมือนเดิม ล่าสุดนี่เขาไปตรวจที่วัดแห่งหนึ่ง มีพระภิกษุสามเณรทั้งหมด ๘ รูป ปรากฏว่านอกจากเจ้าอาวาสกับหลวงตา ๒ รูปแล้ว ที่เหลือติดยา ปัสสาวะเป็นสีม่วงทั้งหมด..!

ความจริงในเรื่องของยาเสพติดนั้น กระผม/อาตมภาพก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าตนเองเป็นอะไร ? ไม่ใช่ว่าไม่อยากรู้ไม่อยากลอง แต่ลองแล้วไม่สำเร็จสักอย่าง อย่างแรก ๆ เลยที่อยากลองก็คือ เห็นผู้ใหญ่กินเหล้ากันแล้วสนุกสนานมาก ร้องรำทำเพลง ถึงเวลาเมาหัวทิ่ม โดยเฉพาะพี่ชายคนโต กระผม/อาตมภาพก็ต้องเอาจักรยานไปรับกลับบ้าน นั่งจักรยานมาได้ไม่ไกลก็ร่วงลงไปกองกับพื้น..! ก็ต้องจอดตั้งจักรยานให้เรียบร้อย ไปพยุงขึ้นมาใหม่ ปั่นจักรยานต่อไปได้ไม่ไกลก็ร่วงลงไปอีกแล้ว..! กว่าจะกลับถึงบ้านก็ทุลักทุเล เกิดความรู้สึกว่าถ้ากินเหล้าแล้วสนุกขนาดนี้ก็น่าจะลองดูบ้าง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2024 เมื่อ 01:56
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 28-11-2024, 22:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ด้วยความที่เป็นครอบครัวคนจีน ทุกวันพระของจีนเขาจะมีการถวายเหล้าถวายน้ำชาที่บริเวณศาลเจ้าที่ ภาษาจีนเขาเรียก "ตี่จู้เอี๊ย" ปรากฏว่าแอบ ๆ แม่ไป กะว่าจะลองแทนเจ้าสักถ้วยหนึ่ง แค่ได้กลิ่นเหล้าก็หงายท้องแล้ว..! ยังสงสัยอยู่ว่า "ของแบบนี้กินได้ด้วยหรือวะ ?"

พอไปเล่าให้พรรคพวกเพื่อนฝูงที่โรงเรียนฟัง เพื่อนบอกว่า "เบียร์ดีกว่า แรงน้อยกว่าเหล้า กินแล้วไม่เสียสุขภาพด้วย" นั่น..ว่าไปยันโน่น..! ท้ายที่สุดเพื่อนก็แอบเอามาให้ พอเปิดฝาได้กลิ่นเท่านั้นเอง เกิดความรู้สึกว่า "คนเรากินของเน่า ๆ แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือวะ ?" เพราะว่าสมัยนั้นยังต้องถักแหถักอวนเพื่อเอาไว้หาปลา ถึงเวลาก็ต้องไปถากเปลือกต้นไม้มาต้มเพื่อย้อมแหย้อมอวน อาศัยยางไม้ช่วยเคลือบให้แหอวนไม่เปื่อยง่าย พอถึงเวลาเขาทิ้งน้ำต้มเปลือกไม้ไว้ ๔ วัน ๕ วัน ฟองขึ้นฟอดเลย กลิ่นบูดได้กลิ่นไปไกล ๆ สรุปว่ากลิ่นเบียร์ก็บูดพอกันนั่นแหละ..!

ในเมื่อเหล้าก็ไม่ได้ เบียร์ก็ไม่ได้ ก็หันมาลองบุหรี่ดู สมัยนั้นบุหรี่มีแค่ ๒ ยี่ห้อ ก็คือตรารวงข้าวกับตราพระจันทร์ แอบขโมยของพ่อมาตัวหนึ่ง อุตส่าห์มุดไปอยู่ใต้พุ่มไม้ ปรากฏว่าสูบเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่งมวน เมาน้ำลายยืด น้ำลายเหนียวขนาดบ้วนไม่ขาดเลย..! ก็เลยเข็ด สรุปว่าพยายามทำแล้วแต่ไม่สำเร็จสักอย่าง

เมื่อมาทำงานในช่วงวัยรุ่น พี่ชายซ่อมสีรถก็ไปฝึกหัด ถึงเวลาพ่นสีรถ แต่ละคันใช้เวลาประมาณ ๒ ชั่วโมงครึ่งแล้วสิ่งที่ใช้ผสมสีรถก็คือทินเนอร์ ซึ่งจะมีบรรดาเด็กวัยรุ่นในซอยมาขอซื้อเป็นประจำ พอถึงเวลาก็มาสะกิด "พี่ ๆ ขอซื้อทินเนอร์ ๒ บาท" ส่งสำลีมาให้ก้อนหนึ่ง ให้ช่วยชุบทินเนอร์ให้ด้วย

พอหลาย ๆ ครั้งก็รำคาญ บอก "กูให้มึงขวดหนึ่งเลย จะได้ไม่ต้องมาบ่อย ๆ" มันบอกว่า "ไม่ได้พี่..เดี๋ยวอดใจไม่ได้ถึงตาย..!" เสือกกลัวตายอีก..! แล้วมันก็ติดเสียผู้เสียคนกันขนาดเรียนหนังสือไม่ได้ แต่กระผม/อาตมภาพพ่นสีรถ อย่างน้อย ๆ ครั้งละ ๒ ชั่วโมงครึ่ง เมาหัวทิ่ม น้ำลายยืดเป็นประจำ ก็ไม่เห็นอยากจะติดอะไร เป็นไปได้อยากจะเลี่ยงไม่ทำงานตรงนี้มากกว่า ก็เลยสงสัยว่า "ตกลงว่าพวกมึงติดอะไรกันวะ ?!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2024 เมื่อ 02:00
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 32 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 28-11-2024, 22:59
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,218 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เลยทำให้เกิดความรู้สึกว่า ในเรื่องของสุรายาเสพติดอะไรต่าง ๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะสร้างบุญเดิมมาจนกระทั่งทำชั่วไม่ได้ ก็น่าจะเกิดจากกำลังใจที่ฝึกฝนมาจนเข้มแข็งกว่า เนื่องเพราะว่าปฏิบัติกรรมฐานมาตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี กว่าที่จะไปทำงานก็ปฏิบัติธรรมมา ๓ - ๔ ปีแล้ว ก็น่าจะเป็นเหตุให้ว่ามีกำลังใจเข้มแข็ง ไม่ไปติดกับสิ่งเสพติดทั้งหลายเหล่านี้

แล้วอีกอย่างหนึ่ง เมื่อพ่อแม่บอกว่าอะไรไม่ดีก็เชื่อ แล้วก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยวด้วย จึงเกิดความสงสัยมาจนปัจจุบันนี้ว่า "ตกลงว่าพวกที่ติดสุรายาเสพติดอะไรต่าง ๆ เขาติดอะไรกันแน่ ?" ถ้าเจออย่างโกวเล้ง เขาก็บอกว่า "ไม่ได้ชอบสุรา แต่ชอบบรรยากาศในวงสุรา" ฟังแล้วก็มีข้ออ้างให้กิน..!

แต่พวกเราเองที่ต้องมาระมัดระวังกัน เนื่องเพราะว่าเรื่องของยาเสพติดนั้น พาให้คนลักเล็กขโมยน้อย ของใหญ่ไม่เอา ของแพงไม่เอา พวกนี้เอาเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น พอให้มีเงินไปซื้อยามาเสพ เพราะฉะนั้น..แต่ละวัด กระถางธูป เชิงเทียน แจกัน ถ้าหากว่าเป็นทองเหลือง รับประกันได้ว่าทิ้งเอาไว้เป็นหายหมด..!

นอกจากต้องระมัดระวังแล้ว ในส่วนของอันตรายอื่น ๆ อย่างเช่นว่าถ้าเขาเมาแล้วครองสติไม่ได้ อาจจะมีการอาละวาดแล้วมาทำร้ายคนในวัด กระผม/อาตมภาพขอยืนยันว่า ถ้ามีเข้ามา พยายามหาที่นอนให้มันเลย ไม่ต้องไปเกรงใจ แต่เห็นเวรยามของเราบางคนก็พกซามูไรยาวเป็นเมตร..! ถ้าลักษณะอย่างนั้นเดี๋ยวจะเดือดร้อน เพราะกลายเป็นว่าทำร้ายร่างกายคนอื่นถึงบาดเจ็บสาหัส..!

ส่วนใหญ่แล้วที่กระผม/อาตมภาพถนัดก็มักจะเป็นไม้ยาวสัก ๒ ศอกก็พอ ถึงเวลาอย่าตี ถ้าหากว่าสติดี ๆ ด้วยกัน แล้วเป็นคนที่เคยฝึกการต่อสู้มา การตีนั้นหลบง่าย ให้ใช้จับสองมือแล้วแทงแทน ถ้าหากว่าเคยฝึกมาบ้าง กระแทกเข้าไปที่ลิ้นปี่ทีเดียวก็กองอยู่กับพื้นแล้ว เรื่องของการใช้อาวุธในลักษณะแทง ก็คล้าย ๆ กับการถีบของมวยไทย เป็นสิ่งที่หลบได้ยากมาก ถ้าไม่เคยฝึกการต่อสู้มาเราจะไม่รู้เลยว่าหลบอย่างไร ?

เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าใช้ไม้ในลักษณะอย่างนั้นก็ไม่ถือว่าทำอะไรรุนแรงเกินเหตุด้วย หรือถ้าหากว่าฝึกการต่อสู้มือเปล่ามาก็เรียบร้อย ไม่ต้องเสียเวลามาใช้อาวุธ แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจ ถ้าหากว่าเขาไปแจ้งความว่าทำร้ายร่างกาย
กระผม/อาตมภาพจะไปประกันตัวให้เอง เพราะว่าเขาเข้ามาภายในวัดถือว่าบุกรุก แล้วก็อยู่ในลักษณะที่อาจจะก่อให้เกิดอันตราย เราสามารถที่จะให้การได้ว่าป้องกันตัว

เรื่องพวกนี้บางทีมันก็จะเลยเถิดไปเหมือนกัน ถ้าหากว่าเราไปใช้อาวุธในลักษณะทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัส แล้วส่วนที่ต้องระวังก็คือคนเมา ถ้ามือหนัก ๆ อย่างกระผม/อาตมภาพก็อาจจะถึงตาย เพราะฉะนั้น..ต้องมองเป้าให้ดี ๆ หน่อยว่าโดนตรงไหนมั่นใจว่าไม่ตายแล้วค่อยลงมือ..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 29-11-2024 เมื่อ 02:04
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:11



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว