กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 18-11-2024, 17:46
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,916
ได้ให้อนุโมทนา: 225,197
ได้รับอนุโมทนา 800,010 ครั้ง ใน 39,335 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 19-11-2024, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,162 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ตัดสินใจอยู่หลายวันว่าจะพูดถึงดีหรือไม่ ? ท้ายที่สุดคิดว่าถ้าพูดไปแล้วน่าจะมีประโยชน์มากกว่า วันนี้จึงขอกล่าวถึงเรื่องนี้

ก็คือในกลุ่มไลน์ศูนย์ประสานงานเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดแห่งประเทศไทย และกลุ่มไลน์หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลทั่วประเทศไทยนั้น มีพระอาจารย์ชื่อดังอยู่รูปหนึ่ง ท่านมีชื่อเสียงทั้งการเป็นนักเทศน์ เป็นนักปาฐกถา และเป็นนักสอนธรรมนำปฏิบัติแก่ลูกศิษย์ เป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดป่าทางภาคอีสาน แต่ว่ามีสำนักปฏิบัติธรรมใหญ่โตอยู่ในเขตภาคกลางด้วย

ท่านได้เมตตาส่งไลน์ถึงกระผม/อาตมภาพว่า "สิ่งที่ท่านทำดีหมดทุกอย่าง เสียอยู่อย่างเดียวที่ยังปลุกเสกวัตถุมงคลอยู่" กระผม/อาตมภาพก็ตอบไปแบบเข้าใจง่าย ๆ ว่า "น้ำใสเกินไปก็ไร้ปลา" ท่านจึงตอบกลับมาว่า "ถ้าท่านพูดอย่างนี้ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้..!"

กระผม/อาตมภาพเองได้ฟังแล้วก็ยังรู้สึกแปลกใจ เนื่องเพราะว่าการที่ท่านต้องการแค่วัตรปฏิบัติแบบตรงไปตรงมาเพียงประการเดียวนั้น กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่ายากที่จะเอาพระพุทธศาสนารอดได้ เอาแค่ที่โบราณของเราเปรียบเทียบว่า "บัวยังมี ๔ เหล่า" นั่นเป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สุด

เนื่องเพราะว่ากำลังใจของบุคคลที่จะเข้าถึงหลักการปฏิบัติธรรมบริสุทธิ์โดยส่วนเดียวนั้น กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่ามีไม่ถึง ๒๐ เปอร์เซ็นต์ อีกประมาณ ๓๐ เปอร์เซ็นต์นั้นก็คือบรรดาท่านทั้งหลายที่เพียรพยายามอยู่ใน ศีล สมาธิ ปัญญา เบื้องต้นด้วยตนเอง แต่อีก ๕๐ เปอร์เซ็นต์ หรือเกินกว่า ๕๐ เปอร์เซ็นต์ของพุทธศาสนิกชนนั้น ท่านทั้งหลายเหล่านี้ต้องมีเครื่องยึดโยงให้ จึงสามารถที่จะก้าวเดินต่อไปในพระพุทธศาสนาของเราได้ เครื่องยึดโยงที่กระผม/อาตมภาพว่านี้ประการหนึ่ง ก็คือวัตถุมงคลนั่นเอง

การสร้างวัตถุมงคลมาแต่โบราณนั้น มีวัตถุประสงค์หลายอย่างด้วยกัน ประการแรก ในระยะแรกส่วนใหญ่สร้างไว้เพื่อสืบทอดอายุพระศาสนา อย่างเช่นว่าพระกรุต่าง ๆ อย่างที่เป็นที่โด่งดังมากเลยก็คือพระรอดลำพูน พระซุ้มกอ พระผงสุพรรณ เป็นต้น ทั้งหลายเหล่านี้มักจะสร้างอยู่ที่ ๘๔,๐๐๐ องค์ ตามพระธรรมขันธ์ในพระไตรปิฎก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2024 เมื่อ 01:42
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 19-11-2024, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,162 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าพระพิมพ์เมื่อสร้างแล้วมีการเผาไฟให้แกร่ง สามารถอยู่ไปได้หลายร้อยปีหรือว่านับพันปี บุคคลต่อให้ถึงเวลาแล้วไม่ทราบว่าสถานที่นั้นเคยมีวัดวาอาราม หรือว่าปูชนียสถานสำคัญในพระพุทธศาสนาอยู่ เมื่อถึงเวลาไปขุดพบเข้าก็จะทราบได้ทันที ถ้ามีศรัทธาฟื้นฟูบูรณะ ก็สามารถนำเอาวัตถุมงคลนั้นออกมา ให้เป็นประโยชน์แก่พุทธศาสนิกชนรุ่นหลัง ๆ ได้

ประการที่สองของการสร้างวัตถุมงคลก็คือ โบราณาจารย์ท่านต้องการจะโยงจิตของเราให้นึกถึงความดี อย่างเช่นว่านึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ นึกถึงพระธรรมคำสอนที่ครูบาอาจารย์กำชับกำชามาอย่างเช่นว่า "ต้องเป็นคนดีนะ..ต้องมีศีลนะ..ต้องเคารพพ่อแม่ครูบาอาจารย์นะ วัตถุมงคลถึงจะคุ้มครองให้" นี่เป็นหลักธรรมในเบื้องต้น และท้ายที่สุดก็จะมีการให้ภาวนาเพื่อกำกับเอาไว้อีก

ก็แปลว่าถ้านึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสติ นึกถึงคำสอนเป็นธัมมานุสติ นึกถึงหลวงปู่หลวงพ่อผู้ให้เป็นสังฆานุสติ บังคับตนเองต้องถือกฎเกณฑ์กติกาการใช้วัตถุมงคลนั้น จัดเป็นสีลานุสติ การต้องอาราธนาอยู่ทุกวันนั้นจัดเป็นการภาวนาในสมาธิ

ก็แปลว่าเหลือเพียงประการสุดท้ายก็คือ ท่านจะสามารถมองเห็นทุกข์เห็นโทษของการที่เราต้องอยู่ในวัฏสงสารนี้ด้วยความกลัว แล้วต้องการที่จะหลุดพ้นหรือไม่ ? เนื่องเพราะว่าสรรพชีวิตล้วนแล้วแต่กลัวความตายทั้งสิ้น การยึดถือวัตถุมงคลก็เพื่อหวังให้ตนเองรอดไปในสถานการณ์รุนแรงต่าง ๆ ได้ถือว่าเป็นการช่วยให้ตนรอดจากความกลัว

ในเมื่อวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า ชาติแล้วชาติเล่าเราต้องจมอยู่กับความกลัว ถ้าอย่างนั้นสมควรที่จะพอ และหาทางออกจากกองทุกข์ ที่ถือว่าเป็นหลักปัญญาหรือยัง ? ก็แปลว่านอกจากจะเป็นเครื่องโยงจิตให้ระลึกถึงความดีแล้ว ยังเป็นอุบายให้ปฏิบัติในไตรสิกขาเบื้องต้นอีกด้วย

ส่วนอานุภาพต่าง ๆ ของวัตถุมงคล ไม่ว่าจะช่วยรักษาตนเอง ช่วยรักษาครอบครัว ตลอดไปถึงการช่วยรักษาประเทศชาตินั้น ถือว่าเป็นของแถมที่ไม่ต้องกล่าวถึงก็ยังได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตัวกระผม/อาตมภาพเองที่ปลุกเสกวัตถุมงคล ก็เพราะว่ามีผู้เลื่อมใสศรัทธา มั่นใจว่าสามารถที่จะอาราธนาคุณพระให้ลงสถิตในวัตถุมงคลเหล่านั้นได้ จึงมีผู้ศรัทธานิมนต์ไป

แล้วในขณะเดียวกัน ถ้ากล่าวว่าการสร้างวัตถุมงคลถือเป็นเดรัจฉานวิชา หาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่ชอบ ท่านต้องเข้าใจว่าคำว่า "เดรัจฉานวิชา" ก็คือ "วิชาที่ขวางต่อการบรรลุมรรคผล"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2024 เมื่อ 01:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 19-11-2024, 01:16
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,162 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

หลวงปู่หลวงพ่อครูบาอาจารย์จำนวนมาก ที่กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่าท่านบรรลุมรรคผลแล้วประการหนึ่ง หลวงปู่หลวงพ่อที่กระผม/อาตมภาพมั่นใจว่า ท่านมีสมาธิสมาบัติคล่องตัวมาก ๆ ไม่ว่าจะในระดับรูปฌานหรืออรูปฌานอีกประการหนึ่ง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถือว่าปฏิบัติตามคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงไปถึงระดับนั้นได้ ท่านก็ยังสร้างวัตถุมงคลกันอยู่

ไม่ว่าจะโดยวัตถุประสงค์สืบทอดอายุพระพุทธศาสนา โยงจิตให้ระลึกถึงความดี หรือสอนญาติโยมที่ยังต้องการเครื่องยึดโยงให้ปฏิบัติในไตรสิกขาเบื้องต้นก็ตาม ท่านทั้งหลายเหล่านี้ย่อมไม่สามารถจะกล่าวได้ว่าท่านศึกษาในเดรัจฉานวิชา เพราะว่าท่านทำเพื่อตนเองจนสำเร็จประโยชน์แล้ว ท่านจึงทำเพื่อพุทธศาสนิกชน ทำเพื่อพระพุทธศาสนา

ประการต่อไปคือเป็นการ "หาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่ชอบ" ขอเรียนถวายพระอาจารย์ว่า การหาเลี้ยงชีพที่พระพุทธเจ้าตลอดจนกระทั่งพระอุปัชฌาย์แจ้งแก่เราทั้งหลายนั่นก็คือ "ปิณฑิยา โลปโภชนัง นิสสายะปัพพัชชา" ปัจจัยเครื่องอาศัยของบรรพชิตก็คือการเที่ยวบิณฑบาต ก็คือให้หาเลี้ยงตนเอง ด้วยการละมานะทิฏฐิลงไปขอจากผู้อื่นเขา

แต่คราวนี้การหาเลี้ยงนั้นจะต้องหาอยู่ทุกวัน กระทำกันเป็นอาจิณ ไม่ว่างไม่เว้นแม้แต่สักวันหนึ่ง เพราะว่าเราต้องกินต้องฉัน แต่การสร้างวัตถุมงคลนั้นจะกล่าวว่าหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่ชอบไม่ได้ เนื่องเพราะว่าทำกันเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น

โดยเฉพาะถ้าหากว่าตัดบรรดาผู้ที่หากินอยู่ในวงการนี้ ที่เรียกกันชัด ๆ ว่า "พุทธพาณิชย์" ออกไปแล้ว สิ่งที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านทำก็ดี หรือว่าสิ่งที่กระผม/อาตมภาพทำก็ตาม ย่อมไม่สามารถที่จะกล่าวได้ว่าหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่ชอบได้

ไม่เช่นนั้นแล้วหลวงปู่สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) วัดระฆังโฆสิตาราม ผู้สร้างพระสมเด็จวัดระฆัง อันเป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเมืองไทยก็ดี หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ผู้สร้างพระเครื่องทรงสัตว์พาหนะ ที่ระบือลือลั่นไปทั่วประเทศไทยก็ดี หลวงปู่สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้สร้างพระของขวัญ อันดังระเบิดเถิดเทิง เป็นที่ต้องการของคนทั้งประเทศก็ตาม จะไม่ยกตัวอย่างมากไปกว่านี้ แต่พระอาจารย์ท่านจะกล่าวหาว่า หลวงปู่หลวงพ่อที่กระผมยกตัวอย่างมานี้ ท่านศึกษาในเดรัจฉานวิชาหรือว่าหาเลี้ยงชีพในทางที่ไม่ชอบหรือไม่ ?
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2024 เมื่อ 01:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 19-11-2024, 01:23
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,162 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่อย่างไรเสียก็ขอกราบขอบพระคุณในความมีน้ำใจของพระอาจารย์ที่เมตตาตักเตือนมา แต่กระผม/อาตมภาพพิจารณาแล้วว่า สิ่งที่ท่านเตือนมาประกอบไปด้วยความหวังดีปรารถนาดีนั้น เพราะว่าอยากจะให้พุทธบริษัททุกรูปทุกนาม ช่วยกันพิทักษ์รักษาค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเราให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ แต่ว่าศาสนาพุทธของเรานั้นประกอบด้วยบุคคลในระดับต่าง ๆ ที่ไม่เท่ากัน

ขอบคุณที่ท่านหวังดีปรารถนาดีตักเตือนมา แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่า สิ่งที่กระทำนั้นไม่น่าจะใช่อย่างที่ท่านคาดคิด ก็ได้แต่ขอบคุณความหวังดีของท่าน โดยที่ไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามได้

ประการต่อไปก็คือพระอาจารย์อายุน้อยกว่ากระผม ๑๐ ปี พรรษาน้อยกว่ากระผมหลายพรรษา โดยมารยาทของนักบวชด้วยกัน ถ้าหากว่าบุคคลอื่นต่อให้พรรษาน้อยกว่า อายุน้อยกว่า ถ้าไม่ได้ปวารณาเอาไว้ เราก็จะไม่เข้าไปตักเตือนเพราะถือว่าเป็นการเสียมารยาท..!

กระผม/อาตมภาพเคยตักเตือนรุ่นพี่ที่อาวุโสพรรษาและอายุกาลมากกว่ามาแล้ว แต่นั่นท่านปวารณาโดยตรงให้กระผม/อาตมภาพตักเตือนเอง แต่ว่าท่านเองก็ยังเมตตาฝืนมารยาทอันควรมีในหมู่สงฆ์ของเรา ตักเตือนให้กระผม/อาตมภาพประพฤติปฏิบัติตนเสียใหม่ เพื่อความงามสมบูรณ์พร้อมในสายตาของท่าน ก็ต้องกราบขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

ขอให้บารมีแห่งคุณพระศรีพระรัตนตรัย และคุณงามความดีที่ท่านอาจารย์ได้กระทำมาตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ จงรวมกันเป็นตบะเดชะ พลวปัจจัย ดลบันดาลให้ท่านอาจารย์สถิตสถาพรไพบูลย์ อยู่ช่วยค้ำจุนพระพุทธศาสนาของเรา ให้เจริญรุ่งเรืองสืบไปชั่วกาลนาน

ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-11-2024 เมื่อ 01:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 08:35



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว