กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 08-11-2024, 20:19
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,920
ได้ให้อนุโมทนา: 225,197
ได้รับอนุโมทนา 800,080 ครั้ง ใน 39,337 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 39 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 09-11-2024, 00:37
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,220 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงวันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ตอนนี้พวกเราส่วนหนึ่งได้เข้าไปอบรมก่อนสอบนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกที่วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) หรือวัดใต้ ส่วนที่เหลือใครมีภาระรับผิดชอบอะไรมาก่อน แล้วเพื่อนฝูงไม่อยู่ก็ช่วยทำหน้าที่แทนเขาไปด้วย

ส่วนบรรดานาคทั้ง ๕ ท่าน ถ้าหากว่าซักซ้อมการขานนาค ให้ใช้ความเพียรพยายามให้เต็มที่ เพราะว่าเมื่อตั้งใจมาแล้วก็ไม่อยากที่จะให้หลุดวงโคจรไป เพียงแต่ว่าพวกเราต้องเข้าใจว่า การขานนาคคือการที่เราไปร้องขอในท่ามกลางสงฆ์ว่า ให้ช่วยพิจารณายกเราขึ้นเป็นอุปสัมบันในพระพุทธศาสนาด้วย ในเมื่อเป็นการร้องขอก็ต้องว่าเอง ไม่ใช่ให้คนอื่นสอนให้ แล้วขณะเดียวกันเมื่อร้องขอต่อสงฆ์ทั้งโบสถ์ ต้องเสียงดังฟังชัดให้ทุกรูปได้ยินเหมือนกันหมด ไม่ใช่กระซิบกันอยู่แค่ ๒ คนกับพระอุปัชฌาย์..!

สำหรับวันนี้ช่วงเช้า กระผม/อาตมภาพไปรับรางวัลคนดีศรีวิปัสสนาธุระ ของสถาบันวิปัสสนาธุระ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย จากประวัติที่เขาอ่านให้ทราบ ก็เพิ่งจะรู้ว่าตนเองมอบเงินสนับสนุนการทำงานของส่วนวางแผนและพัฒนาการอบรมสถาบันวิปัสสนาธุระ เดือนละ ๒๐,๐๐๐ บาท ต่อเนื่องกันมา ๓ ปีแล้ว..! ต้องบอกว่าเป็นความตั้งใจที่อยากจะให้งานทางด้านปฏิบัติธรรม ของมหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อว่ามีนิสิตมากที่สุด เป็นไปด้วยความสะดวก ไม่ได้คิดว่าเมื่อถึงเวลาแล้วเขาจะมีรางวัลให้ด้วย

ท่านเจ้าคุณอาจารย์พระพรหมวัชรธีราจารย์, ศ., ดร. (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ, ป.ธ. ๙) องค์อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เจอหน้าท่านก็ถามว่า "ท่านพระครูออกมาแต่มืดเลยหรือ ?" เนื่องเพราะว่าถ้าวิ่งจากวัดท่าขนุนไป มจร.วังน้อย จะใช้เวลา ๕ ชั่วโมง กราบเรียนท่านไปว่า "กระผมกลับมาจากศรีลังกา แล้วมีงานต่อเนื่อง ยังไม่ได้กลับวัด รอรับรางวัลก่อนแล้วถึงจะกลับขอรับ"

เมื่อรับรางวัลเสร็จก็รีบวิ่งกลับมาจังหวัดกาญจนบุรี เพราะว่าวันนี้คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิเป็นเจ้าภาพ ถวายภัตตาหารเพลแก่ผู้เข้าอบรมนักธรรมชั้นโทและชั้นเอกก่อนสอบ แต่ดูแล้วอย่างไรก็มาไม่ทัน จึงได้แวะเข้าไปที่สนามอบรมแห่งที่ ๒ ที่วัดพระแท่นดงรัง วรวิหาร นำปัจจัยไปถวายพระเดชพระคุณพระราชวิสุทธาภรณ์ (ทองดำ อิฏฺฐาสโภ ป.ธ. ๖) รองเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ประธานสนามอบรมแห่งที่ ๒ หลวงพ่อเจ้าคุณท่านก็เลยประกาศให้ญาติโยมรู้ว่า "นี่แหละคือหลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน ซึ่งเสกเหรียญให้กับพระมหาธวัชชัย กลฺยาโณ ป.ธ. ๙ เจ้าคณะอำเภอพนมทวน แล้วมีคนเอาไปทดลองยิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก..!"

กระผม/อาตมภาพสงสัยจึงได้กราบเรียนถามว่า "เรื่องอะไรกันครับ ?" ท่านเล่าให้ฟังว่า วัตถุมงคลรุ่นที่กระผม/อาตมภาพไปเสกให้ที่วัดพังตรุ มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอบ้านโป่งสงสัยว่าดีแค่ไหน ? ก็เลยเอาไปทดลองยิงดู ปรากฏว่ายิงเท่าไรก็ยิงไม่ออก จึงกราบเรียนท่านไปว่า "พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านเคยบอกว่า การเอาพระเครื่องไปทดลองเป็นการปรามาสพระรัตรตรัย มีโทษมากนะครับ" หลวงพ่อเจ้าคุณทองดำท่านบอกว่า "ก่อนทดลองเขากราบขอขมาพระแล้ว" ก็เป็นอันว่าเจ๊ากันพอดี..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 25-02-2025 เมื่อ 17:54
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 09-11-2024, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,220 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ความจริงวัตถุมงคลรุ่นนั้น ท้าวเวสสุวรรณท่านเป็นผู้นำกระผม/อาตมภาพไปเสกเอง..! แล้วท่านก็ยืนเฝ้าอยู่ข้างประตูโบสถ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ยังสงสัยว่ามีอะไรพิเศษหรือเปล่า ? แต่ไม่เห็นท่านพูดอะไร เพราะว่าโดยปกติแล้วการเสกวัตถุมงคลนั้น หลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านแนะนำว่า ให้เอามหาลาภ มหานิยมนำหน้า เพื่อความสะดวกในการทำมาหากินของญาติโยม พวกคงกระพันมหาอุดซุกเอาไว้ข้างในก็พอ เอาไว้ใช้ตอนจำเป็น

กราบเรียนถามท่านว่า "ทำไมไม่สามารถที่จะใช้คงกระพันมหาอุดนำหน้าครับ ?" ท่านบอกว่า "พวกแกกำลังใจเกินคน ถ้าได้ของที่ยิงไม่ออกจริง ๆ ไป ก็จะกลายเป็นโจรกันหมด..!"

แต่ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า ทำไมวัตถุมงคลรุ่นนั้นถึงได้พิเศษ ทางวัดท่าขนุนได้รับมาส่วนหนึ่ง จากการที่ท่านอาจารย์พระมหาธวัชชัย ถวายให้กับพระเกจิอาจารย์ผู้เข้าเสกในพิธี ก็ไม่เห็นพวกเราจะสนใจบูชาสักเท่าไร เพราะว่าไม่ใช่ของวัดท่าขนุนโดยตรง คนที่ได้ไปก็ถือว่าโชคดี ได้ของดีราคาถูกไป ใครที่บอกว่า "พุทธคุณในวัตถุมงคลไม่มี" ให้ไปถามลูกศิษย์หลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอบ้านโป่งดูก็แล้วกันว่ามีหรือไม่ ?

เรื่องพวกนี้เราไม่เสียเวลาไปเถียงกัน เพราะว่าประสบการณ์มีมากมาย ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครทหารพราน ที่ลงไปทำงานอยู่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเป็นอย่างไร สมัยที่กระผม/อาตมภาพอยู่ชายแดน เขาใช้คำพูดว่า "ทหาร ๑ กองร้อย พระเครื่องไปด้วย ๑ กองพล" ถ้าไม่มีพุทธคุณจริง ก็คงจะไม่มีใครเขาพกไปมากมายขนาดนั้น เสียอยู่อย่างเดียวว่า ถึงเวลามีประสบการณ์แล้ว แยกไม่ออกว่าหลวงพ่อรูปไหนช่วย..!? นั่นเป็นปัญหาของท่านไปก็แล้วกัน

คราวนี้ในเรื่องของวัตถุมงคล ท่านทั้งหลายที่ปฏิบัติธรรมอยู่ กระผม/อาตมภาพได้แนะนำให้อยู่ตลอดเวลาแล้วว่า การปลุกตัวเอง เสกตัวเอง หรือเสกวัตถุมงคล ก็คือการกำหนดใจขอบารมีพระท่านครอบลงไป ต้องการจุดกว้างใหญ่แค่ไหนก็กำหนดใจเอาตามอัธยาศัย เพราะว่าถ้าซักซ้อมจนคล่องตัวแล้ว เราสามารถที่จะครอบโลกทั้งโลกไว้ภายในพริบตาเดียวเท่านั้น แล้วทางสายหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงท่านแนะนำมา ก็เหมาะกับคนขี้เกียจอย่างกระผม/อาตมภาพมาก ก็คือ
กราบขอบารมีพระท่านสงเคราะห์ไปเลย ไม่ต้องเสียเวลาไปเสกเอง..!

กระผม/อาตมภาพเสกวัตถุมงคลร่วมกับหลวงพ่อเสงี่ยม (พระครูพิศาลวิริยกิจ - เสงี่ยม สุธมฺโม) วัดบ้านทวน เห็นท่านใช้กำลังใจตัวเอง ถึงเวลาก็ส่งกำลังใจพุ่งมาเป็นระลอก ๆ ความรู้สึกเหมือนอย่างกับชกกระสอบทราย ก็คือกระแทกมาปั้ก ๆ ๆ ๆ เลย หรือไม่ก็หลวงปู่ชุบ (พระครูอดุลพิริยานุวัตร - ชุบ ปญฺญาวุโธ) วัดวังกระแจะ ของท่านนี่กว่าจะเสกเสร็จ เหนื่อยสาหัส เพราะว่าเรียนอะไรมาท่านก็ใส่ลงไปหมด แล้วบางทีก็เรียงลำดับก่อนหลังไม่ถูก ใส่มหาลาภเข้าไปแล้วปิดด้วยมหาอุด แล้วมหาลาภจะโผล่ออกมาได้อย่างไร ?

บางทีกระผม/อาตมภาพก็ต้องเสียเวลาไปนั่งแก้ นั่งจัด นั่งเรียงใหม่ เพราะถือว่าเขานิมนต์เราไปร่วมพิธีแล้ว ก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด แต่ถ้าหากว่าบางแห่งท่านนิมนต์พระเถระผู้ใหญ่ไป บางทีกระผม/อาตมภาพก็วางเฉยเหมือนกัน ก็คือท่านเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการสงฆ์ ถ้าหากว่าทำเป็นก็ทำไป ถ้าทำไม่เป็น กระผม/อาตมภาพก็มิบังอาจ เพราะว่าเราเด็กเกินไปที่จะไปทำอะไรตัดหน้าผู้ใหญ่ขนาดนั้น ถ้าหากว่าการเสกของที่ไหนนิมนต์พระเถระผู้ใหญ่มาก ๆ ไป บางทีกระผม/อาตมภาพก็ต้องวางอุเบกขา แล้วแต่เวรแต่กรรมเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2024 เมื่อ 02:40
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 09-11-2024, 00:56
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,377
ได้ให้อนุโมทนา: 157,932
ได้รับอนุโมทนา 4,479,220 ครั้ง ใน 35,986 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องของการเสกวัตถุมงคลนั้นจะต้องมีการตั้งธาตุ ปลุกธาตุ ใส่อาการ ๓๒ เพราะเขาเชื่อว่าทำให้วัตถุมงคลนั้นเหมือนกับมีชีวิต แล้วบางแห่งพระมหานาคท่านก็ยังสวดญัติอีก เหมือนอย่างกับสวดนาคนี่แหละ เพียงแต่ท่านใช้คำว่า "พุทธรูปานิจะ สังฆรูปานิจะ วัตถุมังคะลานิจะ" ไม่ได้ใช้ชื่อของนาคแบบพวกเรา ก็แล้วแต่ความเชื่อมั่นของใครของมัน

แต่ว่าถ้าพวกเราซักซ้อมกำลังใจเอาไว้เสมอ สิ่งที่เราจะได้มากที่สุดก็คือ ใกล้ชิดกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็ยึดพระองค์ท่านเป็นหลัก อย่างที่กระผม/อาตมภาพสละสมเด็จองค์ปฐม
วัดท่าซุง รุ่น ๒ เลี่ยมทองประดับเพชร ถวายบูชาพระบรมสารีริกธาตุเขี้ยวแก้วไป มีคนถามว่า "ใจถึงขนาดนั้นเลยหรือ ของใช้ติดตัวมานานขนาดนี้ ?" ก็เลยตอบไปว่า "เคยมีของที่ใช้ติดตัวมานานกว่านี้ แต่ก็สละไปแล้ว..!"

เนื่องเพราะว่าวัตถุมงคลเป็นเครื่องโยงใจให้เรานึกถึงพระ นึกถึงความดี ถ้าเราสามารถนึกถึงพระ นึกถึงความดีได้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องพกวัตถุมงคล แต่เมื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านเห็น ท่านก็เมตตาตักเตือน ท่านบอกว่า "แกมีโอกาสเผลอได้ แต่วัตถุมงคล ถึงเวลาพระท่านขอให้พรหมเทวดาช่วยสงเคราะห์ พรหมเทวดาท่านมีความเป็นทิพย์ ท่านไม่เผลอ" ตอนที่เราใช้แค่กำลังตัวเอง ถ้าเผลอปล่อยให้วาระกรรมแทรกเข้ามา ก็อาจจะเจออะไรหนัก ๆ เข้าไปได้..!

แล้วท่านก็ยกตัวอย่างหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ว่าแค่ถอดอังสะที่ใส่วัตถุมงคลแขวนไว้กับประตูห้องน้ำ เพื่อที่จะสรงน้ำเท่านั้น โดนเขา "บังฟัน" ล้มทั้งยืน..! ถ้าไม่ได้ "ก๋งจาบ" มาช่วยรักษาให้ก็มีหวังมรณภาพตอนนั้นเลย..! แล้วท่านก็ถามว่า "แกคิดว่าแกเก่งกว่าหลวงพ่อปานหรือ ?" กระผม/อาตมภาพก็เลยเริ่มพกวัตถุมงคลตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วด้วยความที่ไม่มั่นใจว่า อย่างไรเราก็เก่งสู้หลวงปู่หลวงพ่อไม่ได้ ก็เลยพกจนเยอะไปเลย เพียงแต่ว่าบางทีถ้าเผลอพกเดินผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ของสนามบิน ก็ไม่ดังอีกต่างหาก..!

ตอนที่ตลกที่สุดก็คือสนามบินประเทศเนปาล ชื่อสนามบินถ้าจำไม่ผิดชื่อ "สนามบินตรีภูวัน" ไปทอดกฐินปลดหนี้ที่นั่น เดินผ่านเครื่องแล้วร้อง เจ้าหน้าที่ขอให้แสดงว่ามีอะไรที่เป็นโลหะบ้าง ? กระผม/อาตมภาพก็ล้วงเอาทั้งพระเครื่องเลี่ยมทอง ทั้งเลี่ยมเงิน ทั้งตะกรุด ออกมาเป็นถาดเลย..! เจ้าหน้าที่เขาถือเดินผ่านเครื่อง ๒ ครั้ง ๓ ครั้ง ถือไปทั้งถาดไม่ดัง..! แต่พอตัวกระผม/อาตมภาพเดินผ่านก็ดังอีก..!

ตอนแรกก็คิดว่าเป็นเพราะฟันที่ครอบโลหะไว้หรือเปล่า ? แต่ปรากฏเจ้าหน้าที่เขาคลำที่กระเป๋าอังสะ แล้วไปเจอยาอม ๒ เม็ด ที่พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. ตอนนั้นยังเป็นพระมหาจรูญโรจน์อยู่ ถวายไว้ให้อมแก้เจ็บคอ เพราะว่าเนปาลมีแต่ฝุ่นเยอะมาก พอเขาหยิบไป กรีดผ่านเครื่องตรวจ มีเสียงร้องดังลั่นเลย..!

กระผม/อาตมภาพก็ยังนั่งหัวเราะ ทั้งคณะพอรู้ก็นั่งหัวเราะ แต่ไอ้ที่หัวเราะไม่ออกก็คือทำไมเจ้าหน้าที่ไม่สงสัยเลยว่า "โลหะทั้งถาดที่ยกเข้ายกออกแล้วไม่ดังนั่นเป็นเพราะอะไร ?" ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่อัศจรรย์ แล้วก็ยิ่งอัศจรรย์ก็คือน่าจะมีการ "บัง" ไม่ให้เจ้าหน้าที่เขาสงสัยอีกด้วย ไม่อย่างนั้นคงต้องตอบปัญหากันยาวมาก

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-11-2024 เมื่อ 02:48
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 18:13



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว