กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 10-10-2024, 19:49
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,946
ได้ให้อนุโมทนา: 225,209
ได้รับอนุโมทนา 800,461 ครั้ง ใน 39,365 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 48 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 11-10-2024, 00:45
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ มีเรื่องโต้กันเดือดอยู่ในโซเชียล เกี่ยวกับการที่มีผู้นำสิ่งที่กระผม/อาตมภาพพูดในเสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เอาไปโต้กับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งลักษณะของการพาดหัวคลิปอยู่ในลักษณะที่ตั้งใจจะ "ตกควาย" แล้วก็น่าแปลกมากว่า มีควายจำนวนมากวิ่งเข้าไปทะเลาะเบาะแว้งกับเขา..!

กระผม/อาตมภาพเห็นแล้วก็เหนื่อยใจว่า อุตส่าห์สู้ทนเหนื่อยยากสั่งสอนมาจนป่านนี้ ก็ยัง "ไม่มีวัวปน" เลยแม้แต่นิดเดียว รู้อยู่แล้วว่าเรื่องของการทะเลาะเบาะแว้งกันนั้น มีแต่จะสร้าง รัก โลภ โกรธ หลง ให้กับตัวเอง ก็ยังอุตส่าห์เข้าไป "ลุย" กับเขาอีก ต้องบอกว่าถ้าคนปกติทั่วไปก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าในลักษณะของคนปฏิบัติธรรม แล้วไปประพฤติปฏิบัติเช่นนั้นถือว่าโง่มาก..!

เพราะว่ากว่าที่เราจะชำระจิตใจของตนเองให้สะอาดขึ้นมาได้สักเล็กน้อย ก็เป็นเรื่องแสนที่จะยาก แต่เรากลับไปกอบโกยเอาสิ่งสกปรกเข้ามาทับถมใจของเราจำนวนมากภายในเวลาไม่กี่นาที..! ถ้าลักษณะอย่างนี้ การปฏิบัติธรรมของเราย่อมไม่มีผล เพราะว่า "ได้น้อย ขาดทุนมาก" อยู่ตลอดเวลา จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า "ทำไมปีแล้วปีเล่า เราถึงเอาดีกันไม่ได้ ?"

แล้วก็ยังมีผู้ที่เมตตามาแนะนำให้กระผม/อาตมภาพ ลบคลิปหรือทำสกิปข้ามในส่วนที่เอ่ยถึงอาจารย์ผู้ตื่นธรรมผู้นั้น นี่ก็แนะนำด้วยความเมตตาแต่ปัญญาน้อย เพราะว่าเรื่องกระจายไปจนทั่วโลกแล้ว ไปลบออกแล้วมีประโยชน์อะไร ? ก็ในเมื่อผู้คนเขาก็อปปี้กันไปนับไม่ถ้วนแล้ว..!

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงไม่จำเป็นที่เราจะต้องเอามาใส่ใจ สิ่งที่ควรจะใส่ใจมากที่สุดก็คือ
ใจของเรามีความชั่วหรือไม่ ? ถ้ามีอยู่ก็รีบขับไล่ออกไป แล้วพยายามระมัดระวังไว้ อย่าให้ความชั่วนั้นเข้ามาอีก ใจของเรามีความดีหรือไม่ ? ถ้ายังไม่มี ให้เร่งรีบสร้างความดีขึ้นมา ถ้ามีอยู่แล้วก็รีบทำให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป แต่ปรากฏว่าพวกเราส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ทำอย่างนี้ อะไรที่ "ทำให้ช้า" พวกเรามักจะไปสนใจ สนใจแล้วยังไม่พอ ยังเอากิเลสไปชนกับเขาอีก ก็ยิ่งทำให้ตนเองต้องเนิ่นช้ากันไปยกใหญ่
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2024 เมื่อ 03:10
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 11-10-2024, 00:52
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ชัดเจนว่า "ตัณหา มานะ ทิฏฐิ เป็นธรรมซึ่งทำให้เราเนิ่นช้า" คำว่า "เนิ่นช้า" ในที่นี้ก็คือ การหลุดพ้นจากวัฏสงสาร พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ที่ก่อทุกข์ก่อโทษให้กับเรานับไม่ถ้วน แต่เราเองแทนที่จะลด จะละ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ให้น้อยลงไปตามลำดับ เรากลับไปเพิ่มขึ้น

คำว่า ตัณหา ในที่นี้ก็คือความอยากทั้งปวง โดยเฉพาะความอยากมี อยากได้ อยากเป็น อย่างที่กระผม/อาตมภาพกล่าวเอาไว้แล้วว่า ถ้าเรายังใช้ความอยากนำหน้า ใช้ตัณหานำทาง การปฏิบัติธรรมของพวกเราจะไม่มีผล เนื่องเพราะว่าจิตใจฟุ้งซ่านด้วยความอยาก ในเมื่อจิตไม่สงบ เราย่อมทรงสมาธิไม่ได้ เมื่อทรงสมาธิไม่ได้ เราก็ไม่สามารถที่จะระงับกิเลสลงชั่วคราว เมื่อระงับกิเลสชั่วคราวไม่ได้ กำลังใจไม่ผ่องใสพอ ก็มองไม่เห็นหนทางว่าจะลด จะละ จะเลิก กิเลสทั้งหลายไปจากใจได้อย่างไร

ส่วนมานะก็คือความถือตัวถือตน เรียกง่าย ๆ ว่าแบกตัวกูของกูมาแต่ไกล โน่นก็ตัวกู นี่ก็ของกู นั่นลูกกู ผัวกู เมียกู ยังไม่พอ ตอนนี้ยังครูบาอาจารย์ของกูอีก..! ใครจะแตะครูบาอาจารย์กูไม่ได้ กูต้องโดดกัดไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่ครูบาอาจารย์ก็ไม่ได้รู้สึกรู้สากับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นเลย แล้วมึงจะเดือดร้อนไปทำไม ? ก็เพราะว่าเราไปแบกมานะเอาไว้มากนั่นเอง

ความมานะนั้นมีทั้งสำคัญว่าตัวเราสูงส่งกว่าผู้อื่น ดีกว่าผู้อื่น มีทั้งแบกเอาไว้ว่าเราเสมอกับผู้อื่น มีทั้งแบกเอาไว้ในลักษณะว่าเราด้อยกว่าผู้อื่น ไม่ว่าจะน้อยกว่า จะเสมอกัน หรือว่าจะมากกว่า ล้วนแล้วแต่เป็นการแบกกิเลสไว้ทั้งสิ้น ยิ่งแบกไว้มากเท่าไร ก็ยิ่งถ่วงหนักให้เราถึงเป้าหมายช้าเท่านั้น

ส่วนในเรื่องของทิฏฐินั้น ก็คือมิจฉาทิฏฐิ สัมมาทิฏฐิจัดว่าเป็นตัวปัญญา แต่มิจฉาทิฏฐิเป็นความมืดบอด สัมมาทิฏฐิอย่างเช่นว่าเห็นว่าร่างกายนี้เป็นทุกข์เป็นโทษ เห็นว่าเราควรที่จะเร่งรีบปฏิบัติ เพื่อให้พ้นจากกองทุกข์เหล่านี้ เป็นต้น แต่เรากลับแบกมิจฉาทิฏฐิเอาไว้โดยไม่รู้ตัว ก็คือมีความเห็นว่าสิ่งนั้นก็ของกู สิ่งนี้ก็ของกู ยิ่งแบกก็ยิ่งหนัก บางคนรู้สึกทุกข์มาก เครียดมาก แต่กลับไม่รู้ว่าตัวเองแบกไว้ ครูบาอาจารย์ท่านก็บอกว่าให้ปล่อยวาง ๆ แต่เรากลับวางไม่ได้

ดังนั้น..บางทีสิ่งที่ครูบาอาจารย์บอกพวกเรานั้น เป็นการชี้ทางออกบอกทางถูกให้ แต่เรากลับไม่มีปัญญามองเห็นหนทางนั้นอย่างหนึ่ง กำลังไม่เพียงพอที่จะก้าวเดินไปในหนทางนั้นอีกอย่างหนึ่ง แล้วแทนที่จะรีบเร่งรัดให้ตนเองมีกำลังของศีล ของสมาธิ ของปัญญามากขึ้น เพื่อที่จะได้มองเห็นหนทาง หรือว่าจะได้มีกำลังก้าวเดินให้ผ่านพ้นไป เรากลับเอาเวลาเหล่านั้นไปนั่งเอากิเลสชนกับชาวบ้าน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 11-10-2024 เมื่อ 10:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 11-10-2024, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าลักษณะนั้น บุคคลที่ท่านก้าวข้ามจุดนั้นไปแล้ว ก็ได้แต่มองด้วยความสลดสังเวช ก็คือสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะว่าบอกวิธีการไปหมดแล้วแต่ไม่เคยเอาไปใช้ ส่วนสิ่งที่ไม่ดีที่ให้ลดให้ละกลับแบกเพิ่มขึ้นทุกวัน แบกไว้แล้วยังไม่พอ ยังไปชวนคนอื่นมาร่วมแบกด้วย..!

ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า ไม่ว่าเราจะเข้าไปดูเพื่อหาข้อมูลก็ดี หรือว่าจะเข้าไปเพื่อทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นก็ตาม ก็ล้วนแต่ไปเพิ่มยอดวิวให้เขาทั้งนั้น แต่ก็ยังโง่พอที่จะไปทำอีก ถ้าอย่างนี้ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะทำอย่างไร

แต่ในสมัยที่เรียนวิชาทหารอยู่ ครูบาอาจารย์เขาสอนเกี่ยวกับการบริหารบุคคลเอาไว้ว่า พวกที่ฉลาดแต่ขี้เกียจให้อยู่ในส่วนเสนาธิการ ปล่อยให้วางแผนไป แล้วให้พวกที่ฉลาดและขยันไปทำตามแผนนั้น พวกที่โง่แล้วขี้เกียจ ส่งไปอยู่กับพวกที่ฉลาดแล้วขยัน เขาจะลากถูลู่ถูกังไปได้เอง ส่วนพวกที่โง่แล้วขยันให้ยิงทิ้งให้หมด..! เพราะว่ามีแต่จะสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงาน

ซึ่งคำว่าสร้างความเสียหาย กระผม/อาตมภาพเอามาพูดเสียเพราะ ครูฝึกท่านบอกว่า "มีแต่จะสร้างความฉิบหายให้กับหน่วยงาน" ก็เหมือนอย่างกับวันนี้ที่พวกเราส่วนหนึ่งโง่แล้วก็ขยัน เข้าไปทะเลาะกับชาวบ้านเขา ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ เพราะถ้าคนที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ เขาก็ย่อมยืนยันในทิฏฐิ คือความเห็นของเขาว่าถูกต้อง ส่วนบุคคลที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ก็ย่อมไม่เสียเวลาไปทะเลาะกับใคร นอกจากรักษาใจตัวเอง

กลายเป็นว่าเราเองโง่พอที่จะไปทะเลาะกับบุคคลที่มีความเห็นตรงกันข้าม แล้วจะไปหวังอะไรให้เขามาเห็นด้านเดียวกับเรา พูดง่าย ๆ ว่าเหมือนกับ "ถ่มน้ำลายรดฟ้า" ก็มีแต่จะหล่นใส่หน้าตัวเอง..!

ได้แต่หวังว่าคราวหน้าถ้ามีอะไรกระทบกระเทือนมาถึงกระผม/อาตมภาพ ก็จงอย่าได้เสือกโง่แล้วขยันไปทำหน้าที่แบบนั้นอีก ถ้าเป็นถึงครูบาอาจารย์แล้วยังต้องเสียเวลาให้พวกเรามาปกป้อง ก็อย่าไปเป็นมันเลย..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-10-2024 เมื่อ 03:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 49 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:44



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว