กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนตุลาคม ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 07-10-2024, 17:39
ตัวเล็ก's Avatar
ตัวเล็ก ตัวเล็ก is offline
กรรมการเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Mar 2009
ข้อความ: 10,938
ได้ให้อนุโมทนา: 225,208
ได้รับอนุโมทนา 800,447 ครั้ง ใน 39,357 โพสต์
ตัวเล็ก is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗


__________________
มารใช้ คนทุกคน ของทุกชิ้น สัตว์ทุกตัว เป็นเครื่องมือในการขวางเรา โดยเฉพาะคนที่เรารักมากที่สุด
(-/\-) (-/\-) (-/\-)
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ตัวเล็ก ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 08-10-2024, 01:00
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพมีนัดกับลูกกิฟท์ (นางสาวอันตรา ลักษณะ) ซึ่งนอกจากจะมารับวัตถุมงคลของวัดท่าขนุน เพื่อเอาไปส่งให้กับผู้ที่ได้จองไว้แล้ว ยังขอมาเป็นเจ้าภาพถวายภัตตาหารเพลด้วย ด้วยความที่รู้จักมักคุ้นกัน ก็เลยโดนล้วงย่ามเอาวัตถุมงคลไปเสียหลายชิ้น ประมาณว่า "หลวงตาเก็บเอาไว้ก็ประโยชน์น้อย เดี๋ยวหนูเอาไปจำหน่ายให้แล้วเอาเงินมาถวายหลวงตา เพื่อที่จะทำบุญต่อไปจะได้ประโยชน์มากกว่า" ประมาณนั้น..!

หลังจากฉันเพลแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เดินทางไปยังวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งต้องไปโดยรถแท็กซี่ เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะไม่ไว้วางใจว่า ถึงแม้ทางด้านเจ้าภาพจะบอกว่าเตรียมสถานที่เอาไว้ สำหรับพระภาวนาจารย์ผู้มาอธิษฐานจิตพุทธาเทวาภิเษกแล้ว ถ้าเกิดเข้าไปจอดแล้วโดนเขาบังอยู่ก็ออกไม่ได้อยู่ดี แต่ถ้าหากว่าไปรถแท็กซี่ก็จะง่ายที่สุด

เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ก็นำไปยังเรือนพัก เพิ่งจะนั่งลงได้พักหนึ่ง ครูบากฤษดา สุเมโธ (พระครูสุเมธธรรมวัฒน์) วัดสันพระเจ้าแดงก็มาถึง ทักทายพูดคุยกันได้ไม่เท่าไร หลวงพ่อเจ้าคุณสุรศักดิ์ (พระราชภาวนาวชิราจารย์ วิ.) เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสงคราม วัดประดู่ (พระอารามหลวง) ก็มาถึง กราบพระแล้วทักทายกันได้สักพักหนึ่ง ดร.ช้าง - พระครูปลัดสุวัฒนอนุตตรคุณ, ดร. (หลวงพ่อช้าง) วัดจุกเฌอก็มาถึงเช่นกัน

ตามมาด้วยพระครูอรุณธรรมาภินันท์ (หลวงพ่อชุมพร) ถ้าจำไม่ผิดท่านอยู่วัดป่าอรุณธรรม แต่ว่าทักทายแล้วไม่ทราบว่าท่านมัวแต่สนใจกับญาติโยมหรือเปล่า ? ถึงไม่ได้สนใจที่จะตอบรับ แม้กระทั่งเข้าไปจับแขนสอบถาม ประมาณว่า "
ออกเดินทางมาเมื่อไร ? สะดวกหรือไม่ ?" ท่านเองก็ตอบแบบเสียไม่ได้

กระผม/อาตมภาพก็ทำความเข้าใจไปว่า น่าจะเกิดจากการที่ท่านเป็นนักภาวนาและอยู่วัดป่าสายธรรมยุต อาจจะไม่เคยชินกับการปฏิสันถารกับผู้อื่น จึงได้แต่คุยกับบรรดาพระเถรานุเถระที่รู้จักคุ้นเคยกันแทน

เมื่อได้เวลา ทางเจ้าหน้าที่ก็มานิมนต์ให้เข้าไปยังพระอุโบสถวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ก็ได้เจอกับหลวงพี่โอเลี้ยงของกระผม/อาตมภาพ หรือพระครูธีรธรรมวงศ์ วัดจอมเกษ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพ่อท่านสูติ (พระครูรัตนสิกขการ) วัดถ้ำพระพุทธโกษีย์ หรือที่ชาวบ้านเรียกง่าย ๆ ว่าวัดในเตา พระครูปืน (พระครูปลัดสราวุธ ปญฺญาวุโธ) วัดลาดชะโด แล้วก็ยังมีพระครูธรรมธรอดิเรก อนุตฺตโร วัดหนองทราย ซึ่งท่านมาเกือบจะช้าที่สุด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2024 เมื่อ 03:43
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 08-10-2024, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เมื่อถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้ ก็คือ ๑๔.๑๔ น. ซึ่งฤกษ์นี้น่าจะกำหนดโดยท่านอาจารย์วันชัย เชยนิ่ม ศิษย์ของท่านอาจารย์ปู่เทพย์ สาริกบุตร ท่านถึงได้กำหนดให้เป็นฤกษ์จักรพรรดิซ้อนจักรพรรดิ..! แต่กระผม/อาตมภาพยังไม่มั่นใจว่าฤกษ์นี้จะดีจริงหรือเปล่า ? เพราะว่าอะไรก็ตาม ถ้าหากว่าดีจนเกินไป บางคนบุญไม่ถึงก็รับไม่ไหวเหมือนกัน..!

เนื่องจากวันนี้ โดยปกติตามฤกษ์พรหมประสิทธิ์ก็เป็นวันสิทธิโชคอยู่แล้ว แล้วยังมากำหนดฤกษ์ในเวลา ๑๔.๑๔ น. เข้าไปอีก กระผม/อาตมภาพเกรงว่าจะดีเกินบุญของคนส่วนหนึ่ง แล้วไปสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นหรือเปล่า ?

ส่วนการพุทธาเทวาภิเษกวันนี้ก็เพราะว่ามีรูปพระพุทธสิหิงค์เป็นหลัก แล้วก็รูปพระวิษณุกรรม ซึ่งในงานนี้ก็จะมีพ่อบุญธรรม น่วมมานา เจ้าสำนักบ้านมีดี ซึ่งถ้าหากว่าใครศึกษาประวัติของอาจารย์สายฆราวาส ก็จะรู้จักท่านในนามพ่อป่อง น่วมมานา ศิษย์ของอาจารย์ปู่เที่ยง น่วมมานา เจ้าสำนักบ้านมีดีนั่นเอง

เมื่อได้เวลาพวกเราก็ไปกราบพระเดชพระคุณพระพรหมวชิราธิบดี (พีร์ สุชาโต ป.ธ. ๕) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งอาจารย์ปู่ท่านก็อายุกาลผ่านวัย ๙๔ ปีเต็ม ย่างเข้า ๙๕ ปีแล้ว ตำแหน่งหนึ่งของท่านก็คือนายกสภามหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ดังนั้น..เมื่อกระผม/อาตมภาพเปิดหน้ากากให้ท่านดูหน้า ท่านก็จำได้ทันที เนื่องเพราะว่าเพิ่งจะไปรับโล่ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อคณะพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มาจากท่านเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง

เมื่อท่านอาจารย์หลวงปู่พีร์ท่านจุดเทียนชัยและจุดเทียนวิปัสสีแล้ว กระผม/อาตมภาพก็เข้าสมาธิ น้อมจิตกราบขอบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันตเจ้า พรหม เทวดา และครูบาอาจารย์ทั้งหมด เพื่อขอความอนุเคราะห์สงเคราะห์ในการปลุกเสกรูปพระพุทธสิหิงค์และรูปพระวิษณุกรรม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแสดงพระวรกายใหญ่โตเต็มมณฑลพิธี ได้ยินเสียงประกาศว่า "ที่นี่เรียกชื่อว่าพระศรีสรรเพชญ์ชุดาญาณ" แล้วก็มีกรรมกรอยู่ ๑ ท่าน ซึ่งนอกจากจะใส่ชุดสีน้ำเงินเทา ก็คือสีน้ำเงินเก่า ๆ จนอมขาวแล้ว ยังใส่หมวกนิรภัยมาด้วย บ่าแบกอีเตอร์มา อีกข้างหนึ่งก็ถือระดับน้ำและลูกดิ่งอยู่

กระผม/อาตมภาพถามว่า "จะไปรับจ้างก่อสร้างที่ไหนล่ะพ่อคุณ ?" ท่านก็ยกมือไหว้บอกว่า "ที่นี่แหละครับ กราบขออนุญาตให้กระผมเข้าไปในมณฑลพิธีด้วยครับ" เมื่อมองซ้ายมองขวาเสร็จ เห็นไม่มีใครอนุญาต กระผม/อาตมภาพจึงบอกว่า "เข้ามาได้เลย ช่วยจัดการในส่วนที่เป็นรูปของท่านเองด้วย" เจ้าพ่อกรรมกรก็เลยเข้ามาในพิธี แล้วกลืนหายเข้าไปในกองวัตถุมงคล..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2024 เมื่อ 03:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 42 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 08-10-2024, 01:15
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กระผม/อาตมภาพกำหนดจิตน้อมอาราธนาบารมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าครอบลงยังกองวัตถุมงคล แล้วก็ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามความเมตตาขององค์ท่าน ในขณะเดียวกัน ก็แอบดูในเรื่องของจิตสมาธิของบรรดาพระเถราจารย์ที่มาร่วมภาวนาด้วย ปรากฏว่าพระเดชพระคุณพระราชพัฒนากร (หลวงพ่อสมชาย ฉนฺทสาโร) วัดปริวาสราชสงคราม มาถึงตอนไหนก็ไม่รู้ ? นั่งเยื้อง ๆ อยู่เฉียงกันในระหว่างกองวัตถุมงคล

กระผม/อาตมภาพดูจนรอบข้างแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ เนื่องเพราะว่าในมณฑลพิธีนี้ ถ้าไม่นับหลวงปู่พีร์แล้ว มีที่อาวุโสกว่าอยู่แค่ ๒ รูปเท่านั้นก็คือหลวงพ่อสมชาย วัดปริวาสราชสงคราม ที่ท่านอายุมากกว่า ๖ ปี แต่พรรษามากกว่า ๑๒ พรรษา ส่วนหลวงพ่อเจ้าคุณสุรศักดิ์นั้น ท่านอายุน้อยกว่า ๒ ปี แต่ว่าพรรษามากกว่า ๓ พรรษา ส่วนท่านอาจารย์ประสูติ (พ่อท่านสูติ) วัดในเตานั้น แม้ว่าพรรษาจะเท่ากัน แต่อายุท่านน้อยกว่าถึง ๖ ปี ส่วนที่เหลือก็อยู่ในรุ่นน้องหรือว่ารุ่นลูกศิษย์ไปเสียแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจว่า "เออหนอ..เราแก่จนป่านนี้"

พอดีพระท่านเตือนว่า "เต็มแล้ว" กระผม/อาตมภาพจึงได้ถอนจิตจากการพิจารณาวิปัสสนาญาณ ขึ้นมาทำน้ำมนต์พรมในมณฑลพิธี โปรยดอกไม้ถวายเป็นพุทธบูชา ทางเจ้าภาพก็คือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพ ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการสร้างวัตถุมงคลในวันนี้ ก็รีบเข้ามาถวายไทยธรรม

กระผม/อาตมภาพรับแล้วก็กราบลาพระประธาน ออกมาเรียกแท็กซี่กลับสู่ที่พัก ได้แต่นั่งคิดว่า "ทำไมเราถึงได้แก่เร็วขนาดนี้ ?" เนื่องเพราะว่าสมัยก่อนนั้น บางทีกระผม/อาตมภาพเห็นเด็ก ๆ แล็วก็คิดว่า "เด็กเหล่านี้โตเร็วมาก" แต่พอนึกไปนึกมา กระผม/อาตมภาพก็หวนกลับมาพิจารณาตนว่า
"ไม่ใช่เด็กเหล่านี้โตเร็ว หากแต่ว่าเราเองแก่เร็วต่างหาก..!"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2024 เมื่อ 03:50
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 08-10-2024, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,541 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เนื่องเพราะว่าเวลาล่วงไป ๆ ถ้าหากเราเผลอประมาทเมื่อไร ก็จะไม่มีความดีติดตัวอยู่ จึงได้เร่งรัดในการปฏิบัติของตนเองทุกเมื่อเชื่อวัน โดยเฉพาะในระยะ ๓ - ๔ วันที่ผ่านมา ก็มีการซักซ้อมรักษากำลังใจทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถทำได้ต่อเนื่องเกินกว่า ๒๐ ชั่วโมงอยู่ทุกวัน เพียงแต่ว่าการบันทึก "เสบียงบุญ" นั้น บางวันแอพฯ "เสบียงบุญ" ก็ล่ม ทำให้ไม่สามารถที่จะบันทึกเวลาได้ เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าใกล้ที่จะเข้ากรรมฐาน ๓ วันแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการซักซ้อมกำลังใจไว้ก่อน

ลูกศิษย์บางท่านก็ถามว่า "ระดับหลวงพ่อแล้วยังต้องซ้อมอีกหรือครับ ?" กระผม/อาตมภาพอยากจะบอกว่า ในเรื่องของสมาธิภาวนานั้น ยิ่งซักซ้อมมากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นคุณแก่ตัวเท่านั้น ไม่ใช่ไปประมาทว่าเราทำได้แล้ว เรามีความคล่องตัวแล้ว สามารถที่จะตั้งกำลังใจให้เข้าสมาธิยาวนานเท่าไรก็ได้ สามารถที่จะให้เข้าให้ออกเมื่อไรก็ได้ สามารถที่จะเข้าฌานสลับฌานก็ได้ ถ้าคิดในลักษณะนี้แล้วขาดการซักซ้อมเมื่อไร ท่านก็อาจจะเจออาการ "สนิมกิน" หรือไม่ถ้าร่างกายเจ็บไข้ได้ป่วยมาก ๆ บางทีสมาธิภาวนาก็ไม่เอาด้วย

แบบเดียวกับหลวงปู่พระโคธิกเถระ ซึ่งท่านไม่สามารถจะทรงสมาธิได้เลย เพราะว่าอาการเวทนาทางร่างกายมีมาก ถ้าเป็นเช่นนั้นโอกาสที่เราจะประกันความเสี่ยงว่ามีสุคติเป็นที่ไป ก็จะกลายเป็นว่าอาจจะพลาดได้

ในเมื่อเป็นเช่นนั้น มีโอกาสเมื่อไรต้องรีบซ้อมการภาวนาให้มากเข้าไว้ กำลังใจที่อยู่กับสมาธิภาวนา อย่างน้อย รัก โลภ โกรธ หลง ก็กินเราไม่ได้ชั่วคราว ถ้าหากว่าสามารถขัดเกลาจนกระทั่งกำลังใจทรงตัว ไม่ตกต่ำอีก ใจของตนขาวขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามลำดับ จนกระทั่งเปล่งแสงสว่างดังประกายพรึก ตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านนิยมกล่าวถึงไว้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะตั้งความปรารถนาเอาไว้เช่นนั้น

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-10-2024 เมื่อ 03:52
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 46 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 21:20



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว