กระดานสนทนาวัดท่าขนุน


กลับไป   กระดานสนทนาวัดท่าขนุน > ห้องธรรมะพระอาจารย์ > พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน ปี ๒๕๖๗ > เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน เดือนกันยายน ๒๕๖๗

Notices

ตอบ
 
คำสั่งเพิ่มเติม
  #1  
เก่า 13-09-2024, 19:45
พิชวัฒน์'s Avatar
พิชวัฒน์ พิชวัฒน์ is offline
สมาชิก - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Aug 2014
ข้อความ: 500
ได้ให้อนุโมทนา: 3,308
ได้รับอนุโมทนา 24,997 ครั้ง ใน 988 โพสต์
พิชวัฒน์ is on a distinguished road
Default เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗

เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗



แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พิชวัฒน์ : 13-09-2024 เมื่อ 20:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ พิชวัฒน์ ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #2  
เก่า 14-09-2024, 01:04
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ ถ้าเป็นฝรั่งที่ถือโชคถือลาง วันนี้ก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกันเลย ในเรื่องของฤกษ์ของยามของวันเวลา จะว่าไปแล้วสู้กำลังใจของคนไม่ได้ แต่ว่าคนส่วนใหญ่มักจะกำลังใจอ่อน ก็เลยทำให้เรื่องของฤกษ์ยามต่าง ๆ ที่เป็นมงคลภายนอกเข้ามามีอิทธิพลต่อชีวิต

แล้วก็ยังมีความเชื่อผิด ๆ อย่างเช่นว่า สิ่งที่ไม่ดีไม่งามเกิดขึ้นในชีวิตก็ไปเปลี่ยนชื่อ ไปต่อลายมือ สารพัด ซึ่งความจริง
สิ่งไม่ดีเกิดขึ้นนั่นก็คือกรรมเก่าที่เราทำไว้มาส่งผล แต่ก็มักจะไม่แก้ไขด้วยตนเอง ไปอาศัยหมอดูบ้างหมอเดาบ้าง ยุ่งไปหมด โอกาสที่จะแก้ไขได้ถูกต้องและมีผลก็เลยกลายเป็นเรื่องยาก แล้วก็ทำให้คนส่วนใหญ่ไหลตามกันไป

อย่างในปัจจุบันนี้ที่เขาเรียกกันว่า "สายมู" ก็คือมาจากคำว่า "มูเตลู" สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเป็นวัยรุ่นอยู่ เป็นหนังจากประเทศอินโดนีเซีย เรื่อง "มูเตลูศึกไสยศาสตร์" ที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งกระผม/อาตมภาพดูตอนนั้นก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะอย่างเช่นว่าคนโดนไสยศาสตร์มา เขาเอากริชเปิดแผลที่ข้างหลัง แล้วก็รีดเป็นตัวหนอนออกมา แต่เรามองเห็นชัด ๆ ว่ามันก็คือเฉาก๊วยหรือวุ้นดำของปักษ์ใต้นั่นแหละ แล้วคราวนี้อะไรที่เป็นไสยศาสตร์ เขาก็เลยใช้คำว่า "สายมู" ก็คือย่อมาจากคำว่ามูเตลูนั่นเอง

เมื่อวานนี้มีเรื่องน่ารำคาญใจอย่างหนึ่งเกิดขึ้น และขณะเดียวกันก็น่าสงสารมาก ก็คืออยู่ ๆ มีไลน์ใหม่เข้ามา เขียนว่า "ผมสรวิชญ์ครับหลวงพ่อ" กระผม/อาตมภาพก็คือเป็นพระปลัดสรวิชญ์ อภิปญฺโญ ผศ.,ดร. จากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ก็เลยกดรับแล้วก็ส่งหัวใจกลับไปให้

ปรากฏว่าเขายืนยันกลับมาว่า "ผมสรวิชญ์ครับ ไม่ใช่ไอ้ตัวเล็ก..!" ทำให้กระผม/อาตมภาพนึกได้ว่า ถ้าอีกสรวิชญ์หนึ่งก็คือไอ้ท่านหมื่นของเราที่หนีออกจากวัดไปโดยไม่บอกไม่กล่าวนั่นเอง ก็เลยถามว่ามีธุระอะไร ?

เขาตอบกลับมาว่า "หลวงพ่อมีความยินดีในไอ้ตัวเล็กหรือเปล่าครับ ?"
กระผม/อาตมภาพก็งงตึ้บ เลยส่งข้อความกลับไปว่า "ผมไม่เข้าใจคำถามของคุณ ?" แล้วเขาก็หายเงียบไปเลย แต่ว่าอีกประมาณชั่วโมง ไอ้ตัวเล็กส่งข้อความมาเป็นร้อยเลย พร้อมกับคลิปบันทึกเสียง ก็คือท่านหมื่นไปคาดคั้นไอ้ตัวเล็กว่า "ได้ทำผิดศีลข้อที่ ๓ หรือเปล่า ?" ถามไปถามมา ได้ความว่าตัวเองปฏิบัติธรรมแล้วไปเห็นเข้า..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2024 เมื่อ 03:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 27 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #3  
เก่า 14-09-2024, 01:11
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า เป็นปกติของบุคคลที่ปฏิบัติธรรมไปแล้ว จะมีของแถมที่เกิดขึ้น ก็คือทิพจักขุญาณ การรู้เห็นสิ่งต่าง ๆ แต่ว่าการรู้เห็นนั้นเราต้องมีสติ โดยเฉพาะอย่าเพิ่งเชื่อ อย่างที่หลายต่อหลายครั้งที่กระผม/อาตมภาพยกตัวอย่างว่า ในสมัยที่ยังอยู่ที่วัดท่าซุง บรรดาพี่ ๆ น้อง ๆ มาธรรมสากัจฉากันหลังกรรมฐาน ท้ายที่สุดทุกคนเหลือคาถาป้องกันตัวบทเดียวเหมือนกันหมด ก็คือ "กูไม่เชื่อ"

คราวนี้ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่า ถ้าไอ้ตัวเล็กไปผิดศีลข้อที่ ๓ จริง ๆ แล้วพระไปเสือกอะไรกับเขาด้วย..!? ส่วนกระผม/อาตมภาพจะยินดีหรือไม่ยินดีกับเขาที่ไปผิดศีลข้อที่ ๓ ก็เกี่ยวอะไรกับท่านด้วย ? แล้วสิ่งที่ตัวเองรู้เห็นแล้วไปเที่ยวคาดคั้นคนอื่น ช่วยให้มรรคให้ผลของตัวเองเจริญขึ้นหรือเปล่า ? เพราะฉะนั้น..ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายขาดสติตรงนี้ ก็จะโดนจูงเตลิดเปิดเปิงไปเลย

ที่ผ่านมากระผม/อาตมภาพเสียดายอยู่หลายคน อย่างเช่นว่าทิดชาติชาย สมัยนั้นก็คืออดีตพระชาติชาย สุธมฺมธนปาโล ปฏิบัติธรรมแล้วทิพจักขุญาณแจ่มใสมาก แต่ว่าโดนหลอกจนหลงทาง ปฏิบัติแบบไม่กินไม่นอนเป็นเวลาต่อเนื่องกันทั้งวันทั้งคืนประมาณ ๒ เดือน ท่านทั้งหลายลองคิดดูว่าถ้าไม่มีกำลังสมาธิค้ำอยู่นี่เป็นคนทั่ว ๆ ไปก็คงจะตายไปแล้ว..!

หลังจากที่ทำเรื่องป่วนไปหมด กระผม/อาตมภาพก็จับส่งโรงพยาบาลศรีธัญญา โดยที่กำชับกับหมอว่า "ต้องดูแลให้ดีนะครับ เผลอเมื่อไรเขาหนีทันที..!" หมอยังพูดแบบไม่เชื่อถือว่า "ตั้งแต่ผมทำงานมา ยังไม่เคยเห็นคนไข้เก่งกว่าหมอเลย..!"

ปรากฏว่ารุ่งขึ้นโทรศัพท์มา บอกว่าคนไข้หายไปจากโรงพยาบาลแล้ว..! เนื่องเพราะว่าตั้งแต่ตอนที่เขาหนีไปซ่อนอยู่ในโบสถ์ เพื่อไม่ให้กระผม/อาตมภาพและญาติพี่น้องของเขาจับตัว แล้วพี่ชายก็พังประตูโบสถ์ที่เกาะพระฤๅษีเข้าไป ไอ้ทิดของเราซึ่งตอนนั้นเป็นพระเดิน ออกข้างฝาไปเฉย ๆ..! แล้วหมอมึงจะเก่งขนาดนั้นไหม ?

กระผม/อาตมภาพไปค้นในกุฏิของเขา เจอบันทึกที่เขียนทิ้งเอาไว้ มีอยู่วันหนึ่งก่อนที่จะวิปลาสไป เขาเขียนว่า "วันนี้พระมาบอกว่า วาระของมรรคผลมาถึงแล้ว ให้เร่งการปฏิบัติให้มากเข้าไว้ นักปฏิบัติธรรมที่ดีต้องกินน้อย นอนน้อย พูดน้อย ปฏิบัติให้มาก ยิ่งเร่งรัดตัวเองมากเท่าไร ก็ยิ่งมีผลมากเท่านั้น"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2024 เมื่อ 03:17
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 30 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #4  
เก่า 14-09-2024, 01:18
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พออ่านบันทึกตรงนี้กระผม/อาตมภาพถึงได้เข้าใจว่า ถึงเวลามารจะหลอกเรา เขาบอกความจริง "เกือบทั้งหมด" ถ้ากระผม/อาตมภาพให้ท่านทั้งหลายไปอ่านกันเอง รับประกันว่าเจ๊งแน่นอน..! เพราะเกือบทุกอย่างที่เขาบอกมานั้นใช่หมด ยกเว้นประโยคสุดท้ายที่บอกว่า "ยิ่งเร่งรัดมากเท่าไร ยิ่งได้ผลมากเท่านั้น" ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่..!

การปฏิบัติธรรมนั้นต้องทำพอดี พอเหมาะ พอควร ต้องเป็นมัชฌิมาปฏิปทา ซึ่งมัชฌิมาปฏิปทาของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับกำลังกาย กำลังใจ ตลอดจนกระทั่งบารมีที่สั่งสมมา ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งแบกข้าวสารได้ ๑๐๐ กิโลกรัม เราจะไปแบกได้เท่าเขา นั่นไม่ใช่ ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การรู้เห็นถ้าหากว่าเราขาดสติและขาดปัญญา จะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก..!

อีกรายหนึ่งก็เป็นไอ้ทิด แล้วขณะเดียวกันก็มีโยมที่ปฏิบัติธรรมอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นก็อยู่ที่เกาะพระฤๅษี พวกเขามาถามกระผม/อาตมภาพว่า "ไหนที่หลวงพ่อบอกว่า ถ้าหากว่าปฏิบัติธรรมถึงที่สุดแล้วต้องตายภายใน ๗ วัน พวกเขาทำได้มาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะตายเลย..!" ก็คือทั้งสองท่านนั้นปฏิบัติอยู่ในลักษณะที่ว่าดีมาก สามารถทรงฌาน ๔ ต่อเนื่องได้เป็นเดือน ๆ ไม่ต้องถึงฌาน ๔ หรอก แค่ปฐมฌานละเอียด ท่านทั้งหลายก็กด รัก โลภ โกรธ หลง ดับสนิทชั่วคราวได้อยู่แล้ว หลายท่านแค่เข้าถึงปฐมฌานละเอียดคิดว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ แล้วเจ้าสองตัวนั่นทรงฌาน ๔ ได้ มีหรือที่จะไม่คิดว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์ ?!

แล้วถ้าถามว่าปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ? สองคนไปมีลูก ๕ คน..! เพราะไปโดนหลอกว่า มีความสามารถขนาดนี้ควรที่จะช่วยเหลือทั้งพระพุทธศาสนาและโลกของเรา ด้วยการสร้างสุดยอดมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ ตอนนั้นยังไม่มี X-Men ยังไม่มีจักรวาลมาร์เวล แต่เขาโดนหลอกล่วงหน้าไปแล้ว ทั้งสองคนก็ไม่ได้คิดว่า
"ในเมื่อกูเป็นพระอรหันต์แล้ว ทำไมกูถึงต้องมาผลิตลูกอีก ?" ปัจจุบันก็เลยต้องเลี้ยงลูก ๕ คน หน้ามืดตาลายไป แล้วก็ยังไม่เห็นว่าไอ้มนุษย์พันธุ์ใหม่ทั้ง ๕ คนจะช่วยอะไรโลกได้เลย..!

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าวิปลาส ก็คือ
ความเข้าใจผิด ความหลงผิด ไปเชื่อในนิมิตที่ตนเองเห็น โดยทั่ว ๆ ไปส่วนหนึ่งก็คือเห็นตัวเลข เห็นแล้วถ้าหากว่าไม่ซื้อไม่หา ไม่สนใจ ก็จะออกตรงตามนั้น แต่ถ้าหากว่าท่านซื้อเมื่อไร จากประสบการณ์ของกระผม/อาตมภาพเอง ซื้อ ๓ ตัวจะมาแค่ ๒ ซื้อ ๒ ตัวจะมาแค่ ๑ ถ้าหากว่าเห็น ๑ ตัวแล้วซื้อไม่มาเลย..! ก็คือกวนตีนเราเล่นอย่างนั้น..! แต่กระผม/อาตมภาพเห็นหนักกว่านั้นอีก เห็นครบรางวัลที่ ๑ ทุกตัวเลย เพียงแต่หาซื้อไม่ได้ ถ้าให้รางวัลมาอื่นก็อาจจะหลงตามไปเหมือนกัน..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2024 เมื่อ 03:22
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
  #5  
เก่า 14-09-2024, 01:25
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 32,387
ได้ให้อนุโมทนา: 157,933
ได้รับอนุโมทนา 4,479,545 ครั้ง ใน 35,996 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

การที่หลายต่อหลายท่านเราจะเห็นว่าเขาให้หวยแม่นมาก แต่ได้ไม่กี่งวด เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่าเรื่องออกสื่อเมื่อไร คนจำนวนมากจะซื้อตาม แล้วแต่ละคนนั้นกำลังของบุญของทานไม่เท่ากัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ภาษารุ่นเก่าเขาเรียกว่า "ตัวเลขจะเคลื่อน" ก็คือจะไม่ตรงกับที่รู้เห็นมา แล้วตัวเองยิ่งไปตะเกียกตะกาย จะให้รู้เห็นเหมือนเก่า ท้ายที่สุดก็วิชาเสื่อมหมด

ดังนั้น..เรื่องพวกนี้จึงเป็นเรื่องที่พวกเราพึงสังวรเอาไว้ว่า การรู้เห็นนั้นไม่แน่ว่าจะเป็นของดี เพราะว่าส่วนหนึ่งเราไม่สามารถที่จะทำใจให้ไม่สนใจกับนิมิตได้ แล้วนิมิตนี่ก็เป็นเรื่องที่ต้องบอกว่าอัศจรรย์ คือเรายิ่งไม่สนใจก็จะยิ่งชัดเจนมาก ถ้าหากว่าจำเป็นต้องสนใจก็อย่าเพิ่งเชื่อถือตามนั้น

โดยเฉพาะใครที่ฝึกมโนมยิทธิมา กระผม/อาตมภาพมีประสบการณ์โหดที่บอกต่อพวกเราอยู่บ่อย ๆ ว่า เรื่องที่ ๑ ถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่ ๒ จะถูกตามนั้น เรื่องที่ ๑ เรื่องที่ ๒ ถูกต้อง อย่าเพิ่งเชื่อว่าเรื่องที่ ๓ จะถูกตามนั้น รับรู้เอาไว้ด้วยความเคารพ ถ้าเป็นไปตามนิมิตก็ขอบคุณที่ท่านอุตส่าห์เมตตามาทำให้เห็น ถ้าหากว่าไม่ถูกไม่ต้องอะไรเลย ก็เป็นเรื่องปกติ หลับตาอยู่จะไปรู้เห็นอะไรได้ ?

เพียงแต่ว่าเสียดายที่ท่านหมื่นซึ่งก่อนหน้านี้อยู่กับพวกเรา ก็คือเป็นผู้ที่ตั้งใจปฏิบัติธรรม ท่านเคยขอไปอยู่กับหลวงพ่อปานฑบที่สำนักสงฆ์ธรรมปีติ ที่พุล่อมาแล้วรอบหนึ่ง กระผม/อาตมภาพบอกว่า "ไปได้เลย แล้วไม่ต้องกลับมา" ท่านคิดอย่างไรก็ไม่รู้ ? กลับมาใหม่อีกรอบหนึ่ง แต่ปรากฏว่าพอส่งไปฝึกพระวิปัสสนาจารย์ ก็หายเงียบไปเลยโดยไม่บอกไม่กล่าว แล้วอยู่ ๆ ก็ติดต่อกลับมาพร้อมกับเรื่องปวดกะโหลกที่เกิดขึ้น

เมื่อไอ้ตัวเล็กส่งข้อมูลมากมายมหาศาลมาให้ว่าท่านออกในทำนองเพี้ยน ๆ ก็คือใช้คำว่า "อย่ามายุ่งกับผมอีก" เขาไปยุ่งกับท่านตอนไหนก็ไม่รู้ ? กระผม/อาตมภาพก็เลยรำคาญบล็อกไปเลย ถ้าหากว่ามาที่ไลน์ของใครก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2024 เมื่อ 03:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา
ตอบ


ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 1 คน ( เป็นสมาชิก 0 คน และ บุคคลทั่วไป 1 คน )
 
คำสั่งเพิ่มเติม

กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 22:59



ค้นหาในเว็บวัดท่าขนุน

เว็บวัดท่าขนุน Powered by vBulletin
Copyright © 2000-2010 Jelsoft Enterprises Limited.
ความคิดเห็นส่วนตัวทุก ๆ ข้อความในเว็บบอร์ดนี้ สงวนสิทธิ์เฉพาะเจ้าของข้อความ ไม่อนุญาตให้คัดลอกออกไปเผยแพร่ นอกจากจะได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของข้อความอย่างชัดเจนดีแล้ว